กรมสรรพาวุธทหารเรือได้มีการสั่งซื้อกระสุนปืน 76/62 Vocano จำนวน 220 นัด สำหรับปืนใหญ่เรือ 76/62 Sr จากบริษัท Oto Melara วงเงิน 149,793,600.00 ล้านบาท หรือเท่ากับนัดละประมาณ 680,000 บาท (CTG ย่อมาจากคำว่า Cartridge กระสุน)
และสั่งซื้อกระสุนปืน 20 มม. สำหรับระบบป้องกันตนเองอัตโนมัติ หรือ CIWS รุ่น Phalanx จำนวน 10,000 นัด จากบริษัท ORBITAL ATK วงเงิน 59,349,300.00 ล้านบาท หรือเท่ากับนัดละประมาณ 5,935 บาท
โครงการนี้ต้องบวกเงินเข้าไปเรื่อยๆนะครับ ก่อนหน้านี้ทร.เพิ่งสั่งซื้อจรวดต่อสู้อากาศยาน ESSM ไปเป็นงบก้อนโต นี่ยังจะต้องจัดหาจรวดต่อสู้เรือรบฮาร์พูน ตอร์ปิโดเบาปราบเรือดำน้ำ กระสุนปืนกล 30 มม. และถ้ามีลูกยาวราคาแพงอย่าง VL-ASROC ก็ต้องบวกเงินเข้าไปด้วย เพราะฉะนั้นเรือฟริเกต 1 ลำไม่ใช่ 15,000 ล้านบาทแล้วจบอย่างแน่นอน
เราเคยอ่านข่าวต่างชาติโดยเฉพาะตะวันออกกลางซื้อเครื่องบินบ้าง เรีอรบบ้างในราคาแพงลิบ แต่ดีลของเขารวมอาวุธ อะไหล่ทุกอย่างหมดแล้ว แม้กระทั่งการบริการหลังการขาย การจัดส่ง สินค้าคงคลัง และการบริหาร เอาเข้าจริงๆมันก็ไม่ได้แพงไปกว่าดีลของเราที่เป็นเบี้ยหัวแตกแต่อย่างใด ตามนั้นครับ
กองทัพเรือไม่เคยซื้อตัวเรือ กับอาวุธ รวมกันครับ.......................... สิ่งที่ตามมาคือ
1. ได้อาวุธครบมั่ง ไม่ครบมั่ง ที่ระบุตามความต้องการเบื้องต้น
2. แยกเป็นหลาย โครงการการจัดซื้อ เป็นการใช้เทคนิค สปลิ๊ท เพื่อให้เกิดภาพลวงของก้อนงบประมาณ ดังนั้นเรือรบของเรา เป็นเรือรบที่ดีที่สุดในโลก เพราะ มีระบบลวงตั้งแต่ก่อนต่อเรือกันเลยที่เดียว........
