ยังงี้....Jas ก็คงจบที่ 11 แล้วซิครับ Y-Y

เครื่องบินปินส์จะโดนสอยหรือเปล่าเนี่ยสิ ขนาด V-150 ยังโดนยึดทั้งคันในสภาพปรกติเป็นว่าเล่น ฝั่งนั้นไม่ใช่หมูในอวยให้เชือดกันง่าย ๆ และดูเหมือนคนไทย...จะประเมินกำลังทางทหารฟิลิปปินส์ไว้สุงเกินเหตุ ส่วนตัวคิดว่างานนี้ยาวแน่นอน

ผมก็รอดูเหตุการณ์อยู่ครับท่าน superboy ถ้ากลุ่มต่อต้านลากเอาแมนแพดมาเมื่อไหร่ มีวิบัติแน่ เครื่องของปินส์แต่ละแบบมันเป็นเป้าล่อชั้นดีทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น โอวี-๑๐ ฮ. ฮิวอี้ ฮ. เอ็มดี ๕๐๐ ฮ. เอดับบลิว-๑๐๙ ฯลฯ

ถ้าศึกครั้งนี้ยืดเยื้อ เราอาจได้เห็นทหารปินส์ใช้อาวุธจีนกับรัสเซีย สู้กับฝ่ายต่อต้านที่ใช้อาวุธเมกันและพันธมิตร ขั้วการเมืองโลกมันเปลี่ยน นึกถึงบ้านเราตอนนี้ หลายคนว่าเรากำลังเอียงไปทางจีนมากขึ้น ตามด้วยรัสเซีย ผมได้แต่ภาวนาให้อย่าละทิ้งเมกัน อยากให้ชาติเรายืนได้ด้วยตัวเอง และด้วยแรงหนุนจากจีน รัสเซีย เมกัน และชาติอาเซียนด้วยกัน เหมือนม้า ๔ ขานะครับ ถ้าเราเข้าข้างใดข้างหนึ่งมากไปมันก็จะไม่งาม โดยเฉพาะถ้าเราไปอิงกับมหาอำนาจชาติหนึ่งขาติใดชาติมากไป มันไม่จะไม่อบอุ่น แต่กลับจะเป็นหนาวๆ ร้อนๆ แทนนะครับ

ที่เห็นชัดๆ ตอนนี้คือทหารปินส์คงไม่ค่อยได้ซ้อมรบสงครามในเมืองนะครับ ถึงได้เห็นรถหุ้มเกราะโดยสอยเอาเป็นคู่ ศพทหารกองอยู่ในรถ ยังดีที่ทหารปินส์เป็นสงครามกองโจรนะครับ สู้กันมาเป็นสิบปีกับกองโจรมุสลิม ซึ่งตอนนี้อินเตอร์แล้วครับ ประกาศออกหน้าเลยว่าขอเข้าร่วมและฟังคำสั่งกลุ่มไอเอส ที่นี้ทั้งกำลังคน เงิน อาวุธ มันจะหลั่งไหลเข้าฟิลิปปินส์ ถ้าปินส์ไม่เด็ดขาดจัดการถอนรากถอนโคนตั้งแต่ต้น ศึกนี้หนังชีวิตแน่

บางที อาจจะถึงเวลาที่อาเซี่ยนต้องหันมามาคุยและให้ความร่วมมือกันทางการทหารแล้วละครับ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้น บางครั้งยังมีงับกันอยู่เลยเป็นที่สนุกสนานระหว่าง สิงค์โปร์ อินโดฯ มาเลย์ฯ ซะอีก เวร...

