ภายหลังจากคำตัดสินของ ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ เกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่าง ฟิลิปปินส์ กับ ประเทศจีน...
โดยผลเป็นว่า ประเทศจีน ไม่มี่สิทธิกล่าวอ้างว่า ในเขตทะเลจีนใต้ เป็นของประเทศจีน ทั้งหมด...
รวมถึงการจีน ถมทะเลสร้างฐานทัพ ในทะเลจีนใต้...แล้วกล่าวอ้างสิทธิในอาณาเขตทะเล...ก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกกฎหมาย...
ซึ่งก็พร้อม ๆ กับ กองทัพเรือจีน แสดงอานุภาพการซ้อมรบในทะเลจีนใต้ รวมถึง จีนได้กล่าวถึง ผลการตัดสินของ ศาลกรุงเฮก จะทำให้เสี่ยงเกิดความขัดแย้ง และการเผชิญหน้า มากขึ้น...
ประเทศไทย มีบทเรียนจากการจัดหา รถถัง T-84 จากประเทศยูเครน แต่ไม่สามารถส่งมอบให้ได้ตามกำหนด เนื่องจากเกิดความขัดแย้งภายในประเทศ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิด รวมถึง ในอนาคต ก็ยังไม่มีความแน่นอนว่า รถถัง T-84 จากยูเครน จะมีความสามารถพร้อมรบ หรือมีอายุใช้งาน ได้ประมาณกี่ปี...กองทัพบกไทย จะสามารถจัดหาแหล่งสนับสนุนอะไหล่ หรือระบบสำคัญ ๆ จากแหล่งอื่นมารองรับได้หรือไม่...ถ้าใน กรณี ที่ ประเทศยูเครน ไม่สามารถจะตอบสนองให้กับประเทศไทยได้ ทันท่วงที...
ในขณะที่ ตอนนี้ กองทัพไทย มีการสั่งซื้อ อาวุธหลายอย่างจากประเทศจีน...เช่น ระบบอาวุธป้องกันภัยทางอากาศของ ทอ. และรถถัง VT-4 จากประเทศจีน...และอาจจะรวมถึง รถเกราะล้อยาง ชุดใหม่ ที่จะมาจากประเทศจีน อีกเช่นกัน...
และถ้ามีการ ดึงดัน เพื่อจัดซื้อ เรือดำน้ำจีน จากประเทศจีน อีก...กรณี ที่เกิดความขัดแย้ง ระหว่างจีน กับ กลุ่มพันธมิตร คู่ขัดแย้งใน ทะเลจีนใต้...อาวุธเหล่านี้ ก็คงจะ เหมือนกับ T-84 จากประเทศยูเครน...ที่คงมีความเสี่ยง จะไม่ได้รับ...หรือ การถูกแซงชั่น จากอุปกรณ์บางอย่าง ที่จีนยังต้องสั่งซื้อจากกลุ่มประเทศที่เป็นสมาชิก ยูเอ็น....ทำให้อาจจะไม่มีการส่งมอบ หรือ มีการส่งมอบ โดยใช้อุปกรณ์ที่มีความสามารถใกล้เคียงจากเทคโนโลยี่จีน นำมาทดแทน...
การให้ความเห็นเปรียบเทียบของผม จากกระทู้ก่อนหน้า เรื่องว่า เรือดำน้ำจีน อาจจะเป็นบทเรียนซ้ำซาก เหมือนกับ เรือดำน้ำญี่ปุ่น...ก็น่าจะมีโอกาสเป็นจริง ได้ขึ้นมานิดนึงล่ะ...
รบกวนถามเรื่องความเหมาะสมของความลึกที่เรือดำน้ำ S26-T ที่มีระวางขับน้ำ2600ตันจะดำลงไปได้โดยสามารถซ่อนตัวได้ดี ที่ความลึกเท่าไหร่ครับ แล้วก็โซน่าไม่สามารถตรวจเจอเรือดำน้ำที่ความลึกประมาณเท่าไหร่ครับ คือหลักๆอยากทราบว่า ที่บอกว่า S26-T ไม่เหมาะกับความลึกเฉลี่ย 50 เมตรเพราะอะไร ประมาณนี้ครับ
ถ้าจีนเข้าสู่สงครามจริง............
ปัญหาการจัดส่งอาวุธของจีนให้ไทย จะกลายเป็นเรื่องเล็กมากๆทันที....................
