หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


เอสเตอร์ 15 และกระจอกทะเลวิวัตร ก็เมื่อมันดีอย่างนี้ แล้วพวกหนูยังต้องการ ซีไอดับบลิวเอส เพื่ออะไร

โดยคุณ : กบ เมื่อวันที่ : 18/09/2018 20:13:50

ภัยคุกคามทางอากาศเป็นอัตรายแก่กองเรือ  การป้องกันตัวที่ดีที่สุดคืออย่าให้อากาศยานบินเข้าใกล้  ตลอดสี่สิบปีที่ผ่านมา อเมริกา มีจรวดแสตนดาร์ดทำหน้าที่เป็นปรากรด่านแรก   ด้วยระยะยิงไกลกว่า 100 กม. ทำให้มันเป็นอาวุธหลักในการป้องกันน่านฟ้าเป็นบริเวณให้แก่กองเรือ  แต่ด้วยเทคโนโลยี่ยังต่ำ อาวุธหลักตัวนี้ ยังมีจุดอ่อนในการป้องกันเป้าที่บินต่ำ   ซึ่งถ้าเราให้ปริมาตรครึ่งวงกลมเป็นรัศมีการยิง สัดส่วนของปริมาตรด้านล่างซึ่งอับมุมยิง จะมีปริมาตรมากตามขนาดของทรงกลมนั้น  ประกอบกับอาวุธที่มีรัศมีการยิงไกล จะมีขนาดใหญ่ แม้จะโคจรได้เร็ว แต่ห้วงวิถีโคจรเริ่มแรกหรือใกล้ๆ อาวุธปล่อยและเชื้อเพลิงจะมีน้ำหนักมากไม่คล่องแคล่ว

 เพื่อเติมเต็มช่องว่างดังกล่าว ศาสตร์การป้องกันภัยทางอากาศจึง ใช้งานร่วมกันของอาวุธปล่อยที่มีพิสัยลดหลั่นลงไป  เช่น อวป พ-อ พิสัยไกล สแตนดาร์ด รับมือที่ระยะ 100 - 25 กม.   ซีสแปโร่ว์ 25 - 2 กม.   และปราการด่านสุดท้าย ซีไอดับบลิวเอส 2 กม.ลงมา      แต่ตำรามาตรฐานนี้ได้ถูกเปลี่ยนแปลงลง  เมื่อการเข้ามาครั้งแรกของเรือลาดตะเวนเอจีส ชั้นติคอนเดอโรก้า ครั้งแรก  เนื่องจากความสุดยอดของเรดาร์เฟสอาเรย์สมรรถนะสูง ที่เคลมว่า สามารถตรวจจับเป้าขนาดลูกบาสเก็ตบอลได้ในระยะมากกว่าร้อยกิโลเมตร  ฝ่ายวางแผนเชื่อมั่นว่า จะไม่มีเป้าหมายใดเล็ดรอดผ่านสายตาเข้ามาในระยะใกล้ลงได้  ทร.อเมริกา จึงตัดสินใจ ตัด อวป.พิสัยใกล้ออกไป สำหรับแบบเรือ ลว.ชุดใหม่นี้   คงเหลือเพียง จรวดสแตนดาร์ด ในภารกิจสกัดเป้าทางอากาศที่ระยะใกล้โพ้น   เพราะเชื่อว่า อากาศยานรบของข้าศึกหมดโอกาสจะบินเข้าหา หรือแม้จะปล่อยอาวุธนำวิถีเข้าใส่

 การตัดสินใจนี้เป็นความผิดครั้งใหญ่ จนนำไปสู่โศกนาถกรรม  เมื่อวันหนึ่งในน่านน้ำตะวันออกกลางท่ามกลางภาวะตึงเครียด   เครื่องบินโดยสารลำหนึ่งได้บินผ่านเขตห้ามบินมุ่งตรงเข้าหาขบวนเรือ    เรือรบเอจีสมูลค่าพันล้านจับเป้าได้ และได้วิทยุแจ้งเตือนไปยังเครื่องบินลำนั้นหลายครั้ง แต่ทว่าไม่ได้รับการตอบรับ   เครื่องบินเจ้ากรรมยังคงถือเข็มมุ่งหน้าเข้าหาจนเข้าสู่รัศมีใกล้สุดที่จรวดแสตนดาร์ดจะใช้ยิงได้    ถ้าหากเข้ามาใกล้มากกว่านี้ อาวุธที่เหลือจะมีแต่ ปืน มาร์ค 45 ขนาด 5 นิ้ว  และอาวุธป้องกันตัวเอง ฟาแลงซ์ เท่านั้นที่จะใช้ต่อกรได้    ผบ.เรือไม่มีทางเลือก จึงตัดสินใจยิงป้องกันตนเอง และผลที่ออกมาคือแจ็คผ็อท  สแตนดาร์ดแม่นเป๊ะราวจับวาง สมกับมูลค่าระบบไฮเทคติดตั้งบนเรือราคาพันล้านเหรียญ  ทว่ากลายเป็นฝันร้าย เพราะอากาศยานลำนั้นเป็นเครื่องบินโดยสารที่มีผู้โดยสารมาด้วยเต็มลำ ......................................... จากเหตุการณ์นั้น ทำให้อเมริกาต้องกลับมาทบทวนและหันเข้าหาหลักนิยมเดิม คือติดตั้งระบบอาวุธให้สามารถรับมือได้เป็นวงชั้นๆ  เหตุนี้จึงมีการติดตั้งอาวุธปล่อยพิสัย ปานกลาง – ใกล้เข้าไป ในเรือรุ่นหลัง.........................