หลายท่านคงเคยได้ยินว่า ISIS ถือกำเนิดมาจากเมกัน ทั้งการคัดคนมาฝึกอาวุธ ติดอาวุธชั้นดีให้ ส่งเข้าไปในประเทศมุสลิมที่รัฐบาลมีปัญหากับเมกัน ใช้การเข่นฆ่าโหดเหี้ยมเพื่อให้ผู้คนและทหารฝ่ายตรงข้ามเกรงกลัว ทำให้ยึดพื้นที่ได้เป็นจำนวนมาก ทั้งในอิรักเอง ซีเรีย ฯลฯ กาลเวลาผ่านไป เมกันยังคงสนับสนุน ISIS อยู่หรือเปล่า ถ้า ประธานาธิบดีดูเตอเต้ เอียงขั้วไปซบจีนรัสเซียจริงโดยไม่สนใจที่จะฟังและเชื่อฟังเมกันเหมือนเคย ผมว่ามันก็จะไม่แปลกถ้ากลุ่มกบฏโมโร อาบูไซยาฟ และกลุ่มกบฏฟิลิฟปปินส์มุสลิมอื่นๆ อย่างกลุ่มเมาเต จะเพิ่มการปฏิบัติงานในฟิลลิปปินส์ให้มากขึ้น ด้วยว่าน้ำเลี้ยงกำลังไหลบ่าเข้ามาหนุนจาก ISIS ส่วน ISIS จะได้น้ำเลี้ยงมาจากไหนอีกทีอันนี้ต้องพิจารณาเอาเองครับ

ถ้าเรื่องไม่จบโดยเร็ว รัฐบาลฟิลิปปินส์ยังยึดเมืองมาราวีกลับคืนมาไม่ได้ พันธมิตรต่างๆ จะเสนอตัวเข้ามาช่วย (แทรกแซง) ไม่ว่าจะเป็นอเมริกัน หรือจีน หรือชาติออาเซี่ยนในนาม UN รัฐบาลปินส์จะว่าไง เหมือนๆ กับที่เราพยายามบอกคนทั้งโลกว่า ปัญหา 4 จังหวัดใต้ของเราเป็นปัญหาภายใน เราดูแลกันเองได้ ชาติไหนกลุ่มไหนไม่ต้องเข้ามาช่วย (แทรงแซง)

กำลังคุยกันเรื่อง ที-๕๐ อยู่ดีๆ ไงกลายเป็น กบฏฟิลิปปินส์ไปได้ครับท่าน

กลับมาที่ ที-๕๐ ดีกว่า มาลองทายกันดูเล่นๆ ไหมครับว่า ทอ. จะให้สีและลวดลาย ที-๕๐ ทีเอช ของเราอย่างไร ผมว่าไม่แคล้วต้องเป็นแบบ แอล-๓๙ แน่เลย คือมีทั้งลายพรางเทาขาวและพรางเทาฟ้านะครับ ซึ่งก็เหมาะสมสวยงามดีครับ (ลองหารูปสี แอล-๓๙ ดูนะครับ)

แต่ยังไงผมก็ยังชอบสีและลวดลายของ ที-๕๐ อินโดฯ อยู่ดีครับ อิอิ..

เห็นว่าจำนวนเครื่องในฝูงบินขับไล่โจมตีทางยุทธวิธีของกองทัพอากาศไทยตอนนี้จะเหลือแค่ระดับความพร้อมปฏิบัติการขั้นต้นคือ ๑๒เครื่องครับ

และคงอาจจะไม่จัดหาเต็มอัตราถึง ๑๖-๑๘เครื่องเหมือนในอดีตแล้ว ด้วยเหตุผลหลักคือข้อจำกัดด้านงบประมาณ

ในส่วนของเครื่องบินขับไล่ฝึก T-50TH นั้นเห็นว่าขั้นต้นจะประจำการที่ฝูงบิน๔๐๑  กองบิน๔ ฝูงเดียว ๑๒เครื่องครับ

โดย บ.ขฝ.๑ L-39ZA/ART ที่ยังใช้งานได้นั้นจะไปรวมฝูงที่ฝูงบิน๔๑๑ กองบิน๔๑ และเมื่อ L-39 ปลดประจำการลงทั้งหมด ฝูงบิน๔๑๑ จะไม่มีเครื่องมาทดแทน

ซึ่งกองบิน๔๑ จะแปรสภาพเป็นฐานบินส่วนหน้าที่ไม่มีอากาศยานประจำถาวรเหมือน กองบิน๕๖ ครับ

