ขอขอบคุณท่านเจ้าของรูป พ.จ.อ.สุวรรณ คำแหงวงศ์
ที่มา : https://www.facebook.com/M58PGB/
เอาฟระ อย่างน้อยก็ยังมีข่าวดีอยู่บ้าง อันที่จริงกองทัพเรือประเทศที่มีหน่วยยามฝั่งแล้ว เรือตรวจการณ์ขนาด (ประมาณ) 50 เมตรคือเรือลำเล็กที่สุดของเขาแล้ว ( ถ้าเล็กกว่านี้ก็ไปหน่วยยามฝั่งเลย )
ยังไงขอให้ลำที่ 2 - 3 - 4 มาไว ๆ นะครับ ลำล่ะ 700 ล้านถือว่าไม่แพงและมาถูกทางแล้ว (ที่เลือกเรือขนาด 50 เมตร) ปืน Oto 76/62 นี่ดูกระบอกใหญ่เลยวุ้ย ทั้งที่ปรกติมีขนาดเล็กกระทัดกว่า Bofors 57 มม.ด้วยซ้ำ
ใจจริงส่วนตัวผมอยากให้เอาเรือชุด ร.ล.หัวหิน ไปปรับปรุงเปลี่ยนปืนใหม่แทนปืนเก่าด้วย ให้เป็นระบบอัตโนมัติกว่าเดิมหน่อย อย่างน้อยเพิ่มความแม่นยำ ความเสี่ยงในการยิงพลาดเป้าลดลง ลดจำนวนคนที่จะใช้อาวุธลงได้อีก บางทีเล็กๆน้อยๆมันก็สำคัญ โอกาสในการปะทะกันผมว่าเรือขนาดนี้มีมากกว่าเรือใหญ่ๆระดับ คอร์เวท ฟริเกต เสียอีก
เห็นด้วยกับท่านเด็กทะเลนะ แต่ผมมีความคิดเพี๊ยนไปซักนิดคือเอาปืนกล 37 มม. แท่นคู่ที่ถอดมาจากเรือหลวงนเรศวร (ถ้ามันยังไม่พังนะ) หรือถอดจากเรือหลวงกระบุรี ( รุ่นนี้ของโซเวียตยังไม่พังแน่นอน) นั่นแหละ ติดมันด้านหน้า 1 กระบอก ด้านท้ายอีก 1 กระบอก เรดาร์ควบคุมของเก่ามาโมใหม่แล้วใส่ไว้บนเสากระโดง ราคาไม่แพงไม่ต้องใส่ระบบอำนวยการรบอะไรด้วย ปืน 37 มม.เรายังใช้งานอยู่อีกนานพอสมควรสบายใจได้
ปืนรองเดิมของเรือฟริเกตชุด ร.ล.กระบุรี ทั้งสองลำคือปืนใหญ่กลแฝดสองแบบ Type 76 ขนาด 37mm ติดลำละสี่แท่นยิง(ทำงานได้ทั้งควบคุมด้วยมือและอัตโนมัติ) ก่อนจะเปลี่ยนเป็น NG15-2(H/PJ76A) 37mmแฝดสอง
ส่วนปืนรองเดิมของเรือฟริเกตชุด ร.ล.นเรศวร ทั้งสองลำก่อนจะเปลี่ยนเป็น DS30MR คือปืนใหญ่กลแฝดสองแบบ Type 76A(H/PJ76A) ขนาด 37mm ลำละสองแท่นยิง
ซึ่งพวกนี้เป็นระบบปืนจีนที่มีพื้นฐานพัฒนามาจากปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ใช้กระสุน M1939 ขนาด 37mm รัสเซียเก่าครับ
ไปร่วมพิธีมาครับ เลยเอามาฝาก