https://www.youtube.com/watch?v=G3hbtM_NJ0s
http://mil.news.sina.com.cn/china/2016-12-06/doc-ifxyiayr9199956.shtml
สหรัฐก็พยายามจะมีฐานทัพในไทยเช่นกัน
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า จีนเคย หรือ ได้ไปทำร้ายสหรัฐตั้งแต่เมื่อไหร ตรงไหน....สหรัฐจึงอยากฆ่าจีนให้ตาย ถึงได้ลงทุนขนาดนี้
ลำพังโลกร้อน ยากจน สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ มนุษย์โลกก็จะสูญพันธุ์อยู่แล้ว ยังมีพวกบ้าทุ่มเงินมหาศาลเพื่อจะมาล้างฆ่ามนุษย์ด้วยกันอีก
ถ้าเอาเงิน เอากำลังเหล่านี้ไปใช้ในทางอื่น โลกจะสวยงามน่าอยู่แค่ไหน
นานๆทีจะมีกระทู้เรียกแขก
Link แรกเป็นภาพยนตร์ไม่ใช่หรือครับ
The Coming War on China is John Pilger's 60th film for ITV. Pilger reveals what the news doesn't - that the world's greatest military power, the United States, and the world's second economic power, China, both nuclear-armed, are on the road to war. Pilger's film is a warning and an inspiring story of resistance.
เข้ามาฮา
อุ้ย รูปหล่น
อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิสราเอล รัสเซีย อิหร่าน อินเดีย นี่มันเลวจริงๆ ลำพังโลกร้อน ยากจน สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ มนุษย์โลกก็จะสูญพันธุ์อยู่แล้ว ยังมีพวกบ้าทุ่มเงินมหาศาลเพื่อจะมาล้างฆ่ามนุษย์ด้วยกันอีก
ถ้าเอาเงิน เอากำลังเหล่านี้ไปใช้ในทางอื่น โลกจะสวยงามน่าอยู่แค่ไหน
เนี่ย ตามภาพ
คนยิ่งไม่มีกินอยู่ เร่งต่อเรือออกมาเป็นร้อยลำ แย่จริงๆ
เลวมาก เอาเรือบรรทุกเครื่องบินไปรุกรานเขาไปทั่ว
แทรกแซงเขาไปทั่ว เอารถเกราะมาประชิดชายแดนบ้าง เจอโดรนในซีเรียด้วยเนี่ย ผู้ผลิตมันต้องสนับสนุนพวกก่อการร้ายแน่ๆ ปากีก็ยิงโดรนสอดแนมตกไป เห็นทีแรกบอกว่าเป็นของอินเดีย แต่มหามิตรประเทศไหนส่งมาไม่รู้ ชั่วจริงๆ
****ขำๆนะครับอย่าไปซีเรียส แค่ยกตัวอย่างบางประเทศขึ้นมาเอง เนอะ
Phu2000 ครับ
สหรัฐตั้งฐานทัพล้อมจีน 400 แห่ง คุณจะไม่ให้จีนสร้างอาวุธป้องกันตัวเลยหรอครับ
ทุกอย่างต้องดูเหตุและผล
สหรัฐตั้งฐานทัพล้อมจีนก่อน หรือ จีนสร้างอาวุธร้ายแรงมากมายก่อน
ต้องดูว่าอะไรเกิดก่อนกัน
................
สมัยก่อน รัสเซียมีฐานทัพใกล้สหรัฐเพียงแห่งเดียว สหรัฐก็ไม่ยอมแล้ว
แต่ตอนนี้สหรัฐตั้งฐานล้อมจีน 400 แห่ง สหรัฐยังโวยว่าจีนคือผู้คุกคาม (ทำอย่างกับจีนไปตั้งฐานทัพล้อมสหรัฐไว้)
---------------
ข้อสังเกตุ
เป็นเพราะผมโปรจีนหรือเปล่า
เลยเป็นที่ไม่ชอบขี้หน้าของคนในเว็บนี้ หรือเปล่า (ดูเหมือน)เห็นแต่ละคนไม่ค่อยจะมิครกับผมนัก
(ผมสงสัย...เป็นไปได้ไหม มีบางคน เป็นพวกรับจ้างไอ้กัน ไอ้ยุ่น แฝงตัวเข้ามาสร้างความเกลียดชังจีน)
ถ้าไม่นับฮ่องกงและมาเก๊า จะมีประเทศที่มีพรมแดนติดกับจีน 15 ประเทศ รวมทั้งรัสเซีย มองโกเลีย เกาหลีเหนือ เห็นว่าสหรัฐตั้งฐานล้อมจีนตั้ง 400 แห่งโอโห สหรัฐมีฐานอยู่ประเทศละ 26.66 แห่ง ว่าแต่รัสเซียกับเกาหลีเหนือนี่ญาติดีกับสหรัฐตั้งแต่เมื่อไหร่ ให้เข้าไปตั้งฐานได้ตั้งยี่สิบสามสิบแห่ง...... มุขแป๊ก
เลิกตลก มาจริงจัง ฐานตั้ง 400 แห่งมันที่ไหนบ้างครับ แล้วที่ว่าล้อมจีนล้อมยังไง ที่ผมเห็นๆก็ที่ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ที่อยู่ใกล้จีนหน่อย ส่วนภาคตะวันตกของจีน ผมนี่ความรู้น้อยจริงๆ นึกไม่ออกว่ามีที่ไหนอีก แต่ให้เดาว่าฐานที่ใกล้สุดๆ คงห่างพรมแดนจีนเป็นพันกิโลแน่นอน ผมว่าข้อมูลมันโอเวอร์สุดๆ ไม่น่าเชื่อถืออย่างแรง แถมอ้างอิงจากหนังอีก ไปกันใหญ่ แบบนี้คุณดูอเวนเจอร์ ไม่คิดว่าสหรัฐสมคบต่างดาวจะครองโลกเหรอ ด้วยความเคารพ ผมขอขรรม..........
ไม่เกี่ยวหรอกว่าโปรชาติไหน แค่คุยกันด้วยเหตุผลเป็นหลัก ถ้าไม่มีเหตุผล หรือเเหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ บวกอคติไปด้วยและไม่รับฟังข้อมูลจากคนอื่น จากโปรก็จะกลายเป็นติ่ง
ที่ว่า จีนถูกสหรัฐตั้งฐานทัพล้อมไว้ 400 แห่ง และ มุ่งจะทำสงครามกับจีน.....
ผมไม่ได้พูดเอง แต่สารคดีที่ผลิตโดยฝรั่งบอกไว้เช่นนั้น
สารคดีนี้จะเริ่มออกฉายวันที่ 6 ธ.ค 59 นี้ (วันนี้) ช่อง ITV ของอังกฤษ (ถูกผิดไม่รู้ อ่านจากเว็บอีกที ลองค้นหาติดตามดูแล้วกัน)
ข่าวจาก tabloid เนี่ยนะ...
