“บิ๊กป้อม”เผย”ทร.” ซื้อ”เรือดำน้ำ” แน่ชี้ลำละ 1.2 หมื่นล้านไม่มาก เริ่มลำแรก ใช้งบปี 60
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้สัมภาษณ์ถึงแผนการจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีนจำนวน 3 ลำ ซึ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างมาก ว่า แผนจัดซื้อเรือดำน้ำจำนวน 3 ลำ มูลค่าลำละ 1.2 หมื่นล้านบาทนั้น ถือว่าไม่มากเนื่องจากสามารถผ่อนชำระเป็นเวลาร่วม 10 ปี ทั้งยังสามารถใช้งานได้ยาวนาน ส่วนเรื่องเทคโนโลยีของจีนที่หลายฝ่ายยังมีข้อกังขาว่าสู้ชาติอื่นไม่ได้นั้น ตนรับรองว่ามันดีแล้ว ใช้ได้แน่นอน แล้วเป็นเทคโนโลยีใหม่
เมื่อถามว่า กองทัพเรือเคยมีกองเรือดำน้ำ แต่ถูกยุบไป เนื่องจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ชายฝั่งทะเลไทยมีความลึกไม่มาก แต่ทำไมถึงยังมีแผนจัดซื้ออีกในยุคนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทรัพยากรธรรมชาติฝั่งอันดามันของเรามีจำนวนมาก อีกทั้งประเทศเพื่อนบ้านเราก็ล้วนแต่มีเรือดำน้ำทั้งหมด เมียนมายังมีตั้ง 10 ลำ ซึ่งไม่ได้ซื้อเรือเก่าเลย
เมื่อถามว่าแสดงว่าสังคมก็มั่นใจได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “สื่อก็ต้องช่วยกัน กองทัพเรือเป็นเจ้าของเรื่องก็ต้องไปดู ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลซึ่งขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นทำความตกลงร่วมกัน อยู่ในขั้นดำเนินการ แต่ชั้นนี้กองทัพเรือได้ไปพิจารณารายละเอียดไว้หมดแล้ว แต่ยังต้องใช้ระยะเวลาอีกนาน กองทัพเรือกำหนดแล้วว่าจะซื้อ เบื้องต้นจะใช้ประมาณปี 2560 จัดซื้อเรือดำน้ำลำแรกก่อน ต้องค่อยๆ ทำ ไม่ใช่ใช้งบประมาณแบบเศรษฐีเสียเมื่อไหร่ ต้องใช้แบบคนยากคนจน ซึ่งเป็นแผนงานของกองทัพเรือตั้งแต่ปี 2551-2552 แต่ตอนนั้นตนขอให้ระงับไว้ก่อน”
ที่มา
http://www.matichon.co.th/news/196308
http://www.dailynews.co.th/politics/506236
http://breakingnews.nationtv.tv/home/read.php?newsid=788678
เมียนมาร์ไหนวะมีเรือดำน้ำ 10 ลำ
นี่คือโกหกออกสื่อ?
ท่านเป็นทหารบก เลยอาจเข้าใจเรือดำน้ำผิดไปมังครับ ถ้าแบบนี้พม่ามีเรือใหม่มากกว่า 10 ลำจริงครับ แต่ดำน้ำแล้วไม่โผล่นะ แฮ่......
ผมพูดว่า เรือลำนำ้ ไม่ใช่เรือดำนำ้ ฟังผิดกันเอง
ผมว่าวาทกรรม "ใช้งบทร.เอง" มันมีขึ้นเพื่อรับมือกับข้อคัดค้านว่าเปลืองประเทศชาติอะไรประมาณนั้น ซึ่งในทางปฏิบัติ ถ้ามันเป็นดีลใหญ่เกินงป.ทร.ซึ่งปกติก็น้อยกว่าชาวบ้านอยู่แล้ว การตั้งงบพิเศษเพิ่มมาก็ไม่น่าผิดอะไร ไม่งั้นจะกลายเป็นไปฉุดโครงการอื่นช้าไปหมด จากที่ช้าาช้าอยู่แล้ว
แล้วเหตุใดกองทัพเรือถึงไม่ดิ้นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองแต่ให้คนอื่นเลือกเรือให้ ผมว่าอยู่ที่ตัวบุคคล (เพราะดีลรอดไม่รอดผูกพันกับตำแหน่งด้วยมั้ง) อย่างกองเรือดำน้ำซึ่งเป็นคนต้องใช้จริงก็ดิ้นจนโดนผ้าอุดปากคาเฟสบุคไปแล้ว ฮา
เรื่องการซื้อเพื่อผลด้านการเมืองระหว่างประเทศผมว่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ก็อย่างที่ท่านเสือใหญ่ว่านั่นแหละ เราจะได้ประโยชน์อะไรจากดีลนี้ เอาตรงๆ เทียบกับอเมริกา แกแจกของแจกเงินพันธมิตรเป็นว่าเล่น (แต่พูดไปก็สงสารประชาชนอเมริกาที่ต้องมาเสียภาษีซื้ออาวุธให้ประเทศอิสราเอลงี้ อียิปต์งี้ เป็นพันเป็นหมื่นล้านดอลล์ต่อปีหรือพูดรวบๆอีกอย่างรัฐบาลอเมริกาทำเพือบริษัทค้าอาวุธของตัวเองซึ่งก็แบ็คนักการเมืองอยู่อีกที)
ดูเหมือนจะมีข่าวว่า ทางพม่าเคยส่งกำลังพลไปฝึกกับปากีสถานและมีความสนใจที่จะซื้อเรือของปากีสถานครับ
แต่ 10 ลำนี่มันก็เกินไป ในภูมิภาคนี้ขนาดสิงคโปร์ที่จัดว่ารวยแล้วยังมีไม่ถึงขนาดนี้เลย
" ผ่อนได้เป็น 10 ปี "
ผ่อนหมด เรือจะยังใช้งานได้รึเปล่าก็ไม่รู้ ?
รับมอบลำที่สาม ลำแรกยังจะดำได้ไหม ?
ผมหมดมุขแล้วครับ ยังไงๆ พี่ท่านก็จะเอาเรือจีนให้ได้
เรือเก่าเยอรมัน 40 ปียังใช้ได้ ปรับนั้นนิดเปลี่ยนนี่หน่อย เปลี่ยนแบตเปลี่ยนอุปกรณ์สื่อสาร ฯลฯ ยังใช้งานได้ดี คุณค่าทางยุทธการยังมีอยู่อีกมาก 4 ลำ เจ็ดพันล้าน ท่านยังไม่เอา งงกันทั้งบาง !!!