 

วิวัฒนาการอิเลคทรอนิคก้าวหน้ามากขึ้น   ระบบควบคุมการยิง เข้าสู่ยุคเกือบอัตโนมัติ ประกอบกับ ความแม่นยำของระบบนำวิถี ซึ่งสามารถแทร็คกิ้งและล็อคเป้าด้วยตัวของมันเองได้ แม้เป้าจะโคจรในลักษณะต่ำเตี้ยแทบจะเรียดน้ำ   .............................. หากเราพิจารณา อวป. พิสัย ใกล้ – ปานกลาง 2 แบบ คือ เอสเตอร์ 15  และ กระจอกทะเลวิวัตร ด้วยระยะยิง 30 และ 50 กม.ตามลำดับ    หากคำนวณระยะยิงเป็นครึ่งสเฟียร์ จะเห็นว่า มีปริมาตรมากถึง (4/3 พายอาร์กำลัง3)   14,000 และ 65,000 ลูกบาศก์กิโลเมตร  ตามลำดับ (จริงแล้วที่ระดับต่ำระยะยิงอาจใกล้กว่านี้  และที่มุมสูงคงไปไม่ถึง 50 กม. เพราะจะออกนอกโลกไปโน่น)  โดยเฉพาะ กระจอกทะเลวิวัตร สามารถประกาศได้ว่า เป็น อวป. ที่สามารถป้องกันกองเรือได้เป็นบริเวณอย่างแท้จริง .....................................   ความวิเศษของเจ้า อวป.ทั้งสองยังมีดี ที่สามารถสอยเป้าบินเรียดน้ำได้ในแบบที่ว่า ไม่มีจรวดเซมิแอคถีฟรุ่นไหนสามารถทำได้ ยกเว้นพวกที่นำวิถีด้วยอินฟาเรตเช่น มิสทรั่ล หรือ ซีแรม ...................................

 

และนี่เองจึงเป็นเหตุผลที่ว่า  สุดยอดนางพญาในละแวกอาเซี่ยน ประเภท เอฟๆจี  อย่าง ฟอร์มิดาเบิ้ล  และ ชุดนเรศวร   ทำไมจึงไม่ติด ซีไอดับบลิวเอส      ............................... ก็จรวดมันดีอย่างนี้นี่เอง  หล่อนเลยไม่ต้องการปราการด่านสุดท้ายไว้เพื่อการปกป้องอีกต่อไป........................





ความคิดเห็นที่ 1


เอสเตอร์  ยึกยักซ้ายขวา  อย่าหวังว่าจะรอดจากเราไปได้

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 26/08/2018 00:02:50


ความคิดเห็นที่ 2


ขออภัย  ปริมาตร สเฟียร์ ลืมหารสอง  จร้า..................................... สันฐานจริงของปริมาตรพิสัยยิง ไม่น่าจะกลมเหมือนทรงครึ่งกะลา   แต่มันน่าจะเหมือน หน้าอกสาวสะพรั่งขณะนอนหงาย   คือจะเป็นโดมทรงต่ำหน่อยๆ.......(อันนี้จรวดดี   ถ้าจรวดไม่ดีจะเป็นคุณยาย  คือทรงย้อย ไหลไปจักกะแร้ จ้า)................  เหตุผลง่ายๆ คือ  การยิงขึ้นทางดิ่งใช้พลังงานในการเอาชนะแรงดึงดูดมากกว่า  พิสัยยิงจึงต้องน้อยกว่า การยิงทางราบ หรือมุมต่ำ

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 26/08/2018 00:04:31


ความคิดเห็นที่ 3


กระจอกทะเลวิวัฒน์ บอกว่า  เราเจ๋ง    สูงต่ำเรารับได้หมด  มาโล่ด...... บ่อยั่น.............

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 26/08/2018 00:12:56


ความคิดเห็นที่ 4


เออ นเรศวร ที่ไม่มี ciws เพราะไม่มีพื้นที่จะติดแล้ว  แถม ทร. ไม่มีงบหรือเปล่าครับ เอาง่ายๆ นเรศวร ควบคุม essm ได้ 2 เป้าๆละ สองนัด สมมุติโดน อวป.ยิงมา สี่นัด พร้อมๆกัน แถมมาคนละแบริ่ง  สะกัดไม่ทันแน่ๆ  ไม่มี ciws เป็นด่านสุดท้ายของท่านชายนี่มีลำบากครับ จะเหลือแต่พวก solf kill ล้วนๆ เลยล่ะครับ  การมี ciws อย่างน้อยก็เป็นด่านอีกชั้นก่อนถึงเรือนะครับ เออ ถ้าแบบ มีเรดาห์เทพๆ ยิงซัลโว essm ได้เป็น สิบ ยี่สิบเป้า ก็ว่าไปอย่างครับ

โดยคุณ ausangi เมื่อวันที่ 27/08/2018 15:06:58


ความคิดเห็นที่ 5


ฟังคล้ายว่า ปืนฟาแลงซ์กระบอกเดียว สังหารลูกเรียดได้ สี่เป้า คนละทิศพร้อมๆกันเลยประม่ณนั้นครับ....???
โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 27/08/2018 17:09:30


ความคิดเห็นที่ 6


ฟาแลงซ์ระยะยิงหวังผล สองกิโลเมตร อวป โคจรช่วงสุดท้าย 1 กม. ใช้เวลา ประมาณ สี่วินาที ถ้ามาพร้อมกันสองลูก ต้องใช้เวลาจัดการลูกละ สี่วินาที ในสถานการจริง ต้องบอกว่า เทพของโคตรเทพเลยครับ ลูกที่สองนี่อาจมาระเบิดตรงปากลำกล้องพอดี 555555
โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 27/08/2018 17:16:54


ความคิดเห็นที่ 7


ไม่ใช่แบบนั้นครับตีกลมๆว่าessmสกัดได้สองนัดส่วนอีกสองหลุดเข้ามาอย่างน้อยๆก็ยังมีฟาลังค์ หรือซีแรมสกัดก่อนมันต้องโดนสักลูกสิน่าที่เหลืออีกนัดก็เป็นหน้าที่ของพวกsolf kill ไปสิครับซึ่งนเรศวรด้วยข้อจำกัดของระบบ คคย.และเรดาห์การสกัดอวป.สี่นัดด้วยessm เพียวๆน่าจะหืดจับครับ ส่วนเฟอร์มิดมันยิงซัลโวได้โอกาสสกัดได้น่าจะยังมีเยอะกว่านเรศวรนะครับแม้ว่าระยะยิงมันจะสั้นกว่าก็เถอะโ€‹ ปล.ถ้านเรศวรเปลี่ยนessm เป็นตัวบล็อคสองนี่ก็ไม่แน่ครับอาจสกัดได้หมด หรือยกตัวอย่างเรือท่าจีนหากตัว4A ทำได้ตามที่โฆษณาโ€‹ การซัลโวด้วยโ€‹ essmต่อโ€‹ อวป.หลายๆเป้าก็สามาถทำได้มากขึ้นเช่นกันครับและหากยังหลุดเข้ามาอีกอย่างน้อยก็มีฟาลังค์และโ€‹ solf kill ต่างๆเป็นด่านสุดท้าย
โดยคุณ ausangi เมื่อวันที่ 27/08/2018 19:25:07