สนามรบคงไม่ได้จำกัดแบบยูเครนแน่........ถ้าไอ้กันเข้ามาร่วมด้วย มันจะหายนะ(ไม่รู้ฝ่ายใหนจะเสียหายเพราะคงไม่มีใครยอมกันแน่ๆ)....???
คงต้องเข้าใจความหมายระดับเฉลี่ย 50 เมตร...จะหมายถึงเฉลี่ยแบบไหนครับ...คือ การนำพื้นที่ทั้งหมด มาหารในระดับความลึก เพื่อหาค่าเฉลี่ย...การใช้ ความหมายเฉลี่ยแบบนี้ อาจจะไม่ถูกต้องนัก ในความเห็นผม...
ระดับความลึกใช้งานจริง คงต้องมองว่า ระดับน้ำในอ่าวไทย จะสโลป จาก ตื้นไปลึก เช่น 20 ไป 30 ไป 40 ไป 50 ไป 60 ไป 70 ไป 80 เมตร...
เราก็คงต้องดู มิติ ของเรือดำน้ำ เรื่อง ความกว้าง ความยาว ความสูง กับ ระดับน้ำลึกที่เราจะใช้งานทางยุทธวิธี...
ซึ่งในเบื้องต้น ก็มีข้อมูลอยู่แล้ว ระดับความลึกที่ 16 เมตร เป็นระดับความลึกที่สายตามองไม่เห็นแล้ว...
S-26T มีความกว้าง 8 เมตร ซึ่งน่าจะหมายถึงความสูงของตัวลำตัวเรือดำน้ำด้วย เพราะตัวเรือดำน้ำมันเป็นลักษณะวงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางคงไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ (ซึ่งไม่รวมถึง ความสูงของ ตัวหอสะพานเรือ)...
ในระดับความลึกแบบ ท้องเรือ S-26T ติดพื้น...แล้วสายตามองไม่เห็น ขั้นต้ำ ก็ต้องลึก 24 เมตร แล้วครับ (ไม่รวมตัวหอสะพานเรือ)...แล้วถ้าเรารวมความสูงของ ตัวหอสะพานเรือไปด้วย 6 - 8 เมตร ในระดับความลึก 30 - 32 เมตร...มันก็แค่ดำไม่ให้เห็น S-26T แค่นั้นครับ แต่จะรบได้ไหม คงได้แค่ยิง แต่หนีได้ไหม ผมว่า หนีไม่รอด ถ้ายิงแล้วเขาจับได้...แล้วถ้าเรารวม พื้นที่ ระหว่าง ใต้ท้องเรือ กับสิ่งกีดขวางในท้องพื้นทะเลอีก ผมคิดว่า ระดับความลึกที่ S-26T จะรบได้ ยิงได้ หนีได้ ควรจะลึกไม่ต่ำกว่า 40 - 42 เมตร...แล้วคำถามคือ ความลึกนี้ มันอยู่ตรงบริเวณไหน ?
และในสภาพความเป็นจริง...พื้นใต้ท้องทะล มันไม่ได้ราบเรียบเป็นพื้นเดียวกันหมด ใช่ไหมครับ...แม้ระดับระดับความลึก 30 - 40 เมตร มันก็จะมีแนวประการัง มีแนวโขดหิน สูงต่ำไม่เท่ากันปะปนกันอยู่ด้วย แต่ในระดับความลึกเฉลี่ยในบริเวณนั้น อาจจะเป็น 30-40 เมตร...ดังนั้น การใช้งาน จึงคงจะต้องใช้เดินเรือในล่องน้ำ สำหรับความลึกที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง...
หรือจะเปรียบให้เห็นง่าย ๆ ก็เหมือนถนนในซอยบ้าน มันมีความกว้าง 8 เมตร...มันก็จะมีรถมาจอดอยู่ริมถนนในบ้างช่วง ทั้งฝั่งซ้ายและขวา...
ดังนั้น ให้เปรียบเทียบ ระหว่างเรา ขับรถกะบะ ISUZU D-MAX แบบ 4 ประตู ราคา 8 แสนกว่า...กับ Honda Civic ราคา 8 แสนกว่า เหมือนกัน...แบบไหนจะมีความคล่องตัว และขับได้ดีกว่าในซอยขนาดความกว้าง 8 เมตร...และ รถทั้ง 2 แบบ แบบไหน จะจอดรถหน้าบ้าน หรือจอดในบ้าน ได้ดีและคล่องตัวกว่า ถ้าบ้านเรามีขนาดพื้นที่จำกัด...และถนนเข้าบ้าน ก็ไม่ได้กว้าง เข่นกัน...ก็พอจะมองได้ว่า รถเก๋ง มันจะเหมาะสมการใช้ในสภาพถนนแบบนี้ มากกว่า รถกะบะ 4 ประตู...
