อย่างที่ทราบข่าวกันไปนะครับ ว่าคืนวันที่ 8 พฤศจิกายน 2018 เรือฟริเกต HNoMS Helge Ingstad ของกองทัพเรือนอร์เวย์ ได้โดนเข้ากับเรือนำมัน Sola TS รายละเอียดทั่วไปผมข้อข้ามไปเลยแล้วกัน ไปดูรายละเอียดไม่ทั่วไปกันดีกว่า
เวลาเกิดเหตุคือตี 4 กับอีก 10 นาที HNoMS Helge Ingstad กลับมาจากการฝึกร่วมรบกับนาโต้ และอยู่ระหว่างการฝึกซ้อมเดินเรือตอนกลางคืน เรดาร์ของ Sola TS ที่กำลังจะแล่นออกทะเลลึก ตรวจเจอเรือพิเกตแต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเรือรบ ขณะเดียวกันเรือฟริเกตก็มองเห็นเรือนำมันขนาดเล็กกว่าของจริงมาก
ในบริเวณนั้นมีเรือเล็กอยู่อีก 4-5 ลำด้วยกัน เรียกว่าการจราจรค่อนข้างวุ่นวาย การติดต่อสื่อสารระหว่างกันค่อนข้างสับสน ประกอบกับพื้นที่แล่นเรือ 2 เลนค่อนข้างแคบ ตอนที่เรือโดนกัน Sola TS ใช้ความเร็ว 6.5 น๊อต ส่วน HNoMS Helge Ingstad เพิ่มจาก 6-9 น๊อตเป็น 17,5 น๊อต แล้วเรือทั้งสองลำก็โดนกัน
หลังเกิดเหตุจนมีคำสั่งให้อพยพลูกเรือทุกคน กินเวลาไม่เกิน 15 นาที เพราะฉะนั้นการโดนกันน่าจะมีน้ำรั่วเข้าไปในเรือจำนวนมาก
เรือน้ำมันไม่เป็นอะไรมากข้ามไปเถอะ เรือฟริเกตโดนเข้าที่กลางลำค่อนไปท้ายเรือ เริ่มจากห้องตอร์ปิโดไปจนถึงโรงเก็บอากาศยาน เหมือนจะไม่มากแต่หนักมาก
หลังเกิดเหตุเรือถูกแล่นเข้ามาเกยตื้น อพยพลูกเรือออกไปทั้งหมด ให้เรือลากจูงจำนวน 3 ลำดันเรือฟริเกตเข้าหาชายฝั่ง เพื่อที่วางท้องเรือไว้บนโขดหิน จนทำให้เรือมีการเอียง 45 องศา ตอนนี้มีการผูกเรือไว้กับชายฝั่งอย่างดี รอเวลาที่จะเคลื่อนออกไปในอีก 1-2 วันนี้แหละ ประเมินค่าซ่อมเรือน่าจะประมาณ 400-500 ล้านเหรียญ แต่ถ้านอร์เวย์ไม่ซ่อมจะทำให้ประสิทธิภาพกองทัพเรือหายไป 20 เปอร์เซ็นต์ เพราะพวกเขามีเรือฟริเกตชั้นนี้จำนวน 5 ลำ การประเมินคงทำหลังจากกู้เรือไปแล้ว
HNoMS Helge Ingstad ถูกออกแบบให้มีกระดูกงู 2 ชั้น (double keel design) พื้นที่ใต้ท้องเรือจะแข็งแรงกว่าเรือพาณิชย์ทั่วไป แต่นั่นคือสิ่งที่อยู่ในการออกแบบ และนี่คือผลการทดสอบของจริง ที่ไม่ใช้สลิงไม่ใช่ตัวแสดงแทน ต้องรอดูกันอีกทีว่าเรือสเปนทำผลงานได้ดีมากน้อยแค่ไหน
งานอีกหนึ่งชิ้นก่อนย้ายเรือก็คือ 'กำจัดน้ำมันทุกชนิดบนเรือซึ่งมีจำนวนมากเสียก่อน'
ประเด็นสุดท้ายก็คือ เรือลำนี้หนักเรดาร์ค่อนข้างมาก หนักอิ๊อ๋ายอะไรทำนองนี้ จึงมีส่วนในหลายๆ เรื่อง ทั้งการบังคับเรือ มุมเลี้ยว รวมทั้งอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรือเอียง
บอกก่อนนะครับว่ายังไม่มีรายงานที่ขัดเจน ผมแค่ตามลายแทงเพื่อนชาวนอร์เวย์อีกที
เรือฟริเกตวิ่งเข้ามาช่วงแรกไม่ได้เปิดวิทยุด้วยซ้ำ และน่าจะมีแค่เรดาร์เดินเรือที่ทำงาน ด้วยว่าอยู่ในช่่วงการฝึกเดินเรือกลางคืนโดยไม่เปิดเผยตัวหรือเปล่า อันนี้ทางนาโต้เข้าให้ข้อมูลมาประมาณนี้ เริอฟริเกต มองเห็น เรือน้ำมันมีขนาดเล็กกว่าเดิม ด้วยว่าจุดติดตั้งไฟให้สัญญาณสีเขียวกับแดงทั้งสองฝั่ง อยู่ในจุดที่ไม่เหมาะสมเขาว่ามาประมาณนี้ ไม่รู้คำแก้ตัวไหม
เรือนำมันใช้สิทธิความเป็นเรือใหญ่ เลือกเส้นทางที่ดีที่สุดที่อันตรายน้อยที่สุด โดยไม่รู้ว่าอีกฝั่งเป็นเรือฟริเกต
เรือฟริเกตใช้สิทธิ์เป็นเรือรบ เลือกเส้นทางที่ดีที่สุดที่อันตรายน้อยที่สุด โดยไม่รู้ว่าอีกฝั่งเป็นเรือขนาด 6 หมื่นตัน
สื่อในนอร์เวย์เขากำลังเล่นข่าวว่าเรือน้ำมันผิด ใช้เส้นทางผิด ตัดสินใจผิด ประมาณนี้
ตอนนี้เรือตั้งอยู่ในจุดปลอดภัยแล้ว สามารถส่งประดาน้ำเข้าไปตรวจสอบได้ถ้าอยากเข้า ที่ต้องใช้เรือเล็กดันเข้ามาจอดบนโขดหินเพราะเรื่องความปลอดภัยนี่แหละ
เรื่องน้ำเข้าเรือเนี่ย คนไทยบอกว่าเรียบร้อยทั้งลำแล้ว ปลดประจำการสถานเดียว แต่คนนอร์เวย์และยุโรปไม่คิดเหมือนเรานะครับ เขาเป็นห่วงเรื่องความเสียหายใต้น้ำมากกว่า ผมเองเคยแต่นั่งเรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ออกความเห็นแล้วกัน
การกู้เรือจะทำอย่างไรยังไม่ได้ชัดเจน แต่อร์เวย์มีเครนขนาด 800 ตันเตรียมพร้อมไว้แล้ว มีข่าวคืบหน้าจะแจ้งเป็นระยะ
จริงอย่างที่ว่าหล่ะครับ ............... ถ้าจะปลด แล้วทิ้งซากไว้ตรงนั้นเลย (ถอดเอาเฉพาะส่วนสำคัญกลับ) เชื่อว่า คงได้รับปฎิกริยาตอบกลับแบบไม่แฮปปี้ของผู้คนแถวนั้นพอสมควร............. ก็คงมีสองอย่างครับ ลากกลับมา หรือไม่ก็ ถอดชิ้นสำคัญ แล้วดันออกไปทำปะการังเทียม ซึ่งก็ไม่ง่ายนัก คงไม่ใช่แค่ใช้แบคโคหรือแทรคเตอร์ตันออกไปห้าเมตรเจ็ดเมตร อย่างน้อยก็ต้องเป็นกิโลๆ นั่นแหล่ะครับ..................... ท้ายสุดก็คงลากกลับมา จะซ่อมหรือทิ้งก็ว่ากันอีกเรีื่อง.................
ถ้ามองแบบสายกลางยาเขียวเน้นยิ้มแย้มสดชื่น.............. ปัญหาทุกอย่างจบลงที่ประกันครับ.................ดังนั้นถ้า อาการออกเป็นกลางๆ ไม่ถึงครึ่งควบลูก ฝั่งไหนมีประกันชั้นหนึ่งฝั่งนั้นรับเป็นคนผิด วินๆ แฮปปี้เกือบทุกฝ่าย................ จะมีฝ่ายเดียวหล่ะครับ บริษัทประกันคงเต้น อ็อฟบิต รุมบ้า ตามด้วยตะลุงเมดเล่ย์ไปเลย ............................