เรือใหม่กิ๊ก มีแต่แบบในกระดาษ บอกดี บอกเหมาะ บอกเยี่ยม รับรองเสร็จสรรพ เผอิญใช้เงินเป็นหมื่นล้าน ท่านเป็นใคร มีความรู้เรื่องเรือ ส. มากกว่าประชาชนคนธรรมดาอย่างพวกผมตรงไหน ?
ไม่รู้ก็ไม่ต้องโม้ครับ พม่ามีเรือ ส. ตั้ง สิบกว่าลำ เอาอะไรมาพูด !!! ลำเดียวเค้าก็ยังไม่มี ตอกย้ำถึงความไม่ใส่ใจที่จะให้ข้อมูลที่เป็นความจริงสนับสนุนแก่สาธารณชน จะเอาสักอย่าง จะพูดว่าอะไรก็ได้
ผมรักทหารนะครับ รักมากด้วย แต่ตอนนี้ พี่คนนี้ทำผมหมดศัทธาทหารครับ ไม่ถูกไม่ต้อง ทร. ท่านต้องสู้ครับ ของที่ท่านควรจะได้ของดี ได้ใช้กันนานๆ กำลังพลมั่นใจอุ่นใจ ได้อยากที่ท่านต้องการจริงๆ ท่านต้องสู้นะครับ
ถามจริงๆ ครับ มีเหตุผลอะไรหรือ ที่ต้องเอาเรือ ส. (เรือดำน้ำ ส. = S มาจาก Submarine) จากจีน
มีเหตุผลเดียวที่พอจะรับได้คือเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ เรายอมเสีย ยอมซื้อเรือจีน เพื่อแลกกับผลประโยชน์ของชาติ อย่างนี้อาจพอรับได้ แต่ก็อีกแหละ ถ้าเป็นด้วยเหตุผลนี้ก็ต้องตั้งคำถามกันต่อละครับว่า ผลประโยชน์ของชาติที่ว่านั้นคืออะไร เหมาะสมคุ้มค่าไหม ?
ยังไงก็แล้วแต่ ถ้าเป็นเรือ ส. แล้ว สมควรเอาคุณภาพและสมรรถนะของเรือเป็นที่ตั้ง อายุการใช้งานยาวนาน มีปัญญาดูแลบำรุงรักษาได้ตลอดอายุการใช้งานสามสี่สิบปี เรือเยอรมัน สวีเดน ฝรั่งเศส รัสเซีย เกาหลีใต้ มีคุณสมบัติเหล่านี้ครับ ส่วนเรือจีน...???
ขออภัยแอดมินครับ หากมีคำใดไม่เหมาะสม พิจารณาได้เลยครับ
และในเรื่องงบประมาณปรเะจำปีของ กองทัพเรือ....คนที่อยากจะซื้อในตอนนี้....เคยมีข้อมูลและวางแผนดีแล้วหรือยัง ?
การตั้งงบประมาณ จัดหา เรือดำน้ำ ในขณะนี้ ยังไม่มีความเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ...
ควรจะรอ ปี 2561 หรือ หลังจากนั้น ไป...
ที่แน่ ๆ เศรษฐกิจไทยในปีนี้ รวมถึงปีหน้า ยังไม่เห็นอัตราการเติบโต ที่รัฐจะจัดเก็บภาษีได้เพียงพอกับงบประมาณ...และคงจะต้องเป็นงบประมาณติดลบ...ในปีต่อ ๆ ไป...เหมือนปี 2559...ซึ่งในส่วนของงบประมาณติดลบ...ส่วนหนึ่ง ก็มาจาก การจัดหาอาวุธของ กลาโหม...ที่เป็นการลงทุน ไม่ได้เพิ่มการสร้างรายได้ให้ภาครัฐในอนาคต...นั่น หมายถึง รัฐบาล ต้องกู้เงิน หรือ ออกพันธบัตร เพื่อหาเงินมาเติมงบประมาณ...
ซึ่งถ้า กองทัพเรือ ดึงดัน การจัดหาเรือดำน้ำในปี งบประมาณ 2560...
ปี 2561 กองทัพเรือจะประสบปัญหาว่า รัฐบาลใหม่ (ซึ่งน่าจะมีการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่...และไม่แน่ใจจะมีความพร้อมในการอนุมัติงบประมาณหรือไม่ ?)
จะมีปัญญาจัดงบประมาณให้ กองทัพเรือ หรือไม่ ?
เพราะในปี 2561...กองทัพเรือ จะมีงบประมาณผูกพัน ของโครงการเดิม ที่จัดหา มาตั้งแต่ปี 2556 - 2558 ประมาณ 7,100 ล้านบาท...
ถ้า กองทัพเรือ จัดหา เรือดำน้ำจีน ในปีงบประมาณ 2560 ถ้าประเมินคร่าว ๆ...กองทัพเรือ จะแบ่งชำระเป็นระยะ 4 ปี...โดยประเมินแบบ ไม่เป็นภาระงบประมาณของ กองทัพเรือ ในจำนวนเงินก้องใหญ่ (เป็นความเห็นส่วนตัว) ในอัตรา ร้อยละ 10,30,30,30
ก็จะหมายถึง ปี 2560 ชำระ 1,300 ล้านบาท ปี 2561 - 2563 ชำระปีละ 3,900 ล้านบาท
ดังนั้น ในปี 2561 กองทัพเรือ จะมีภาระผูกพันงบประมาณที่ต้องชำระในการจัดหาอาวุธในปัจจุบัน กว่า 11,000 ล้านบาท ในขณะที่ งบประมาณ ปี 2559 ทร.มีงบประมาณ 40,000 ล้านบาท มีภาระผูกพันจัดหาอาวุธ 8,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ คือ งบประมาณรายจ่ายบุคคลากรและอื่น ๆ 32,000 ล้านบาท ถ้างบประมาณ ทร. มีอัตราเพิ่มของ รายจ่ายประจำที่ ร้อยละ 7 ปี 2560 ทร.ควรจะมีงบประมาณ 34,240 ล้าน บวก งบประมาณจัดหาอาวุธผูกพันเดิม ประมาณ 6,000 ล้านบาท บวก เรือดำน้ำจีน 1,300 ล้านบาท รวมเป็น 7,300 ล้านบาท รวมงบประมาณปี 2560 ประมาณ 41,540 ล้านบาท
และในปี 2561 อัตราเพิ่มของรายจ่ายประจำที่ ร้อยละ 7 ก็ควรจะมีงบประมาณรายจ่ายประจำที่ 36,630 ล้านบาท บวกกับ งบประมาณผูกพันจัดหารโครงการอาวุธของเดิม 7,100 ล้านบาท บวกกับ งบประมาณเรือดำน้ำ งวดที่ 2 จำนวน 3,900 ล้านบาท รวมประมาณในปี 2561 ทร.ควรจะมีงบประมาณ 47,630 ล้านบาท นั่นหมายถึง ปี 2560 และ 2561 ทร.จะไม่มีการตั้งงบประมาณซื้ออาวุธใหม่ใด ๆ อีก...นอกจากโครงการจัดหาเรือดำน้ำ อย่างเดียว...