และด้วยสภาพน้ำตื้น การตรวจจับก็จะยากกว่า น้ำลึก...แต่ถ้าเมื่อเรามองถึง ว่า สภาพน้ำตื้น ที่มีวัตถุเคลื่อนไหวใต้น้ำที่มีมวลแทนที่น้ำ ขนาด 2,600 ตัน กับ วัตถุเคลื่อนที่ใต้น้ำที่มีมวลแทนที่น้ำ ขนาด 1,500 ตัน...แบบไหน มันจะแสดงความผิดปกติ ที่สังเกตุได้มากกว่า...
สิ่งที่ ท้องทะเลไทย จะระแวง ก็คือ ประเทศเพื่อนบ้าน มีเรือดำน้ำ ที่ระวาง 1,500 - 1,600 ตัน มากกว่า เรือดำน้ำ ที่ระวาง 3,000 ตัน...เพราะนอกจากมันจะขนาดเล็ก ตรวจสอบยากแล้ว ยิ่งมาใช้ในน้ำตื้น ยิ่งตรวจจับได้ยากยิ่งขึ้น...ซึ่งในสิ่งนี้ ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ประเทศเพื่อนบ้าน ก็น่าจะระแวง ไทย ด้วยเช่นกัน...ถ้า ทร.ไทย จัดหาเรือดำน้ำ ระวางขนาดเดียวกันกับเพื่อนบ้าน...และตรวจจับได้ยากในเขตน้ำตื้นด้วยแล้ว...ก็จะส่งผลให้ไม่มีใตรอยากเข้ามาทำสงครามในบริเวณเขตภายในของอ่าวไทย...เพราะมัน เดา ได้ยากกว่า..เรือดำน้ำที่ระวาง 2,600 ตัน คงจะจับทางได้ง่ายกว่า ว่า จะมาในร่องน้ำบริเวณใด...เพราะด้วยข้อจำกัด ที่ไม่สามารถจะรับการสนับสนุนในเขตน้ำตื้นได้...
ผมว่า แค่เกิดเหตุการณ์แบบ เรือรบเกาหลีใต้ ที่ถูกจมด้วย ทุ่นระเบิด หรือ ตอร์ปิโด...อาจจะด้วย อุบัตเหตุ หรือ การเจตนา...ก็ตาม...
เพียงแค่เหตุการณ์ นี้...ก็น่าจะสร้างความไม่ชอบธรรม กับประเทศจีน ถึง การไม่ปลอดภัยในการเดินเรือน่านน้ำสากลของ ทะเลจีนใต้ แล้วครับ...
และคงไม่ใช่เหตุการณ์ที่เงียบหาย เหมือนกับ กรณี เกาหลีใต้...ที่มันเป็นเรื่องระหว่าง 2 ประเทศ...
แต่นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับ น่านน้ำสากล...ซึ่งจะสร้างแรงกดกัน และการตอบโต้ กับประเทศจีน ในหลาย ๆ ทางแน่ครับ...
ซึ่งมันก็คงส่งผลกระทบมาถึงประเทศไทยอยู่ด้วย...ซึ่ง จีน ก็คงจะถูกแซงชั่น เกี่ยวกับ อาวุธ ในหลาย ๆ ทาง....
คำถาม ก็คือ...กองทัพจีน จะควบคุม ผู้บังคับการเรือได้ขนาดไหน...ความน่ากลัว ของอุบัติเหตุ บางครั้งมันน่ากลัวกว่า ความตั้งใจ...เพราะมันคาดการณ์ถึงความรุนแรง เสียหาย ได้ยาก...แต่ความตั้งใจ...มันจะมี เป้าหมาย กำหนดอยู่...
จะเหมือนกับ เหตุการณ์ ที่ เรือดำน้ำจีน ขึ้นปรากฎตัว ในระยะยิงของเรือดำน้ำ ในช่วงปี 2006 ที่ เรือบรรทุกเครื่องบิน คิคตี้ฮอค์ กำลังฝึก...ที่ เห็น ฮือฮา ว่า ไปโผล่ท่ามกลางกองเรือบรรทุกเครื่องบิน นั้นแหล่ะ...ซึ่ง กระทรวงต่างประเทศจีน ก็ออกมาปฏิเสธ การกระทำดังกล่าว...ว่าไม่ได้รับรายงาน ว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น...
