ที่มา เพจกัปตันนีโม
https://www.facebook.com/kapitaennem0/posts/1982815318441431?__xts__[0]=68.ARAO1OrX5sItMKEGF0hBSaabAf9UH1mFgKv2OqRF-c7tNUbcKBxMWFiP4n5UctWz61y75VdJ0jOeoLcvQxU1krv-UAuMrTztkXX-TKIw6Uqklru3OtuiXf2sL2GvieoHDrOPVZ1bXMrkwJ7LRCdbgsHmyBFGsQG2uMRJiN_4Iedq2mHZfY3N35A&__tn__=C-R
พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผบ.ทร. เป็นประธานในพิธีตัดแผ่นเหล็กเริ่มการสร้างเรือดำน้ำ S26T ที่อู่ต่อเรือ Wuchang Shipbuilding Industry Group เมือง Wuhan เมื่อวันที่ 4 ก.ย.61 โดยมี พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ว่าที่ ผบ.ทร. ร่วมพิธีด้วย โดยการสร้างเรือจะใช้เวลาประมาณ 5 ปี และมีกำหนดส่งมอบเรือในปลายปี 2566
ยินดีกับกองทัพเรือไทยด้วยนะครับ อีกแค่ 5 ปีผมจะได้วาดเรือดำน้ำลำที่ 3 เสียที ถ้าไม่โดนพ่อชาละวันของท่านนริสแซงคิวนะครับ ;)
เอ้าเฮ เริ่มสร้างแล้ว
จะชื่อเรืออะไรหนอ ต้องเป็นตัวละครที่มีฤทธิ์ทางน้ำใช่ไหมครับ
China cuts steel for Thailand’s first S26T submarine
https://www.janes.com/article/82745/china-cuts-steel-for-thailand-s-first-s26t-submarine
http://aagth1.blogspot.com/2018/09/s26t.html
ก่อนหน้านี้เมื่อปลายปีที่แล้วกองทัพเรือไทยได้มีการคณะกรรมการตรวจการจ้าง ผู้ควบคุมงาน และเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานสำหรับโครงการจัดหาเรือดำน้ำไปยังจีน
ซึ่งเข้าใจว่าจะเป็นดำเนินการประสานการทำงานกับจีนในส่วนการออกแบบรายละเอียด(Detail Design) และการออกแบบทางเทคนิค(Technical Design) ของเรือดำน้ำ S26T สำหรับกองทัพเรือไทย เป็นเวลา ๑ปีก่อนพิธีตัดแผ่นเหล็กแผ่นแรก
อย่างไรก็ตามช่วงระยะเวลาการสร้างเรือจนถึงการฝึกกำลังชุดรับเรืออีก ๕ปีข้างหน้านั้น ยังเป็นระยะเวลาที่นานพอที่จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงได้อีกมากครับ
โดยกองทัพเรือไทยเคยมีประสบการณ์สั่งต่อเรือจากต่างประเทศที่ปล่อยเรือลงน้ำแล้วแต่ประทศผู้สร้างเรือยึดรือไปใช้เองจนพอจบสงครามโลกครั้งที่สองจึงมีการจ่ายค่าเสียหายคืนให้ไทย
แต่ในกรณีเรือดำน้ำ S26T จากจีนนั้น ถ้าในอนาคตจะมีนโยบายใหม่ว่าจะยกเลิกโครงการไม่รับมอบเรือหรือหรือสั่งซื้อเรือให้ครบ ๓ลำแล้ว ไทยเราคงเป็นฝ่ายที่ต้องจ่ายค่าปรับให้กับจีนซึ่งจะสร้างความเสียหายด้านความน่าเชื่อถือของกองทัพเรือต่อนานาชาติอย่างมากครับ
ยินดีกับ ทร.ที่อนาคตอันไกล้จะใด้ใช้ของใหม่ ...