คำถาม...รัฐบาลใหม่...ที่เพิ่งเริ่มบริหาร จะมีปัญญา หางบประมาณ 47,000 ล้านบาท ให้ ทร. ได้หรือไม่ ? และถ้า สภาพวะเศรษฐกิจของประเทศ อยู่ในภาวะทรงตัว หรือไม่มีการเติบโตเป็นนัยยะ สำคัญ...ในช่วงปี 2561 อาจจะไม่มีการเติบโตของ งบประมาณกลาโหม...แล้ว ทร. จะมีงบประมาณที่ไหน มาชำระ...ดังนั้น ทร. ก็ต้องค้างชำระค่าเรือดำน้ำจีน...แล้วไปรอในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป...ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ทร. จะได้รับการจัดสรรงบประมาณ ได้เพียงพออีกหรือไม่ ?...และ ทร. ก็คงจะต้องประสบปัญหา แบบเดียวกับปี 2540 คือ ไม่มีการจัดหาอาวุธใหม่ได้ในอีก 3-4 ปี จนถึงปี 2563-2564...
โครงการ เรือดำน้ำ ของ ทร. จึงควรเป็นงบประมาณจัดหา นอกงบประมาณประจำปี แบบของ กองทัพอากาศ ที่จัดหา กริพเพน เฟสแรก...และควรเป็นหน้าที่การตัดสินใจที่มี กระทรวงการคลัง ร่วมตัดสินใจ...จึงควรรอให้เป็นหน้าที่ของ รัฐบาลใหม่...และความโปร่งใสของโครงการ ที่ว่า โครงการเรือดำน้ำ ไม่ได้ผูกพันการการลงทุนระบบรางของ ประเทศจีน...
ประเทศจีน ควรจะนำเงินมาลงทุนในระบบรางของประเทศไทย ที่เป็นเงินลงทุนของประเทศจีน จริง ๆ....ไม่ใช่ มีการนำเงินประเทศไทย จากการจัดหาซื้ออาวุธจีน ไปชดเชยให้ประเทศจีน...เท่ากับ ประเทศจีน ไม่ได้นำเงินลงทุนมาลงในประเทศไทย 100%...ประเทศไทย จึงไม่ได้มีเงินลงทุนใหม่ มาพัฒนาหรือหมุนเวียนในประเทศแต่อย่างใด...
ประเทศไทย ควรจะ ให้ประเทศจีน นำเงินมาลงทุนในระบบราง ร้อยละ 100 และเอาผลประโยชน์กลับไป...
แล้วประเทศไทย ก็จัดหาอาวุธ เช่น เรือดำน้ำ จากกลุ่มประเทศอื่น ๆ โดยมีเงื่อนไข การตอบแทนทางเศรษฐกิจกลับมา...
ประเทศไทย ก็จะมีเงินลงทุนกลับมาทั้ง 2 ทาง คือ ประเทศจีน ลงทุนระบบราง...และ ประเทศอื่น ที่เสนอการลงทุนต่างตอบแทนจากการจัดหา เรือดำน้ำ...ซึ่งในการจัดหา อาวุธ ในงบประมาณขนาดใหญ่ ควรให้เป็น หน้าที่ของ มืออาชีพ ที่วางแผนงบประมาณระยะยาว...ไม่ใช่...กลุ่มข้าราชการ ที่เข้ามาบริหาร...โดยใช้อำนาจพิเศษ...เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น...
ในส่วนตัวผมนั้นสนับสนุนให้กองทัพเรือมีเรือดำน้ำมาตลอด ช่วงที่จะจัดหา U-206A นั้นออกหน้าเชียร์สุดลิ่ม แต่สุดท้ายกินแห้ว เพราะว่าท่านนั้นอยากได้ของใหม่เกาหลี พอลองหาข้อมูลเรือเกาหลี เอาวะ พอยอมรับได้เพราะยังไงเจ้าของประเทศผู้ผลิตมีใช้หลายลำแล้ว พอได้ข่าวว่าอินโดนีเซียจัดหาก็พออุ่นใจว่ามีพรรคพวกเพื่อนบ้านกำลังจะใช้ มีอะไรผู้ผลิตคงแก้ไขปัญหาจบไปแล้วจากการผลิตใช้จริงมาหลายลำ แต่ที่ไหนได้ หวยไปโผล่เรือจีนที่กล่าวอ้างว่ามาจากเรือชั้นหยวน ดูขนาดแล้วมันชั้นหยวนที่ไหนกันหว่า ลดขนาดลงแบบนี้มันไม่ใช่ชั้นหยวนแล้ว มันเรือสเป็คกระดาษชัดๆ ใจนึกถึงเรือดำน้ำชั้นคอลลินของออสเตรเลียเลยที่บอกว่าต้นแบบจาก A19 ของสวีเดนแต่ใหญ่กว่าสุดท้ายปลดแยกชิ้นไปเรียบร้อยแต่ A19 ยังแหวกว่ายอยู่เลย แบบนี้หมายถึง เอาเรามาเป็นหนูทดลองใช่ไหมดีไม่ดี กองทัพเรือรับหน้าเสื่อแก้ไขกันไปจนกว่าจะใช้งานได้ดี เชื่อว่าเมื่อเราจัดหา จีนก็จะเอาไปโปรโมทต่อว่ามีประเทศไทยจัดหาไปใช้งานแล้วเพื่อเสนอขายประเทศอื่นต่อไปแน่นอน แถมราคา 1.2 หมื่นล้านต่อลำสำหรับเรือที่ยังไม่เคยมีใครใช้งาน เทียบกับอินโดนีเซียจัดหาเรือ 209 ที่ประเทศผู้ผลิตก็มีใช้จำนวนมากราคา 1.1 หมื่นล้านต่อลำนี่ดูแล้วอึ้งครับ ถ้าจัดหามาแล้วลองมาเปรียบเทียบอายุกับ 209 ที่อินโดนีเซียจัดหากันว่า ใครจะจอดซ่อมบ่อย ใครต้องปลดประจำการก่อนกัน