ภาพเปรียบเทียบ
U-214 กับ U-209/1400 ครับ...
แล้ว S-26T มันใหญ่ และยาวกว่า U-214 อีกครับ...
คาดว่าเรือดำน้ำจีนที่ใกล้กองเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯน่าจะเป็นเพราะดำมา 21 วันพอดี เอไอพี หมด ฮา
ในช่วงปัจจุบันตัวอย่างกรณีที่โครงการส่งออกอาวุธของประเทศมหาอำนาจที่ถูกกลุ่มประเทศมหาอำนาจฝ่ายตรงข้ามขัดขวางจนมีปัญหากับประเทศลูกค้าก็มีให้เห็นหลายกรณีตัวอย่างครับ
เช่น เครื่องบินขับไล่ MiG-29K/KUB ที่กองทัพเรืออินเดียจัดหามาสำหรับประจำการบนเรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikramaditya (Admiral Gorshkov รัสเซียเดิมที่ถูกดัดแปลงเรือใหม่)
มีรายงานว่ารัสเซียส่งมอบ MiG-29K ให้อินเดียในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ต่ำกว่ามาตรฐาน เนื่องจากมีชิ้นส่วนประกอบหรืออุปกรณ์ของเครื่องบางส่วนที่มาจากยูเครนและตะวันตก
ซึ่งเป็นที่ทราบว่าหลังจากที่รัสเซียผนวก Crimea และแทรกแซงกลุ่มติดอาวุธในภาค Donbass ของยูเครนทำให้ยูเครตและชาติตะวันตกตัดความสัมพันธ์ทางทหารกับรัสเซีย
ทำให้อินเดียจึงต้องทำการจัดหาอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับ MiG-29K/KUB ของตนจากผู้ผลิตที่ไม่ใช่รัสเซียโดยตรงแล้วนำมาประกอบติดตั้งเองในประเทศ
ขณะที่เครื่องบินขับไล่ MiG-29KR ที่กองทัพเรือรัสเซียสั่งจัดหาเพื่อนำมาใช้กับเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่แทน Su-33 นั้นไม่มีปัญหานี้เพราะเข้าใจว่าใช้ระบบที่ผลิตในรัสเซียเองทั้งหมด
ทั้งนี้เดิมทีระบบอาวุธหลายๆอย่างของรัสเซียนั้นจะมีการจัดหาจากยูเครนเช่นเครื่องบินลำเลียง Antonov หรือเครื่องยนต์ Gas Turbine สำหรับเรือรบผิวน้ำ
แต่หลังจากตัดความสัมพันธ์ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา รัสเซียจึงทดแทนระบบที่เคยต้องจัดหาจากยูเครนด้วยการใช้ระบบที่สร้างได้เองในรัสเซียเกือบทั้งหมด
ในกรณีของโครงการจัดหาเรือดำน้ำแบบ S26T จีนนั้น เรายังไม่ทราบรายละเอียดเชิงลึกที่ชัดเจนว่าระบบอุปกรณ์ประจำต่างๆนั้นมีอะไรบ้าง
ไม่ว่าจะ รุ่นของเครื่องยนต์ ระบบอำนวยการรบ ระบบตรวจจับ Sonar, Radar, ESM, ระบบสื่อสาร ฯลฯ
ซึ่งต่างจากแบบเรือดำน้ำตะวันตกที่ส่วนใหญ่จะระบุรายละเอียดของระบบต่างๆในเรือที่สามารถเลือกติดตั้งได้ชัดเจนกว่าว่ามีอะไรบ้าง(ที่ไม่ใช่ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นความลับของลูกค้า)
แต่ถ้าดูจากการส่งออกเรือรบของจีนให้มิตรประเทศในช่วง ๑๐ปีหลังมานี้ จีนจะพยายามเสนอระบบต่างที่ผลิตได้เองภายในจีนล้วนๆ มากกว่าที่จะเป็นระบบผสมจากตะวันตกเหมือน เรือฟริเกตชุด ร.ล.นเรศวร หรือเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุด ร.ล.ปัตตานี ของกองทัพเรือไทย
ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นเรือดำน้ำที่กองทัพเรือสั่งต่อจากจีนระยะแรก ๑ลำ การสร้างเรือและติดตั้งระบบอุปกรณ์ต่างๆก็ย่อมจะดำเนินการภายในจีนได้ทั้งหมด
ยกเว้นกองทัพเรือไทยจะเลือกนำระบบย่อยอื่นที่จีนไม่ได้ผลิตเองมาใช้กับเรือ ซึ่งตรงนี้เข้าใจว่าถ้าเป็นไปได้อาจเป็นระบบที่เราสามารถดำเนินการติดตั้งในไทยเองได้ เช่น ระบบหลบหนีจากเรือกรณีฉุกเฉินเป็นต้น
(เพราะจากข้อมูลที่มีในขณะนี้ระบบกู้ภัยและหลบหนีฉุกเฉินจากเรือดำน้ำของจีนค่อนข้างล้าสมัยพอๆกับรัสเซียสมัย ๑๐-๑๕ปีก่อนถ้าเทียบกับระบบตะวันตก
คือนอกจากการใช้เรือกู้ภัยหรือยานกู้ภัยใต้น้ำ DSRV มาช่วยรับกำลังพลประจำเรือที่ประสบเหตุขึ้นสูงผิวน้ำแล้ว
ถ้ากำลังพลต้องใช้ชุดหลบหนีสู่ผิวน้ำ SEIE จะต้องออกจากจากช่องหลบหนีฉุกเฉินหรือท่อยิง Torpedo โดยไม่มีระบบปรับความดัน ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคใต้น้ำ
แต่ก็ปลอดภัยกว่าการให้กำลังพลใช้ชุดดำน้ำวงจรปิดปีนออกมาเองจากช่องทางเข้าออกตัวเรือหรือท่อ Torpedo ตรงๆอยู่บ้าง)
อีกทางในกรณีความขัดแย้งทะเลจีนใต้ขยายตัวเป็นสงครามระหว่างจีนกับประเทศคู่กรณี
ไม่ว่าจะเป็นจีนกับฟิลิปปินส์หรือ หรือจีนกับเวียดนาม หรือจีนกับฟิลิปปินส์และเวียดนามพร้อมกัน
ในกรณีข้างต้นชาติตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐฯก็จะให้การสนับสนุนฟิลิปปินส์หรือเวียดนามต่อสู้กับจีน แต่ไม่น่าจะมีการใช้กำลังรบเผชิญหน้ากับบจีนโดยตรง
เพราะเราก็ได้เห็นตัวอย่างจากกรณีพิพาทที่ยูเครนแล้วว่าชาติตะวันตกไม่ใช่กำลังเผชิญหน้ากับรัสเซียโดยตรงแม้ว่าจะมีการยั่วยุระหว่างกันอยู่บ่อยครั้งจากทั้งสองฝ่าย
ซึ่งก็เห็นกันอยู่ครับว่ารัสเซียยังเป็นผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่ของโลกที่มีความน่่าเชื่อถือสูงอยู่ แม้ว่าจะมีปัญหาบางประการกับลูกค้าอย่างกรณีของ MiG-29K อินเดีย
แต่ถ้าเกิดว่าจีนทำสงครามกับญี่ปุ่น หรือจีนทำสงครามกับสหรัฐฯเมื่อไร เราก็คงไม่ต้องไปกังวลเรื่องที่จีนจะจัดส่ง อาวุธปล่อยนำวิถี KS-1C, รถถังหลัก VT4 และเรือดำน้ำ S26T ให้ไทยไม่ได้แล้วครับ
เพราะเราคงจะต้องไปกังวลถึงเรื่องที่จะทำอย่างไรให้ประเทศไทยอยู่รอดได้ในภาวะสงครามตามแบบระหว่างประเทศพัฒนาแล้วครั้งแรกในศตวรรษที่๒๑ มากกว่าครับ
อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหล่ะครับ...
สหภาพโซเวียต ก็ล่มสลายมาแล้ว...
เยอรมัน ก็ยังรวมประเทศกันมาแล้ว...
นักศึกษา เรียกร้องประชาธิปไตย ในจีน ก็มีมาแล้ว...
สิ่งที่เรียกว่า คน หรือ มนุษย์...มันมีการพัฒนา กิเลส กับ ความต้องการมาอยู่เรื่อย ๆ แหล่ะครับ...
และสิ่งที่เกิดขึ้น ก็คือ ฟิลิปปินส์ ไม่เกรงใจ จีน เหมือนกัน...ถึงร้องต่อ ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ...
ซึ่ง จีน ก็คิดว่า ไม่มีใครกล้าเหมือนกัน...แต่คิดผิด...ถมทะเล ซะเป็น ฐานทัพเลย...ตอนนี้ เวียดนาม ก็เอาอย่างแล้ว...