โดยส่วนดัวคิดว่า การชนรุนแรงครับ บางคนอาจคิดว่าเรือบอบบาง อ่อนไม่สมศักดิ์ศรีเรือ เอฟๆจีราคาแพง........แต่อย่าลืมว่า อีกฝ่ายระวางหกหมื่นตันนะครับ โมเมนตั้ม ไม่ธรรมดา และดูจากบาดแผลไม่ใช่ชนตรงๆ แต่เป็นบาดเข้าสีข้าง นึกไม่ออกให้คิดว่า ไอ้โจรห้าร้อยจับมีดทำครัวม้าลายยาวแปดนิ้วแบบเอาปลายออกนิ้วก้อย เดินประชิดด้านข้างเราแล้วดันกรีดเริ่มแต่สันหลังรูดมาสะเอวแล้วมาออกตรงสะดือนะครับ...............ต่อให้แข็งแรงเล่นกล้ามมีซิกส์แผ็ก โดนแบบนี้ ไส้หนีิ ออกมากองทั้งพวงเลยหล่ะครับ
ปัญหามันมีซ้ำซ้อนกว่านั้น นอร์เวย์มีเรือเร็วโจมตีอาวุธนำวิถี ซึ่งตัวเองเรียกว่าเรือคอร์เวตชั้น skjold ขนาด 274 ตันจำนวน 6 ลำ จรวดต่อสู้เรือรบถูกฝังไว้นะครับ เวลายิงค่อยยกท่อขึ้นมาแล้วปล่อย
ปํญหามีอยู่ว่า...รัฐบาลมีแผนจะปลดประจำการเรือชั้นนี้ทุกลำ แล้วใช้ F-35 ทำหน้าที่ในการโจมตีแทน น่าจะเริ่มลำแลกสักประมาณ 5-10 ปีนี้แหละ ทำให้อนาคตเหลือเรือรบอยู่แท้ๆ อยู่แค่เรือฟริเกต 5 ลำ เรือยามฝั่งก็มีแค่ปืนใหญ่กระบอกเดียวคงทำอะไรไม่ได้
เรือฟริเกต 5 ลำ ถ้าจำเป็นต้องเข้าซ่อมบำรุง 2 ลำ จะยังเรือปฏิบัติหน้าที่อีก 3 ลำ
เรือฟริเกต 4 ลำ ถ้าจำเป็นต้องเข้าซ่อมบำรุง 2 ลำ จะเรือปฏิบัติหน้าที่แค่เพียง 2 ลำ หืดจับเลยครับงานนี้
ฉะนั้นกองทัพเรือต้องนอนตีลังกาคิดแล้วล่ะ ว่าจะเอาทางไหนที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดในระยะยาว สิไปต่อหรือพอแค่นี้ ซื้อเรือใหม่รุ่นเดียวมาทดแทน ซ่อมให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิม รวมทั้งวิธีการกุู้เรือออกจากชายฝั่งด้วย
เราเคยเห็นเรือพิฆาตเมริกาขึ้นเรือบรรทุกลำแล่นกลับไปซ่อม นั่นเขาอยู่ในทะลลึกสามารถทำได้ ส่วนเรือลำนี้อยู่ชายฝั่งครับ แผลใต้น้ำสำคัญมากที่สุด เป็นตัวตัดสินว่าจะเอาอย่างไรกันต่อดี เพราะถ้าลากไปแล้วจมกลางทางก็ซวยอีก ที่สำคัญใกล้เคียงกันคือน้ำมันทั้งหมด ห้ามมีเหลือเด็ดขาดไม่งั้นซวยซ้ำซวยซ้อน
ล่าสุดเรือจมน้ำไปเยอะเลยครับ แทบจะมิดทั้งลำแล้ว
เวลาประมาณ 6 โมงเช้าที่นอร์เวย์ ลวดสลิงที่ขึงเรือติดกับชายฝั่งตามภาพข้างบน เกิดขาดขึ้นมาจำนวนหลายเส้น เรือจึงไหลไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วจมลงไปแทบจะมิดลำ จะเห็นได้ว่าเรือเอียงขวาน้อยลงกว่าเดิม