ขออนุญาตครับ ไม่เกี่ยวกับเรือดำน้ำครับ แค่จะบอกว่า ส่วนตัวไม่เห็นประโยชน์ของรถไฟความเร็วสูงครับ
ทุกวันนี้โลว์คอส์ทแอร์ไลท์ก็บินกันจนเครื่องจะเกยกันอยู่แล้ว ค่าตั๋วทำเอารถทัวร์แทบจะอยู่กันไม่ได้ ถ้าจะขนคน แค่ปรับปรุงรถไฟธรรมดาให้มันวิ่งตรงเวลาด้วยความเร็ว 120-140 กม. (สุดเกจเซฟตี้ไม่เกิน 160) ก็พอแล้ว ปรับปรุงราง สร้างรางคู่เพิ่ม ให้รับน้ำหนักได้เยอะขึ้น (หัวจีนใหม่วิ่งได้เฉพาะบางสายเพราะหนัก หัวไม่พอยังต้องจอดเล่นๆ) สับหลีกให้เยอะ ระบบอาณัติสัญญาณสมบูรณ์พร้อม หัวรถจักร แคร่ลมอัด อบรม พนง. ใหม่ เอาไว้ใช้ขนสินค้าเป็นหลัก ใช้ประโยชน์ระบบรางสูงสุด ควบคู่ไปกับระบบท่อ อย่างนี้น่าจะใช้เงินได้คุ้มกว่า โปรดักส์ทิฟกว่า นะครับ
รถไฟความเร็วสูง สูงแค่ไหน ใช้ขนคนจากไหนไปไหน ใช้ขนสินค้าได้ไหม แล้วถ้าคนใช้บริการน้อยเพราะตั๋วแพง หรือมีตัวเลือกยานพาหนะมากมาย จนขาดทุนขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ ยิ่งถ้าให้รถไฟไทยท่านบริหาร โอ้แม่เจ้า... นึกไม่ออกว่าอะไรที่ท่านทำเองแล้วมีกำไรบ้าง เห็นแต่ขาดทุนตลอด ต้องตัดที่ดินโอนที่ดินหักหนี้ อย่างแอร์พอร์ตลิงค์ก็ขอไปทำเอง (สหภาพ) จนสภาพเป็นอย่างที่เห็น สำคัญที่สุด การลงทุนเป็นแสนๆ ล้าน อย่างรถไฟความเร็วสูง ใครอยากทำก็ให้มาลงทุนเอง ถ้าไม่มีใครรัฐก็ไม่ต้องทำเอง ยกเลิกไปเลย แล้วไปหาปั้นโครงการอื่นๆ ที่คาดหวังได้ว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการลงทุนในประเทศได้จริงๆ จะดีกว่านะ..
ถ้าเมียนม่าร์มีเรือดำน้ำตั้ง 10 ลำ เแต่ราจะซื้อแค่ 3 ลำ จะพอหรือครับท่าน ?
สิงค์โปร์ใช้เรือ ส. สวีเดนเก่าเอามาปรับปรุงใหม่ 2-4 ลำ ไม่เห็นมีใครต่อว่าค่อนขอดรังเกียจว่าใช้เรือเก่า เสียดาย อู-206 เอ มากครับ
ผมคิดว่าที่ทุกท่านกล่าวมานั้นปลายเหตุแล้ว จริงๆ ทร. ไม่ผิด แต่ที่น่าเสียใจก็ต้องบอกกับหลายๆท่าน หลายๆสื่อ หลายๆพรรค ที่คัดค้านเรือดำน้ำสวีเดน A19 สมัยนายกบรรหารโน่น ครับ ไม่อย่างนั้นป่านนี้เรามีเรือ A19 ใช้ไม่น้อยกว่า 2 ลำแล้ว ไม่น้อยหน้าประเทศเพื่อนบ้าน คิดแล้วเสียใจแทน ทร. ไม่หายครับ สุดท้ายเลยต้องหยวนๆ ตั๋วรถไฟขบวนสุดท้าย ไปไหม ไปไหม ไม่ไป ยาวเลยน่ะครับ อารมณ์ ประมาณว่า เริ่มด้วยจะนั่ง วอลโว่ แม่ไม่ให้ ขอเบนซ์เก่าก็ได้ พ่อก็ไม่ชอบ เอาน่ะเป็นแท๊กซี่ฮุนไดก็ยังดี แต่พี่ไม่ปลื่ม สุดท้ายกลัวไปออกงานไม่ทัน โบกรถมอเตอร์ไซ์อาตี๋ปากซอยให้ซิ่งไปส่งที (ในใจยังคิดว่าจะมีรถแท๊กซี่โดโยต้าอัลติสป้ายแดงๆขับผ่านมาบ้างไหมน้ออออ) เรื่องมันเลยจบ แฟนๆมองตากันปริบๆ คิดแง่ดีเอาว่ะ ถึงหัวกระเซิง มันก็คงไปถึงงานน่ะ ... !!!