ส่วนลายพรางของ T-50TH ฝูง๔๐๑ เห็นว่าจะเป็นโทนเทาอ่อน-เทาเข้มใกล้เคียงกับ TA-50 และ FA-50 ที่กองทัพอากาศเกาหลี กองทัพอากาศอิรัก และกองทัพอากาศฟิลิปปินส์

แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นโทนเทาสองสีหรือโทนเทาสามสีครับ

ทั้งนี้ข้อมูลต่างๆที่กล่าวอาจมีเปลี่ยนแปลงได้ครับ

ผมว่าลายแบบ T-50 PAK FA ก็สวยดีนะครับ ดูทันสมัยดี  

ว่าเเต่ว่าแบบนี้จะมีงบเหลือไปซื้อเครื่องบินลำเลียงขนาดกลางลำใหม่หรือป่าวเอ่ย  

ไม่แน่ใจว่านอกจากโครงการจัดหาเครื่องบินฝึกไอพ่นขั้นก้าวหน้า T-50TH ระยะที่๒ จำนวน ๘เครื่องแล้ว

โครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ค้นหาและช่วยชีวิตในพื้นที่การรบ ฮ.๑๑ EC725 จะเป็นโครงการที่มีความสำคัญรองลงมาหรือไม่ครับ

ตามแผนพัฒนากองทัพอากาศไทยของกระทรวงกลาโหมเก่าเมื่อ ๑๒ปีก่อน มีความต้องการ ฮ.CSAR ใหม่ของฝูงบิน๒๐๓ ทดแทน ฮ.๖ UH-1H จำนวน ๑๖เครื่อง

แต่เห็นว่าล่าสุดมีการปรับลดอัตราจำนวนเครื่อง ฮ.EC725 ฝูงบิน๒๐๓ เหลือ ๑๒เครื่องเท่านั้นแล้ว

โดยถ้าในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ นี้กองทัพอากาศไทยต้องการบรรลุโครงการจัดหา T-50TH ระยะที่๒ ๘เครื่อง ก็คงต้องพักโครงการจัดหา EC725 ระยะที่๔ ออกไปหนึ่งปีงบประมาณ

ซึ่งสำหรับโครงการจัดหา ฮ.๑๑ EC725 เองนอกจากระยะที่๑(๔เครื่อง)แล้ว การจัดหาแต่ละระยะก็เพียงแค่ ๒เครื่องเท่านั้นด้วย

ตรงนี้ก็ไม่แน่ใจว่าในส่วนโครงการจัดหาเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีทดแทน บ.ล.๘ C-130H จะเลื่อนออกไปก่อน จนกว่าที่โครงสร้างเครื่องจะรับต่อไปไม่ไหวจำเป็นต้องปลดจริงๆหรือไม่

เพราะอย่าง C-130H(TP 84) ของกองทัพอากาศสวีเดนเองที่ปัจจุบันมีอยู่ ๖เครื่อง ซึ่งมีอายุการใช้งานมากกว่าของไทยหลายปี

(จัดหามาในปี 1975-1981 C-130E ที่ปรับปรุงเป็น C-130H ๒เครื่องที่จัดหามาในปี 1965-1969 ปลดไปในปี 2014-2015 แล้ว)

ทางสวีเดนก็เลือกที่จะยกเลิกโครงการจัดหา บ.ลำเลียงใหม่แล้วจะใช้ C-130H ของตนต่อไปถึงปี 2030-2032 หรือก็คืออายุการใช้งานที่ ๕๐ปีครับ(กองทัพอากาศไทยจัดหา บ.ล.๘ C-130H ปี พ.ศ.๒๕๒๓)

ก็ให้เสียดายนะครับหากว่ากำลัง 1 ฝูงบินรบของ ทอ. จะเหลือแค่ 12 ลำ เท่ากับอัตราขั้นต่ำสุดของ 1 ฝูงบินรบ

คือถ้าเป็นแบบ กริเป้น หรือ เอฟ-16 อีเอ็มแอลยู ยังพอใช้ยุทธวิธีทวีกำลังรบโดยอาศัยดาต้าลิงค์และศูนย์ควบคุม 1 ลำ เสมือนมี 4 ลำ

แต่ไม่รู้ว่าเครื่องเกาหลีของ ทอ. จะมีดาต้าลิงค์ติดมาด้วยหรือเปล่า ?