การดันเรือขึ้นมาจอดบนโขดหินนั้น เขาว่ากันว่าเพื่อที่จะถอดอุปกรณ์สำคัญบนเรือออกให้มากที่สุด เรดาร์ SPY-1 เรดาร์ตรวจการณ์ผิวน้ำ เรดาร์เดินเรือ เราดาร์ควบคุมการยิง ออปโทรนิคควบคุมกการยิง เสาสัญญาณสื่อสารทำนองนี้ บังเอิญว่าธรรมชาติไม่ยอมเล่นตามแผน เช้านี้เรือเลยจมแทบทั้งลำถอดอุปกรณ์ราคาแพงกันไม่ทัน เป็นการคาดเดาจากผู้เชี่ยวชาญนะครับไม่ใช่ผม ถ้าเป็นผมคงจะเดาอย่างเดียวไม่มีคาดแน่นอน
Clip ภาพถ่ายทางอากาศล่าสุดของวันที่ ๑๓ พ.ย. 2018 เวลา ๐๘๓๕ ตามเวลาท้องถิ่น ณ จุดที่เรือฟริเกต F313 KNM Helge Ingstad เกยตื้นครับ
(ไม่แน่ใจว่าพอถึงเดือนธันวาคม-มกราคมปีหน้า Fjord แถวนั้นจะเป็นทะเลน้ำแข็งหรือไม่)
R.I.P. ครับ
คลิปหน้าจอเรดาร์ในสถานที่เกิดเหตุ กับการติดต่อสื่อสารด้วยวิทยุระหว่างเรือสองลำครับ ต้นฉบับภาษาท้องถิ่นมีมาหลายวันแล้ว เพิ่งหาซับอังกฤษได้วันนี้ (จริงๆ ก็ลงหลายวันแล้ว) ดูๆ กันไปนะครับไม่รู้เจ้าของคลิปจะลบวันไหน
คร่าวๆ เหมือนที่บอกไปข้างต้น ร่องน้ำตรงนั้นมี 2 เลนซ้ายขวา เรือเล็กหลายลำวิ่งตามกันด้วยความเร็วต่ำที่เลนขวามือ เลนซ้ายมือมีเรือน้ำมันกับเรือฟริเกตแล่นสวนทางกัน โดยใช้ความเร็วค่อนข้างสูงกว่าเลนขวามือ
-เรดาร์ทั้งสองฝ่ายตรวจจับกันเจอ แต่เรดาร์ไม่ได้บอกชนิดและขนาดของเรือได้
-การคุยกันด้วยวิทยุไม่ชัดเจน ทั้งสองลำไม่่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเรืออะไรกันแน่
-การพิสูจน์ทราบด้วยสายตาทำไม่ได้ เพราะเป็นกลางคืนและสัญญาณไฟไม่เหมาะสม
-ทั้งสองลำไ่ม่มีใครยอมหลบเข้าหาชายฝั่ง เส้นทางตรงเข้าหากันทำมุมเฉียงเล็กน้อย
-ก่อนปะทะกันเหมือนทั้งสองลำจะหักหลบกันเล็กน้อย (ดูจากเส้นนำทาง ซึ่งเรือน้ำมันเลยไปแล้วจะหักหัวกลับคืน) เรือน้ำมันหักซ้ายเรือฟริเกตก็หักซ้าย แต่ไม่เพียงพอจึงมีการโดนกันตามที่ปรากฎ
-หลังการโดนกันเรือน้ำมันถึงเพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเรือรบ เรือฟริเกตก็คงเพิ่งรู้ในเวลาใกล้เคียงกัน
ส่วนตัวก็ยังไม่ทราบว่าใครผิดใครถูกอยู่ดี ต้องให้คนมีความรู้เรื่องการเดินเรือมาอธิบายนะครับ
มาถึงตรงนี้ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวบ้างนะครับ ผมเขียนจากความจำถ้าผิดค้านได้เลยนะ
นอร์เวย์เป็นประเทศส่งออกน้ำมันรายใหญ่ รายได้หลักก็มาจากน้ำมันนี่แหละ ฉะนั้นจะมีเรือน้ำมันขนาดหกหมื่นตันวิ่งเข้าออกตลอดเวลา เป็นอะไรที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี เห็นเรือน้ำมันแล่นออกไปหมายถึงเงินจะแล่นกลับคืนมา และเป็นอะไรที่ชำนาญการ เรือฟริเกตกับเรือน้ำมันวิ่งสวนกันทุกวันอยู่แล้ว ก็ไม่น่าจะเกิดเรื่องแบบนี้เนอะ