ตามที่เคยใด้คาดการณ์ใว้....ช้าๆใด้พร้าเล่มงาม...
cat
ลำที่ 1 คงไม่มีปัญหายกเลิก...เพราะ ผบ.ทร.คนใหม่...เป็นคน ดัน เอง กับมือ...ส่วน ลำที่ 2 หรือ ที่ 3 จะมาไหม...ผมว่า คงไม่ใช่ในระยะ 2 ปีนี้แน่...ซึ่งยังมีโอกาส ถูก ยกเลิก อยู่...(และผมภาวนาให้เป็นเช่นนั้น) ซึ่งคงอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า รัฐบาลใหม่ จะเป็นใคร...
ส่วน ลำที่ 1...แม้จะสร้างเสร็จ...เมื่อถึงเวลา แล้วทร.ไทย ไม่ต้องการ ก็อาจจะขายให้ประเทศอื่นก็น่าจะมีโอกาสอยู่ เช่น ปากีสถาน หรือ บังคลาเทศ หรืออื่นๆ...
โดยระหว่างรอลำที่ 1 เสร็จ....และไม่รู้ว่า จะเอาลำที่ 2 ต่อดีไหม...ทร. ก็อาจจะเริ่มโครงการ Midget Submarine ไปเรียบร้อยแล้วก็ได้...ฮ่าๆๆๆๆ...และอาจจะทิ้งระยะโครงการเรือดำน้ำ SSK ไปอีกสัก 10 ปี ค่อยคิดถึง เรือดำน้ำจีน ลำที่ 2....(เอามาจาก กรณี ร.ล.อ่างทอง ลำล่าสุด เริ่มจัดหา 2551 จนป่านนี้ 2561 ยังไม่มี วี่แวว ลำที่ 2 เลย...)
เอาเป็นว่าบัวไม่ช้ำ. น้ำไม่ให้ขุ่น. เรือดำต้ำจีนขอจบที่ 2 ลำเฝ้าอันดามัน. ส่วนฝั่งอ่าวไทยก็ดันโครงการ midget submarine ที่วิจัยเองแต่เทคโนโลยีอังกฤษ 3 ลำ.โดยโยกงบมาจากเรือลำที่3 ของจีน ด้วยเหตุผลการใช้งานเปลี่ยนแบบนี้ทางจีนน่าจะยอมรับได้ แต่อาจต้องมีเรือพี่เลี้ยงเรือดำน้ำจีน 1 ลำ เรือ LPD 1 ลำ ทดแทน
ส่วนตัวไม่ทราบข้อมูลว่า สำหรับการจัดหาอาวุธจากจีนนั้นเคยมีกรณีที่ประเทศลูกค้าสั่งซื้ออาวุธจากจีนแล้วภายหลังไม่มีการรับมอบหรือไม่
ซึ่งในกรณีเรือดำน้ำ S26T การที่กองทัพเรือไทยต้องทำตามนโยบายที่มีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ว่าจะไม่รับมอบเรือลำแรกที่มีการตัดแผ่นเหล็กไปแล้ว หรือไม่มีการสั่งจัดหาเรือลำที่สองและลำที่สาม หรือยกเลิกโครงการทั้งหมดไปเลย
ในกรณีนี้ทางไทยคงต้องเสียค่าปรับให้กับจีน เพราะไทยได้ทำลายความน่าเชื่อถือในฐานะลูกค้าเปิดตัวของเรือดำน้ำรุ่นส่งออกยุคใหม่จีน ซึ่งเป็นไปได้ที่ไทยจะเสียความน่าเชื่อถือในการจัดหาอาวุธครั้งต่อๆไปกับจีน
ถ้ามองในแง่ร้ายอย่างน้อย เรือดำน้ำ S26T ที่ตัดแผ่นเหล็กไปแล้วนั้น จะเป็นเรือดำน้ำลำเดียวของกองทัพเรือไทยซึ่งจะสร้างปัญหาในแง่ความคุ้มค่าในการใช้งานและการบำรุงรักษาอย่างมาก เหมือเรือดำน้ำชั้น Kilo จากรัสเซียของโปแลนด์และโรมาเนีย
ถ้ามองในแง่ร้ายอย่างมาก สุดท้ายกองทัพเรือไทยก็อาจจะไม่มีวันได้รับมอบเรือดำน้ำ S26T ที่ตัดแผ่นเหล็กไปแล้วเลยก็ได้ เพราะส่วนตัวยังเชื่อว่ามีกลุ่มเคลื่อนไหวที่ไม่ต้องการให้กองทัพเรือไทยมีเรือดำน้ำประจำการแม้แต่ลำเดียวไปชั่วกัลปาวสานอยู่ดีครับ
การซื้อขายเรือรบระหว่าง จีน กับ ไทย...เคยมีเหตุการณ์ ที่ ไทย ยกเลิกเรือชุดเจ้าพระยา ชุดแรก...ที่คุณภาพ ไม่สามารถยอมรับได้...จนต้องมีการเปลี่ยนแบบเรือมาเป็น ชุดเรือเจ้าพระยาในปัจจุบัน...