ความจริงเรื่องนี้เป็นความรู้ระดับประถม การที่อเมริกาจะตั้งฐานทัพ 400 แห่งล้อมจีนให้ได้นั้น ต้องมีตำแหน่งที่ชัดเจนอยู่บนแผนที่ทั้งสามโลกอย่างแน่นอน (อย่างน้อยก็ครึ่งนึงล่ะฟระ) ไม่ต้องอิงกับสารคดีหรือภาพยนต์ยุค 60 แต่อย่างใด
เรามาพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์กันดีกว่า จขกท.ก็แค่เอาแผนที่มากาง แล้วกาให้ดูหน่อยว่ามันอยู่ตรงไหนบ้างเท่านั้นเอง ง่ายมากครับทำเลย ;)
ผมเนี่ยแหละครับได้รับจ้างวันละเมนท์ละ 1,000 คุณจขกท.ไม่มาลองย้ายค่ายดูบ้างเผื่ออัพรายได้
ว่าแต่เอ๊ะ ดูเหมือนคนที่ชอบโพสต์แอนตี้โจมตี้ประเทศอื่นแบบไม่รู้เค้าไปเผาบ้านคุณมาก่อนนี่มักจะเป็นโปรจีนออกมาโพสต์ด่าอเมริกานะ อืม..หรือว่า...
สรอ. มองทุกประเทศที่มีศักยภาพทางทหารสูงและไม่ใด้เป็นพันธมิตรว่าสามารถเป็นภัยคุกคามต่อผลประโยขน์ของอเมริกาใด้ทั้งนั้นล่ะครับ สำหรับ สรอ. การเดินทางในน่านน้ำสากลใด้ทั่วโลกคือดัชนีที่ชี้ให้เห็นถึงความพร้อมในการปกป้องผลประโยชน์ของชาตืตน เครื่องมือสำคัญทางยุทธศาสตร์นั้นคือ เรือบรรทุกเครื่องบิน และเรือดำน้ำนิวเคลียร์
จีน และ รัสเซีย เองก็ไม่รู้สึกปลอดภัยที่กองเรือของ สรอ ที่มีศักยภาพสูงมาก สามารถมาป้วนเปี้ยนนอกชายฝั่งตัวเองห่างออกไปแค่ไม่กี่ไมล์ใด้ จึงเป็นที่มาของ Access Denial Area ที่เริ่มเป็นหัวข้อที่นำมาวิเคราะห์กันเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา จีนเองก็โชว์ศักยภาพทางทหารมากขึ้นเรื่อยๆ จรวดปราบเรือบรรทุกเครื่องบินก็เตรียมไว้สำหรับ สรอ. โดยเฉพาะ
คหสต. ผมว่า ทั้งโลกนี้ มีแค่อเมริกาปรถเทศเดียวที่มีศักยภาพในการวางกำลังทางเรือไว้ทั่วโลกแบบนี้ จะเพลาๆท่าทีทางการทหารลงบ้างก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร (คนอเมริกันส่วนใหญ่ก็คิดว่า. สรอ น่าจะ relax ใด้มากกว่านี้ ) แต่หลายครั้งการแสดงออกเป็นไปในเชิงแสดงสัญลักษณ์ เช่นเอาเรือแล่นเข้าไปไกล้กับเกาะที่จีนสร้างกลางทะเลจีนใต้เพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่านี่คือน่านน้ำสากล ฉันจะผ่านตามปกติ Access Denial ไม่ใด้นะ โดยที่จีนจะทำคือ เอาจรวดต่อต้านเรือบรรทุกเครื่องบินไปติดตั้งบนเกาะนี้ และตามจุดต่างๆเพื่อให้เกิด Access Denial Area ตอนนี้ ผมเชื่อว่า มีโปรแกรมเป้าหมายเหล่านี้พร้อมสำหรับทีจะโปรแกรมให้ โทมาฮอว์คไว้บ้างแล้วไม่มากก็น้อย
ใครที่ชอบเชียร์มวยรองก็จะหงุดหงิดหน่อยว่า ตัวก็ใหญ่กว่า อาวุธก็เยอะกว่า หนักกว่า มรึงจะอะไรนักหนา...
ทีนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่กังวลกันก็คือ สงครามสมัยใหม่นี้ ถ้าเกิดขึ้นระหว่างมหาอำนาจนิวเคลียร์ มันอาจเข้าสู่โหมดการใช้อาวุธนิวเคลียร์ใด้ง่ายๆ ภาพยนต์ที่ว่าก็พยายามสื่อในแนวนี้นะครับ. แต่เราไปมุ่งประเด็นกับ ฐานทัพ 400 แห่งมากไปหรือเปล่า
เหมือนสมัครล็อคอินมาเกรียนเลยนะเนี้ย จีนน่ากลัวกว่าเยอะแผนที่ลิ้นหมานี้เป็นไรที่อัปยศสุดละ
ประเด็นมันน่าจะมาจาก จขกท.มากกว่า
คือหนังกับจขกท.อาจพูดไม่ตรงกัน
เช่น
1 สรอ.มุ่งเปิดสงครามหรือเปล่า บอกเลยว่าเปล่า ไม่อยากรบด้วยเพราะรบกับจีนเจ็บตัวแน่ๆ แต่สรอ.ต้องการรักษาผลประโยชน์+อิทธิพล
2 สรอ. จะฆ่าจีนให้ตาย ก็ตามข้อแรก สรอ.ไม่ได้ต้องการฆ่าจีน แต่สรอ.ต้องการรักษาผลประโยชน์ตัวเอง แล้วจีนมันประเทศใหญ่มีอิทธิพลเหมือนกัน การจะเอาอิทธิพลไปค้ำก็ต้องให้สมน้ำสมเนื้อตามศักยภาพคู่ต่อกร
ผมไม่ได้เห็นด้วยกับนโยบายต่างประเทศสรอ. เรียกว่าเกลียดด้วยซ้ำพวกประเทศใหญ่ใช้กำลังทางทหารมาแปลงเป็นขูดรีดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากประเทศเล็กๆ แต่จีนก็ไม่ได้ต่างกัน ตอนนี้จีนก็พยายามแผ่อำนาจไปทั่วโลกเหมือนกัน ไปขูดรีดเขาเหมือนกัน หลักๆก็เล็งพวกประเทศจนๆ หรือเผด็จการจากโลกที่สามในแอฟริกาเป็นต้น ไปตั้งฐานทัพในอัฟริกาแล้วนะครับ บริษัทไปดูดสัมปทานทรัพยากรจากประเทศจนๆ จนโดนชาวบ้านเกลียดก็มี
สรุปคือจีนมีอเมริกาเป็นไอดอล เดินตามรอยเลย
รับทราบครับท่าน teoytei. ผมชอบที่ขมวดตอนจบ
ที่ผมพยายามจะสื่อคือ ท่าน จขกท. พยายามชี้แจงว่าในประเด็นที่ว่ามีถึง 400 ฐานทัพ ท่านเขียนตามจั่วหัวของสื่อ ตต และ/หรือ หนัง/สารคดีที่อ้างถึงไม่ใด้กล่าวขึ้นมาเอง. ส่วนตัวผมคิดว่าจำนวนฐานทัพไม่ใช่สาระสำคัญที่บทความ/เรื่องนี้ต้องการนำเสนอ
ประเด็นสำคัญคือ " การปิดล้อม " ซึ่งผมคิดว่าอเมริกามีฐานทัพอยู่ทั่โลกมากมายตั้งแต่ก่อนที่จีนจะเพิ่มบทบาททางทหารในช่วง 20กว่าปีมานี้. ถ้าจำใด้ ช่วงนั้น สรอ เคยเสนออย่างตรงไดตรงมา/ชัดเจนว่าต้องการให้ญี่ปุ่นเพิ่มบทบาททางการทหารในภูมิภาค แต่ญี่ปุ่นไม่ใด้ตอบสนองอย่างชัดเจนอะไร. ส่วน สรอ เองก็ดูเหมือนต้องการความมั่นใจว่าตนเองจะไม่เป็นสมันในเอเชียแปซิฟิคถ้าเกิดต้องใช้กำลังจริงๆ การหาพวก/ตั้งฐานทัพเพิ่มเลยเป็นหัวข้อหลักอันึงในนโยบายปักหมุดเอเชีย.