ความคิดเห็นที่ 8


ก็จริงครับ ถ้ามีก็คงดีกว่าแน่ๆ....
โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 27/08/2018 19:46:31


ความคิดเห็นที่ 9


ต้องลุ้นนะครัย ว่า รล.ท่าจีนของเรามี ฟาแลงซ์มาด้วยหรือเปล่า ตามสเปคที่แจ้งตอนแรกบอกว่ามี ในสัญญาระบุจัดหารวมด้วยหรือไม่อันนี้ไม่ทราบ กลัวจเป็นเหมือน หนูเล็กชุดรัตนโกสินทร์ ที่ไม่ได้ฟาลังซ์ แต่ได้ ดาเก้ มาแทนครับ...... ว่าไปแล้ว กรณีเป้าลวง ตามโปรแกรมการม้อด เรือชุด นเรศวร นี่ก็มี มาม่า เหมือนกันนะครับ แต่แรกว่าจะจัดหาที่หมุนส่ายมาได้ อาจจะเหมือนของ ฟอมิดาเบิ้ล หรือ ดาเก้ ทำนองนี้ แต่สุดท้ายก็อย่างที่ทราบ เป็นว่า เอฟๆจี ทั้งพี่สิง และ ทร.ไทย ฝากความอยู่รอดจาก อวป. ด้วย แซม อีซีเอ็ม ทั้งภาคส่ง และภาครับ (เป้าลวง) โดยไม่มี ซีไอดับบลิวเอส....... ซึ่ง อีซีเอ็ม ที่ติดเรือมาแต่เดิม น่าจะเป็นของจีน แต่การม้อด น่าจะเปลี่ยนไปแล้ว แหม่ ถ้า เป้าลวงเราได้แบบสิงคโปร์ จะดีไม่น้อยครับ

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 27/08/2018 20:02:04


ความคิดเห็นที่ 10


ท่าจีนฟาลังค์มาแน่ๆครับโ€‹ เสียดายคือแอสร็อคมากกว่าครับที่ไม่ได้มาด้วยไม่งั้นใต้น้ำไม่กลัวใครเลยล่ะครับในย่านนี้
โดยคุณ ausangi เมื่อวันที่ 27/08/2018 20:41:17


ความคิดเห็นที่ 11


สเปคเดียวกับ เปอรี่ ไงครับ อย่างน้อยก็มีโซนาร์ลากท้าย สุขสมอารมณ์หมาย ท่านซุเปอร์บอยหล่ะ.....
โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 27/08/2018 20:50:03


ความคิดเห็นที่ 12


ผมถามกลับด้านกันนะครับ การยิง อวป. 4 ลูกเข้าใส่เรือลำเดียว สามารถทำได้โดย บ. ลำเดียวหรือไม่ครับ ถ้า "ใช่" ก็น่าคิดว่า จะป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับตัวเรือได้อย่างไร

แต่ถ้า "ไม่ใช่" การจะกระทำเช่นนี้ ต้องใช้ บ. มากกว่า 1 ลำ เท่ากับว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของการ รุมกินโต๊ะ ทางแก้คือ อย่าเอาเรือลำเดียวออกไปล่อเป้า

ใช่แบบนี้หรือเปล่าครับ

โดยคุณ Naris เมื่อวันที่ 29/08/2018 10:48:21


ความคิดเห็นที่ 13


ในทางปฏิบัติ การยิง อวป. มาจาก 4 ทิศทางพร้อมๆกัน เข้าใส่กองเรือที่แห่ไปเป็นขบวนบวชนาคนั้นเป็นไปได้ยากครับ............. ที่รับฟังตอนต้นคือ มองในตรรกที่อาจเกิดขึ้น .....  แต่อย่าลืมว่า การเคลื่นอที่ของกำลังรบ จะมีเรื่องแนว(รบ) ที่ต้องพิจารณาด้วยนะครับ รบไม่มีแนว ก็เหมือนออกไปเต้นรูดเสากลางสนามฟุตบอล ให้ข้าศึกที่ซุ่มอยู่รอบๆรุมยิงเอาสิครับ  การจัดแนวรบที่ดี จะได้อำนาจการยิงที่สูง มีการป้องกันให้แก่กัน  ที่สำคัญ ส่วนสนับสนุนสามารถส่งมาถึงได้...............กองเรือแล่นไปในทะเล เครื่องบินๆออกจากฝั่ง ถ้า ผบ. สั่งหมู่เรือรบให้ถือเข็มเข้าไปในพิสัยบินของข้าศึก ที่มีแผ่นดินอยู่สี่ทิศ ก็ร้องเพลงขอใจแลกเบอร์โทร ของหญิงลีรอแจ็คผ็อตได้เลย  ภาษาทหาร แนวรบ สี่ด้าน เขาเรียกตกอยู่ในวงล้อมครับ...............

 

 

อย่าลืมว่า พิสัยตรวจการณ์ของเรดาร์ตรวจจับวัตถุบินเรียดน้ำ มีระยะที่เส้นขอบฟ้าหรือประมาณ 20 กม. การบินเข้าโจมตีกองเรือ นักบินต้องบินต่ำหลบเรดาร์มาตั้งแต่หลายสิบหรือเป็นร้อยกิโล แหล่ะครับ จากนั้นจึงป้อบอัพขึ้นสูงเพื่อใช้เรดาร์ล็อคป้อนข้อมูลให้ระบบนำวิถี จังหวะนั้นเรดาร์เรือก็ต้องจับเป้าได้.. แต่อนุมาณว่า เรดาร์เรือคงล็อคเป้าได้ไม่นาน เครื่องบินก็ปล่อย อวป. และมุดต่ำบ่ายหัวกลับแล้ว (เรือแล่นช้า ระบบนำทางแบบแรงเฉื่อย พอหวังผลได้).................นั่นแหล่ะครับ ลูกจรวดพ้นขอบฟ้ามาที่ 20 กม. เรดาร์เรือจึงจะเห็นอีกที่  คราวนี้ก็มีเวลา 80 วินาทีก่อนถูกจรวดอิมแผ็คท......................

