เตรียมออกทดลองเรือ ... ครั้งแรก ในวันพรุ่งนี้
ร.ล.แหลมสิงห์ เรือตรวจการณ์ปืนฝีมือคนไทย กำลังโดนลากออกจากอ่างซ่อมเรือ อจปร.อร. เพื่อเตรียมทดลองเรือ (SAT : Sea Acceptance Test) ในทะเลครั้งแรก
By Admin WO634
ที่มา : FB Navy For Life
เห็นแล้วคิดถึง เรือตรวจการณ์ชุดสัตหีบ อีก3ลำ รล.กันตัง,รล.เทพา,รล.ท้ายเหมือง เมื่อไรจะมีปืนแบบนี้กับเค้าซักทีติดไป3ลำแรกเอง....
ภาพจาก www.patrolsqdn.com
อ้อ...มี เรือตรวจการณ์ปืน ชุด รล.หัวหินอีก3ลำด้วย.....ที่ยังเป็นปืนแบบนี้อยู่เลย
ภาพจาก www.patrolsqdn.com
ติดปืน 76/62 ก็ต้องติดระบบออปโทรนิคควบคุมการยิงด้วย(เป็นอย่างน้อย) และตามมาตราฐานทร.ไทยจะต้องมีระบบอำนวยการรบด้วย
ราคาอย่างน้อยก็ 200-400 ล้านบาทต่อลำกระมังครับ ขึ้นอยู่กับรุ่นและมือ 1 หรือมือ 2 ด้วย ส่วนตัวคิดว่าเอาไว้ติดเรือรุ่นใหม่ทันสมัยกว่าน่าจะดีกว่า อย่างเรือ M58 นี่ค่อนข้างเอนกประสงค์กว่าเรือรุ่นเก่าของเรา ที่เน้นทำการรบอย่างเดียวตามสไตล์เรือยุคสงครามเย็น จนแทบไม่มีพื้นที่สำหรับทำอย่างอื่นเลย (กระทั่งที่หลับที่นอนยังเบียดเสียด) สมัยนั้นมันไม่ผิดหรอกแต่สมัยนี้มันไม่ใช่แล้ว
ลำที่ไม่ได้ติดปืนทันสมัยก็ใช้ลาดตระเวณในพื้นที่สุ่มเสี่ยงน้อยไป แถวทะเลอันดามันที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ ๆ ก็ได้ครับ
คงเป็นตามข้อสี่ครับ
ผมหล่ะมีความฉงนสงสัยกับปืน 3 นิ้ว/ 50 อัตราเร็วยิงต่ำ แค่กระบอกเดียว ที่หัวเรือจริงๆครับ ว่าประโยชน์ที่เหมาะสมนั้นมีไว้เพื่ออะไร ??
1. ใช้ยิงระดมฝั่ง ??
2. ใช้ยิงต่อสู้ เรือเร็วตรวจการณ์ ???????
3. ใช้ยิงต่อสู้ เรือโอพีวี เรือคอร์เวต เรือฟรีเกต เรือพิฆาต เรือลาดตระเวณ เหมือนเรือตอปิโด ยิงสู้ ลามอตปิเก้ต์????????????
4. ใช้ยิงต่อสู้ เรือโจรสลัด ปราบปรามการทำผิดกฏหมาย ยิงต่อสู้หน่วยแทรกซึม ????????
ย้อนไปสิบกว่าปีก่อน เรือเร็วเกาหลีบน กับ เกาหลีล่าง เปิดศึกดวลปืนกันกลางทะเล การสับประยุทธใช้ความเร็วของเรือในการดำเนินกลยุทธ ถึงขั้นเข้ามาซัดกันระยะเผาขน เชื่อมั้ยว่าอาวุธที่สร้างความเสียหายให้แก่กันคือ ปืนยิงเร็ว คาลิเบอร์เล็ก นึกไม่ออกจริงๆ ถ้าเป็นปืน 3นิ้ว มือยัดตูด ............
The first battle of Yeonpyeong
It began with bumping. It ended with shooting. On June 8, 1999, seven North Korean gunboats repeatedly crossed the two countries’ sea boundary near Yeonpyeong Island.
Seoul sent 16 patrol boats to eject the North Koreans, but the tiny flotilla initially pulled back to avoid a confrontation.