ทีนี้มาดูที่คลิปหลังสุดบ้าง ผมจำไม่ได้ว่าเรือน้ำมันติดธงชาติไหน แต่เสียงที่คุยกันเป็นภาษาท้องถิ่น นั่นแปลว่าคนคุมเรือน้ำมันในตอนเป็นคนนอร์เวย์ นั่นแปลว่าเขาอาจจะเป็นกัปตันเรือตัวจริง หรือเป็นคนนำร่องออกสู่ทะเลลึกก็ได้ เพราะเรือเพิ่งออกจากท่าเรือไม่กี่นาทีเอง ลัดเลาะไปตามชายฝั่งเห็นกันโต้งๆ
ย้อนกลับมาประเทศไทยเล็กน้อย เท่าที่ผมพอเคยเห็นผ่านตามาบ้าง เรือสินค้าลำใหญ่ของต่างชาติแล่นเข้ามาจอดในท่าเรือคลองเตย ซึ่งรองรับเรือขนาดใหญ่ได้ไม่เกิน 12,000 ตัน แต่ปรกติก็คงไม่ถึงหมื่นตันกระมังครับ ที่ผมเคยเห็นคือใช้กัปตันเรือคนไทยช่วยนำร่องให้ โดยการนั่งเรือเล็กไปเจอกันกลางทาง แล้วเสี่ยงตายปีนบันไดลิงขึ้นบนเรือใหญ่ เพื่อช่วยนำร่องเข้ามายังท่าเรือคลองเตยซึ่งมีร่องน้ำค่อนข้างแคบ กรณีของนอร์เวย์ก็น่าจะเหมือนกับบ้านเรา คือมีคนนอร์เวย์ช่วยนำร่องขาเข้าขาออก ถึงที่หมายแล้วค่อยถีบลงเรือบดพายกลับฝั่งเอาเอง
เพราะฉะนั้นความชำนาญการควรจะแบบประมาณว่า หลับตาข้างเดียวก็ยังแล่นเรือได้โดยไม่ไปโดนใคร และอันที่จริงควรจะรวมเรือฟริเกตเข้าไปด้วย ชาวไวกิ้งแล่นเรือเก่งกันทุกคนอยู่แล้ว จุดที่ทำให้อาจเกิดปัญหาก็คือ...
1การสื่อสารที่ไม่ชัดเจน ไม่รู้ว่าเรืออีกลำชื่ออะไร เป็นเรือแบบไหน ขนาดใหญ่โตแค่ไหน
2 ตรวจสอบด้วยสายตาก็ทำไม่ได้ ตรวจสอบด้วยอุปกรณ์ทันสมัยแบบที่คุณกบว่า เรือน้ำมันทำไม่ได้ แต่เรือฟริเกตทำได้ แต่ทำไมไม่ทำไม่ทราบเหมือนกัน
3 ตรงนี้เป็นจุดที่ค่อนข้างอันตราย อยู่ใกล้ชายฝั่งที่เป็นโขดหิน มีเรือวิ่งสวนกันตลอดเวลา มันสมควรจะระวังมากกว่านี้ไหม
4 อีกเรื่องที่เป็นประเด็นคือความเร็วเรือ เรือน้ำมันต้องเร่งแซงเรือเล็กจึงใช้ความเร็วมากกว่าเดิม แต่ตัวเองไม่ได้เผื่อเรื่องอันตรายถ้ามีเรือวิ่งสวน แล้วเรื่องเบรกไม่ต้องพูดถึงทำไม่ทันแน่นอน ส่วนเรือฟริเกตนั้น เอ่อ.... เป็นบ้านเราคงใช้คำว่าเปิดเลนพิเศษ ปรกติเขาอาจจะทำแบบนี้อยู่แล้วก็ได้ เพียงแต่คราวนี้ดันไม่รู้ว่าอีกลำหกหมื่นตัน ก็เลยเข้าช่องพิเศษได้แค่เกือบทัน
5 ไม่รู้เหมือนกันว่าเรือฟริเกตฝึกอะไรอยู่กันแน่ เข้าใจว่านาโต้ไม่ได้ซ้อมใหญ่แบบนี้มานาน แต่หลักสูตรมันอันตรายไปหน่อยไหม กำลังรบหายไปหนึ่งลำแล้วนะคุณ
โอเค ขออภัยทุกท่าน ............... ที่ตอบคอมเม้นต์ไปข้างบนนั้น ทำจากสมาร์ทโฟน จอมันเล็ก................. ทีนี้มาดูโน้ตบุค เห็นชัดขึ้น...........