 

ในทางปฏิบัติ กล้าล้วงคอเข้าไปถึงดงอสรพิษขนาดนั้นคงไม่ไปเดี่ยวหรอกครับ แล่นไป 2 ลำ เหลื่อมกันระยะเคียงสัก 20 กม. ระยะต่อเท่าๆกัน ก็ได้อำนาจการยิงเหลือล้นแล้วครับ........................

 

ผมขอเวลา แปร้บครับ เด๋วจะมาอธิบา  ยจรวด แอคถีฟโฮมมิ่ง คคกย. ด้วยเรดาร์แบบต่างๆ ผลดี เป็นยังไง  แปร้บสัก คืนนึงนะครับ....

 

กรณีศึกษาครับ................ในทางยุทธวิธีนั้น การจัดหมู่เรือจะมีเรือฉาก เป็นไข่ขาว เรือทรงคุณค่าเป็นไข่แดง.....................ในสงครามฟอลคแลนด์  อาเจนตินาร์ส่ง ซูแปร์เอตองดาร์ดบินมาไกลมาก  เป้าหมายคือถล่มเรือบรรทุกเครื่องบินอังกฤษด้วย อวป..........แต่เนื่องจาก กองเรืออังกฤษ มีเรือป้องกันภัยทางอากาศพฆิาตแบบ 42 เป็นเสี้ยนหนาม .................... ซูแปร์เอตองดาร์ด ที่บินมาไกล จึงส่องเป้าพิถีพิถันนักไม่ได้  ต้องรีบป้อปอัพ ปล่อยอาวุธและดำลงเพื่อหลีกหลบแซมที่จะสวนขึ้นมา..........  เอ็มๆ-39 ในยุคนั้นเชื่อว่าพิสัยยิงคงไม่มากนัก  อาจจะพอๆกับรุ่น 38  คือไม่เกิน 50 กม. (ถ้าจำผิดขออภัย)  ที่ระยะแค่ 50 กม.   เครื่องบิน สองลำ ปล่อย อวป 2 ลูก คนละทิศทาง เป้าที่ล็อคไว้คื่อเรือบรรทุกบ.   แต่ผลการยิงแบบฉับพลันคือ ลูกหนึ่งตกทะเลไร้จุดหมาย  อีกลูก แฉล่บไปโดนเรือฉาก คือ พิฆาต 42 .........  ในทางขวัญกำลังใจถือว่าได้ผล   ทร.ผู้ดี ว้ายกรี๊ดกันสลบ   แต่ในทางยุทธวิธี หรือคุณค่าทางยุทธการ ถือว่าล้มเหลวครับ เพราะตลอดสงคราม ฝรั่งเศสแอบส่ง เจ้าปลาบินให้อาเจนติน่าแค่ 6 - 7 ลูก ปล่อยไป 2 เหลือ 5  ไม่สามารถจมนางพญาได้ มิหนำซ้ำ ไก่ตื่นยกเล้า   ไก่ทั้งฝูงบินถอยออกไปอีกลี้  คราวนี้ เอตองดาร์ดสุดเอื้อมเลย เพราะไปไม่ถึง................... จะเห็นว่า การยิงอาวุธปล่อยไม่ใช่เรื่องง่ายๆครับ  เพราะฉนั้น ไอ้เรื่องจะยิงตั้งแต่ 180 กม  ชนิดยิงแล้วลืม แล้วหวังผลว่ามันจะเข้าเป้าเต็มร้อย  อันนี้ก็คงไม่ใช่ครับ  อย่าลืมว่า 180 กม. หรือ 12 นาทีที่โคจรนั้น จรวดต้องผ่านอะไรมั่ง ที่สำคัญ   มันไกลกว่า เรดาร์ คคกย. ของตัวเองจะนำทางให้ได้  ถ้าไม่มีลิ้งค์  หวังระบบแรงเฉี่อยอย่างเดียว คงยากครับ........................

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 29/08/2018 16:04:49


ความคิดเห็นที่ 14


ที่ผมเคยอ่านเจอ อาร์เจนได้เอตองดาร์เฟสแรก 5 ลำ พร้อมจรวด 5 ลูก พอประกาศสงครามฝรั่งเศสจึงแบนทันที โดยการไม่ส่งเจ้าหน้าที่มาฝึกสอนการติดตั้งและใช้งานจรวดบนเครื่องบิน อาร์เจนก็เลยต้องทำเองทั้งหมด

 

ต้องบอกก่อนนะครับว่า อังกฤษ-ฝรั่งเศส-อเมริกา นี่คือ 3 ชาติที่เกาะกันหนืบยิ่งกว่ากาวตราช้าง มีคนพยายามยุให้ 3 ประเทศนี้แตกกันมาแล้วหลายหมื่นครั้ง ผลก็คือวอร์ซอหายไปแล้ว โซเวียตหายไปแล้ว ตอนนี้รัสเซียยิ่งใหญ่มากเฉพาะติ่งไทยเท่านั้น ถึงเวลาที่จะต้องเลือก อังกฤษ-ฝรั่งเศส-อเมริกา จะเลือกข้างเดียวกันทุกครั้ง เพียงแต่เวลาสงบก็ต้องตีกันเองบ้างแหละ

 

กลับมาที่สงครามต่อ เหตุการณ์ยิงจรวดเอ็กโซเซต์นัดแรกที่โด่งดังไปทั่วโลก อาร์เจนใช้เครื่องบินตรวจการณ์มาบินสำรวจกองเรืออังกฤษ ทำเป็นว่ามาดูแถวเรือตัวเองที่โดนเรือดำน้ำอังกฤษยิงจม ได้ข้อมูลแล้วทำการส่งแบบไม่ระบุเป้าหมายออกไป ไม่อย่างนั้นตัวเองจะโดยซีดาร์ทเล่นงาน เอตองดาร์ได้ข้อมูลมายังไงลืมไปแล้ว แต่ได้ข้อมูลคร่าวๆ มาแล้วว่าข้างหน้าที่เรือกี่ลำอยู่ตรงไหนบ้าง เพียงแต่มันไม่ได้บอกว่าจุดนี้เรือชื่ออะไร (อันนี้มันจะเทพไป) ถึงจุดเครื่องบิน 2 ลำจึงบินขึ้นสูง เลือกเป้าหมายแล้วกดปุ่มยิงจรวดทั้ง 2 ลูก วิ่งไปไหนไม่ทราบ 1 ลูก ส่วนอีกนัดเข้ากลางลำ Type-42 