แล้ว ประเทศไทย ที่คิดว่า จะดำรงความเป็นกลาง...แล้วจะไปหาเรื่อง จัดหาอาวุธจากจีน มาใส่ตัว ทำไมล่ะครับ...
มีประเทศอื่น ๆ อีกตั้งมากมาย ที่มีคุณภาพ...และยังทำให้ ดำรงคุณภาพ และถ่วงดุลย์กับ จีน ในภูมิภาคนี้ ได้อีก...
ทั้ง ๆ ที่ ประเทศจีน ก็ไม่เคยให้ประโยชน์อะไรกับประเทศไทย...
สิ่งที่จีน ทำให้...ก็คือ รักษาผลประโยชน์ทางการค้า ที่ได้ ดุลการค้า กับไทย ทุก ๆ ปี ไม่ต่ำกว่า 300,000 ล้านบาทต่อปี...
ยิ่งปีที่แล้ว ได้ดุลการค้าไทย กว่า 600,000 ล้านบาท...
สิ่งที่เห็นว่านักท่องเที่ยวจีน มาเที่ยวที่ไทยเยอะ...ก็ไม่เห็นมันจะสร้างดุลการค้าอะไรให้กับไทยเลย...
เห็นมีแต่ข่าวการ ทำลายภาพพจน์การท่องเที่ยว ให้เสื่อมลง...
ประเทศไทย ก็ยังมียอดการค้ากับจีน ปีละ 800,000 ล้านบาท เท่าเดิม....
ประเทศไทย ทำมาค้าขาย ได้ดุลการค้าจากประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ก็มา โปะ ให้ประเทศจีน หมด...
ปี 2558 ประเทศไทย มีดุลการค้า เป็นบวกจากทั้งโลก ประมาณ 300,000 ล้านบาท...แต่ประเทศไทย เสียดุลการค้า กับประเทศจีน ประเทศเดียวกว่า 600,000 ล้านบาท...คำถาม ถ้าประเทศไทย ยังดำรงการเสียดุลการค้ากับประเทศจีนที่ 300,000 ล้านบาท...ประเทศไทย ก็จะมี ดุลการค้าทั่วโลก กว่า 600,000 ล้านบาท มันจะช่วยในเรื่องเศรษฐกิจ ขนาดไหน ?
ผมถึง ไม่เห็นความจำเป็นอะไร ที่ ไทย จะต้องไปผูกความมั่นคง กับ ประเทศจีน เลย...แล้วจะไปหา ความเสี่ยง มาใส่ตัวทำไม ?
ขอคำตอบหน่อยครับ...
มีข้อมูลข้างต้นที่ผมเขียนผิด ก็ชี้แจงได้ครับ...เอา ข้อมูล มาจาก กระทรวงพาณิชย์ ทั้งสิ้น...
อันนี้จีนจะไม่ซื้อข้าวเนื่องจากเปลี่ยนแปลงโครงการรถไฟความเร็วสูง
คอฟโก้ เลื่อนเจรจาซื้อข้าวจีทูจี 1 ล้านตัน วงในมองเหตุเพราะไทยเปลี่ยนรูปแบบลงทุนรถไฟความเร็วสูงแหล่งข่าวจากกระทรวง พาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัท คอฟโก้ ซึ่งเป็นหน่วยงานนำเข้าข้าวของรัฐบาลจีน ยังไม่กำหนดวันเวลาที่จะเจรจารายละเอียดซื้อข้าวจากรัฐบาลไทย....... อ่านต่อได้ที่ :http://http://www.posttoday.com/biz/gov/427056
นี้แหละความเสี่ยงที่มีตัวอย่างเกิดขึ้นมาแล้ว คอฟโก้คือหน่วยงานในกำกับของรัฐบาลจีนนะจ้ะ
มหามิตรยามยากของแท้แน่นอน จริงๆ
จาก http://www2.ops3.moc.go.th/
สีเขียวคือประเทศที่เราได้ดุลการค้า ถ้าจะบอกว่าขายกับประเทศอื่นมาโป๊ะการขาดดุลจากจีนก็ยังไมพอเลย นี้ต้องเอาประเทศเล็กประเทศน้อยมาโป๊ะถึงทดแทนการขาดดุลได้
สีนํ้าเงินคือดุลการค้าสุดท้ายในปี 58 รวมทุกประเทศ
บางคนก็บอกว่าจีนใช้ฮ่องกงเป็นประตูนำเข้า ในปี 58 ไทยขาดดุลจีนที่ 6 แสนล้านบาท ได้ดุลฮ่องกง 3 แสนล้านบาท