The next day, the incident escalated into physical bumping between the two sides, as South Korean ships attempted to forcefully push the North Korean vessels back across the border. This damaged four North Korean ships, two of them seriously, while three South Korean ships took damage.
On June 15, the shooting began. The day started with more bumping between North and South Korean patrol vessels. Suddenly, one North Korean gunboat,PT-381, found itself double-teamed by two South Korean warships. PT-381opened fire with its machine guns and 25-millimeter cannon.
The larger, better-armed South Korean ships returned fire with a 76-millimeter Oto Melara cannon, 40-millimeter No Bong dual-purpose guns and 20-millimeter Gatling guns, the same gun installed on U.S. Navy ships.
Heavily outgunned, the North Korean sailors paid dearly for striking first. The South Korean ships sank one North Korean torpedo boat and damaged five others, including a 420-ton patrol ship. At least 30 North Korean sailors died.
The shootout damaged five South Korean ships. Nine sailors suffered injuries.
What triggered the attack? A difference of opinion on where the sea boundary between North and South Korea actually lay. Decades before the battle, Washington and Seoul jointly agreed on the Northern Limit Line—a sea border between North and South on the west coast of the Korean peninsula. The NLL extends three miles from the North Korean coastline.
North Korea recognizes a line much farther south in which five islands inhabited by southerners, including Yeonpyeong, are within its territorial waters.
Neither the U.S. nor South Korea consulted North Korea when drawing up the NLL, and Pyongyang has been unhappy about it ever since. In 1999, it began pushing its sea boundary claim, with violence as its method. North Korean patrol vessels and fishing boats began making forays south of the NLL. A clash was inevitable.
The second battle of Yeonpyeong
The North Korean military doesn’t forget its losses—it learns from them and finds ways to strike back.
On June 29, 2002, two North Korean patrol boats crossed the Northern Limit Line and opened fire on two Chamsuri-class South Korean patrol boats. One of the DPRK boats, armed with an 85-millimeter deck gun, opened fire at a distance of 500 yards.
The South Koreans, outgunned this time, returned fire with 20-millimeter and 30-millimeter cannons. The two boats fought for their lives, many of the crew on PKM-357 badly wounded from a direct 85-millimeter hit to the ship’s cabin. Within minutes, two South Korean Pohang-class corvettes arrived to turn the tide of battle, and the North Korean ships withdrew.
Patrol boat PKM-357 succumbed to damage and sank. South Korean casualties amounted to six killed and 18 wounded. The navy alleged the North Korean patrol boat 684 caught fire and may have sank, with 13 sailors killed and 25 wounded.
For its part, the North Korean navy denied any of casualties or damage to its own forces.
หุหุ หุหุ เผื่อยิงขึ้นฝั่งในบางพื้นที่ไงครับ ไม่ขอบอกนะครับว่าที่ไหน
ในส่วนตัวผมมองว่าน่าจะเอาใช้ในภารกิจยิงฝั่งด้วยจึงใช้ปืนขนาดนี้
ส่วนตัวเห็นด้วยกับท่านกบนะครับ ว่าปืนกลขนาด 30-40 มม.ควบคุมการยิงอัตโนมัติพร้อมออปโทรนิคตรวจจับดี ๆ น่าจะเหมาะสมกับภารกิจลาดตระเวณมากกว่า หรือถ้ามีงบอยากได้อาวุธสำหรับทำลายไม่ใช่หยุด ก็ติดจรวดอเนกประสงค์รุ่นใหม่ระยะยิงใกล้เพิ่มเติมเข้าไป แต่ถ้าไม่มีงบก็เอาแบบแบกไหล่ใส่เรือไปซัก 2 ชุดก็น่าจะดี
ส่วนเรือของเราที่ติด Oto 76/62 ผมก็โอเคนะ คือมีเงินจะซื้อก็ซื้อไปเถอะ แต่ปืน 76/50 รุ่นเก่ามันไม่ไหวแล้วกระมั่ง ไปเอา 37 มม.แท่นคู่ที่ถอดออกจากเรือหลวงนเรศวรหรือหรือหลวงกระบุรีมาใส่แทนน่าจะดีกว่า อย่างน้อยก็ควบคุมอัตโนมัติได้และมีอุปกรณ์ช่วยเล็งยิง