วันนี้มีโอกาสมาเยือนใจกลางกรุงเทพ เลยเดินหาหนังสือสงครามโลกครั้งที่สองซักหน่อย โดยเฉพาะของท่านสรศัลย์ แพ่งสภา ที่หนังสือเล่าถึงเรื่องราวตามความเป็นจริงซึ่งผมยังไม่เคยได้อ่านซักเล่ม และของท่านวินทร์ เลียววาริณ ซึ่งเอาเรื่องจริงมาใส่ตัวละครสมมุติเข้าไป แล้วหักมุมเตลิดเปิดเปิงชนิดสุดเนียนอ่านแล้วมันส์โคตร
เดิน 3 ห้าง 5 ร้านอยู่หลายชั่วโมง รายแรกไม่เจอเลยซักเล่ม ร ายหลังเจอบางเล่มแต่ขายราคาเต็ม ช่างโหดร้ายกับแฟนคลับภูธรคนนี้ยิ่งนัก สรุปก็คือรอสั่งซื้อผ่านเว็บแล้วกัน รายหลังมีส่วนลดพร้อมรายเซ็นและไม่มีค่าใช้จ่าย ส่วนรายแรกเห็นมีขายผ่านเว็บเช่นกัน ค่อยหาทางดิ้นรนกันต่อไป
ตัดฉับมาที่ข่าวทางทหารในเฟสบุค วันนี้มีแต่ข่าวสร้างโรงซ่อมเรือดำน้ำทุกที่เลย ว่าแต่....เราดีใจเรื่องอะไรกันผมไม่เข้าใจซักนิด ในเมื่อประเทศไหนซื้อเรือดำน้ำก็ต้องมีสถานที่ซ่อมบำรุงอยู่แล้ว เออ.... ถ้าเราซื้อเรือดำน้ำแต่ประกาศจะไปซ่อมบำรุงที่เกาหลีเหนือ อันนี้สิค่อยน่าเป็นข่าวหน่อย วันนี้งงมากเลยขอตั้งกระทู้แบบมืน ๆ มันยังไงกันหว่า
เป็นการยืนยันนะครับ ว่าซื้อแน่นอน
ต้องขออภัยท่าน superboy ด้วยนะครับ ผมยังไม่ได้ไปเดินหาหนังสือของท่านสรศัลย์ให้ท่านเลย ยังไม่ลืมนะครับ ได้เมื่อไหร่จะรีบส่งให้เลย ตัวผมเองกว่าจะหาได้เกือบครบก็ใช้เวลาอยู่พอสมควร บางเล่มต้องไปถึงโรงพิมพ์ บางเล่มก็หาเอาร้านหนังสือเก่า บางเล่มก็สั่งซื้อเอาเหมือนกัน
เรื่องอู่ซ่อม ด. ที่ อรม. จากคลิปของท่านนก เข้าใจว่าตัวโรงซ่อมมีหลังคลุม สร้างจริงโรงซ่อมควรจะยาวกว่าเรือท่าจีนนะครับ จะได้ใช้ซ่อมบำรุงเรืออื่นได้ด้วย ไม่ใช่แค่เรือ ด. ลิฟท์ก็ต้องมีแรงยกพอด้วยนะครับ สรุปไม่ทำอู่แห้งเพิ่ม แต่ทำโรงซ่อมมีลิฟท์ยกเรือแทน ก็ดีนะครับ
ส่วนเรือแดวูลำที่สองที่ว่าจะสร้างที่ อรม. สงสัยว่าอาจจะได้ใช้โรงซ่อมนี้สำหรับสร้างเรือแดวูก่อน เพราะกว่าพี่จีนจะสร้างและส่งมอบเรือหยวนม๊อดให้เราก็อีก 5-6 ปีโน่นครับ
ถือเป็นเรื่องที่ดีครับ
ปล. ล่าสุดไปนั่งกินข้าวที่ร้านปะกาลังแหลมฉบัง ได้เห็นอู่ลอยของยูนิไทยตั้ง 3 ลำ มีเรือสินค้าซ่อมทำอยู่ ใหญ่โตกว่าเรือของ ทร. ทุกลำ แต่ไม่แน่ใจว่าอู่จะยาวใหญ่พอสำหรับเรือจักรีฯ และเรือสิมิลันหรือไม่ แต่ก็ถือเป็นตัวช่วยที่ดีหากอู่ อรม. งานแน่นนะครับ สนับสนุนเอกชนไทยด้วย