ถ้าจะบอกว่าฮ่องกงคือประตูนำเข้าของจีน งั้นเอา 6 - 3.4 = 2.6 แสนล้านบาทไทยก็ยังขาดดุลอยู่ดี #แก้ไขจุดทศนิยม
ในปี 59 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ขอพิมพ์แบบปัดเศษขี้เกียจพิมพ์เลขเยอะ)
เงินสำรองทางการ 6.1 ล้านล้านบาท
หนี้ต่างประเทศ 4.6 ล้านล้านบาท
หนี้ในประเทศ 2 ล้านล้านบาท
ปริมาณเงินในความหมายแคบ 62 ล้านล้านบาท
ปริมาณเงินในความหมายกว้าง 623 ล้านล้านบาท
สินค้าส่งออก 3 ล้านล้านบาท
สินค้านำเข้า 2.3 ล้านล้านบาท
ข้อมูลดุลการคลังจากกระทรวงการคลัง
ดุลตามรายปี 58
รายได้ 2.3 ล้านล้านบาท
รายจ่าย 2.7 ล้านล้านบาท
จะเห็นว่าการจัดเก็บรายได้นั้นมีปัญหา แต่จะเห็นว่าดุลการค้าไทยไม่ได้น้อยเลย(แค่เฉพาะครึ่งปี 59 เท่านั้นนะถ้ารวมทั้งปีการไม่น้อยเลย)
ครับท่าน 461 ประเทศไทยช่วงนี้ มันมีแต่เรื่อง ย้อนแย้ง...เอาความเชื่อ เข้าว่า...ทำให้รับข้อมูลข่าวสาร แบบไม่วิเคราะห์ ไม่คิด...แค่ใครแสดงความเห็นถูกจริต...ก็ เออ ออ...โดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบ...
ประเทศไทย ส่งออก อันดับ 1 ก็คือ สหรัฐอเมริกา... ได้ดุลการค้ากว่า 2 แสนกว่าล้านบาท ก็ด่า ก็ว่า หาว่า เอาเปรียบประเทศไทย
ประเทศไทย นำเข้า อันดับ 1 ก็คือ จีน...ขาดดุลการค้า กว่า 6 แสนล้านบาท ก็ชื่นชม ว่าเป็นมิตร เป็นเพื่อนในยามยาก (ตอนไหน ?)
ยิ่งใครมาพูดถึง สงครามร่มเกล้า...ที่ จีน ช่วยส่ง กระสุนปืนใหญ่ ให้ไทย...ก็ยิ่งแล้วใหญ่...
ไม่ได้ไปดู บริบท ว่า..ในแถบ ประเทศเพื่อนบ้าน ลาว และ กัมพูชา...ในเวลาขณะนั้น กลุ่มประเทศสังคมนิยม ที่เขา แก่งแย่ง อำนาจ มีอยู่ 2 ฝ่าย คือ รัสเซีย กับ จีน...ประเทศไทย ก็คือ รัฐที่ จีน ใช้เป็นตัวแทน สำหรับ ถ่วงดุล กับ รัสเซีย...
สิ่งที่ จีน ทำ แสดงความช่วยเหลือให้ ไทย...ก็เพื่อจะ คาน อำนาจกับ รัสเซีย...โดยผ่าน ประเทศไทย...เพื่อยังคงแสดงให้เห็นว่า...จีน...มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคนี้...
แล้ว บทสรุป ของสงครามเป็นอย่างไร ? ก็ไม่มีใครชนะ...มีแต่ ประเทศไทย ที่สูญเสีย งบประมาณไปมหาศาล...แถมยังได้ บุญคุณประเทศจีน ให้ นสพ. สาย จีน มาประโคมเป็นผลตอบแทน อีก...
จนเมื่อ รัสเซีย ประสบปัญหาภายในของตัวเอง ก็ต้องทิ้งบทบาทตัวเองออกไปจาก ภูมิภาคนี้...จีน จึงเข้ามาสวม แบบไม่ต้องออกแรงมากมาย...ในขณะที่ ประเทศไทย ทะเลาะกับเพื่อนบ้านแทบตาย...สูญเสียไปเท่าไหร่...
แล้วใครได้ประโยชน์กันแน่ ?
แถมขณะนี้ ก็ทำตัว เหมือนจะเป็น ลูกน้องให้กับ ประเทศจีน อีก...ไม่ใช่ บทบาทว่า ประเทศไทย ฐานะ เท่าเทียม แต่อย่างใด ?