 

ปัญหามีอยู่ว่า... ถ้านักบินซึ่งเก่งขนาดเป็นจ่าฝูง เสียเวลาคิดในการเลือกเป้าอีกสัก 10 วินาที เรือลำแรกที่จมก็คือเรือธงของอังกฤษนั่นแหละครับ เพราะขนาดเรือบนหน้าจอเรดาร์ก็พอจะบ่งบอกได้ เป็นโอกาสทองฝังเพชรครั้งแรกและครั้งเดียว เป็นจุดเปลี่ยนของสงครามครั้งนี้ก็ว่าได้ บังเอิญว่ามือใหม่หัดยิงเลือกส่งเดชไปแบบนั้นเอง ยิงเสร็จก็รีบชิ่งกลับบ้านกลัวปิดลับไม่มิดอะไรทำนองนี้

 

โดยคุณ superboy เมื่อวันที่ 29/08/2018 23:15:33


ความคิดเห็นที่ 15


      จะยิง ASM ใส่เรือลำเดียว 4 ลูกด้วยเครื่องบินลำเดียวได้หรือไม่ ผมว่าน่าจะได้นะครับ เพราะ เครื่อง Navy หลายรุ่นก็แบก AGM-84 ได้สี่ลูกเป็นเรื่องธรรมดา ตั้งแต่ A-6 ยัน F-18  ส่วนเรื่องการนำทางให้อาวุธก็ไม่เห็นต้องสนใจยิ่งมีเรือแค่ลำเดียวยิ่งสบายเพราะมันเป็นจรวด  Fire and forget ยิงแล้วลืม มันหาเป้าด้วยตัวเองอยู่แล้ว กดซัลโวสี่ลูกได้สบายๆ โดนไม่โดนหรือมันจะเลี้ยวไปหาเรือประมงที่ไหนค่อยว่ากันอีกที 555

โดยคุณ GT500 เมื่อวันที่ 31/08/2018 15:53:36


ความคิดเห็นที่ 16


คือกรณีนี้ ท่านที่ตั้งโจทย์มา น่าจะหมายถึง 4 ทิศ ในเวลาพร้อมกันครับ คือมันป้องกันยาก ถ้าทิศเดียว ทะยอยมา อันนี้น้องบอกว่ารับได้ทุกลูก เสียวทุกอัน ขอแค่มาตามคิว........ ส่วนกรณีการนำวิถีนั้น ถ้าเป็น เรือยิงใส่เครื่องบิน ไม่มีทางยิงแล้วลืมครับ จะต้องปูพรมตามส่งให้ จนกว่าเรดาร์ในโหมดแอคถีฟจะแทรคเป้าได้ ยกเว้นในโหมดหนึ่ง ซึ่งหลับตากดใส่ได้เลย จรวดจะแทร็คสิ่งที่จับได้เป็นอันแรก เค้าเรียก บอร์ไซจท์โหมด แต่ใช้ได้เฉพราะข้าศึกดาหน้าเข้ามาเยอะๆครับ ...... แต่กรณีจรวดยิงเรือ อาจยิงแล้วลืมได้ เพราะเรือแล่นช้า ในระยะที่ไม่ไกลมากข้อมูลอัพเดทไม่จำเป็นต้องต่อเนื่อง ส่องแล้วยิง ลีมได้เลย แต่การปล่อยสี่ลูก ออกตามกัน เครื่องบินก็ต้องดีดขึ้นสูง เสียเวลาเล็งให้แม่นถึงสี่ลูก (ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะปล่อย สองหรือสี่ลูกพร้อมกันเหมือน อ-อ) เชื่อขนมกินว่า โดนแซมสวน จมไปเป็นปะการังเทียมเป็นเพื่อนรถถังปราบเรือดำน้ำแน่นอนครับ
โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 31/08/2018 20:06:45


ความคิดเห็นที่ 17


กรณีฟอล์คแลนด์ถ้าสมัยนั้นอังกฤษมีciws น่าจะมีโอกาสรอดนะครับเพราะอวป.หลุดเข้ามาในระยะที่จรวดนำวิถียิงไม่ได้แล้ว ส่วนตัวการมีciws มีดีกว่าไม่มีนะครับอย่างน้อยก็เพิ่มทางเลือกในการอยู่รอดได้อีกช่องทางแถมอวป.สมัยใหม่ก็ทันสมัยมากขึ้นโขเลยรวมถึงการยิงอวป.ต่อเรือเป้าหมายปรกติเค้าก็ยิงกันสองนัดต่อเป้าเป็นอย่างน้อยแถมคนละแบริ่งแน่ๆทำให้การป้องกันก็ยากตามขึ้นไปอีกนะครับ
โดยคุณ ausangi เมื่อวันที่ 01/09/2018 15:13:19


ความคิดเห็นที่ 18


ตอนนี้มีอยู่ในบูมประวัติศาสตร์การต่อสู้นะครับ................. คือ เอ-4  ทิ้งระเบิดโดนฟรีเกต  แต่ระเบิดด้าน.................... ความพยายามจะเก็บกู้ แต่เจ้ากรรมดันระเบิดตอนเช้า..................บูม...มมมมมมมม    ผลก็คือ เดี้ยงครับ............

 

ฟรีเกต แบบ 21   (ซึ่งตอนนี้ยังใช้งานโดยปากีสถาน)    มีอาวุธลูกสั้นพอต่อกรได้ นั่นคือ จรวด ซีแคต ............... จรวดนี้เหมือนที่ติดบนเรือหลวง มกุฏราชกุมาร................. ระบบ คคกย. จะเป็นแบบ จรวดโบลว์ไป๊ป์ และ อาร์บีเอส-70  ที่ ทอ.ใช้ คือ ไลน์ ออฟ ไซจท์   พลยิงต้องเล็งตามตลอดครับ

 

ปฏิบัติการครั้งนี้ ใช้เครื่องบิน เอ-4  4ลำ   สร้างความเสียหายให้เรือใด้ 1 หรืออาจจะ 2 ลำ ................ เอ-4 โดนยิงตก 1 ลำ    กลับมาได้ 3    แต่มายางแตกตอนร่อนลง เนื่องจากมีระเบิด 2000 ปอนด์ที่ไม่ได้ทิ้งติดมาด้วย  นักบินดีดตัวแต่ล้มเหลว..................   นี่ถ้าเป็นที่ ปากเซ   ปากซ่อง  คณะเรา ต้องเอาระเบิดไปทิ้งกลางป่า ก่อนบินกลับฐาน  เพราะสนามบินที่นั่นไม่ต้อนรับการกลับมาขณะมีระเบิดห้อยอยู่ติดท้อง.................สายส่งไฟฟ้าที่เคยเข้าไปทำ  ผ่านดงกาแฟ มีแต่หลุมระเบิด..................