เอาหล่ะทีนี้มาว่ากันใหม่ ในจอเรดาร์นั้น มีเรือในเหตุการณณ์ หกลำ สี่ลำกำลังแล่นขึ้นข้างบนด้วยมรรคาสองร่องน้ำ ร่องน้ำแรกด้านขวามือแล่นตามกันสามลำ อีกร่องหนึ่งด้านซ้ายมีเรือแล่นเดี่ยว ส่วนที่แล่นลงมา ลำนึงเล็กๆอยู่บนสุดแทบหลุดเฟลม ลำนั้นคงเล็กมากไม่อยู่ในร่องน้ำ แต่อีกลำที่ตรงดิ่งเข้ามาในทิศตรงข้ามกับร่องน้ำซ้ายนี่แหล่ะที่กำลังจะชน.............
บนจอโน้ตบุค เห็นตัวเลขและตัวหนังสือข้อมูลทุกลำ ยกเว้น ลำเดี่ยวที่กำลังแล่นลิ่วตรงมา จะเห็นว่าลำนี้มีแค่ข้อมูลความเร็ว (ซึ่งคือ ๑๗ น้อต) ........................ ตรงนี้ยอมรับว่าตอนแรกผมเข้าใจผิด คิดว่า ลำเดี่ยวนั้นคือเรือน้ำมัน ส่วนที่ตีคู่มากับสามลำนั้นเป็นฟรีเกต ซึ่งถ้าอย่างนั้น ฟรีเกตน่าจะผิดเต็มๆ.................
แต่ความจริงมิใช่ เรือน้ำมันต่างหากเป็นฝ่ายตีคู่ ............. ซึ่งตรงนี้ก็งงเหมือนกัน คือกฏสากลการเดินเรือนี่ เขาไม่มีแบ่งเลน ขาไปกับขากลับกันหรืออย่างไร (รถยนต์ยังมีซ้ายขวา เครื่องบินแบ่งที่สูงต่ำ)................
ด้วยดังนี้ คิดแบบสามัญสำนึกคนขับรถ ซึ่งชีวิตเคยขับเรือระวางสูงสุดแค่อีโปง มองว่า เรือน้ำมันก็มีส่วนผิด.............
แต่ก็มีข้อสงสัย.............. เรือน้ำมัวิทยุติดต่อ ทั้งหอบังคับการ(เค้าเรียกอย่างนี้หรือเปล่า) และพยายามติดต่อไปที่เรือเจ้าปัญหา แต่ก็เงียบ และดูเหมือนว่า ฝ่ายเรือน้ำมันจะคาดเดาได้ถูกด้วยว่าเรือที่กำลังตรงมาเป็นเรือรบชื่อ เฮลเก้ อิงสะแท่ด (เรียกงี้ถูกป่าวไม่รุ)...............เห็นได้จากมีความพยายามเรียกชื่อ " เฮลเก้ อิงสะแท่ด แคน ยูเฮียร์ มี๊ ??? "
หลังการชนเหมือน ฝ่ายฟริเกตคงตกใจ มีการตอบวิทยุ เล่าสถานะการณ์ และจำนวน ออนบอร์ด.....................
ท้ายสุด เลยนึกถึงเพลงโปรด ของศิลปินโปรด " ร้อด สจ๊วต " กับเพลง เซลิ่ง... โดยเฉพาะตรงท่อนสอง ที่ขึ้นว่า แข่น ยุ เฮียร์ มี ? ...... แค่น ยู เฮียร์ มี๊ ? ธรู้ เดอะ ด่ารค ไน่ท์ ฟ้าร์ ระเวย์ ..............................ถถถถถถถ
อ่อ โทษครับ เฮลเก้ ตอบวิทยุ มาก่อนชนเหมือนกัน แต่ช้าไปแล้ว