และก็ตามนั้นล่ะครับ. มหาอำนาจทางทหาร/เศรษฐกิจก็ทำแบบเดียวกันเกือบทั้งหมด. อเมริกาเองก็ตัวดีนักแล. ที่คนจีนในคลิปวิเคราะห์ว่าจีนแค่/ม่ค้องการให้ สรอ. Dominate / อ้างถึงกำแพงเมืองจีน นั่นก็ฟังดูดีครับ เข้าใจหาเหตุผล ซึ่งผมว่าถ้านับกันในช่วงเวลาเท่าๆกันในประวัติศาสตร์ ผมว่าจีนทำความวุ่นวายให้โลกน้อยกว่าอเมริกานะ.
ถ้ามองจากมุมอเมริกามาก็จะประมาณว่าจะยอมให้เกิดเพิร์ลฮาเบอร์ 2ใด้อีกมั้ยล่ะ ? ถ้าไม่ ก็ต้องจัดการแบบป้องปรามเชิงรุก ลาดตระเวณให้ไกลๆ มีฐานอยู่หลายๆที่ในแต่ละภูมิภาค และป้องปรามขาโจ๋วใหม่ๆที่กำลังก้าวขึ้นมาเทียบขั้น โลกมันก็เป็นมาแบบนี้ตลอดมานะ
ต่างแค่เป็นยุคของใคร ชนชาติใด. ( เมื่อไหร่จะเป็นทีของชาติไทยล่ะนี่)
มีบางท่าน เอาแผนที่ทะเลจีนตะวันออก และ ทะเลจีนใต้ มาโชว์ ซึ่งจีนมีข้อพิพาททางทะเลกับเพื่อนบ้าน
(แต่ที่เอามาโ่ชว์ไม่รู้จะเสื่ออะไร จะสื่อว่าจีนกร่าง จีนผิด จีนนักเลง จีนไปยึดน่านน้ำของคนอื่น หรือเปล่า)
ผมมีความคิดเห็นดังนี้
1.. ทะเลจีนตะวันออกที่จีนมีข้อพิพากกับญี่ปุ่น โดยจีนจะยึดร่องน้่ำทะเลเป็นเขตแดนน่านน้ำ ซึ่งตามกฏหมายระหว่างประเทศมีกฏเช่นนั้น แต่ญี่ปุ่นจะยึดเส้นระหว่างกลางทั้งสองประเทศเป็นเขตแดนน่านน้ำ (มีเหตุผลทั้งคู่)
แต่ปัญหาก็คือ เกาะโอกินาว่า(ชื่อจริงคือ หมู่เกาะประเทศริวกิว ที่ยุ่นยึดมา 100 กว่าปีนี่เอง ) ที่ญี่ปุ่นอ้างเป็นของตนเอง ไม่ได้รับการยอมรับจากจีน แม้แต่สหรัฐก็ไม่ยอมรับ สหรัฐยอมรับญี่ปุนเป็นแค่ประเทศผู้ดูแล ที่สหรัฐมอบให้ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากจีนและนานาประเทศผู้ชนะสงครามโลก2 สหรัฐโอนสิทธิการดูแลให้ญี่ปุ่นโดยมีเงื่อนไขการคงอยู่ของฐานทัพสหรัฐนับสิบแห่งบนเกาะ
...........ฉะนั้น หมู่เกาะโอกินาไม่ใช่ดินแดนโดยถูกต้องตามกฏหมายะรหว่างประเทศ ของญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจะมาอ้างกรรมสิทธิทะเล และ เกาะใกล้เคียงย่อมไม่ได้(เช่น เกาะเตียวหยู) (สินธิสัญญายอมแพ้ของญี่ปุ่น เขียนไว้ชัดเจน ดินแดนญี่ปุ่นประกอบด้วย 4 เกาะใหญ่เท่านั้น นอกนั้นต้องคืนให้เจ้าของเดิม)
2....ทะเลจีนใต้.....จีนไม่ได้อ้างกรรมสิทธิต่อเกาะต่างๆในทะเลจีนใต้แค่ 20 ปี หรือ 30 ปี เหมือนประเทศอาเซี่ยนบางประเทศ แต่จีนอ้างนับหลายร้อยปีมาแล้ว แผนที่โบราณของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะของประเทศตะวันตก ล้วนระบุชัดว่าเป็นเกาะของจีน แม้แต่แผนที่ของญี่ปุ่น ฟิลิปินส์ สหรัฐ ก่อนปี 1965 ก็ล้วนระบุชัดว่าเป็นของจีน...รัฐบาลเวียตนามช่วงที่ญาติดีกับจีน(ช่วงหลังสงครามเวียจนามใหม่ๆ) รัฐบาลถึงกับออกหนังสือรับรองเกาะต่างๆในทะเลจีนใต้เป็นของจีน
และ อีกหลักฐานหนึ่งที่ยืนยันว่านานาประเทศ ล้วนยอมรับเกาะต่างๆในทะเลจีนใต้เป็นของจีนคือ หลังญี่ปุ่นยอมแพ้สงครามโลก2 สหรัฐได้นำเรือรบมาช่วยรัฐบาลจีนในขณะนั้นรับมอบเกาะต่างๆจากทหารญี่ปุ่น(ที่ยึดเกาะเหล่านั้นไว้)...