คือยิ่งถ้ามีเครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้าอยู่ในอากาศด้วย ก็ต้องแบ่งกำลังไปคุ้มครองอีก เครื่องที่จะใช้ต่อตีปะทะกับข้าศึกจริงๆ ก็จะยิ่งเหลือน้อยเข้าไปอีก (อย่างน้อยต้องมี กริเป้น 2 ลำ ต่อ ซ้าบ-340 1 ลำครับ) นึกภาพมีภัยคุกคามเข้ามา หมายจะเล่นงานเราจริงๆ (สมมุติว่ามาจากทางทิศของหมู่เกาะนิโคบาร์ละกัน) เครื่องอเลิร์ต 2 ลำแรกอาวุธครบมือขึ้นไปก่อนภายใน 3 นาทีแรก ตามด้วยอีก 2 เครื่องขึ้นตามไปรวมกับ 2 ลำแรกในอีก 5 นาทีต่อมา รวมแล้ว 4 ลำ อีก 2 ลำ อยู่บนฟ้ากับ ซ้าบ-340 อยู่แล้ว เหลือกริเป้นที่ฝูงแค่ 5 ตัว สมมุติว่ากำลังซ่อมบำรุงอีก 2 ตัว เหลือกองหนุนให้เครื่องปะทะชุดแรกแค่ 3 ตัวเท่านั้น นี้ยังไม่คิดว่าจะเอาอะไรไว้ป้องกันสนามบินตัวเองด้วยนะครับ ไอ้ที่ว่าหลักการทวีกำลังของกริเป้นมันจะยังทำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ (ไม่รู้จะพูดทำไม ผมก็แค่อยากให้ ทอ. หากริเป้นมาเติมให้เต็มฝูง 16 ตัวก็เท่านั้นครับ เอารุ่น ซี นี่แหละ 5 ตัว เดาว่ากว่าจะได้อีก 2 ปี อายุเฉลี่ยทั้งฝูงจะได้ไม่ห่างกันมากครับ)

คือกำลังจะบอกว่า อัตราขั้นต่ำ 12 ลำต่อ 1 ฝูงบินรบ เอาเข้าจริงมันเพียงพอเหรอครับ ดูๆ ไปแล้วผมว่าไม่น่าจะนะ 16 ตัวน่าจะดีที่สุดสำหรับกำลังรบขั้นต่ำต่อฝูงบินรบนะครับ (จำได้ว่ามาตรฐานเมกัน 1 ฝูงบินรบจะเท่ากับ 24 ลำ แต่ปัจจุบันตอนนี้ไม่รู้ว่าจะยัง 24 อยู่หรือเปล่า เอฟ-35 มันแพงๆๆๆ ได้ใจจริงๆ น่าจะเหลือ 18 ลำ/ฝูง แล้วนะครับ)

เรื่อง ฮ. อีซี-725 หรือ เอ็ม-225 ในปัจจุบัน ทอ. น่าจะรับมอบมาแล้ว 4 ลำนะครับ รอจะรับมอบอีก 2 ลำ กำลังสร้างอีก 2 ลำ ถ้างบประมาณตึงตัวผมว่าก็คงจะทยอยสั่งซื้อที่ละ 2 ลำอย่างที่เป็นอยู่ จนกว่าจะครบ 12 หรือ 16 ลำ เรื่องงบเนื่องจากใช้ระบบเงินผ่อน เฉลี่ยต่อปีน่าจะพอไหวอยู่นะครับ ค่าตัวกริเป้นหมดไปแล้ว เหลือแต่ค่าดูแลแหละครับ น่าจะทำให้ ทอ. บริหารจัดการต่อไปได้ครับ ถึงแม้จะมีเสียงบ่นว่าตึงมืออยู่เป็นระยะๆ ก็ตาม