คิดไปคิดมา อาจมีจบแบบงงๆ ประมาณว่า ขึ้นต้นด้วย เรือสอ 3 ลำ แต่ตอนจบอาจออกกลายเป็น เรือคอ เรือฟอ เรือลอ 3 ลำ แถม รถถอ อีกกองนึง ก็เป็นล่ายครับ เราๆท่านๆเหล่ากองเชียร์ มิตรรัก ทร. ทุกท่าน เรามาเอาใจช่วย ทร. กันดีกว่าครับ ว่าจะคิดพลิกแพลงได้อย่างไรจึงจะเหมาะสม ครับ คิดบวกๆๆๆ เข้าไว้
ลองเข้าไปอ่านใน FB ของ TFC แล้ว รู้สึกว่า กูรูด้านจินตนการจะมีหลายความเห็นครับ อ้างจนถึงกระทั่งดำได้ 21 วันอีกฝ่ายดำได้ 5 ลำโผล่มาก็โดนยิงเลย จนลืมไปแล้วว่าหัวใจที่สำคัญที่สุดของเรือดำน้ำคือความเงียบ ไม่ใช่เอาโรงงิ้วดาวน์เกรดมาดำส่งเสียงได้ 21 วันครับ
จะบอกว่า ทร.ต้องการผมว่างานนี้ ทร.ต้องยอมกลืนเลือดใช้ของที่อยู่บนกระดาษไม่เคยมีการสร้างมาก่อนแล้วละครับ ให้บอกว่าใช้ๆไปก่อนเพราะจะเป็นมันคงไม่ดีละครับ ดีไม่ดีจอดซ่อมมมากกว่าทำงานครับงานนี้ ที่ออกมาพูดแบบนี้ไม่ใช่อะไรครับ ไม่เคยไว้ใจของที่จีนผลิตขายเองครับ มันจะดีแค่ช่วงแรกๆหลังจากนั้นก็ตามสภาพละครับ เงินหมื่นกว่าล้านนี้ คงมีคนคิดนะครับว่าเป็นแค่เศษเงิน ซื้อมาแล้วมีปัญหาก็ด่าคนใช้งานสิครับว่าอยากได้เอง ตัวเองลอยตัวไปแล้ว
เห็นด้วยกับคุณ Juldas กับคุณเสือใหญ่ มากครับ ถ้าใช้งบของ ทร.จริง งานนี้ ทร.จนไปอีกหลายปี โครงการอื่นคงพับเก็บในลิ้นชัก เสียดายโครงการ U206A มากๆ ถ้าได้มาไม่ต้องมานั้งคัดค้านให้เหนื่อยกันเลย หวังว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ขอให้คนของ กองทัพเรือสู้เพื่อความถูกต้อง และ ได้ของที่ตรงกับความต้องการจริงๆ
ขายของให้ประเทศนี้มันดีจริงๆ
เรื่องรับประกันคุณภาพ คนขายไม่ต้องออกมารับประกันอะไร เพราะคนซื้อจะเป็นผู้รับประกันให้เอง
เอางี้ดีกว่า คนที่จะให้ซื้อเรือดำน้ำจีน ตอบเรื่องเดียวพอครับ
อายุการใช้งานเรือ S-26T นี่กี่ปีครับ ก่อนจะต้องเข้าปรับปรุงใหญ่ ตลอดจนไปถึงวันปลด ขอแค่คำตอบเดียวครับ
อาวุธยุทโธปกรณ์ของไทยเรา เกือบทั้งหมดมักจะเป็นแบบที่อายุการใช้งานยาวนาน ใช้เวลาจัดหานานกว่าจะครบ เนื่องจากเรามีเงินไม่มาก จึงต้องเอาของดีของทนไว้ก่อน ดูแลซ่อมบำรุงได้ รักษาความพร้อมรบได้ ด้วยงบประมาณที่เรามีอยู่เอง
ฉะนั้น อะไรที่มันไม่ทน พังเร็ว ใช้เงินเพื่อรักษาซ่อมบำรุงรักษาสูง เราสมควรต้องหลีกหนีให้ไกล เสียเงินหลายหมื่นล้านแต่ความพร้อมรบต่ำ ไม่ว่าเป็นเรือประเทศอะไรเราก็ไม่ควรไปจัดหามาทั้งสิ้น ไม่ใช่แต่เรือจีนนะครับ ทุกประเทศแหละครับ เราขึ้นตารางเปรียบเทียบดู 5-6 รุ่น เราจะตอบตัวเองได้ทันที ทร. สมควรได้เรืออะไรไว้ใช้งาน
ท่านจูลดาสไม่ลองทำแบบสอบถามดูหรือครับ มิตรรักแฟนเพลงจะได้ลองโหวดหรือโหวดโนเรืออะไรบ้าง มีตารางข้อมูลราคาจัดซื้อ งบการซ่อมบำรุง อายุการใช้งาน ฯลฯ เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ไม่เลวนะครับ ถ้าทำผมจะกาโหวดเป็นคนแรกเลย อิอิ...
ทำแบบสอบถามในเว็บนี้ความเห็นส่วนใหญ่น่าจะตรงกันว่าเอาเรือส.ไม่เอาเรือจีน
ต้องไปดูนู่น ตามเฟสฯ กับพันทิปนู่น ลิ่วล้อออกมาทำ IO กันใหญ่ แถมดูแล้วไม่มีความรู้อีก (เถียงได้แบบพื้นๆมั่วๆ) น่าจะฝึกมาดีๆหน่อย
ไอ้คำพูดที่ว่า"ถ้าของเขาไม่ดี แล้วใครใช้ให้โง่ไปเซ็นมาทำไม" ก็มาจากสังคมคุนตะพาบนั้นแหละครับ
ได้อ่านมานานแล้ว สรุปคือใครอยากหน้าโง่ตามว่าก็เซ็นๆไปเหอะนะ
ผมว่าไม่ทันแล้วล่ะครับทุกท่าน ผมว่า 70% ของคนในโลกออนไลน์เชื่ออย่างสนิทใจแล้วว่าเรือดำน้ำจีน คือตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว มี AIP ดำได้ 21 วัน เจ้าอื่นดำได้ 5 วัน มีอาวุธพร้อมมากับเรือ เจ้าอื่นมีแต่เรือไม่มีอาวุธ เรือจีนราคาถูกและดีเหมาะกับการเงินของไทย เหรอ? เรือจีนยิงขีปนาวุธได้ เจ้าอื่นยิงไม่ได้ (บางคนเลยเถิดไปถึงขีปนาวุธโจมตีฝั่ง) นี่คือเหตุผลที่ผมเจอ ขาอวยจีนประจำโลกออนไลน์ ให้เหตุผลมา แถมยังดิสเครดิสเรือประเทศอื่นๆด้วยว่าห่วย สู้เรือจีนไม่ได้
ผมว่าการออกมาแถลงข่าวหรือให้ข้อมูล แบบพูดความจริง แต่ไม่พูดความจริงทั้งหมดช่วงแรกๆของโครงการ เริ่มประสบผลสำเร็จแล้วล่ะครับ ตอนนี้คนส่วนใหญ่เชื่อไปแล้ว ว่าเรือจีนดีที่สุดเหมาะที่สุด