เอาเป็นว่า ประเทศอาเซี่ยนที่อ้างกรรมสิทธิเกาะในทะเลจีนใต้ เกือบทั้งหมดเริ่มหลังจาก คศ ปี 1970 ทั้งนั้น...ซึ่ช่วงนั้นจีนยากจน อ่อนแอ มีปัญหาภายในมาก ไม่สามารถดูแลเกาะห่างไกลได้ทั่วถึง จึงถูกประเทศบางประเทศในอาเซี่ยนยึดเกาะไปจำนวนมาก ตอนนี้จีนเหลือแค่ 7 เกาะ....
ล่าสุดไม่กี่วันก่อนสื่อสหรัฐรายงาน เวียตนามถมเกาะ 20 กว่าแห่ง พร้อมเสริมอาวุธประจำทุกแห่ง
จริงๆแล้ว เกาะต่างๆและน่านน้ำที่เวียตหนามอ้างกรรมสิทธิ ไม่ใช่ซ้ำซ้อนแค่กับจีนเท่านั้น ยังซ้ำซ้อนกับฟิลิปินส์ด้วย
นึกถึงสมัยประมาณ 4-5 ปีก่อน มีสมาชิกท่านนึง ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว แกโปรอเมริกามาก แถมแอนตี้จีนสุดๆ
ไม่ว่าอะไรๆก็จะโจมตีแต่ฝั่งจีน และ เชียร์แต่ฝั่งอเมริกาเท่านั้น...เหมือนๆคุณโปร-จีนตอนนี้นี่แหละครับ
เพียงแต่สลับขั้วกันเท่านั้นเอง
ที่จริงใครจะโปรข้างไหน ฝ่ายไหนก็ไม่มีใครผิด ใครถูกหรอกเนอะ...เรื่องอย่างนี้มันเป็นความชอบส่วนบุคคล...ห้ามกันไม่ได้
เพียงแต่คิดว่าถ้าสมาชิก 2 ท่านนี้ปรากฎตัวในบอร์ด ในช่วงเวลาเดียวกัน คงสนุกพิลึก
ท่าน โปร-จีน ครับ
ผมเพิ่งค้นเอกสารทางอินเตอร์เนทอ่าน เอกสารนั้นชื่อว่า " Japanese instrument of surrender " ถ้าสมาชิกท่านใดสนใจลองเข้าไปอ่านดูนะครับ นี่คือเอกสารยอมแพ้ในสงครามโลกครั้งที่2 เท่าที่อ่านไม่มีการกล่าวถึงประเด็นของดินแดน เขตแดน และกรรมสิทธ์ใดๆนะครับ. ผมไม่สันทัดเรื่องประวัติศาสตร์นะครับ แค่สนใจอ่านเป็นจุดๆไปเวลามีเรื่องให้คิด ถ้าท่านอ้างอิงถึงเอกสารอื่น ช่วยระบุชื่อหรือ link หน่อยครับ คือผมคิดว่าถ้ามันเป็นเรื่องที่มีการยอมรับกันตามเอกสารไปแล้ว เรื่องนี้ก็น่าจะจบไปนานแล้ว
(ตอบด้านบน)
ไม่เก่งภาษา หาด้วยความยากลำบากได้แค่นี้
https://en.wikipedia.org/wiki/Surrender_of_Japan
http://www.tiikoni.com/tis/view/?id=690f2ab
ขอบคุณครับ
อ่านแล้ว... ก่อนอื่นคงต้องลำดับเหตุการณ์ และความสัมพันธ์ของเอกสารที่กำลังพิจารณากันก่อนนะครับ ถ้าท่านใดมีความเห็น/ข้อมูลขัดแย้ง เชิญติงมาใด้นะครับ
potsdam declaration คือประกาศที่ฝ่ายสัมพันธมิตร ประชุมร่วมกัน แล้วออกแถลงการณ์นี้ออกมา เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 1945 ส่งให้ฝ่ายญี่ปุ่น นี่คือแถลงการเงื่อนไขให้ญี่ปุ่นยอมแพ้ พร้อมทั้งสำทับตบท้ายว่าถ้าหากไม่ยอมทำตามนี้ จะพบกับวิบากกรรม (utter consequnces) อันใหญ่หลวง ญี่ปุ่นไม่ตอบสนองนะครับ ในเวลาเดียวกันญี่ปุ่นพยายามเจรจาทางลับกับรัสเซียในเงื่อนไขการหยุดยิง
เมื่อญี่ปุ่นไม่ตอบสนอง สัมพันธมิตรทำไงครับ.. สู้กันต่อไป จน....
วันที่ 6 ส.ค. 1945 ปรมาณูลูกแรงลงที่ฮิโนชิมา
วันที 9 ส.ค.1945 ปรมาณูลูกที่สองลงที่ นางาซากิ
15 ส.ค. 1945 ญี่ปุ่นตกลงยอมแพ้สงคราม
2 ก.ย. 1945 การยอมแพ้อย่างเป็นทางการ เอกสารเซ็นกันบนเรือรบ สรอ ในอ่าวโตเกียว ณ วันนั้น potsdam declaration ไม่มีส่วนร่วมในฐานะของเอกสารการยอมแพ้ของญี่ปุ่นนะครับ
ถ้าเอาตามเอกสาร ผมว่าญี่ปุ่ณก็ต้องดิ้นสุดโต่งแน่นอน เพราะมันไม่ขาว-ดำ .... มันทำใจยากมากนะ ถ้าจะให้รับว่า ประเทศกกรูจะเหลือแค่ สี่เกาะ ตามที่สัมพันธมิตรมากำหนดให้ แล้วเกาะเล็กเกาะน้อยที่ห่างออกไปหน่อยกรูต้องสละหมดเลยเหรอ ?
ถ้าเอาประวัติศาสตร์มาเช็คดู เรื่องหมู่เกาะสแปรตลีย์ และพาราเซล ผมค่อนข้างเอนเอียงว่ามันเป็นของจีนที่ญี่ปุ่นยึดไป เมื่อปี 1939
ด้วยเหตุนี้ จีนก็มาทวงยิกๆว่าให้ ญี่ปุ่น ยึดถือเอาตาม potsdam declaration ที่มีการนำมาเสนอ "ก่อน" ญี่ปุ่นจะถูกปรมาณูและยอมแพ้ในที่สุด
แต่ ญี่ปุ่นก็คืน สแปรตลีย์ และ พาราเซล แล้วนะ
แต่ไอ้ที่มันลักลั่นคือ.... ตัวแทนชาวจีนที่ประชุมอยู่ใน Potsdam Declaration ในครั้งนั้น ชื่อ เจียง ไค เช็ค ครับ ตามประวัติศาสตร์การจัดตั้ง ROC มีมาตั้งแต่ 1912 มาแยกเอาจริงๆ ตอนปลายปี 1949
เอาเป็นว่า เจียง ไค เช็ค เจรจาใน Potsdam Declaration ในฐานะตัวแทนจีนก็ใด้เอ้า ( แต่เอกสารทางประวติศาสตร์ที่บันทึกไว้ในช่วง ww II. ก็ใช้ว่า Republic Of China หลายจุดอยู่นะ )
พอ UN ไม่รับรอง ROC ( สรุปเมื่อ1971 ) มันก็ต้องกลายเป็นว่าอะไรที่ ROC เคยเคลมไว้ มันก็ต้อง เป็นจีนไปโดยปริยาย หรือเปล่า...
