ก่อนอื่นทำความเข้าใจก่อนว่าการจะสร้างความเสียหายให้แก่สิ่งมีชีวิตและอุปกรณ์ที่อยู่หลังแผ่นแกราะทำอย่างไร

1.ใช้การเจาะทะลุ หัวกระสุนที่แข็งกว่าเกราะมากๆถูกส่งและกระทบด้วยแรงไคเนติค เจาะทะลุผ่านเกราะ คลายพลังงานจลออกมาในรูปความร้อน แรงกระแทกทำให้เหล็กเป็นรูกระเทาะ กระจายสร้างความเสียหายให้คนและอุปกรณ์

2.การกระเทาะ มีหัวกระสุนบางประเภท ไม่แข็ง แต่ถูกส่งและกระทบด้วยแรงไคเนติค เมื่อกระทบก็ไม่ทะลุเกราะ แต่แรงนั้น ทำให้แผ่นเกราะด้านในหลุดกระเทาะ กระจายสร้างความเสียหายให้คนและอุปกรณ์

3.ระเบิดเพลิง ความร้อนหลอมเกราะทะลุ แล้วส่งแรงอัดลูกไฟเข้าไปในที่ว่างข้างหลัง

ตามหลักการป้องกันเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็น เกราะหนาชนิดต่างๆ การป้องกันแบบฮาร์ดคิลล์  หรือเกราะปฎิกริยา รวมถึงตะแกรงเหล็ก เหล่านี้คือการป้องกันหัวกระสุนแต่ละประเภท มิให้สร้างความเสียหายแก่เกราะ จนเป็นอันตรายแก่ภายในได้

 ทีนี้จากคำถามที่ว่า  ทำไมเกราะหนาถึงหุ้มไม่ครอบคลุมทั้งคัน    คำตอบคือ     เกราะหนานั้น ใช้สำหรับป้องกันกระสุนชนิดหัวแข็งเจาะเกราะ และแบบหัวอ่อนกระเทาะเกราะ   ดังนั้นมันจึงถูกติดตั้งป้องกันเฉพาะส่วนที่สำคัญ ได้แก่ ส่วนที่มีพลประจำ และส่วนที่ติดตั้งอุปกรณ์และวัตถุระเบิด     จะเห็นว่า ส่วนหลังของป้อม  เป็นส่วนที่ไม่สำคัญ   หากกระสุนกระเทาะหรือทะลุเกราะเข้ามาจากด้านข้าง ทิศทางของหัวกระสุนและเศษของเกราะ จะไม่พุ่งตรงเข้าส่วนสำคัญ   วิธีที่ง่ายที่สุด ก็ทำเกราะบางอีกชั้นคั่นไว้ภายใน กันไอ้พวกเศษเหล่านี้กระเด็นกระดอนมาโดนเท่านั้น (ไม่ใช่ลักษณะไดเร็คฮิต เป็นการกระเด็นสะท้อนไปมา)   

แต่จะต่างจากดินโพรงหัวลูกไฟ    พวกนี้หากเจาะเข้าไปได้ จะอันตรายกว่า  เนื่องจาก  ลูกไฟจะชอนไช เข้าไปทุกโพรงช่องว่าง  การชอนไชที่ว่า ไม่ใช่ชอนไชแบบพยาธิ   แต่เป็นการชอนไชด้วยแรงอัดระเบิด  รูเล็กรูน้อย ไฟจะเข้าไปหมด  เหล็กอ่อนเหล็กบาง ที่กั้นอยู่จะแตกกระจายด้วยแรงอัดระเบิด..........

ดังนั้นจะเห็นว่า  ดินโพรง จะน่ากลัวกว่ากระสุนหัวแข็งหรือหัวอ่อนมาก   ทางที่ดีอย่าให้มันไชเข้าไปได้    เราจึงเห็นฮาร์ดคิลล์  หรือพวกเกราะปฎิกริยา รวมถึงตะแกรง  พวกนี้เกิดขึ้น เนื่องจากความขยาดของมหาปลัย หัวดินโพรงทั้งนั้น

อ๋อ แสดงว่า Slat Armor ก็เพียงพอ ที่จะป้องกันได้ในระดับนึง ใช่มั้ยครับ
ขอบคุณมากครับ ท่านกบ

ขอเผือกด้วยคน