ไม่มีปัญหาครับท่านเสือใหญ่ ผมยังมีเอกสารสงครามโลกอีกเยอะมากที่ยังไม่ได้อ่าน เคยคิดจะไปดูสถานที่จริงแถวแก่งคอยด้วยนะ แต่ไม่รู้จะได้ไปไหม ต้องให้เพื่อนเจ้าถิ่นพาไปไม่งั้นก็คงมืน (เพราะหลายสิบปีแล้ว หลักฐานคงแทบไม่เหลือ)
เรื่องโรงซ่อมใหม่ 1.รองรับการต่อเรือฟริเกตได้ด้วยเหรอ 2.ผมว่ากว่าจะสร้างเสร็จอาจพร้อมเรือดำน้ำโน่นก็ได้ 3.แปลนแรกของอรม.มันใหญ่กว่านี้นี่นา (เท่าที่จำได้) นี่ก็เปลี่ยนแผนอีกแล้ว เปลี่ยนรัฐบาลแล้วจะรอดมั้ย
ตามรายงานข่าวกองทัพเรือก็จะส่งเอกสารไปให้กลาโหมพิจารณาในวันที่ ๙นี้ แล้วก็จะส่งเข้า ครม.พิจารณาต่อไปซึ่งคาดว่าจะเป็นในวันที่ ๑๔
แต่ว่ากันตรงๆส่วนตัวไม่เชื่อว่าเรื่องจะเข้า ครม.ได้จริง ภายในกรอบการใช้วงเงิน งป.๒๕๖๐ ไม่เกินสิ้นเดือนนี้
หรือถึงเข้า ครม.จริงและมีการอนุมัติจัดหาโครงการจริง ก็ไม่ใช่ว่า ทร.จะได้เรือดำน้ำมาใช้แน่ๆ
เพราะ ๖ปีตามแผนที่กองทัพเรือจะได้รับมอบเรือดำน้ำนั้น เป็นเวลาที่นานพอจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปอีกได้มาก
และที่น่าสนใจจริงๆคือโครงการสร้างเรือดำน้ำขนาดเล็กเองในไทยมากกว่าว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งน่าจะมีรูปแบบแตกต่างจากยานใต้น้ำที่พัฒนาเสร็จไปแล้วครับ
โรงซ่อมไม่ได้มีแค่โรงซ่อมเดียวน่ะครับ
ตัดคำพูดมาจาก ผู้คร่ำหวอดด้านจัดซื้ออาวุธครับ
โครงการ จะมี ราคา + ระยะเวลา ถ้าตราบใด ยังไม่หมดระยะเวลา แล้ววงเงินไม่เกินที่อนุมัติโครงการไว้ ก็ขออนุมัติจัดหาฯ ได้โดยไม่ต้องขออนุมัติโครงการซ้ำ แต่การขออนุมัติจัดหาฯ ก็ต้องเสนอพ้น ทร. ไปถึง ครม. ทุกลำ เพราะวงเงิน 13.5 หมื่นล้าน/ลำ เกินอำนาจ ผบ.ทร. อนุมัติ ซึ่งหมายความว่า ถ้า ครม. ไม่อนุมัติ ลำที่ 2-3 ก็ได้ ถ้าไม่อยากให้
ลุ้นให้ สตง. ซักฟอก เห็นว่ามีการกล่าวถึงข้อสงสัยในเรื่องสมรรถนะและประสบการณ์ในการสร้างเรือ ด. ของจีนกับเยอรมันและรัสเซียด้วย แถมมีการยื่นข้อเสนอเพิ่มภายหลัง ถ้ามิตรรักแฟนเพลงรอไม่ไหวก็ช่วยกันแห่ช่วยกันเชียร์เรือจีนไป แต่ถ้ายื้อออกไปก่อน ไม่แน่ว่าอาจได้เห็น อู-214 ติดธงช้างก็ได้นะครับ ฮ่าๆๆ... (ฝันส่วนตัวครับ)