แล้วพอมาดูเรื่องช่วงเวลาที่ประเทศแถบนี้เข้าไปอ้างกรรมสิทธิ์ต่างๆนาๆบนหมู่เกาะนี้ก็มีผลมาจากการที่เล็งการณ์ว่า เมื่อ ROC ไม่ใด้รับการยอมรับการสถาปณา หมู่เกาะเหล่านี้ก็อยู่ในสภาพ " ลอย " ใช่ หรือ ไม่ ...
แต่ญี่ปุ่นที่ไม่มีเจตนาจะยอมตาม potsdam declaration อยู่แล้ว ก็สบช่อง หาทางปลิ้นไปใด้อีกดิ
แต่อย่ามาอะไรกับผมมากละกันนะ... เรื่องประวัติศาสตร์นี่ต้นทุนผมต่ำ
น่าจะเป็น Potsdam Declaration นะครับ ไม่ใช้ Potsman
จำใด้ว่าตอนพิมพ์อยู่ ออโตคอเรค แก้ให้เป็น "postman" อยู่ที่นึง ผมเลยไหลตามไปเลย ตอนนี้ถ้าท่าน p55 ไม่ทักผมก็จะจำว่า potsman ไปอีกนานเลยนะเนี่ย. ขอบคุณที่ติงมาครับ เดี๋ยวจะกลับไปแก้ซะ
good na
ดีๆไม่เหงา
ทหารยังซ้อมรบ กัน ตลอดเวลา
ฮิๆๆ
โปร จีน เราได้เรือจากจีน กี่แบบ กี่รุ่น บ้างหนอ
มีรถหุ้มเกาะ มาแจม ด้วยเปล่า
แล้วจีน จะแก้เกมส์ เช่นไร อีกยี่สิบปี เทคโนจีนคงก้าววหน้า กว่าเดิมเยอะ
วิ้วๆๆ %$%@rf3467<MNB(())
เครื่องสังคโลกจากเตาเมืองศรีสัขนาลัยมีระยะเวลาในการผลิตในราว 200 – 250 ปี ( ช่วงพุทธศต วรรษที่ 19 – ต้นพุทธศตวรรษที่ 22 ) และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ซึ่งไม่เพียงแต่ขายภายในประเทศเท่านั้น แต่การพบสังคโลกตามแหล่งเรืออับปางต่างๆ ในอ่าวไทย เช่น เรือคราม , เรือพัทยา , เรือประแสร์ และในแหล่งโบราณคดีในต่างประเทศ เช่น ที่ Santa Ana , Calatagan ประเทศฟิลิปปินส์ และ Indragiri , Djambi ประเทศอินโดนีเซียก็เป็น หลักฐานที่ยืนยันได้ว่าเครื่องสังคโลกเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญส่งไปขายยังต่างแดน ตลาดการค้าที่สำคัญคือหมู่เกาะแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวญี่ปุ่นนั้นให้ความนิยมเครื่องสังคโลกเป็นอย่างมากนำไปใช้ในพิธีกรรมสำคัญ เช่น พิธีชงชา และมีชื่อเรียกเฉพาะเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า “ซังโกโรกุ”
ด้วยตรรกะเดียวกัน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และฟิลลิปปินส์ควรเป็นดินแดนของประเทศไทยด้วย
ไม่คิดว่าโพสนี้จะมีคนตอบเยอะขนาดนี้เลยครับ
เอาเป็นว่าอ่านเอาขำๆเถอะ
มันน่าจะจบตั้งแต่ US ตั้งฐานทัพ 400 ฐานล้อมจีนแล้วล่ะครับ
ส่วนตัวผม ผมเห็นว่า เรื่องนี้ไม่มีผู้ดี ผู้ร้ายครับ ทั้งหมดนั้นเป็นแค่การรักษาผลประโยชน์ของประเทศของตน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นประเทศใดหากมีศักยภาพที่จะกระทำได้ ก็คงลงมือกระทำทั้งสิ้นครับ ยุคสมัยหนึ่ง สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีศักยภาพทางสงครามสูงจะไม่มีใครเทียบได้ เขาก็ทำตัวกร่างไปบ้าง บัดนี้ จีนเริ่มพัฒนาขึ้นมาทาบรัสมี จีนก็ถือเอาสหรัฐอเมริกาเป็นแม่แบบเช่นกันครับ และสมมุติว่า สักวันหนึ่ง อเมริกาล่มสลาย จีนกลายเป็นเจ้าโลก ผมก็คิดว่า จะมีฐานทัพจีน รอบโลกเช่นกันแหละครับ ซึ่งผมก็ไม่ได้มองว่า จีนผิดนะครับ มันเป็นวิถีทางแห่งอำนาจ บ้านเราเองก็เถอะในสมัยที่โลกเราแคบกว่านี้ (ยุคที่การคมนาคมสื่อสารยังไม่เจริญ) ตอนที่ชาติเราเป็นใหญ่ในอุษาคเนย์ เราก็ทำอะไรที่คล้ายๆ กันนี้กับรัฐที่เล็กกว่าเหมือนกันแหละครับ
เรื่องฐานทัพ 400 แห่ง ผมลองดูจาก Link ที่ 3 ที่ จขกท ให้มาแล้ว ภาพแสดงตำแหน่งฐานทัพดังนี้ครับ
จะเห็นว่า ภาพแสดงฐานทัพของอเมริกาทั้งโลก โดยนับเอาฐานทัพภายในประเทศสหรัฐอเมริการวมเข้าไปด้วย หากภาพนี้เป็นความจริง ก็จะเห็นได้ว่า อเมริกามีฐานทัพอยู่ทั่วโลก ฐานทัพทั้ง 400 แห่ง จึงไม่ใช่เป็นฐานทัพที่มีไว้ปิดล้อมจีนทั้งหมดอย่างแน่นอนครับ
หากดูจากในภาพ ผมว่า ประเทศซาอุดิอาระเบีย หรือ เม็กซิโก ยังดูคับขันกว่าจีนอีก เพราะโดนฐานทัพอเมริกาล้อมซะมิด ในขณะที่จีนยังมีทางออกหลังบ้านเป็นแผ่นดินยูเรเซียที่แสนกว่างไกล
พูดตามตรงเลยนะ จีนอย่าเพิ่งหลงตัวเองว่าสหรัฐกลัว ถ้าว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจนั้นใช่ แต่อย่าลืมว่ามันเป็นเศรษฐกิจของจีนเป็นแบบการเพิ่งพาทุนจากนอกประเทศเป็นหลัก พอทุนจากนอกประเทศลดลง เศรษฐกิจจีนก็สะเทือนเหมือนกัน
แต่ถ้าว่าด้วยเรื่องทางทหารและด้านความมั่นคง สหรัฐมองจีนยังแค่ เด็กๆ เพิ่งเริ่มหัดเดิน (และถูกจับตามองภายหลังจากโซเวียตล่มสลาย) ที่สหรัฐกลัวตอนนี้ที่สุด คือการ ฟื้นตัวของประเทศรัสเซีย ต่างหาก ประเทศนี้ในอนาคต จะคุมตลาดการค้าด้านพลังงานแทนตะวันออกกลาง เพราะรัสเซียมีพลังงานสำรองมากยิ่งกว่าซาอุฯซะอีก ถ้า มีสมาชิกท่านนึงบอกว่าอีกยี่สิบปี จีนจะน่ากลัว ตามความเห็นของผม ผมว่าจีนก็ยังเกาะเทคโนโลยีจากรัสเซียอยู่ดีนะแหละ และก็ใช้วิธีขอซื้อเทคโนโลยีอย่างลับๆ ระหว่างรัฐต่อรัฐ จากประเทศอื่นๆโดยไม่เปิดเผยต่อสาธารณะชน ความคิดริเริ่มในเรื่องของเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์มันไม่ใช้จะทำกันได้ง่ายๆ เอาง่ายๆลองเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างยุคคอมมิวนิสต์แบบปิดประเทศ ระหว่างจีนกับโซเวียต ดูเอาเองแล้วกัน โซเวียตสามารถพัฒนาบุคลกรและสร้างนักวิทยาศาสตร์รวมไปถึงวิศวกรเก่งๆ หลายต่อหลายคนจนดังเป็นข่าวไปทั่วโลก จนสามารถสร้างความยิ่งใหญ่ได้เท่าเทียบกับสหรัฐและยุโรป แล้วจีนมัวทำอะไรอยู่หรือ?