ประเทศไทย เคยเสียเครดิตจาก กรณียกเลิกสัญญาต่อเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ชุดแรก ที่เป็นการร่วมทุนระหว่างไทยกับต่างประเทศมาแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นผู้ชนะการประมูลและทำสัญญากันแล้ว....และต่อมามีเปิดการประมูลใหม่ ให้ต่างประเทศที่สนใจเข้าร่วม...จนได้มีผู้ชนะแบบ ได้คะแนนสูงสุดซึ่งเป็นฝั่งประเทศตะวันตก...แต่สุดท้าย รมว.กลาโหม ในขณะนั้น ก็ใช้การพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นประเด็นสำคัญ มากกว่าแบบเรือที่ได้ผู้ชนะ ดังนั้น แบบเรือประเทศจีน จึงได้รับเลือกแทน...ซึงก็คือ เรือชุดปัตตานี นั่นเอง...
และหลังจากนั้น ทร.ไทย ก็ไม่เคยจะมีใคร จะมองว่าเสียความน่าเชื่อถืออะไรกับประเทศไทย ก็ยังมีประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมประมูลตามปกติ...ทั้ง เรือ OPD เรือฟริเกตสมรรถนะสูง และโครงการเรือดำน้ำ (แม้จะอยู่ในสถานะรัฐบาลจากการรัฐประหาร)...
ผมจึงมองว่า โครงการเรือดำน้ำจีน ถ้าไทยจะไม่เดินต่อ หยุดที่ 1 ลำ ก็ไม่มีผลอะไรกับ ความน่าเชื่อถือของ ทร.ไทย ครับ...
ถ้าเรือชั้น Kilo จากประเทศรัสเซีย มีภาระการซ่อมบำรุงที่สูง ความสิ้นเปลืองในการปฏิบัติการสูง...เรือดำน้ำ จีน เอง ก็คงไม่แตกต่างกันเท่าไหร่...ซึ่ง เรือดำน้ำจีน ก็มีเพียงประเทศจีน ปากีสถาน และไทย เท่านั้นที่ใช้.... ดังนั้น อะไหล่ อุปกรณ์ทดแทนของเดิม ก็ขึ้นอยู่กับ ประเทศจีน จะเป็นผู้กำหนดราคาและให้บริการเท่านั้น...ประเทศไทย คงไม่สามารถจะไปหาอะไหล่จากแหล่งอื่นๆ หรือบริษัทผู้พัฒนาอื่นได้...