ถ้าเป็นรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง จะมีโอกาสได้เรือดำน้ำกี่เปอร์เซนต์ครับ อันนี้ผมไม่ได้การเมืองน่ะ แต่เท่าที่ดูจากอดีตที่ผ่านมา
และ ทร ไทยเขาอยากได้ เรืออูเยอรมันหรอครับ U209 หรือ u210mod หรือ u214
วัดใจ ครม. กันเองครับ
ที่แน่ๆ ชัดเจนว่า ทร. ได้เรือ ด. แน่ เพียงแต่ว่ามันจะจบมื่อไหร่ และจะได้ของประเทศอะไร
ไม่เข้าใจจริงๆ ครับว่าทำไมต้องจีน นโยบายต่างประเทศของเราทำให้ต้องตัดสินใจซื้อของจีนหรือ
เยอรมัน เกาหลีใต้ สวีเดน รัสเซีย ต่างก็เข้ามาเสนอเรือ ด. ให้กับ ทร. บรรยายสรุปกันไปทุกเจ้าแล้ว คำพูดที่ว่าเค้าไม่ขายให้เราจึงตกไป
เว้นเรื่องเรือ ด. ไว้สักเรื่องได้ไหม เพราะมันมูลค่าสูงมาก และเป็นเรื่องของยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศเลย ทร. ควรได้ใช้ของที่ดีที่สุด เหมาะสมกับเรามากที่สุด ส่วนตัวเลือกเรือเยอรมันหรือเกาหลีไปเลย
เรือจีนถ้าเป็นเรือคอร์เวต โอพีวี ฯลฯ โอเคเลย ประมาณนี้เลย ไม่ว่ากันเลยครับ เพราะประสบการณ์เรือผิวน้ำจีนเรามีแล้ว ถ้าจะซื้ออีกก็รู้แล้วว่าต้องเน้นต้องระวังเรื่องคุณภาพงานต่อและวัสดุอย่างไรบ้างครับ
สงสัยคงต้องถามแหละว่า ทำไมเลือกจีน จีนให้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าที่เลือกจีน หรือมีมูลเหตุอะไรๆหรือเปล่าที่ต้องเลือกจีน
แม้แต่เยอรมันก็ยังมาเสนอขาย ที่จริง ทร เราคงอยากได้เยอรมันเป็นที่สุดล่ะครับ รุ่น 210mod คงไม่มีใครต่อต้านเท่านี้
เห็นด้วยตามนั้นเลยครับท่าน repeatafterme แต่สมาชิกส่วนใหญ่ของบอร์ดนี้คงเบื่อที่จะพูดคุยเรื่องนี้กันแล้ว เพราะคงคิดว่าสุดท้ายจีนก็นอนมา เสียเวลาถกกันให้เหนื่อยเปล่าครับ
รบกวนท่านผู้รู้ครับ
หาก สตง. ไฟเขียว และ ครม. อนุมัติ โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำมูลค่ารวม 36,000 ล้านบาท แล้ว เป็นไปได้ไหมว่าจะมีการพลิกโผ ไปลงนามจัดซื้อกับประเทศอื่นที่ไม่ใช่จีนแทนครับ ?
ถ้าได้ จะทำได้ด้วยวิธีอะไร ? จีนมีสิทธิจะฟ้องร้อง ทร. ไหม ? ระหว่างนี้มีเอกสารพูกพันอะไรระหว่าง ทร. กับ อู่ต่อเรือหรือเปล่า ?