ถึงตรงนี้ผมมองบางสิ่งบางอย่างได้ว่า ชาวจีนนะทำการค้าเก่งจริงอันนี้ยอมรับ แต่ประเทศจีนยังไม่ดีพอจะสามารถสร้างสิ่งที่เรียกว่าต้นแบบทางวิทยาศาสตร์ หรือวิศวกรรมได้เองหรอก.
ส่วนเรื่องฐานทัพสหรัฐ 400 แห่งมันเป็นเรื่องเก่าตั้งแต่สมัยยุคสงครามเย็นแล้ว (ทั้งเปิดเผยและไม่เปิดเผย) ซึ่งประเทศรัสเซียหรือโซเวียตเก่า ประเทศที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ โดยที่ไม่ใช่ประเทศพันธมิตรอย่างอังกฤษหรือฝรั่งเศส ยังคงเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอยู่ตลอดเวลานั้นแหละ
สารคดีที่ จขกท. เอามาลงมันเป็นแค่มุมมองของเค้า หรือไม่ก็ไอ้คนทำสารคดีเพิ่งจะรู้ว่าประเทศตนเองมีฐานทัพอยู่ทั่วโลกมากกมาย
และที่บอกว่า 400 แห่งนี้ได้หักลบที่ถูกปิดไปก่อนหน้านี้ไปแล้วหรือยัง
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/627799ยย
ฐานทัพที่ปิดๆไปนั้นก็เพราะมีนาโต้และ EU คอยดูแลอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องคงเอาไว้
ปล. ฐานทัพสหรัฐ 400 แห่ง มันเป็นเรื่องที่ไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไร เพราะประเทศนี้ งบประมาณด้านกลาโหม ปีละกว่า 554,200 ล้านดอลล่าร์ (ซึ่งแต่ก่อนเยอะกว่านี้)
ถึงคนที่ไม่เห็นด้วยว่า ฐานทัพนับร้อยแห่งของสหรัฐในเอเซีย ไม่ได้มีไว้เพื่อมุ่งไปที่จีน
งั้นช่วยบอกได้ไหมว่า มีไว้เพื่ออะไร
เพื่อเกาหลีเหนือ เพื่อกัมพูชา เพื่อเลว หรอ
หรือเพื่อผลาญงบประมาณสรหัฐนับพันๆล้านเล่นๆ
หรือเพื่อรัสเซีย แต่เท่าที่รู้ รัสเซียแทบจะไม่มีอิทธิพลอะไรเหลือในเอเซียแล้ว
ฉะนั้น คำตอบคงหนีไม่พ้น เพื่อเอาไว้ล้อมจีน
--------------------------
สหรัฐไม่ได้กีดกัน กดดัน ข่มจีนด้านทหารอย่างเดียว
ด้านการค้าสหรัฐก็เอาเปรียบจีนตลอด
เช่น ไอโฟนขายที่จีนได้ และ เป็นตลาดใหญ่อันดับสองของไอโฟน แต่สหรัฐห้าม มือถือ หัวโหว่ย ขายที่สหรัฐ อ้างเหตุผลบ้าๆบอๆ ว่าผู้ก่อตั้งเคยเป็นทหารจีนมาก่อน(แต่ตอนนี้ถือหุ้นไม่ถึง 10 เบอร์เซ็น)
ล่าสุด สหรัฐไม่ยอมรับเงื่อนไขที่ได้ตกลงลงนามเอาไว้กับจีนเมื่อ 15 ปีก่อน ว่าต้องยอมรับตลาดจีนเป็นตลาดเสรี หลังพ้น 15 ปีที่จีนเข้าเป็นสมาชิกการค้าโลก (ทำตัวเป็นกุ้ยอัธพาลชัดๆ กับประเทศสหรัฐ สัญญาที่เคยลงนามทุกอย่างจะเป็นผลถ้ามันได้เปรียบเท่านั้น)
ยังคิดตั้งวงการค้าใหม่ เพื่อกีดกันจีนโดยเฉพาะ (TPP)
ถ้ายกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ คือ สหรัฐกับพวกได้ตั้งกรุ๊ปไลน์ชื่อว่า WTO แล้วมีพรรคพวกของตัวเองเป็นสมาชิก คนอื่นถ้าอยากเข้า ก็ต้องตกลงตามเงื่อนไขที่เอาเปรียบสุดๆของพวกมัน แต่หลังจากคนอื่นๆยอมเสียเปรียบทำตามเงื่อนไขของพวกมันเข้าไปได้สักระยะหนึ่ง พวกมันเริ่มคิดอีกว่า ยังไม่พอ ต้องหาทางเอาเปรียบคนอื่นๆด้วยวิธีใหม่ๆ ด้วยการตั้งกรุ๊ปไลน์ใหม่ ชื่อ TPP ...มีพรรคพวกมันเป็นสมาชิก ใครอยากเข้ากรุ๊ป ก็ต้องตกลงในเงื่อนไขที่พวกมันได้เปรียบอีกเช่นเคย