ที่นี้มาดูราคากระสุนปืนใหญ่ 76/62 รุ่นธรรมด๊า ธรรมดากันบ้างนะครับ ตกนัดละ 29,291 บาทเท่านั้นเอง
นั่นคือ กระสุน Vocano 1 นัด ซื้อกระสุนธรรมดาได้ 23.21 นัด
นี่แหละครับราคาของอาวุธเทพที่ทุกท่านฝันถึงมาตลอดหลายปี ที่ราคาแพงแบบนี้ก็เพราะมันยังไม่ได้รับความนิยม กำลังผลิตน้อยกดราคาต่ำกว่านี้ไม่ไหว กระสุน Vocano ที่ขายดีคือขนาด 127/64 มม.ครับ หลายชาติในนาโต้จัดหาทั้งปืนและกระสุนไปใช้งานเป็นจำนวนมาก
โดยส่วนตัวผมว่าลูกกระสุน 76/62 มันเล็กไปนิด จะยิงเรือขนาด2,000ตันให้จมที่ระยะ 30 กม. ต้องใช้กี่ลูกล่ะเนี่ย ครั้นจะยิงเรือโจรสลัดเผลอๆกระสุนนัดเดียวแพงกว่าราคาเรืออีกฝ่ายเสียอีก จำนวน 220 นัดยิงด้วยอัตรายิง 120 นัด/นาที แปลว่าไม่ถึง 2 นาทีใช้เงินไปแล้ว 149,793,600 ล้านบาท
การจัดซื้ออาวุธบ้านเราส่วนใหญ่จะติดเรื่องงบประมาณครับโดยเฉพาะชนิดที่มีราคาสูงมากๆทำให้ไม่สามารถจัดหาได้แบบสมบูรณ์เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เราจึงเห็นการจัดหาเป็นล็อตๆหรือแยกโครงการออกมาเป็นโครงการย่อยๆแบบเหลื่อมปีงบประมาณเพื่อให้ง่ายต่อการจัดหา ถ้าเสนอแบบโครงการเดียวเป็นงบประมาณก้อนใหญ่ ส่วนมากก็จะถูกตีตกไปเนื่องจากไม่มีเงินพอหรืออย่างดีก็อาจจะอนุมัติโครงการไว้แต่ยังไม่ให้ผูกพันงบประมาณ
นี่เริ่มมีการสั่งซื้อกระสุนปืนแล้วก็น่าจะสัก 1 ปี ของน่าจะผลิตเสร็จมาส่งได้ แสดงว่าตัวเรือน่าจะสร้างไปเยอะแล้ว หรือปี 2560 เราจะได้เห็นเรือฟริเกตใหม่กันเสียที แต่ไม่ทราบว่าทำไม่ไม่เคยเห็นใครนำรูปตอนสร้างเรือมาลงให้ดูสักรูปเลยครับ อยากเห็นไอเทมลับประเภทว่าใบสั่งซื้อลูกจรวด SM-2 4 นัด อะไรประมาณนั้นจะเฮมากๆเลยครับ
CR:ภาพจากเพจของคุณ พัทธนันท์ สงสัย ขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ในรูปภาพ พอขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น เหมือนจะเห็นลางๆว่ามี vls 16 cell ใช่หรือเปล่า ช่วยดูทีครับ
ในรูปผมว่า 8 ตามเดิมครับ แต่จะเห็นว่ามันมีพื้นที่ว่าง ในอนาคตถ้ามีเงินอาจติดเพิ่มก็เป็นได้
8 cells Mk.41 VLS มีราคาประมาณ 13 ล้านเหรียญหรือ 494 ล้านบาท รวมค่า Integrate ให้ 16 cells ทำงานร่วมกันได้คงเสียเงินอีก 10-20 ล้านกระมัง (ไม่งั้นก็ต้องใช้แยกเป็น 8 cells 2 ระบบ) แพงขนาดนี้เกาหลีคงไม่แถมให้เราแน่นอน ส่วนทร.จะเพิ่มเข้ามาก็งบไหนล่ะ