ส่วนเรื่อง ซี-130 ผมเชื่อว่าไม่น่าเกิน 2-3 ปีจากนี้ ทอ. น่าจะมีการประกาศปรับปรุงเพื่อยืดอายุการใช้งานครับ คือจะซื้อเครื่องใหม่ก็ใช้เงินเยอะมาก (ราคา บ.ลำเลียงอย่างเฮอร์คิวลิส เจ แพงกว่า บ.เจ๊ตไฟเตอร์ใหม่ๆ อีก)  ถ้าจะเป็นเหตุให้ ทอ. ต้องไปถอย วาย-9 มา ผมขอเลือกปรับปรุงเฮอร์คิวลิสดีกว่าครับ  

พอจำได้ว่า กองทัพอากาศอเมริกามีเครื่องบินฝูงล่ะ 12 ลำ ในหนึ่ง Group จะมี 3 ฝูงบิน และในแต่ละสนามบินก็จะมีหลาย Group แยกกันออกไปตามภารกิจ เป็นมาตราฐานแบบนี้ตั้งแต่สงครามเวียตนาม ถ้าเอกสารที่ผมโหลดมาข้อมูลไม่ผิดนะ

เรื่อง SQN Wing Group  xxxAirForce ของอเมริกา ผมอ่านแล้วค่อนข้างสับสนพอตัว ยิ่งถ้าไปดูของอังกฤษยิ่งวุ่นวายใหญ่ (Wing กับ Goup ขนาดจะสลับกัน) เพราะบ้านเรามีแค่ฝูงบินกับกองบิน แต่ของเขาแบ่งเยอะกว่าเลยไม่รู้จะเรียกอะไรดี ตอนเขียนบทความสงครามโลกเลยจำกัดแค่กองบินกับฝูงบิน ไม่อย่างนั้นงงทั้งคนอ่านและคนเขียนแน่ ปวดหัวดีแท้ ฮ่า ฮ่า

จะเอาอย่างท่าน rayong ว่าก็ดีครับ เพียงแต่ว่าดูให้พอดีกับภารกิจนะครับ

อย่างที่บอก กรณีมีภัยคุกคามบ่ายหน้าเวคเตอร์เข้าหาเรา เตือนก็ไม่หนี กริเป้นจะขึ้นสกัดกั้น พิสูจน์ทราบ หรือ ปะทะ 2+2 ลำแรก ไปแล้ว 4

อีก 2 ลำ เอสคอร์ท ซ้าบ-340 AEW&C ซึ่งต้องขึ้นทำงานบนฟ้า หรือทำงานอยู่แล้ว เป็น 6

กองหนุนกรณีหมู่แรกเอาไม่อยู่ หรือต้องไปผลัดเปลี่ยนอีก 2+2 ลำ รวมเป็น 10 แล้ว

ที่เหลือเฝ้าบ้าน 2-4 ลำ รวมเป็น 12-14 ลำ

ซ่อมบำรุง 2-4 ลำ รวมทั้งสิ้น 16 ลำ กำลังดีครับ

จะน้อยกว่านี้ก็ได้แต่มันจะตึงครับ

ยามปรกติแบบนี้ มีใช้แค่ 11 ลำ ก็ได้ ไม่ค่อยรู้สึกอะไร ยังไงพยายามให้มีพร้อมรบให้ได้ 8 ลำขึ้นไปละกันนะครับ (แบ่งเป็นหมู่ 2 หรือ หมู่ 4 รวม 2-4 หมู่) แต่ยามที่ต้องใช้จริง 11 ลำไม่น่าพอครับ