ยังไงเรือลำแรกก็ต้องรับมาใช้ครับ ส่วนลำที่2ก็คงต้องมี แต่จะเซ็นเมื่อไหร่ไม่รู้ ส่วนลำที่3อาจจะไม่ได้เกิด
ลำแรกได้รับแน่ๆและไม่มีทางขายให้ใครครับ ส่วนลำที่สองจะคลอดก็ต้องเสนอให้ ครม. อนุมัติครับเพราะเราซื้อทีละลำ ไม่ได้ซื้อแบบเหมายกชุด ส่วนไอ้การหาเสียงของนักการเมืองพรรคหนึ่งนั้นอย่าไปสนใจเลยครับ ไร้สาระ ส่วน midget sub เป็นแค่งานวิจัยครับ จะได้ไปต่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ที่น่าจับตาต่อจากนี้คือการบริหารงบของ ทร. มากกว่าครับในช่วงเรือผิวน้ำหลายลำรอปลด ท่าจีนลำที่สองจะมาไหม opv ลำที่ 5 ที่6 จะเกิดไหม เมื่องบเทไปกับเรือ ส. เกือบหมด แบบนี้ครับ
โครงการ Midget Submarine หรืออาจจะเป็นกระโดดข้ามเป็น mini submarine...ผมมอง แนวโน้มว่า อนาคต ทร. น่าจะให้ความสนใจมากกว่าการศึกษาวิจัยเบื้องต้น...
จากการที่ ทร. สนใจ เครื่องบิน N-219 จำนวนมากของ อินโดนีเซีย...รวมถึง CN-235 ด้วยเช่นกัน....
โอกาส แนวโน้ม ความร่วมมือระหว่าง ไทย - อินโดฯ ผมว่ามีอยู่สูง
ปัจจุบัน อินโดฯ ก้าวข้ามการศึกษาและวิจัย โครงการ Midget Submarine ไปสู่ ขั้นตอน โครงการผลิต mini submarine แล้ว โดยมีข่าวความร่วมมือระหว่าง อินโด + TKMS + เกาหลีใต้...
ซึ่งคิดว่า โครงการ Mini Submarine ของ อินโดฯ ถ้าสามารถจะเกิดขึ้นได้จริง กลุ่มประเทศเป้าหมายของ อินโดฯ คงไม่พ้น ประเทศไทย กับ ฟิลิปปินส์...
ดังนั้น โอกาส ความร่วมมือที่ ไทย กับ อินโดฯ อาจจะพัฒนาร่วมในเบื้องต้นสำหรับ Midget Submarine น่าจะเกิดขึ้นได้สูง เท่ากับ ไทย กระโดดข้ามการวิจัยเบื้องต้น ไปสัก 1 ก้าว...แต่อาจจะยังไม่ถึงขั้น เป็น Mini Submarine...ซึ่ง อินโดฯ เอง ก็น่าจะสามารถมีอู่เรือ รองรับการวิจัย และการผลิตได้ ถ้าเกิดมีโครงการร่วมมือกันเกิดขึ้น...
ลองมาแจกแจงรายละเอียดการใช้งบประมาณโครงการเรือดำน้ำของกองทัพเรือไทยดังนี้ครับ
๑.กองทัพเรือไทยขออนุมัติงบประมาณผูกพันโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ๓ลำวงเงิน ๓๖,๐๐๐ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ ๑๑ปี ซึ่งเป็นงบประมาณในส่วนกองทัพเรือไทยเอง
๒.กองทัพเรือไทยลงนามสัญญาจัดหาเรือดำน้ำ S26T จากจีนลำแรกวงเงิน ๑๓,๕๐๐ล้านบาท งบประมาณผูกพันระยะเวลาดำเนินการ ๖ปี ในปี พ.ศ.๒๕๖๐ โดยรัฐบาลในขณะนั้นอนุมัติ
๓.ฉะนั้นจึงเหลืองบประมาณอีก ๒๒,๕๐๐ล้านบาทที่รอการจัดตั้งโครงการจัดหาเรือดำน้ำ S26T ลำที่๒ และลำที่๓ ภายใน ๑๐ปีข้างหน้า(นับจากปี พ.ศ.๒๕๖๑)