ระบบ VLS ต้องมีการซ่อมบำรุงด้วยนะครับ ค่าใช้ตรงนี้ต่อปีก็เป็นเงินจำนวนพอสมควร เพราะระบบมีความซับซ้อนมากกว่าแท่นยิงจรวดติดตั้งด้านนอก อุปกรณ์ต่างๆก็มีอายุการใช้งานถึงเวลาต้องเสียเงินซื้อมาเปลี่ยนใหม่เลย แล้วยิ่งมีอายุก็จะมีปัญหาเรื่องยิงจรวดไม่ออกโน่นนั่นนี่ตามภาษาของเก่า
เทียบกับอีก 10 ปีติดใหม่ได้ของใหม่เอี่ยมพร้อมใช้งานดีกว่ากันเห็นๆ ขณะเดียวกันระบบก็จะรองรับอาวุธใหม่ๆที่จะเพิ่มเข้ามาอีก 10 ปีข้างหน้า สมมุติเป็น VL-ASROC รุ่นใหม่ก็ได้เอ้า ถ้าติดไปตอนนี้ถึงตอนนั้นใช้ไม่ได้ก็เสียของ
อาวุธถ้าไม่ใช้งานอย่าซื้อครับ (เหมือนรถเก๋งนี่แหละ) มันจะเก่าและตกรุ่น
10ปีระบบอาวุธทันสมัยกว่าเดิมเยอะเลยนะครับ อยากให้ท่านระยองนึกถึงกรณี classic คือเรือหลวงนเรศวรของเรานี่แหละ ถ้าตอนสร้างใหม่แล้วติดจรวดต่อสู้อากาศยาน ก็จะได้ Mk.48 mod2 VLS 8 ท่อ พร้อมจรวด Sea Sparrow 8 นัดเท่านั้น ถึงจะปรับปรุงเพิ่มเติม(เสียเงินอีกก้อนโต)ให้รองรับจรวด ESSM แต่ก็ได้แค่ 16 นัดสุงสุด
แต่พอเราไม่ได้ติดตอนนั้นแล้วมาติดตอนนี้เป็นรุ่น MK-41 VLS ผลก็คือได้จรวด ESSM 32 นัดสบายตับ เห็นไหมครับว่าเทคโนโลยีมันไปเร็วมาก อย่าซื้อของเผื่ออนาคตครับ โดยเฉพาะอนาคตที่เราไม่สามารถกำหนดเองได้ คือต้องซื้อต่างชาติสถานเดียว
เจอมาในเวปกองทัพเรือครับ เอามาอัพพร้อมเลยแล้วกัน hapoon blockII 100 เปอร์เซ็นและท่าทาง
(มาดูอีกที ข่าวเมื่อ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๙ ตกข่าวยาวเลยผมT*T)
เราจัดหา Phalanx-1B มารึเปล่าครับ
ดูจากรูป CG ล่าสุดแล้ว
หน้าเรือ น่าจะมีการติดตั้ง กล้อง EO เพิ่มเติมอีก....
ในความเห็นผม...ผมว่า แบบเดิมที่ DSME เขาวางตำแหน่งอาวุธ ดูก็น่าจะใช้ได้อยู่แล้วนะครับ
พอย้าย Phalanx มาท้ายเรือ เพื่อจะเพิ่มที่ว่างหน้าเรือ อาจจะสำหรับรองรับ VLS ในอนาคต...ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะได้มีการติดเพิ่มหรือเปล่า ?
ก็ดูจะทำให้ ประสิทธิภาพของระบบอาวุธต่าง ๆ มันไม่เกิดประโยชน์สูงสุด ตามประสิทธิภาพของมันหรือเปล่า ?
ตามไฟล์รูปประกอบครับ...
ต้องดูว่าด้านหน้ามันจะมีVLS เพิ่มหรืออาจจะติดแท่นCIWS เพิ่ม
แต่ส่วนตัวมองในแง่ดี VLS มีทั้งเรือชั้นเนรศวร เรือเกาหลี น่าจะเพียงพอในการป้องกันในระยะไกล
ส่วนระยะใกล้ถ้าเรือเกาหลีมี CIWS เพิ่มหัวท้าย(ถ้าเป็นRAMเลยก็ดี) เสริมEO ปืน76มม.กระสุนDART หมู่เรือน่าจะแข็งแกร่งมาก
ในความเห็นส่วนตัวครับ....
ในการติดตั้งระบบปืน แบบเดิม...กับ แบบใหม่...
ซึ่งผมมองว่า แบบใหม่ มันดูจะมีจุดบอดในบริเวณส่วนหน้าเรือ ที่จะไม่มีระบบปืนรอง ในการป้องกันตัวในระยะประชิด...