เชื่อว่า...พวกมันก็คงจะตั้งกรุ๊ปใหม่อีกเรื่อยๆ
รู้จักการละเมิดลิขสิทธิ์มั้ยครับ ฮา
รู้ไหมว่าเวลาประเทศอื่นไปลงทุนในจีนต้องตั้งพาร์ทเนอร์กับบริษัทในจีนแล้วแชร์เทคโนโลยี บริษัทหลายประเทศก็ยอมเพราะตลาดจีนใหญ่มาก ทีนี้ไปๆมาๆบริษัทพาร์ทเนอร์จีนก็จะไม่ทำด้วยกันละ กูทำคนเดียว คือทำมาแข่งกับไอ้ที่ตัวเองพาร์ทเนอร์ด้วย คือผิดข้อตกลงนั่นแหละ บริษัทต่างประเทศก็งงแต่ทำไรไม่ได้
ขนาดรัฐบาลยังเคยทำหน้าด้านๆ เช่นตอนซื้อเครื่องบิน Su จากรัสเซีย ก็รัสเซียเพื่อที่จะได้กำไร (เพราะยังไงจีนต้องก็อปแหงๆ) ก็ทำข้อตกลงว่าต้องซื้อเป็นจำนวนขึ้นต่ำเท่านี้ๆจากรัสเซีย จีนก็โอเค แป๊บๆพอจีนทำเองได้จีนบอกไม่ซื้อละ กูทำเอง รัสเซียก็เงิบ
ก็อย่างที่ผมบอกไปตอนแรกว่าประเทศใหญ่ๆใช้อำนาจทางทหารหรืออิทธิพลกดดันเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกันทั้งนั้น
ก็ลองดูไทยเจรจาเรื่องรถไฟความเร็วสูงกับจีนสิ ขูดรีดชิบหาย ไทยก็ไม่อยากจะเอาหรอก ทำกับญี่ปุ่นเทคโนโลยีดีกว่าเอยะ ผลประโยชน์เราได้มากกว่า แต่ติดว่าถ้าอยากได้จีนแบ็กก็ต้องทำตามใจจีน
จริงๆผมก็ไม่ชอบ TPP ด้วย กลัวว่าไทยจะเข้านี่แหละ
ด้านบนมั่วมากเลย
1...พวกประเทศตะวันตกไม่มีทางที่จะอนุญาติบริษัทของประเทศตัวเองนำเทคโนโลยี่ต้นๆไปตั้งเป็นโรงงานผลิตในจีนเด็ดขาด ขนาดจีนแค่จะซื้อกิจการผลิต led สหรัฐยังแทรกแซงสั่งห้าม.........และ เป็นปกติไม่ใช่หรอที่หลายประเทศจะมีเงื่อนไขให้คนของตัวเองเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทที่ร่วมกับชาวต่างชาติ ประเทศไทยก็มีกฏหมายเช่นนี้เหมือนกัน
2...เรื่องการเจรจรการซื้อ ซู35 ของรัสเซีย ขนาดคนวงในยังไม่รู้เลยว่ารายละเอียดเป็นเช่นไร ทำไมคุณถึงรู้อย่างกับเข้าไปเจรจาด้วยตัวเอง เรื่องมันเป็นยังไง ไม่รู้ไม่ควรมั่ว (แต่เท่าที่รู้จากข่าว จีนตกลงซื้อ 24 ลำ)
3...เรื่องรถไฟความเร็วสูง ผมอ่านจากข่าวฝั่งจีน หนังคนละม้วนกันเลย จีนบ่นเช้าบ่นเย็นว่าโดนไทยขูดรีด เพราะรู้ว่าจีนอยากเชื่อมรถไฟไปยังสิงคโปร์ ยังไงก็ต้องผ่า่นไทย ไทยเลยถือโอกาสขูดรีด ในเงื่อนไขที่จีนแทบกระอักเลือด(ข่าวจีนพูดเช่นนี้จริงๆ) ข่าวล่าสุดว่า ไทยทำเองหมด จีนแค่คนรับจ้างทำ (ออกมาแบบนี้ก็ดี)
และ เห็นว่ายุ่นจะมาทำให้ไทย 2 สายไม่ใช่หรอ...
ความจริงเรื่องรถไฟความเร็วสูง ไม่ควรให้ 2 ประเทศทำ ควรให้ประเทศใดประเทศหนึ่งทำเลย โดยการประมูลแข่งขันกัน (ระบบเดียวกันหมด ทำให้ประหยัดเรื่องบำรุงรักษา)
ถ้าไม่ตกข่าว... Huawei ถูกแบนในอเมริกาเฉพาะเรื่องตลาดโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารครับ เช่น network / data com station
เหตุผลหลัก ( ที่อ้าง และวิจารณ์ ) กันคือความมั่นคง มีคนกระแซะว่าถ้าไม่ใช่ บ อเมริกัน เดี๋ยวเกิด tap เอาข้อมูลอะไรไปจะเดือดร้อน. และถ้า NSA จะดักฟังไครแล้วต้องไปขอจาก บ ต่างชาติ มันจะทะแม่งๆนะ. อันนี้ ฮาไม่ออกเลยเมื่อมองมาที่ไทยซึ่งตอนนี้กระดูกสันหลังเรื่องการสื่อสารอยู่ในมือ บ สิงคโปร์.