ถ้าจะกล่าวอ้างว่ามีแต่เรือดำน้ำจีนเจ้าเดียวที่ยิงอาวุธนำวิถีโจมตีเรือได้นั้น เป็นการกล่าวอ้างที่ฟังไม่ขึ้น ยกตัวอย่างเรือดำน้ำเพื่อนบ้านที่กำลังจัดหามาอย่าง U-209 ที่อินโดนีเซียจัดหาจากเกาหลีใต้นั้นมีขีดความสามารถในการใช้อาวุธโมตีเรือแบบ UGM-84 ซับฮาร์พูน หรือ เรือดำน้ำชั้นกิโลที่เวียดนามจัดหาจากรัสเซียก็มีขีดความสามารถในการใช้อาวุธนำวิถีโจมตีเรือแบบ คลับ-เอส โดยยิงจากท่อยิงตอร์ปิโด ซึ่งเรือดำน้ำที่เคยได้ยินว่าสามารถโจมตีชายฝั่งได้คือ อาเมอร์950 ซึ่งจะเป็นท่อแนวดิ่งแยกออกมาต่างหาก(แต่ก็ยังไม่มีผลิตจริง) และขณะที่เราซื้อจากจีนตกลำละ 1.2-1.3 หมื่นล้านบาทต่อลำ แต่อินโดนีเซียซื้อU209จากเกาหลีเฉลี่ยลำละ 1.1 หมื่นล้านบาท เวียดนามซื้อชั้นกิโลจากรัสเซียตกลำละ 300 ล้านเหรียญหรือประมาณ 10,500 ล้านบาท ถูกกว่าที่เราซื้อจากจีนซะอีก
ติ่งจีนจะบอกว่า (เจอมาแล้ว) จีนเขา "ให้" เยอะกว่า ทั้ง AIP ยิงมิสไซล์ เจ้าอื่นเขาไม่ให้เรา ให้แต่เรือเปล่าๆฮา
คือไอ้ปรับทรงปรับไซส์เรือเนี่ย เดี๋ยวเหอะ จะเละเหมือนคอลลินส์
ตกลงที่เราซื้อลำละ 12,000 ล้าน นี้แพงกว่าชาวบ้านเขาเหรอครับ ยังยี้เอาต้นฉบับ Kilo ไม่ดีกว่าเหรอ ถูกกว่าด้วย อ้างว่าซื้อถูกกว่าก็ไม่ได้สิ
ผมคิดว่าเอาเข้าจริงๆเรือดำน้ำจีนราคาที่แพงกว่าชาวบ้านเพราะมีเพิ่ม AIP และ อาวุธติดมาด้วย ผมว่าถ้าให้ดี ทร. บอกสเปกมาเลยว่าจะเอากี่ลำ ติดอุปกรณ์อะไรบ้าง แล้วให้แต่ล่ะเจ้าไปแก้ใบเสนอราคาให้ตรง ผมว่าน่าจะลุ้นเรือเกาหลีที่ไปเพิ่มจำนวนเรือเป็น 3 ลำ บวก AIP พร้อมอาวุธ ราคาน่าจะพอๆกับเรือจีนที่ 3 ลำ 12000-13000 ล้านบาท ส่วนเจ้าอื่นๆโดยรวมน่าจะแพงกว่านี้
ผมว่า เรือดำน้ำจีน มัน ล็อคสเปก โดยชัดเจน ครับ...
เหตุผลที่ เรือดำน้ำจีน ต้องติดตั้ง AIP มาด้วย...ก็เพราะ คุณลักษณะของเรือดำน้ำ ระวาง 2600 ตัน นี้ มันไม่ได้เหมาะสมกับอ่าวไทย...มันทั้งใหญ่ และไม่ได้คล่องตัว หรือมีความได้เปรียบในอ่าวไทย...เรียกว่า ระหว่างที่ เรือดำน้ำจีน แล่นอยู่ในเขตน้ำตื้น...เราจะเรียกเรือ S-26T ว่า เรือใต้น้ำ ครับ...ไม่ใช่ เรือดำน้ำ...
ดังนั้น...เรือดำน้ำจีน จึงต้องติดตั้งระบบ AIP ขึ้นมา...เพื่อใช้เป็นข้อลดปมด้อย โดยนำไปใช้ข้ออ้าง การใช้ปฏิบัติงาน บริเวณ ปากอ่าวไทย ที่มีน้ำลึกแทน โดยเฉพาะ...ไม่ได้ มีความสามารถปฏิบัติงานครอบคลุมทั้งอ่าวไทย...ถ้าจะใช้ เรือดำน้ำจีน ก็ต้องใช้ ระยะเวลา ปฏิบัติการ ที่นานขึ้นแทน...เพื่อการลดการเปิดเผยตัว...โดยไม่ต้อง ไป-กลับ มารับเสบียง...
ระบบ AIP ไม่ใช่ระบบสำคัญ...มันเป็นแค่ระบบเดินเรือ ทางเลือก เพื่อจะให้เรือปฏิบัติงานได้นานขึ้น แค่นั้น..ประโยชน์มันแค่นั้นจริง ๆ...ระบบ AIP มีความเร็วประมาณ 5 นอต...ก็คือ การใช้เดินเรือใต้น้ำ แทน การใช้ แบตเตอรี่ ของเรือ...แต่เวลา เกิดสงคราม...เรือดำน้ำ จะใช้ แบตเตอรี่ ในการรบ ไม่ได้ใช้ ระบบ AIP....
ซึ่ง การปฏิบัติการด้วยเรือดำน้ำ ของ กองทัพเรือ สำหรับ อ่าวไทย...ควรจะดู เรือดำน้ำ ที่มีระวางขนาดเล็ก สามารถปฏิบัติการในเขตน้ำตื้นได้ดี...ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของอ่าวไทย...และด้วยเรือดำน้ำที่มีขนาดเล็ก จึงลดโอกาสการเปิดเผยตัว เป็นข้อได้เปรียบอยู่แล้ว...จึงสามารถ ไป-กลับ รับเสบียง โดยซ่อนพรางในบริเวณเกาะแก่ง ได้อยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องมีระบบ AIP ซึ่งทั้ง มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย ก็ไม่มีระบบนี้ แต่ของสิงคโปร์ ต้องมี ต้องอาณาเขตเขาน้อย เขาต้องไปปฏิบัติการนอกอาณาเขต...ซึ่ง เรือดำน้ำจีน มันทำแบบนี้ไม่ได้...ไปซ่อนพรางใน เกาะแก่ง ในอ่าวไทย ไม่ได้...
ซึ่ง เรือดำน้ำจีน S-26T เป็นเรือดำน้ำที่มีคุณลักษณะในเศษกระดาษ ที่สามารถใช้สามัญสำนึกคนที่สนใจทางการทหารแล้ว...ก็พอจะมองออกได้ว่า...มันไม่ใช่ เรือดำน้ำ ที่ปฏิบัติในเขตน้ำตื้น ได้ดี...มันเหมาะกับ น้ำลึก...ซึ่ง เวียดนาม จัดหาเรือดำน้ำชั้น กิโล ก็เพราะ เวียดนาม เน้นการใช้งานในทะเลจีนใต้ ไม่ใช่ อ่าวไทย..เขาจึงสามารถจัดหา เรือดำน้ำขนาดใหญ่ ได้...