ส่วน ฮ. เอ็ม-225 เป็นครั้งแรกที่ ทอ. มี ฮ. CSAR แท้ๆ ขนาดกลางไว้ใช้งาน ซึ่งถูกต้องเหมาะสมทั้งระยะทำการ สมรรถนะทางการบิน อุปกรณ์ค้นหาและอาวุธอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง ความอยู่รอดสูง ที่กำหนดไว้ตอนแรก 16 ลำ เพราะกะว่าจะวางกำลังไว้ในฐานบินสำคัญๆ ทุกแห่ง ฮ. บี-412 ของ ทอ. เป็นรุ่นพลเรือนครับ ไม่ใช่เวอร์ชั่นทหาร ฮ.ยูเอช-วัน ฮ.6 ก็เลยอายุขัยไปแล้ว ฮ.4 ก็ปลดไปนานแล้ว ทอ. หวังที่จะใช้ เอ็ม-225 รับภารกิจค้นหากู้ภัยทางทหาร (พลเรือนก็ได้ด้วย) และธุรการสำคัญๆ ทั้งหมดไปมั้งครับ ไหนๆ ก็ต้องซ้อมบินทุกวันอยู่แล้วจะเอาไปบินเมล์สำคัญๆ บ้างก็ไม่น่าจะผิดกติกาอันใดนะครับ

ปล. อย. กับ คอมมานโด ของ ทอ. มีต้องเคลื่อนย้ายกำลังพลทาง ฮ. บ้างไหมครับ คือถ้า ฮ.6 ปลดหมดแล้ว ทอ. จะเอาอะไรไปขน อย. กับ คอมมานโด กันละครับ (สายตาแอบเหล่ไปทาง เอ็ม-225 ไม่พ้นก็ต้องเหมาภารกิจนี้ไปด้วยครับ)

สำหรับอัตราจำนวนเครื่องบินรบต่อฝูง ส่วนตัวผมก็ยังมองว่า 12 ต่อฝูง นั้นดูน้อยไปหากต้องดำเนินภารกิจเต็มกำลัง ในอัตรานี้ส่วนหนึ่งต้องเข้าซ่อมบำรุง ส่วนหนึ่งต้องทำหน้าที่คุ้มกันเครื่องบินแจ้งเตือน จะเหลือดำเนินภารกิจขับไล่หรือสกัดกั้นกี่ลำ ผมว่าอย่างน้อย 16 ลำต่อฝูงน่าจะเหมาะสม หากเทียบกับประเทศอื่นที่เขากำหนด 12 ลำต่อฝูงได้เนื่องจากเขามีหลายฝูงในกองบิน ในขณะที่เรากองบินหนึ่งมีฝูงเดียวหรือเต็มที่สองฝูง 

จำนวนเครื่องอัตราจัดของฝูงบินของกองทัพอากาศไทยในช่วง ๑๐-๒๐ปีมานี้ มองว่ามีผลมาจากข้อจำกัดของงบประมาณกลาโหมที่ได้รับในแต่ละปีงบประมาณครับ

ซึ่งในขณะที่เวลาหลายปีที่ผ่านไป ราคาอาวุธยุทโธปกรณ์ อุปกรณ์สำหรับการปรับปรุง และชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับการซ่อมบำรุง มีแต่จะแพงขึ้นๆ

ฉะนั้นบางทีจำนวนอัตราเครื่องบินขับไล่ประจำฝูงบินที่ขั้นต่ำ ๑๒เครื่องอาจจะเป็นจำนวนที่เหมาะสมกับสภาพภัยคุกคามในปัจจุบันแล้วก็ได้ครับ

ส่วนตัวอยากให้แบ่งเป็นฝูงล่ะ 8 ลำ + ซ่อมตามวงรอบ 2 ลำ = 10 ลำ (ถ้าทำได้) กริเพนจะได้ 1 ฝูงพอดีเลย ส่วน F-16 MLU ก็ได้ 2 ฝูงบิน แต่ควรจะไปเอาที่นั่งเดี่ยวมาปรับปรุงเพิ่มอีกซัก 2-4 ลำ 