๔.โครงการจัดหาเรือดำน้ำ S26T ลำที่๒ ยังไม่ได้มีการจัดตั้งโครงการในตอนนี้ ซึ่งต้องมีการเริ่มขั้นตอน การทำร่างสัญญา และเสนอให้รัฐบาลอนุมัติใหม่
๕.ไทยและจีนไม่ได้มีสัญญาที่ลงนามบังคับไว้ว่า หลังจากสั่งสร้างเรือดำน้ำ S26T ลำที่๑ แล้วจะต้องมีการสั่งสร้างลำที่๒ และลำที่๓ ตามมาแต่อย่างใด
๖.นั่นหมายความว่ารัฐบาลใหม่ในอนาคตอาจจะไม่อนุมัติโครงการจัดหาเรือดำน้ำ S26T ลำที่๒ แก่กองทัพเรือก็ได้
๗.เช่นเดียวกันถ้ากองทัพเรือจะตั้งโครงการจัดหาเรือดำน้ำแบบใหม่หรือโครงการอื่น ก็ต้องไปจัดทำตามขั้นตอนใหม่ ซึ่งรัฐบาลชุดใหม่อาจจะไม่อนุมัติเช่นกัน
สรุปคือกองทัพเรือไทยได้สั่งจัดหาเรือดำน้ำ S26T ๑ลำ งบประมาณผูกพันวงเงิน ๑๓,๕๐๐ล้านบาท ซึ่งมีพันธะต้องจ่ายเงินให้ครบตามสัญญาในแต่ละปีงบประมาณ แล้วจะได้รับมอบเรือดำน้ำลำแรก
ซึ่งการสั่งจัดหาเรือดำน้ำ S26T ลำที่๒ และลำที่๓ วงเงินรวม ๒๒,๕๐๐ล้านบาท อาจจะไม่เกิดขึ้นถ้ารัฐบาลใหม่ในอนาคตไม่อนุมัติครับ
อย่าไปคิดอะไรมาก ครับ ถ้าต่อออกมาแล้วใช้ดี ไม่ถึงกับเทพแต่อย่างน้อยให้เรือปลอดภัยขั้นสูงสุดได้ก็พอใจแล้วเพราะ ต้องการสันติภาพไม่ใช่สงคราม ถ้าดีผมว่าลําที่ 2 กับ3 ของจีนตามมาและอาจประชาสัมพันธ์ ให้ประเทศอื่นมาซื้อเรือดํานํ้าจีนก็ได้ครับ ลองเทียบ s-26tกับ A26 Oceannic หน่อยติดใจมากมีอะไรหลายอย่างที่คล้าย s-26t เช่นมีขนาด 3000ตันใหญ่เทียบ s-26t กับวิ่งได้ 10000ไมล์ทะเล ขณะที่ s-26t ทําได้ 8000ไมล์ทะเล http://aagth1.blogspot.com/2017/09/saab-a26.html
ส่วนเรื่องรัฐบาลใหม่ ผมว่าให้ดูตอนนี้ด้วยนะครับว่าตอนนี้ สว 250คนมีสิทธิเลือกนายก ได้ถ้าประยุทธ์มา ตอนนั้นเขาคงต้องอยู่รับผิดชอบเรือดํานํ้าที่ต่อมา แน่นอนถ้าดีเขาได้หน้าถ้าห่วยนายกประยุทธคงรับกรรมไปเอง
Where Is the New China-Thailand Submarine Deal Headed?
While incremental inroads continue to be made, much is still uncertain
https://thediplomat.com/2018/09/where-is-the-new-china-thailand-submarine-deal-headed/
ความไม่แน่นอนในอนาคตของโครงการจัดหาเรือดำน้ำ S26T จีนของกองทัพเรือไทยก็มีการวิเคราะห์ในสื่อต่างประเทศครับ
สำหรับผมอยากให้ครบ 3 ลำ จากจีนก่อน
อนาคตหลังจากนั้นค่อยว่ากัน
โครงการนี้ มันแปลกๆ มาตั้งแต่ต้น ตั้งงบมาสามหมื่นล้าน เรือสองลำ แต่จีนให้ 3 ลำ เลยชนะไป ...แรงผลักดันสูงมาก จนตัวเก็งต้องหลบให้ก่อน จีนน่าจะมาลำเดียว ต่อไป คงเป็นคิวของเกาหลีใต้