ส่วนตลาด smart phone ไม่ใด้ถูกแบนแต่อย่างใดครับ
ส่วนการจะนำมาขายในอเมริกาจริงๆ huawei คงต้องมองทางหนีที่ไล่เรื่อง สิทธิบัตรของเทคโนโลยี่หลายๆตัวที่ใช้อยู่บนโทรศัพท์ของ Huawei ด้วย
ในเรื่องความลับทางเทคโนโลยี สำหรับ สรอ ถ้าไม่ใช่ไอเทมที่อยู่ในรายการควบคุมของเพนตากอน จะผลิตที่ใหนก็ใด้ครับ ตอนนี้ของที่เป็นเกรดทางการค้าทั่วไปก็ทำนอกอเมริกาเกือบหมดด้วยเหตุผลด้านราคาอย่างที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้ว ส่วนบริษัทใดจะตัดสินใจว่าจะเอาโพรดักส์ ตัวไหนไปทำนอกประเทศในช่วงใดของอายุผลิตภัณท์ก็แน่นอนว่านอกจากเรื่องราคาก็ต้องมองเรื่องป้องกันการกอปปี้อยู่แล้ว
ตัวเลขไม่เคยโกหกใครหรอกนะครับ นั้นละฮะคุณภุชงค์
“ถึงคนที่ไม่เห็นด้วยว่า ฐานทัพนับร้อยแห่งของสหรัฐในเอเซีย ไม่ได้มีไว้เพื่อมุ่งไปที่จีน”
ตอบ
สหรัฐเค้ามีฐานทัพไว้ทั่วโลก มากกว่า 400 แห่ง วางเอาไว้ทุกทวีปตั้งแต่ยุคสงครามเย็นกับสหภาพโซเวียตนู้น ตั้งแต่จีนมีปัญหาภายในของพรรคคอมมิวนิสต์(พวกสุดโต่งเหมาเจ๋อตุงฝ่ายซ้ายที่ต้องการจะปิดประเทศอย่างเดียว กับฝ่ายขวา เติ่งเสียวผิงที่ต้องการจะเปิดประเทศ)
“งั้นช่วยบอกได้ไหมว่า มีไว้เพื่ออะไร”
ตอบ
สหรัฐเป็นประเทศมหาอำนาจที่มีศัตรูมากที่สุด และต้องการวางฐานอำนาจเพื่อป้องกันผลประเทศของตนเองและเหตุผลด้านความมั่นคง เพื่อให้อุ่นใจ ในความปลอดภัยและรักษาฐานอำนาจของตนเอง จึงต้องสร้างฐานทัพไว้ในประเทศต่างๆและเกาะอาณานิคมของตนเอง
“เพื่อเกาหลีเหนือ เพื่อกัมพูชา เพื่อเลว หรอ”
“หรือเพื่อผลาญงบประมาณสหรัฐนับพันๆล้านเล่นๆ”
ตอบ
มันไม่ใช่ทำกันเล่นๆหรอก ถ้าคุณคิดจะเป็น number one ของโลก ก็ต้องสร้างอะไรที่ไม่เหมือนประเทศอื่น สหรัฐเองก็ไม่ได้ไว้ใจหรือเชื่อใจประเทศพันธมิตรตนเอง 100% หรอกนะเพราะมันมีบทเรียนเยอะในอดีตที่ประเทศที่ตนเอง คอยสนันสนุนอยู่ ก็สามารถแปรเปลี่ยนเป็นศัตรูได้หากสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศเหล่านั้นเปลี่ยน เช่น ลิเบีย อิหร่าน ตุรกี เวเนซุเอล่า เป็นต้น
หรือแม้แต่แถวตะวันออกกลางที่มีประเทศลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างอิสลาเอล ก็ต้องมีฐานทัพตั้งเอาไว้คอยเตือนใจบรรดาประเทศที่เคยเป็นศักตรูและยังเป็นอยู่ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกชายคนสำคัญจะไม่โดนรุมจากชาติอาหรับเหมือนเมื่อสมัยก่อน
และปกป้องธุรกิจด้านพลังงานต่างๆของสหรัฐที่เข้าไปลงทุนที่นั้น
“หรือเพื่อรัสเซีย แต่เท่าที่รู้ รัสเซียแทบจะไม่มีอิทธิพลอะไรเหลือในเอเชียแล้ว”
ตอบ
รัสเซียเค้ามองว่าการแผ่อิทธิพลเอเชีย นอกจากจะไม่ได้ประโยชน์อะไรแล้วยังจะเป็นภาระให้กับเค้า บทเรียนในอดีตที่โซเวียตต้องล่มสลายนั้นก็เพราะส่วนหนึ่ง การที่รัฐบาล เคลมลิน เอาเงินไปช่วยเหลือประเทศในลูกข่ายอย่าง ลาว เวียตนาม เกาหลีเหนือ ทำให้ของตนเอง กรอบไปด้วย ดังนั้นรัสเซียเน้นที่การขายอาวุธให้กับประเทศลูกข่ายและรวมถึงประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดในเอเชียจะได้ประโยชน์มากกว่า
“ฉะนั้น คำตอบคงหนีไม่พ้น เพื่อเอาไว้ล้อมจีน”
เป็นคำตอบที่หลงตัวเองอยู่ดีนั้นแหละ คือ สหรัฐไม่จำเป็นวางฐานทัพ400 แห่ง เพียงเพื่อล้อมจีนเพียงประเทศเดียวหรอกครับ
สำหรับเอเชียใต้ อาศัยอินเดีย อินโดนีเชีย และออสเตรเลีย ส่วนทางเอเชียตะวันออก อาศัยเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไตหวั่น เป็นรัฐกันชนให้ สหรัฐก็สบายไปเยอะแล้ว แล้วถ้าจีนอยากได้สงคราม ก็แค่ส่งอาวุธขีปนาวุธและระบบต่อต้านขีปนาวุธและทหารไปช่วยประเทศเหล่านั้นรบกับจีนก็พอแล้ว
1 การที่บางประเทศตั้งกฏเกณฑ์ให้คนที่จะมาลงทุนต้องปล่อยเทคโนโลยีให้บริษัทท้องถิ่นหรือรัฐบาลไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ความจริงผมว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลควรทำด้วยซ้ำเพื่อแลกกับผลประโยชน์ในระยะยาวของประเทศ ญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ก็ทำตอนสร้างประเทศหลังสงครามโลกครั้งที่สอง การที่บริษัทไปลงทุนในต่างประเทศต้องทำการพาร์ทเนอร์กับบริษัทท้องถิ่นจริง ที่ผมคิดว่าไม่โอเคย์คือการละเมิดข้อตกลงที่บริษัทจีนชอบทำ พอได้เทคโนโลยีมาก็เตะตัดขาพาร์ทเนอร์ตัวเอง ทั้งๆที่เขาอุตส่าห์ยอมเสียเทคโนโลยีเพื่อแลกกับรายได้จากการเปิดตลาด กลายเป็นไม่ได้อะไรเลย เสียทั้งเทคโนโลยีทั้งเงินลงทุน
2 ใครบอก Su 35 ล่ะครับ ฮ่วย ผมหมายถึงสมัยซื้อ Su 27 ต่างหาก (จำไม่ได้ว่า 27 หรือ 30)
3 ที่จีนมองแบบนั้นเพราะจีนมองเป็นทางรถไฟของตัวเองไง ถ้ามองแบบเป็นกลางมันประเทศไทยเราก็ต้องทำตามที่เราจะได้ประโยชน์สิ ใครอยากมาลงทุนก็มาลงทุนตามข้อตกลงที่เรากำหนด รับไม่ได้ก็ไม่ต้องมา เราไม่ได้เปิดสัมปะทานให้จีนมาดำเนินการรถไฟ (ซึ่งความจริงจีนต้องการแบบนั้น) เรื่องอะไรที่เราจะต้องสร้างทางรถไฟตามยุทธศาสตร์ของจีนเพื่อถวายจีนด้วย กลายเป็นจีนได้ลงทุนสร้าง ได้กินดอกเงินกู้แพงๆแล้วยังได้ผลประโยชน์ทางยุทธศาสตรทั้งความมั่นคงและเศรษฐกิจจากทางรถไฟอีก
เห็นหลายทีละเวลาสื่อจีนหรือนักวิเคราะห์ออกมาพูดเรื่องรถไฟไทยเรื่องคอคอดกระพูดยังกะเป็นของตัวเอง