คือผมกำลังคิดว่าถ้า ทร. ได้รับอนุมัติงบซื้อเรือดำน้ำแล้ว แทนที่ ทร. จะไปลงนามซื้อเรือจีนตามที่ให้ข่าวตอนแรก รวมทั้งที่ ทร. ชี้แจงกลาโหมและ ครม. ด้วยว่า ทร. พอใจเลือกที่จะซื้อเรือจีน กลับเป็นว่า ทร. ไปลงนามจัดซื้อเรือ ด. กับประเทศอื่นซะงั้น ไม่ใช่จีน โดย ทร. อ้างว่าพบข้อบกพร่องหรือข้อขัดข้องของเรือจีนหรือเงื่อนไขการซื้อขาย โดยที่เรือที่ ทร. เลือกมาใหม่ผ่านเกณฑ์พิจารณาจาก ทร. เหมือนกัน และอยู่ในงบประมาณที่ได้รับอนุมัติมาแล้ว อย่างนี้ ทร. จะทำได้ไหมครับ ?
ปล. เงื่อนไขใหม่คือ สมมุติว่า ทร. อยากได้ ด. ประเทศอื่น ทร. ไม่เอา ด. จีนแล้ว ครับ อิอิ...
ถ้าโครงการเรือดำน้ำ S26T จากจีนไม่ผ่านไม่ว่าด้วยเหตุผลหรือในรูปแบบใดก็ตาม ก็ไม่ใช่ว่ากองทัพเรือจะเลือกจัดหาเรือดำน้ำจากประเทศอื่นมาแทนได้ครับ
ยิ่งการจะให้มีการตรวจสอบโครงการจากหน่วยงานอื่นด้วยแล้ว ยิ่งเป็นตอกย้ำเหตุผลของฝ่ายที่ต่อต้านเรือดำน้ำที่ไม่ต้องการให้กองทัพเรือมีเรือดำน้ำประจำการแม้แต่ลำเดียวให้มีแนวร่วมมากขึ้นด้วยครับ
ส่วนตัวไม่เชื่อครับว่ากองทัพเรือจะประสบความสำเร็จในการจัดหาเรือดำน้ำครั้งล่าสุดนี้ เพราะเป็นไปได้มากที่สุดท้ายแล้วโครงการจะต้องถูกล้มเลิกด้วยเหตุอะไรสักอย่างเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตหลายครั้งครับ
http://manager.co.th/SpecialScoop/ViewNews.aspx?NewsID=9600000024478 ตอนนี้ สตง. กำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่ครับ มีการตั้งประเด็นคล้ายกับที่สมาชิกบางส่วนในเวปนี้และ TAF สงสัยคลางแคลงใจในข้อมูลของเรือหยวนม๊อดครับ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสมรรถนะ ความน่าเชื่อถือของตัวสินค้า ประสบการณ์ของผู้สร้าง การสนับสนุนการซ่อมบำรุง และที่สำคัญ การยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมหลังพ้นกำหนดการให้เสนอราคา
อ่านจากเวปไซท์สำนักข่าวหนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วครับ
ก็คิดไว้แล้วว่าฝ่ายที่ออกมาเคลื่อนไหวว่า ยังไงๆกองทัพเรือต้องได้เรือดำน้ำจีนแน่ๆไม่ต้องกลัว โดยการโจมตีที่ตัวบุคคลนั้น
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นการสร้างแนวร่วมในต่อต้านเรือดำน้ำจีน จากกลุ่มที่ต่อต้านการจัดหาเรือดำน้ำทุกแบบจากทุกประเทศ กับกลุ่มที่สนับสนุนการมีเรือดำน้ำแต่ไม่เอาเรือดำน้ำจีน
ถ้าโครงการ S26T นี้ล้ม กองทัพเรือก็คงต้องใช้เวลาอีกนานหลายปีมากในต้องโครงการใหม่
และฝ่ายที่ต่อต้านการมีเรือดำน้ำก็ต้องทำให้แน่ใจว่ากองทัพเรือจะไม่สามารถจัดตั้งโครงจัดหาเรือดำน้ำได้อีกในอนาคต หรือตั้งโครงการขึ้นมาได้ก็ต้องไม่มีทางที่โครงการจะผ่านได้ตลอดไปครับ
ความจริง โครงการเรือดำน้ำ ของ ทร. มันไม่ควรจะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลานี้อยู่แล้วครับ...ไม่ใช่ เรื่องที่จะน่าเสียดาย หรือ น่ากังวลอะไรเลย...