เรือดำน้ำของ เกาหลีใต้ กับ เยอรมัน มันตอบโจทย์ได้หมด...และมีจุดเด่นสำคัญ คือ การปฏิบัติการในเขตน้ำตื้นได้ดีกว่า เรือดำน้ำจีน...ซึ่ง เขตน้ำตื้น ก็เป็นที่รู้กันว่า ตรวจจับ เรือดำน้ำ ได้ยาก...
การที่ ทร. หลับหู หลับตา โดยยอมรับเรือดำน้ำจีน...ผมคิดว่า...ทร. แทบต้องเปลี่ยน หลักนิยม การใช้เรือดำน้ำ ในบริเวณทั้งอ่าวไทย ไปเป็น เฉพาะปากอ่าวไทย แทน...
รายงานเรือ ส. ของ ทร. เมื่อเกือบ 100 ปี..ก็ยังแสดงข้อมูลว่า เรือดำน้ำขนาดเล็ก ขนาด 230 ตัน สำหรับใช้ปฏิบัติการในอ่าวไทย...ส่วนเรือดำน้ำขนาดใหญ่ 1,000 ตัน ให้ใช้ปฏิบัติการนอกอ่าวไทย...
ดังนั้น การที่ ทร. ไม่ได้กำหนดสเปค AIP จึงเป็นสิ่งถูกต้องแล้ว เพราะ ไม่ใช่ สิ่งจำเป็น...คุณสมบัติ เรือดำน้ำ ที่สามารถปฏิบัติได้ทั่วทั้ง อ่าวไทย...จึงเป็นคุณสมบัติหลัก...ไม่ใช่...การดำได้นานแต่อย่างใด..
ระบบ AIP ที่ ผบ.ทร.คนเก่าบอกมาว่าเลือกเพราะจีนเสนอมาทั้งๆที่มันไม่มีในข้อกำหนดของ ทร.มาก่อนว่าต้องการระบบนี้ ประเทศอื่นๆเลยไม่เสนอมา ตามข้ออ้างคือมันดีตรงดำได้นาน 21 วันแต่ทำไม่ไม่ดูต่อไปละครับว่าถ้าเปิดใช้ AIPแล้วเรือลำนี้จะใช้ความเร็วได้เท่าไหร่ในใต้น้ำ ถ้าความเร็วไม่ถึง 10 ก.ม.ต่อช.ม.ก็เอวังครับ สมมุติว่าย่องไปส่องเรือของศัตรูแล้วจะสำเร็จหรือไม่ หลักของเรือดำน้ำคือยิงแล้วหนีไม่ใช่หรือครับ ทีนี้โดนตามล่าจากกองเรือของฝ่ายตรงข้าม ไม่รวมฮ. ที่พร้อมจะหย่อนโซนาร์อีก แต่ถ้าทำความเร็วขนาดจักรยานปั่นก็จบครับ
เรือดำน้ำหน้าที่อื่นก็ได้เช่นงานข่าวกรอง การซุ่มอยู่ใต้น้ำนานๆ ไม่ใช่แค่บทบาทโจมตีเรืออย่างเดียว ประเด็นคือเอไอพี่มันก็ไม่ใช่ไม่ดี มันมีประโยชน์แน่นอน แต่เป็นข้อเสริม ถ้ามีเอไอพีแล้วอย่างอื่นแย่ก็ขอเรือดีๆแบบไม่มีดีเอไอพีกว่า
เรื่องเพื่อนบ้านผมนึกว่าเรือมาเลย์มีเอไอพีนะครับ จำได้ว่ารู้จักเอไอพีจากช่วงมาเลย์จัดหาเรือดำน้ำนี่แหละ
แล้วถ้าเจ้าอื่นติด AIP แล้วทำความเร็วได้มากกว่าละครับ แบบไหนจะน่าสนใจมากกว่า
เพราะตอนนี้โปรจีนบอกอย่างเดียว ดีเพราะ มี AIP ดำได้ 21 วัน ยิงอาวุธนำวิถีได้ ถ่ายทอดเทคโนโลยีได้บางคนจินตนาการไปไกลว่าถ่ายทอดเทคโนโลยีคือการสอนให้ไทยต่อเรือดำน้ำเอง แต่ไม่ยอมไปหาดูว่าถ้าของชาติอื่นติด AIP ได้แล้วประสิทธิภาพจะดีกว่าขนาดไหนครับ
เอารูปมาจาก pantip เชิญวิเคราะห์กันตามสะดวกครับ
แล้วคนที่ทำรูป ไปเอาข้อมูล มโน...มาจากไหนเหรอครับ...
สิ่งที่จะทำให้วิเคราะห์ได้ คือ ทร. เปิด TOR อย่างไร ? วงเงินงบประมาณเท่าไหร่ ? ได้ระบุไว้หรือไม่ พร้อม ตอร์ปิโด หรืออื่น ๆ ?
สิ่งที่ รูปภาพ มันบอก ก็คือ จีน เสนอสิ่งที่นอกเหนือ TOR หรือไม่ ?
จีน รู้ข้อมูลของ คู่แข่ง รายอื่น หรือไม่ ?
ถ้า TOR มันไม่ระบุ ใครมันจะเสนอมาล่ะครับ...หรือ เป็นการ สมรู้ร่วมคิดกัน ระหว่าง กองทัพเรือ กับ จีน...เพื่อให้จีน เสนอ แพคเกจ ที่ไม่ใช่ TOR...เอาเปรียบคู่แข่ง...
กองทัพเรือ กล้าเปิดเผย TOR ที่ให้ผู้เข้าร่วมเสนอขาย หรือไม่ ?
วงเงินงบประมาณ TOR เท่าไหร่ ?
เรือดำน้ำจีน ได้เสนอเป็นไปตาม TOR หรือไม่ ?
นี่คือ สิ่งที่ต้องวิเคราะห์ว่า ทำไม เรือดำน้ำจีน ถึงได้ไป...ซึ่ง คุณสมบัติ เรือดำน้ำจีน มันไม่ได้เหมาะสม พอ ๆ กับ เรือชั้น กิโล แหล่ะครับ...