ประเทศไทย ก็พึงสังวรณ์ ไว้ว่า...ประเทศจีน...มีชายแดน อยู่ห่างประเทศไทย ไปไม่กี่กิโลเมตร ครับ...
ถ้ารางรถไฟจีน ที่จะพาดผ่านจาก จีน มาลาว สิ้นสุดที่ ไทย...หรือ ผลประโยชน์อื่นใด ของจีน ที่จะถูกกระทำโดยทำให้ สูญเสีย อย่างมีนัยสำคัญ...โดย ประเทศไทย แสดงถึง การไม่สามารถควบคุมความเสียหายได้เพียงพอ...
ผมคิดว่า ประเทศจีน เขาก็พร้อมที่เข้ามา ควบคุมความเสียหาย ในประเทศไทย ได้ด้วยตัวเอง...ภายในเวลาอันรวดเร็ว...
อย่างไปกลัว ประเทศมหาอำนาจที่ไกลจากไทย ไปหลายพัน กิโลเมตร เลยครับ...
จงกลัว ประเทศมหาอำนาจ ที่อยู่ใกล้ ๆ นี่แหล่ะ ให้จงหนัก...
เพราะอาณาเขต ราชอาณาจักรไทย มันอยู่ปรากฎในแผนที่เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน พร้อม ๆ กับ แผนที่อาณาเขตในทะเลจีนใต้ นี่แหล่ะครับ...
ความเห็นของผม...มันมาจากข้อมูลในหนังสือ ในช่วงยุคสมัย ประชาธิปไตย และสังคมนิยม...
ได้แก่ หนังสือ เวียดนามแล้วไทย ของ พัน รักษ์แก้ว ฉบับตีพิมพ์ ปี 2519..
แผนที่ อาณาเขต ที่ประเทศจีน ประกาศต่อโลก ในปี 2468 ว่า เป็นแผ่นดิน ที่จีน สูญเสีย ไปในช่วงยุคชาวตะวันตกล่าอาณานิคม...
และเพื่อว่า อาจจะเป็น แนวชวนเชื่อของผู้แต่งหรือไม่...ผมก็เลย ลองไปหา ในเว๊ปไซด์จีน เกี่ยวกับ เรื่องดังกล่าว...
ก็ปรากฎภาพ เป็นแผ่นที่ สี ลากเส้นสีแดง แบบลักษณะเดียวกัน...
เลยนำมาให้เป็น ข้อมูล เพื่อเสริมความรู้...
ประวัติศาสตร์ มันเคยมี...เราควรนำข้อมูลประวัติศาสตร์ มาใช้ประโยชน์...
และสิ่งที่ จีน ประกาศอาณาเขต ทะเลจีนใต้ ในแบบ 9 เส้น นั้น ที่กำลังเป็นเรื่องราวนั้น (ที่ผม ก็สงสัยว่า จีน ทำไม ลากเส้นอาณาเขตทะเลได้ไกลจัง ?X...ถ้าท่านได้ พิจารณา ถึง อาณาเขต ที่จีน อ้างว่า ได้สูญเสียไปในช่วงยุค ตะวันตกล่าเมื่อขึ้นแล้ว...(ในขณะนั้น ยังไม่มีกฎหมายเรื่อง อาณาเขตทะเล 200 ไมล์ทะเล)...
แล้วท่านก็ใช้ การวิเคราะห์ นำข้อมูล เส้นประ 9 เส้น ที่จีนอ้าง ครอบครองทะเลจีนใต้...ท่านก็จะได้ อาณาเขตทะเล ที่จีน ลากจากแผ่นที่ ที่จีนอ้างว่า ได้สูญเสียดินแดนไป นั่นเอง แหล่ะครับ...
มันก็น่าจะเป็น ข้อมูลที่ เราพอจะวิเคราะห์ได้ว่า...แนวคิด อาณาเขตที่จีน คิดว่าเป็นดินแดนที่ตนเองสูญเสียไป ยังคงมีอยู่ และยึดถือมาจนถึงปัจจุบัน...(มันก็รวม ประเทศไทย ด้วย)
เส้นประ 9 เส้น ที่จีนอ้างสิทธิ ในทะเลจีนใต้...
ดีใจจังบ้านเราจะได้ไปอยู่ในแผนที่ของจีนด้วย เป็นรัฐในอารักขาเท่จังเลย
บอกแล้วให้เอาเรือดำน้ำระดับเทพ A26 มาก็ไม่มีปัญหาแล้ว ทั้งอาเซียนตกตะลึงแน่ๆ