ทั้งจากข้อปัญหา...รัฐบาลที่ยังไม่ได้มาจากการคัดเลือกของประชาชน...ก็สร้างข้อจำกัดอยู่ในระดับหนึ่ง...ในขณะเดียวกัน...โครงการเรือดำน้ำของ ทร. มันแท้งไปตั้งแต่การล้มเหลว จากการจัดหา เรือดำน้ำมือสอง จากเยอรมัน อยู่แล้ว...ทร. เลยได้ เรือฟริเกตสมรรถนะสูง มาทดแทน...
โดยโครงการ เรือดำน้ำ จะเกิดตามหลังจาก โครงการเรือฟริเกตสมรรถนะสูง จัดหาครบตามความต้องการไปแล้ว ไงล่ะครับ...
แต่ รัฐบาลในขณะนี้ กลับ ดันทุรัง โครงการเรือดำน้ำ ขึ้นมา...ซึ่งมันก็ผิดเวลาอยู่แล้ว ครับ...
แถม สภาวะเศรษฐกิจในประเทศเอง...มันก็ยังไม่ควรจะใช้งบประมาณขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการลงทุนที่ไม่ได้สร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจกลับมาอยู่แล้ว...
การดันทุรัง ที่จะไปซื้อ เรือดำน้ำจีน ม้ันจะเป็นสร้างภาระงบประมาณให้กับ กองทัพเรือ เอง...เพราะ ประเทศจีน...ไม่ใช่ ประเทศสหรัฐอเมริกา...ที่ถ้าในอนาคต ประเทศไทย ประสบปัญหาทางงบประมาณ ไม่สามารถจะชำระหนี้การจัดหา เรือดำน้ำจีน ได้...และจะหยุดการชำระหนี้ได้ ประเทศจีน คงไม่ยอม...คงต้องจำ โครงการ จัดหา F/A-18D ของ ทอ. มาเป็นบทเรียนครับ...เกือบจะโดนยึดเงินที่ชำระไปแล้ว...แต่ สหรัฐ ก็พอจะยอมในการขาย F-16 ADF มาทดแทนให้ได้...และกลับไปสร้างภาระให้กับ สหรัฐ ในการที่ต้องซื้อ F/A-18D แทน ประเทศไทย...ซึ่ง ถ้าเป็น กรณีสำหรับ ประเทศจีน...ผมคิดว่า ประเทศจีน คงไม่ทำเหมือนสหรัฐแน่...
และในงบประมาณขนาดใหญ่ ถ้าไม่มีความพร้อมในงบประมาณจนมั่นใจ...ก็อย่าไปเสี่ยงเลยครับ..ผมเห็นด้วย...ที่ควรระงับโครงการ จัดหา เรือดำน้ำ ไปก่อนในเวลานี้...
เห็นด้วยว่าไม่ใช่เวลาซื้อเรือดำน้ำ ทร.น่าจะมุ่งไปยังเรือฟริเกตใหม่ลำที่ 2 มากกว่า เพราะกระแสตอบรับจากเรือหลวงท่าจีนดีพอสมควร เป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วกับการสั่งซื้อลำที่ 2 โดยนำมาประกอบเอง ปรกติเราก็สั่งซื้อเรือรบ 2 ลำพร้อมกันอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องรอให้ลำแรกเข้าประจำการ อ้อ เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำประจำเรือฟริเกตด้วยนะ อย่ามาดึงไปจากเรือหลวงจักรีเลยนะพ่อ
ส่วนกองเรือดำน้ำมุ่งพัฒนาเรือดำน้ำขนาดเล็กไหมครับ พวก recon sub ยาว 7-15 เมตร ก็ได้ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี รัฐบาลพร้อมเงินพร้อมค่อยจัดทำโครงการอย่างอารยประเทศเขาทำอีกที กำหนดคุณสมบัติและมีวิธีการสรรหาอย่างชัดเจน แล้วเราจะได้ของดีราคาไม่แพง (อย่างเรือฟริเกตฟิลิปปินส์ไรงี้)