การออกปฎิบัติการแบ่งกันชัดเจน จะมี 1 ฝูงคอยคุ้มกันเอแวคและเป็นกำลังเสริม อีก 1 ฝูงเข้าปะทะโดยใช้ดาต้าลิงค์กับเรดาร์บนพื้นและเอแวค แต่ทีนี้กริเพนมีแค่ฝูงเดียวแฮะ คงต้องหามาเพิ่มอีก 1 ฝูงซะงั้น :)

T-50TH ก็สั่งมาเลย 2 ฝูงบิน ถ้าใช้แล้วชอบค่อยไปสอยมาเพิ่มอีก 1 ฝูง หรือไม่ก็จัดหารุ่นฝึกอย่างเดียวเพิ่มเติม 1 ฝูงในวาระถัดไป สโแกนฝูงบินของผมก็คือ "เล็กสั้นขยันซอย" นั่นแล

ผมว่า ที่สุดแล้ว ฐานบินสำหรับ บ.ขับไล่โจมตีของเรา จะเหลือแค่ กองบิน 1 โคราช กองบิน 4 ตาคลี และกองบิน 7 สุราษฎร์ฯ ครับ

ที่เหลือจะลดระดับลงเหลือแค่เป็นฐานบินปฏิบัติการส่วนหน้า ไม่มีเครื่องประจำ อย่างเก่งก็อาจมีแค่ ฮ. หรือ บ.ธุรการ ประจำการอยู่

ผมถึงหมายถึง กองบิน 41 เชียงใหม่ ที่ ทอ. มีแผนชัดเจนแล้วหลังปลด แอล-39 หมดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า 

กองบิน 21 อุบลฯ และ 23 อุดร กองบิน 53 ประจวบฯ หลังปลด เอฟ-5 ไทกริส, เอ-เจ๊ต และ เอยู-23 แล้ว ก็คงเดินตามรอย กองบิน 41 เหมือนกันด้วย

สรุปอีกทีว่า อีกไม่นาน ทอ. จะเหลือกองบินที่มี บ. / ฮ. ประจำการแค่ 5 กองบิน คือ กองบิน 1 โคราช / กองบิน 2 ลพบุรี  / กองบิน 4 ตาคลี / กองบิน 6 ดอนเมือง / กองบิน 7 สุราษฎร์ฯ บวกกับ 1 รร. การบินที่กำแพงแสน คงเหงากันน่าดู

กองบิน 1 จะประจำการด้วย เอฟ-16 โอซียู + ที-50ทีเอช (ปลด เอฟ-16 เอดีเอฟ ไปแล้ว คิดเองว่า ทอ. คงจัดหา ที-50ทีเอช เพิ่มอีกฝูงครับ)

กองบิน 2 จะมี เอ็ม-225 + บี-412

กองบิน 4 จะมี เอฟ-16 อีเอ็มแอลยู + ที-50ทีเอช + เลียร์เจ็ต + แอโร่ พี.180 อแวนติ ทู + ยูเอวี

กองบิน 6 จะมี ซี-130เอช + เอทีอาร์-72 + ซูคอย เจ๊ต-100 + บี-737 + ฮ. เอส-92 

กองบิน 7 จะมี กริเป้น + ซ้าบ-340 ทั้งตัวลำเลียง และ ตัวเออีดับบลิว/ซี

เฉพาะกองบิน 1, 4 และ 7 อยากให้แต่ละฝูงขับไล่+ขับไล่/ฝึก มีเครื่องขั้นต่ำอย่างน้อย 16 ตัวครับ

ปล. 1  บีที-67 ยังประจำการอยู่ที่ กองบิน 46 พิษณุโลก หรือ กองบิน 6 ดอนเมืองครับ หลังปลด นอร์แมด แล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าสถานะกองบิน 46 เป็นอย่างไร

ปล. 2  ทอ. จะมีเครื่องขับไล่น้อยแบบลงดีครับ คือจะเหลือแค่ เอฟ-16, กริเป้น แล้วก็ ที-50ทีเอช

ส่วนตัวอยากให้กองบิน1 ฝูงบินดาวจัดหา gripes e/f ตามเดิมครับ