อย่าต้องพาดพิงถึง pantip เลยครับ คนในนั้นปักใจเชื่อไปแล้ว 100 เต็ม 100 ว่าเรือจีนดีสุด อธิบายไปก็ป่วยความครับ ผมคิดเหมือนท่าน Judas เลยว่าจีนนี่แอบคุยกันไว้ก่อนรึเปล่า ทำไมเสนอมาแหวกแนวกว่าค่ายอื่น รายละเอียด TOR อะไรก็หาที่ยืนยันไม่ได้ และที่สำคัญก็อย่างที่เพิ่งบอกไป เรือจีนดีสุด เหมาะสุด เพราะถูก ดีมี AIP มีอาวุธครบ ยิงจรวดมิสไซล์ได้ ท่องกันมาบล็อคเดียวกัน ตามที่โฆษกประกาศเมื่อหลายเดือนก่อนเป๊ะๆ ส่วนตัวผมมองว่ายังไงก็มีใบสั่งแน่ๆ
ไม่อยากพาดพิงการเมืองนะครับ แต่บางคนก็มีพฤติกรรมแปลกๆมานานแล้วครับ
(อาจจะไม่แปลกก็ได้แค่ลังเลว่าใครให้มากกว่า....55555)
เริ่มจากของมือสองเยอรมัน
ของเกาหลีพี่ท่านบอกดีกว่า
ตอนนี้ของจีนดีที่สุดดดดด เล่นการันตีเองเลย,,,เพลีย
หวังว่ากรุงศรีคงไม่สิ้นคนดี นะครับ หวังว่าจะมีฮีโรจาก
ทหารเรือออกมาทำให้เกิดจุดเปลี่ยน ที่จะทำให้เกิดกระแส
อันเชี่ยวกราด พัดพาโครงการพับๆๆๆๆๆ ไปเลยสาธุ
ไปฟังท่านตอบคำถามครับ
พัทธนันท์ สงชัย ได้แพร่ภาพสด
3 ชม. ·
สัมภาษณ์ประเด็นร้อนน๐ฅ๐ฅ๐ฅ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รองนายกฯ/รมว.กห.
(ประหารชีวิตคดีข่มขืน/ขึ้นบัญชีนักเรียนนักเลง/เรือดำน้ำจีน)
ฟังแล้วครับ...ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย...แค่ตอบไปงั้น ๆ...
เช่น อเมริกา ไม่ขายเรือดำน้ำให้...มีคนใช้เรือดำน้ำจีน ในหลายๆ ประเทศ...
ราคา 36,000 ได้เรือดำน้ำลำเดียว...แต่จีน ได้ 3 ลำ...
เทคโนโลยี่ดีเยี่ยม สุดยอด...
เห็นมีคนให้ความเห็นว่า เคลียร์ชัดเจน...สงสัยมันตรงไหนน่ะครับ ที่ชัดเจน...งง...แสดงว่า คนที่สนับสนุนเรือดำน้ำจีน นี่...ไม่มีข้อมูลในการประมวลเลยนะครับ...คือ แค่ฟัง ก็เชื่อได้เลย...
“บิ๊กป้อม” ย้ำ เรือดำน้ำจีนดี รอเข้าที่ประชุมครม.วอนอย่าตื่นเต้น ลั่นไม่ได้กดดันทร. เลือกเรือดำน้ำจีน ชี้มีคกก.คัดเลือกตามขั้นตอน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 กรกฎาคม ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่ากระทรวงกลาโหมกดดันกองทัพเรือเลือกเรือดำน้ำของประเทศจีนว่า ยืนยันว่ากระทรวงกลาโหมไม่ได้มีการกดดันกองทัพเรือตามที่มีกระแสดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาก่อนที่จะมีการคัดเลือกเรือดำน้ำจากประเทศจีนั้นก็มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคัดเลือกเรือดำน้ำจากประเทศต่างๆ และมีมติเอกฉันท์เลือกเรือดำน้ำของประเทศจีน ส่วนที่วิพากษ์วิจารณ์ว่ากระทรวงกลาโหมกดดันคงหมายถึงตน ซึ่งตนถามว่าจะไปกดดันใคร และจะไปกดดันได้อย่างไร
เมื่อถามว่า แต่มีการมองว่าการจัดซื้ออาวุธและยุทโธปกรณ์ของกองทัพยุครัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)จะเลือกที่ผลิตจากประเทศจีน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ใช่เพราะอาวุธและยุทโธปกรณ์จะซื้อที่ไหนก็ได้ แต่ตอนนี้ไทยซื้อจากสหรัฐอเมริกาไม่ได้ เราต้องเลือกจากเทคโนโลยีที่เหมาะสมและราคาพอสมควรที่เราสามารถซื้อได้ ทั้งนี้เรื่องเรือดำน้ำมีการดำเนินการมานานแล้วตั้งแต่สมัยที่ตนเป็นรมว.กลาโหมครั้งก่อนหน้านี้เกือบ 10 ปี ทางกองทัพเรือและกระทรวงกลาโหมก็ดำเนินการพิจารณามาอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้สังคมก็ยอมรับว่าไทยควรจะมีเรือดำน้ำ
“เรือดำน้ำที่เราซื้อจากจีนเหมาะสมกับราคาและเทคโนโลยีก็มีการพัฒนาขึ้นมาดีมากขึ้น อีกทั้งมีการรับประกันระยะเวลาการใช้งานและอุปกรณ์ มีการให้อาวุธต่างๆครบ ถ้าเราไปซื้อที่อื่นเราซื้อไม่ได้แบบนี้ เพราะ1ลำมีราคามากกว่าของจีนถึง 3 เท่าตัว ถ้าไปซื้อของประเทศอื่นได้ 1 ลำ แต่ของจีนได้ 3 ลำ และใช้งานได้นาน แต่ถ้าเรามีเงินมากเราก็ซื้อได้หมด ผมเองก็อยากได้เรือดำน้ำของยุโรป ส่วนที่มีการมองว่าเราจะเป็นหนูทดลอง เพราะรุ่นที่ซื้อจากจีนนั้นยังไม่มีประเทศใดใช้ ผมมองว่าจีนเขามีประกัน 10-15 ปี มีการรับประกันซ่อมแซม และมีท่าเรือพร้อม ไม่ใช่อยู่ดีๆจะนำมาใช้ ถ้าเราซื้อของจากต่างประเทศเราต้องซื้อของที่ดี” พล.อ.ประวิตร กล่าว
เมื่อถามว่าจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติเมื่อใด พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่ใช่ตอนนี้ ในส่วนนี้เป็นเพียงกองทัพเรือเสนอเป็นแผนงาน ดังนั้นอย่าเพิ่งไปตื่นเต้น เมื่อถามย้ำว่าถ้าไม่รีบนำเข้าที่ประชุมครม.เกรงว่าจะไม่ทันงบประมาณปี 60 หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เป็นอะไร ตนสามารถทำงานได้
ที่มา http://www.matichon.co.th/news/199947