เห็นคลิปเรือหมิงม๊อดของบังคลาเทศแล้ว รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยกับ ด. มือสอง เป็นแนวทางที่ ทร. ควรคงไว้เป็นออฟชั่น อย่าไปแหยงกับกรณี อู-206 นะ เพราะอนาคตไม่รู้จะเข็นกันยังไง ยิ่งถ้าเอาเรื่องเหตุเรื่องผลของสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ซื้อหรือเช่า ด. มือหนึ่งหรือมือสองม๊อดจะทำให้ ทร. มีโอกาสได้ ด. ง่ายขึ้น
ขออย่างเดียว ผมชื่นชมวิธีการของบังคลาเทศ แต่จีนมือสองไม่เอานะครับ มือหนึ่งยังทำใจลำบากเลย
สิงค์โปร์รวยกว่าเราตั้งเยอะ ไม่เห็นจะรังเกียจ ด. มือสองเลย
สรุปอีกที ประเทศที่ไม่ขายอาวุธให้รัฐบาลรัฐประหาร เค้าห้ามขายเฉพาะอาวุธที่เอาไปกดขี่รังแกประชาชนได้ อย่าง เรือ ด. ไม่อยู่ในข่ายครับ เราถึงได้เห็น เยอรมัน รัสเซีย สวีเดน อเมริกา ฯลฯ เสนอขายเรือ ด. เครื่องยนต์เรือรบ อีเอสเอสเอ็ม ฯลฯ ให้เราไงครับ แต่อย่าง ปลย. น่าจะอยู่ในข่าย ทราโว่ถึงได้เกิดไง ประมาณนั้นครับ
อืมม์.. น่าคิดเหมือนกันนะครับว่า สมมุติว่า ทร. ตั้งใจซื้อ ด. หยวนม๊อด เพื่อเอาไว้บาล๊านซ์เพื่อนบ้านด้านอันดามัน พวกเราๆ จะโอเคกันไหมครับ ?
แบบว่าเอา S-26T สามลำไว้ฝั่งอันดามัน (ปรับปรุงสถานีทหารเรือพังงา ?) เป็นเฟสแรก เพราะดูแล้วที่จะเดือดๆ กันน่าจะมาจากทางฝั่งนี้ก่อนหรือเปล่า (คือยังไงๆ พม่าคงจะต้องมี ด. ในอนาคตอันใกล้นี้แน่ๆ ไม่ ด. มือหนึ่งมือสองจากจีน ก็ต้อง อูมือสองจากตุรกี (มั้ง ข่าวว่าพม่าส่งทหารไปดูงาน/ฝึกกับสองประเทศนี้) เพราะบังคลาเทศก็มีหมิงม๊อดตั้ง 2 ลำแล้ว จากนั้น ทร. ค่อยมาตั้งโครงการที่สองเป็นเรือไม่เกินหนึ่งพันตัน (เรือ ด. ชายฝั่ง) 3 ลำ จะมีหรือไม่มีระบบเอพีไอก็ได้ เน้นเล่นไล่จับซ่อนแอบ เอาไว้ฝั่งอ่าวไทย ดูแลตามระยะเขตเศรษฐกิจ 200 ไมล์ทะเล ด้วยว่าภัยคุกคามน่าจะเร่งด่วนน้อยกว่า ถึงแม้ดูเหมือนว่ามีทรัพย์สมบัติให้ดูแลมากกว่านะครับ
นี่คิดแบบเอาใจพี่ใหญ่สุดๆ แล้วนะครับ อย่างอื่นคิดไม่ออกครับ คือภาพประมาณว่าจะเอาเด็กชายอ้วนใหญ่ตัวดำ (แจ๊ค แฟนฉัน) มาใส่ในกะละมังอาบน้ำพลาสติกใบเล็กๆ ไปทำไม อึดอัดตาย ห่... ฮ่ะๆๆๆ...
ข้อจำกัดของ รัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร คือ การจัดซื้ออาวุธ ด้วยวิธี จีทูจี น่ะครับ...