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 02/09/2018 08:58:01


ความคิดเห็นที่ 19


ถ้าพูดถึงความคลาสสิค ต้องบอกว่า ผู้ดีนี่เขาซึมเข้ากระดูกครับ...... เมื่อเทียบกับอเมริกา ต้องบอกว่ามองต่างมุมกันจริงๆ........ สังเกตุจากเกมส์ลูกหนังสิครับ แต่ไหนแต่ไร กรรมการตัดสินเป็นเด็ดขาด ตัดสินผิดถูกก็เป็นไปตามเกม พึ่งจะมามีดูกล้องย้อนหลังกันก็เมื่อเร็วๆนี้แหล่ะ......... อีกประเด็นนึงที่สำคัญคือ ผู้ดีเคยคัดค้านการขาย ซุแปร์เอตองดาร์และเอ็กโซเซ่ต์ของฝรั่งเศส มาตลอด จนก่อนสงครามเริ่มต้น ปรากฏว่า อาวุธบางส่วนถูกส่งไปแล้วเรียบร้อย ผู้ดีเตรียมตัวไม่ทันครับ....
โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 01/09/2018 16:08:29


ความคิดเห็นที่ 20


เรื่องอังกฤษคัดค้านนี่...ผลประโยชน์ต่างตอบแทนหรือเปล่าครับ เพราะอังกฤษเองก็ขายเรือพิฆาตต่อสู้อากาศยาน Type-42 ให้กับอาเจนตินา โดยอาเจนได้ลำแรกหลังอังกฤษได้ลำแรกแค่ปีเดียว ทั้งยังมีข่าวพัวพันเรื่องขายแฮริเออร์ให้ด้วย โชคร้ายไม่มีเงินซื้อเลยอดได้

ที่สำคัญอาเจนใช้เรือพิฆาต Type-42 ของตนเอง ให้เครื่องบินซ้อมเข้าโจมจากจุดบอดที่ตนเองรู้ดียิ่งกว่าใคร ทั้งเรดาร์ทั้งจรวดซีดาร์ทอาเจนมีเหมือนกันเลย จึงเกิดกรณีคลาสสิกเครื่องบินทิ้งระเบิดใส่กองเรืออังกฤษ เรือรบจมไปอีกหลายลำหาใช่เอ็กโซเซ่ต์ น่าจะเป็นชาติสุดท้ายแล้วล่ะครับที่ทำแบบนี้ได้ A-4 สุดยอดขวัญของผมตีตั๋วเที่ยวเดียวต่างหาก

 

เสียดายแผนส่งเครื่องบินจากเรือบรรทุกเครื่องบินอาเจนถูกยกเลิก เพราะลมไม่แรงพอที่จะส่งอากาศยานบรรทุกระเบิดขึ้นสู่ท้องฟ้า ไม่อย่างนั้นมีอะไรมากกว่านี้ เพราะเป็นแผนแรกก่อนยิงเอ็กโซเซ่ต์ ทหารอาเจนยังสดอยู่ ส่วนทหารอังกฤษยังเหวออยู่

 

 

โดยคุณ superboy เมื่อวันที่ 01/09/2018 19:25:06


ความคิดเห็นที่ 21


อังกฤษ เหวอแน่นอนครับงานนี้............... คือตามที่ทราบ ก่อนสงครามอังกฤษทราบดีว่า ฝรั่งเศสได้ส่งมอบซูแปร์ เอตองดาร์ด ล็อตแรกให้อาเจนติน่า พร้อม เอ็มๆ 39 จำนวนหนึ่งซึ่งไม่มากนัก ................ การนี้ อังกฤษได้ร้องขอให้ฝรังเศสหยุดส่งล็อตที่เหลือทั้งหมด ทั้งนี้สำหรับชุดที่ส่งมอบไปแล้ว ให้ฝรั่งเศสยุติการช่วยเหลือประกอบและติดตั้ง และเรียกกลับทีมงานทั้งหมดโดยทันที................

 

ฝรั่งเศสรับปาก............แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้นครับ    ปรากฏว่า มีทีมประกอบติดตั้งทีมเล็กๆ แอบเข้าไปให้การช่วยเหลือให้เจ้าปลาบินใช้การได้  แถมมีการเทรนการใช้งานให้เสร็จสรรพ    ด้านอังกฤษยังคงนิ่งนอนใจ เพราะเชื่อว่าพันธ์มิตรอันแน่นแฟ้นของนาโต้ จะไม่ทำการอะไรที่เหมือนเป็นการหักหลัง........................  ด้วยเหตุนี้ กองเรืออังกฤษจึงมั่นใจครับ  ว่าภัยคุกคามจาก อวป คงไม่เกิดขึ้นแน่ๆ  ถึงย่ามใจ ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าไปถึงรัศมีทำการของเอตองดาร์ด...................

 

อาวุธปล่อยสองลูกนั้น เป็นจุดชี้ขาดของสงครามจริงๆครับ.................. คำว่าโอกาสทองฝังเพชร ของท่านซุเปอร์บอย เป็นวลีที่เห็นภาพจริงๆ ..................  แต่นั่นหล่ะครับ   ต้องบอกว่า สำหรับ อาเจนติน่า กับ เจ้าปลาบิน  มันเป็นของใหม่มากๆ ใหม่จริงๆครับ    ซ้อมกันไม่กี่ที ก็เล่นกันสดๆเลย......................ผลก็อย่างที่ทราบ......

 

ส่วนเรื่องเรือบรรทุกเครื่องบินลำเดียวของอาเจนนั้น...... มีต่อ...