ซึ่งคงต้องอาศัย ปืน 76 ม.ม. หน้าเรือ ว่าจะมีระยะยิงผิวน้ำใกล้สุดเท่าไหร่...ตรงที่เป็นแถบสีแดง น่ะครับ...
ในภาพ CG แบบใหม่ จึงมีการยกพื้น ปืน 76 ม.ม. ให้สูงขึ้น...คงน่าจะเพื่อให้มีมูมกดต่ำเพิ่มขึ้น...
ซึ่งการที่ต้องการจะเผื่อพื้นที่ สำหรับติดตั้ง VLS เพิ่มเติม ดูก็จะทำให้ อะไร หลาย ๆ อย่าง มันจะทอนประสิทธิภาพลง หรือเปล่า ?
เช่น ระบบเป้าลวง ดูในภาพ ก็ไม่เห็นตำแหน่งที่เก็บ คลังกระสุน...ซึ่งก็คง เดา ได้ว่า อยู๋ข้างใต้ดาดฟ้าเรือ...ซึ่งก็หมายถึง กำลังพล ต้องยกลูกกระสุน ขึ้นเหนือหัว หรือ แบกขึ้น ดาดฟ้าไปแท่นยิง ใช่หรือเปล่า ?
ในขณะที่ แบบเดิม ในตำแหน่ง ดาดฟ้าที่ติดตั้งเดิม ก็คง เดา ว่า คลังเก็บกระสุน ก็คงอยู่ในบริเวณดาดฟ้าเรือ ซึ่งก็เปิดตู้เก็บแล้ว แบก มาบรรจุในแท่นยิงได้เลย ?
มุมมองในความเห็น เรื่อง แท่นยิง เป้าลวง
ผมก็คิดเหมือนท่านจูดาส แต่ถ้าเปลี่ยนเป็น ไม่เอาปืนรอง(เอาออกไปเลย) แล้วเอางบที่เหลือไปติดฟาลังค์เพิ่มอีก 1 ระบบ(จากเรือพุทธเก่ามาปรับปรุง)ด้านหน้าที่จุดเดิมในแบบครั้งแรกแต่ทำพื้นยกสูงขึ้นไปอีกเหมือนเรือชั้นอาร์เลห์เบิร์ก ซึ่งในภาพเรือใหม่ของเราผมว่าน่าจะมีที่พอที่จะติด MK41 2 ระบบ และมีที่พอติดฟาลังค์น่ะครับ
ปล. ในภาพเก่าๆ หน้าหอบังคับการเรือเป็นมุมแหลม ลาดเอียง ถ้ายกพื้นสูงขึ้น ก็สามารถถอยฟาลังค์ออกไปได้อีกน่าจะสัก 2 เมตร ก็น่าจะไม่ไปกีดขวางการติดตั้ง มุมยิง MK41 ชุดที่ 2 ที่อาจติดเพิ่มทีหลัง
หัวเรือเป็น ระบบออปโทรนิกส์ตรวจการณ์ Elbit Systems Electro-Optics DCoMPASS ครับ
เพิ่งสังเกตุ แบบเรือใหม่ปล่องควันเครื่องยนต์มันสุงขึ้นพอประมาณเลยวุ้ย ยังไง และมี SATCOM ตัวเล็กโผล่ขึ้นมาอีก 1 ตัว
น่าจะมีเพิ่มมาอีก 1 ตัวครับ...Elbit EO คงจะอยู่ในตำแหน่งเดิม...
เทียบกับ EOS500 ด้านท้ายเรือแล้ว มีขนาดเล็กกว่ากันมากและหน้าตาไม่เหมือนกันครับ
อาจจะเป็น Surveillance Camera .ใช้สร้างภาพจากระยะไกลอะไรพวกนี้
ครับ ผมไม่ได้หมายถึง EOS-500 ครับ...แต่น่าจะเป็น EO ระบบหนึ่งครับ...Electro-optical