ซึ่งการจัดซื้อภายใต้วิธี จีทูจี เหมือนกับกรณี การจัดหา เรือดำน้ำจากประเทศจีน...รัฐบาลปัจจุบัน ก็คงไม่สามารถทำได้กับ ประเทศเยอรมัน ฝรั่งเศส หรือ เกาหลีใต้...การนำเสนอที่ผ่านมา...คงเป็นการนำเสนอขาย ในส่วนของ บริษัทเอกชน เอง...ซึ่งถ้าการจัดหา ในนามรัฐบาลปกติ ที่ผ่านจากการเลือกตั้งมาแล้ว...ข้อเสนอ หรือ เงื่อนไข พิเศษ อาจจะได้รับการสนับสนุนในการจัดซื้อแบบ จีทูจี ซึ่งอาจจะได้ แพคเกจ ที่ดีกว่าปกติ ก็เป็นได้ครับ...
ส่วนเรื่อง การมองภาพ การจัดหา เรือดำน้ำจีน โดยเบนเป้าไปที่ ฝั่งทะเลอันดามัน นั่น...
ผมว่า ฝั่งทะเลอันดามัน มีศักยภาพของเรือดำน้ำอยู่ในกรอบของหลายประเทศ ทั้ง อินเดีย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ในปัจจุบัน ก็จะมี ประเทศ บังคลาเทศ เพิ่มขึ้นมา...การที่ ไทย จะไปเพิ่มบทบาท เรือดำน้ำ ในฝั่งทะเลดังกล่าว เนื่องจาก พม่า จะมีการจัดหา เรือดำน้ำ มาประจำการนั้น...คงจะไม่ได้ประโยชน์ กับ ความคุ้มค่ากับ เศรษฐกิจการนำเข้า และส่งออก ของฝั่งทะเลอันดามัน เท่าไหร่...เพราะจุดศูนย์การเศรษฐกิจทางทะเลของ ประเทศไทย คงจะต้องโฟกัส ที่บริเวณ อ่าวไทย เป็นสำคัญ...
ในทะเลฝั่งอันดามัน จะมี บทบาทเรือดำน้ำ ของประเทศ อินเดีย อินโดนีเซีย และ มาเลเซีย ที่จะคอยถ่วงดุล การ กระทบ กระทั่ง ระหว่าง บังคลาเทศ และ พม่า หรือแม้แต่ การกระทบ กระทั่ง ระหว่าง พม่า กับ ไทย ก็ตาม...ในกรณี เกิดสงครามเรือดำน้ำ ได้ระดับหนึ่งอยู่แล้ว และคง ไม่มีนัยยะทางสงครามสำคัญ ที่จะเกิดเหตุการณ์ปิดทะเลทั้งคาบสมุทรอันดามัน ได้ เพราะเป็นสภาพทะเลเปิด...
ซึ่ง คงแตกต่างกับ สภาพทะเลปิด แบบ อ่าวไทย...ที่ เมื่อการกระทบ กระทั่ง ของคู่สงคราม ระหว่างประเทศอื่น ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อสภาพ การถูกปิดอ่าว ของ อ่าวไทย จากผลกระทบได้...แม้ ประเทศไทย จะไม่ใช่ คู่ขัดแย้ง ก็ตาม...
ดังนั้น ถ้าไทย จะมี กองเรือดำน้ำ ที่มีประสิทธิภาพจริง ๆ ก็ควรจะจัดหา เรือดำน้ำ ที่มีศักยภาพ เน้น การปฏิบัติการในบริเวณอ่าวไทย เป็นสำคัญ...ส่วน บทบาทใน ทะเลอันดามัน คงจะภาพได้ว่า เป็น ส่วนเสริม เท่านั้น ครับ...
ตามการวิเคราะห์ของท่านจูดาส บวกกับสถานะของโครงการจัดหาเรือดำน้ำของ ทร. ณ ปัจจุบัน ทำให้เห็นได้แต่ภาพ ในอีก 6 ปีข้างหน้า เรือหยวนม๊อด เอส-26ที ลำมหึมาจากจีนจำนวน 1 ลำ จะแล่นอวดธงช้างอยู่ในอ่าวไทยอย่างเดียวดาย แน่นอน... เฮ้อ..
ลำเดียวก็พอนะครับพี่ใหญ่
เฮ้อ จะมีข่าวดีเปล่าหนอ
หินโยนมาละ ลุ้นๆๆๆกินมะยมดองไป ห้าๆๆๆ