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 01/09/2018 20:34:19


ความคิดเห็นที่ 22


ว่ากันตามหน้าไพ่    อาเจนไม่กล้าเอามาเล่นครับ................   เพราะทันทีที่ เรือบรรทุก บ. บ่ายหน้าเข้าหากองเรืออังกฤษกลางทะเล  (กองเรืออังกฤษแบ่งเป็นสองส่วน สวนหน้าลอยลำใกล้ๆเกาะ ชุดนั้นที่โดน เอ-4 จวกด้วยระเบิด  กับอีกส่วน คือกองเรือบรรทุก บ.  ซึ่งถอยออกห่างจากรัศมี เอตองดาร์ดแล้ว หลังจากเหวอพักใหญ่จากการโจมตีของปลาบิน )    เรือบรรทุก บ. ลำนี้ก็จะโดน เรือดำน้ำ เล่นงานในทันที เหมือนที่เรือบัญชาการยกพล บันกาโน่ โดนโจมตีจมลงขณะลำเลียงทหารและยุทโธปกรณ์มาส่งที่เกาะในช่วงต้นงสงคราม ......... 

(เกาะฟอลคแลนด์ อยู่ไกลจากอาเจนติน่า   ทร. อังกฤษ ส่งกองเรือเข้ามาปิดล้อมเกาะนี้ไว้ โดยมี เรือบรรทุก บ. และ ซีแฮริเออร์ เอฟ-1 ติดเรดาร์บลูฟอกซ์กับไซด์ไวเดอร์ ในการครองอากาศ      ฝ่ายอาร์เจนติน่า มีนาวิกโยธินรักษาเกาะ ในสภาพขาดการส่งกำลังบำรุง   เรือสนับสนุนถูกจมโดย เรือดำน้ำ    อาวุธสามารถทำการต่อกรกับกองเรืออังกฤษได้มีเพียงอากาศยานขับไล่ ซึ่งต้องบินมาไกลจากแผ่นดินใหญ่).......มีต่อ

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 01/09/2018 20:43:36


ความคิดเห็นที่ 23


อาเจนติน่า  เสียโอกาสทองฝังเพชร ไปตั้งแต่พลาดการโจมเรือบรรทุก บ. อังกฤษ   เพราะถ้าจรวดแค่ 1 ใน 2 ลูก โดนเป้าตามที่วางแผน  แม้เรือธงจะไม่จม หากเสียหายถึงขั้นต้องถอยกลับเข้าอู่ซ่อม  อันนี้ กองเรืออังกฤษ จะถูกลดทอนการครองอากาศเหนือยุทธบริเวณไปโดยทันที    คราวนี้แหละ  อาเจนติน่า อาจพลิกสถานการรบขึ้นมาได้ แม้ว่าเกาะจะถูกปิดล้อมโดยกองเรือข้าศึกจนไม่สามารถส่งกำลังสนับสนุนขึ้นไปได้   แต่หากไม่มี ซีแฮริเอร์ เป็นเสี้ยนหนาม  การโจมตีทางอากาศสนับสนุนการรบก็จะทำได้อย่างต่อเนื่อง  งานนี้เซียนบนล็อคมีพลิกแน่นอนครับ..............

 

ครับ  เมื่อ จมเรือธงไม่ได้  แถมไก่ตื่น ถอยห่างออกไป  ลักษณะนี้อาจลดเวลาปฎิบัติภารกิจของแฮริเออร์ลงไปบ้าง เพราะต้องเสียน้ำมันจากพิสัยบินเพิ่มขึ้น  แต่การครองอากาศก็ยังทำได้  แฮริเออร์ยังยิง มิราจ ของข้าศึกด้วยไซด์ไวน์เดอร์ตกอย่างเป็นล่ำเป็นสัน..............    งานนี้ อาเยนติน่า รู้แล้วว่า ตกเป็นรองทุกกระบวนท่า    แต่เหตุการณ์ก็บังคับให้เล่นตามหน้าไพ่     นั่นก็คือ   ต้องหาทางเจาะ กองเรือส่วนหน้าของข้าศึกที่ล้อมเกาะอยู่นั้นให้แตก  เพื่อให้เรือส่งกำลังบำรุงของตนเข้าเกาะให้ได้.................... นั่นแหล่ะครับ   เราจึงได้เห็น ยุทธลีลา แบบคลาสสิค  นั่นก็คือ เอ-4 บินเรียดต่ำแหวกดงกระสุน ทิ้งบอมกองเรือเหมือนในสงครามโลกยังไงยังงั้น.................

 

จุดประสงค์ของการทิ้งบอม คือต้องการขับไล่กองเรือนี้ให้แตก มีช่องโหว่ให้จงได้.................   ฝ่ายอังกฤเอง เมื่อประเมินศักยภาพตัวเองแล้ว ต้องบอกว่า เป็นการลอยลำปิดล้อม ในสถานการณ์ที่เสี่ยงเป็นที่สุด   แต่ยังไงก็ถอยออกจากตรงนั้นไม่ได้...................   ประกอบกับอย่างที่ว่าครับ    ก่อนหน้านี้ ดันจูบปากแลกขี้ฟันกันซะดังจ๊วบจ๊าบ...............  อาเจนติน่า มีเรือ แบบ 42  ประจำการอยู่ด้วย.................. มีต่อ

 

 

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 01/09/2018 21:08:29


ความคิดเห็นที่ 24


อาเจนติน่าเลยรู้ขี้รู้ไส้ ว่าเรือพิฆาต ไทป์ 42   ติด แซมระยะปากลาง ซีดาร์ท  มีจุดเด่น จุดด้อยตรงไหน..........  ว่าไปแล้ว  42 เนี่ย จะออกอาการเหมือน ติคอนเดอโรก้า ลว.เอจีสของมะกัน    คือจะมั่นใจในศักยภาพระบบตรวจจับและอาวุธพิสัยไกลตัวเองมากไปหน่อย  การป้องกันในวงชั้นในจึงค่อนข้างอ่อนด้อย............... เป้าบินที่เข้ามาในระยะใกล้ จะถูกต่อกรด้วยปืนใหญ่ 4.5 นิ้ว มาร์ค 7 ( รึป่าว จำผิดขออภัย เหมือน รล.มกุฎ)   หากเป็นภัยคุกคามจาก อวป.   ก็จะถูกต่อต้านด้วยมาตรการทางอิเลคทรอนิคส์และเป้าลวง.................   อาเจนติน่า รุดีถึงจุดอ่อนนี้   จึงใช้เครื่องบินโจมตี เอ-4   บินต่ำเข้าหาตั้งแต่ระยะไกล   สุดความสามารถที่จรวดป้องกันภัยทางอากาศที่ดีที่สุดของอังกฤษในเวลานั้น จะใช้ต่อตีได้  อังกฤษ คงลืมไปว่า  เครื่องบินบรรทุกระเบิดคอนเวนชันน่อล ไม่สามรถใช้เป้าลวง หรือ ระบบแจมมิ่งหลอกล่อได้เหมือน อวป.      ครับ   งานนั้น เลยเสียเรือไปอีกหลายลำ..............

 

แต่ต้องยอมรับว่า  อังกฤษ อึดจริงๆครับ  เสียเรือไปหลายลำ  แต่ก็ไม่ยอมถอย  ยังคงปักหลักรักษาการปิดล้อมอยู่เช่นนั้น  จนนาวิกโยธินพิชิตศึกบนเกาะได้.......................... แต่ก็ต้องถือว่า บอบช้ำเอาเรื่องนะครับ...................  แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีดี  อย่างที่กล่าว   หากปลาบิน โดนเป้าใหญ่   งานนี้ มีพลิกครับ

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 01/09/2018 21:26:44


ความคิดเห็นที่ 25


ซีดาร์ท  แซมพิสัยกลางผู้เข้ามาแทน ซีสลั้ก  และถูกทดแทนด้วย เอสเตอร์..............................

 

น่าขบขัน   ตรงที่ แซมชนิดนี้พัฒนาโดยอังกฤษ  แต่ทั้งโลกมีผู้ใช้งานเพียงสองชาติ คือ  อังกฤษ  และ อาเจนติน่า...............

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 01/09/2018 21:54:13


ความคิดเห็นที่ 26


จรวด ซีแคต     ซึ่งดูจากระบบ คคกย.แล้ว  คงเหมือนมี แซม  แมนแพด  ติดตั้งบนเรือประมาณนั้น......................

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 02/09/2018 09:26:30


ความคิดเห็นที่ 27


สรุปคือ   อังกฤษส่งเรือรบสำคัญๆ ไป 25 ลำ  เป็น บรรทุก บ. 2 ลำ      พิฆาตอาวุธนำวิถี  8   เดี้ยงไป 5     ฟรีเกต 15  เดี้ยงไป 5    นอกจากนี้  มีเรือ  สินค้าดัดแปลงบรรทุกอากาศยาน  และเรือ แอลเอชดี   โดนปลาบินไปอีก 2      แสดงว่าตลอดสงคราม  อาเจนติน่า ใช่ปลาบินทั้งหมด          สรุปคือ   เรือเดี้ยงไป 12   ถือว่าบอบช้ำมาก

 

เรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำ

    เอชเอ็มเอส  เฮอร์เมส  (เรือธง)  16 แฮริเอร์   22  ฮ.ซีคิง

    เอชเอ็มเอส  อินวินสิเบิ้ล    12 แฮริเอร์   10  ฮ.ซีคิง

 

เรือยกพล แอลพีดี  2 ลำ

 

เรือพิฆาตอาวุธนำวิถี 8 ลำ

     ไทป์ 82     1ลำ   ( พึ่งเคยรู้ว่ามีนี่แหล่ะ)  หน้าตาคล้ายๆ 42 ติด ซีดาร์ท

     ไทป์ 42     5ลำ   ติด ซีดาร์ท       เดี้ยงไป 3 ดังนี้

       -  จม 2    คือเชฟฟิล โดนปลาบิน จากเอตองดาร์ด       โคเวนทรี่โดนบอมบ์โดย เอ-4

       -  บาดเจ็บ ถอนตัวจากการรบ 1 คือ กลาสโกว์   โดนระเบิดจาก เอ-4  แต่ระเบิดด้าน

      คันทรี่ คลาส    2 ลำ  ติดแซม ซี-สลั๊ก      เดี้ยงทั้ง 2 ลำ ดังนี้

       -  เอชเอ็มเอส กลามอแกน     โดน ปลาบิน  

       -  เอชเอ็มเอส  แอนทริม    โดนระเบิดโดย มิราจ........อ้าว  พึ่งรุนะเนี่ย .... มิราจ ก็มาทิ้งบอมบ์กะเค้าด้วย...........

 

เรือฟรีเกต  15 ลำ

ไทป์ 22      2 ลำ ( เรือใหม่ เป็นความภูมิใจ ขนาดมีผู้สื่อข่าวติดเรือไปด้วย)   เรือติดตั้งแซมพิสัยใกล้ ซีวูลฟ์ แบบใหม่

                  ซึ่งกำลังจะมาแทน ซีแคต งานนี้ โดนโจมตีโดยปืนจากมิราจพอเบาะๆ  แต่ บอร์ดสวอร์ด  โดน ระเบิดจาก เอ-4

                  เสียหาย ปานกลาง    (มีคลิป จากยูทูป ด้วย)

ไทป์ 21      7 ลำ เรือติดตั้งแซมพิสัยใกล้ ซีแคต   เดี้ยงไป 3

           -อะแลคคริตี้  โดนระเบิด   ไม่รุจากเครื่องบินอะไร

          -แอนถิโรป    จมโดยระเบิดจาก เอ-4

          -อาร์เดน    เสียหายหนักโดยระเบิดจาก เอ-4

ลีนเดอร์ คลาส      4 ลำ     เสียหายหนัก โดยระเบิด เอ-4    1 ลำคือ   อราโกน้อท

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 02/09/2018 11:19:02


ความคิดเห็นที่ 28


สารคดีเรือ ตอน ยุทธการจมเรือ เอชเอ็มเอชโคเวนทรี l สารคดีช่อง ภาพชัดระดับ 

ที่มา 

 

delores richardson

เผยแพร่เมื่อ 26 ก.พ. 2017

เผยแพร่เมื่อ 26 ก.พ. 2017delores richardson

เผยแพร่เมื่อ 26 ก.พ. 2017

 

โดยคุณ ThaiPc53 เมื่อวันที่ 18/09/2018 20:13:50