โปร่งใส!! กองทัพเรือ ยันการเสริมเขี้ยวเล็บ การจัดหาโครงการจัดหาเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ลำที่ 2 เป็นไปด้วยความรอบคอบ โปร่งใส ย้ำเพื่อการพัฒนาระบบกำลังรบ ตามยุทธศาสตร์ ทร.ในการรักษาผลประโยชน์ทางทะเล และการช่วยเหลือ ปชช. ...
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 29 ก.พ. ที่กองทัพเรือ พล.ร.ท.จุมพล ลุมพิกานนท์ รองเสนาธิการทหารเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ เปิดแถลงข่าวโครงการจัดหาเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ลำที่ 2 ว่า เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนากำลังรบตามยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือ เพื่อรองรับกับบทบาทหน้าที่ของกองทัพเรือในด้านการปฏิบัติการทางทหาร ในการป้องกันประเทศ การรักษากฎหมาย และการช่วยเหลือประชาชน โดยให้มีขีดความสามารถในการลาดตระเวนตรวจการณ์รักษาฝั่ง ป้องกันการแทรกซึมทางทะเล คุ้มครองเรือประมง ป้องกันและคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ตลอดจนการรักษากฎหมายในทะเล ตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย โดยกองทัพเรือได้ลงนามในสัญญาซื้อขายแบบเรือและพัสดุ กับ บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ ในสังกัดกระทรวงกลาโหม โดยใช้แบบเรือของ เรือหลวงกระบี่ เป็นแบบพื้นฐานในการปรับปรุงแบบเรือและการส่งมอบพัสดุ
โดยแบบเรือดังกล่าว มีต้นแบบมาจากแบบเรือของบริษัท BAE Systems Ships จำกัด จากประเทศอังกฤษ ส่วนการดำเนินการในส่วนอื่นๆ นั้น อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ จะดำเนินการประกอบตัวเรือ การต่อบล็อกเรือ ตลอดจนวัสดุอุปกรณ์และระบบต่างๆ ของเรือ และกรมสรรพาวุธทหารเรือจะดำเนินการในส่วนของระบบอาวุธ โดยใช้ศักยภาพและความรู้ความสามารถของกำลังพลกองทัพเรือ ในการดำเนินการติดตั้ง ทดสอบ ซึ่งเป็นไปในลักษณะเดียวกับเรือหลวงกระบี่ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงและการพึ่งพาตนเอง กับเป็นการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพเรือในการต่อเรือตรวจการณ์ที่มีขนาด ใหญ่ขึ้น หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการต่อเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุด เรือ ต.991 และนำไปสู่การปรับปรุงเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุด เรือ ต.994 ที่ได้มีการขยายแบบเรือ และรูปทรง ตามพระบรมราชวินิจฉัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จนมาถึง เรือหลวงกระบี่ ซึ่งเป็นเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งลำแรกที่กองทัพเรือต่อขึ้นเอง ซึ่งในโครงการจัดหาเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งมีจำนวน 2 ลำ โดยลำแรกคือ เรือหลวงกระบี่อยู่ในงบประมาณระหว่างปี 2551-2554 เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 2,931,285,884 บาท และในลำที่สองในงบประมาณระหว่างปี 2559–2561 เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 5,482,930,000 บาท มีรายละเอียดประกอบด้วย
1. งบประมาณที่ใช้ในการซื้อแบบเรือและพัสดุสำหรับสร้างเรือ ซึ่งรวมถึงเครื่องจักร อุปกรณ์ อะไหล่ เครื่องมือ ส่วนสนับสนุน สายไฟและสายสัญญาณที่ใช้กับอุปกรณ์ที่กองทัพเรือเป็นผู้จัดหา รวมถึงการบริการทางเทคนิคในการออกแบบ ติดตั้ง เชื่อมต่อ การตรวจรับ การทดสอบทดลองอุปกรณ์ การฝึกอบรมการสนับสนุนการส่งกำลังบำรุง รวมเอกสารคู่มือ การถ่ายทอดเทคโนโลยีการสร้างเรือในสาขาต่างๆ ตามแบบเรือ การประกันภัยและการขนส่ง และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นเงิน 2,832,930,000 บาท
2. งบประมาณที่ใช้ในการจัดหาระบบควบคุม ระบบอาวุธ และการบริหารโครงการ เป็นเงิน 2,650 ล้านบาท ผูกพันงบประมาณ 3 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2559–2561 แยกเป็นการจัดหาระบบควบคุมบังคับบัญชาและตรวจการณ์ วงเงิน 1,400 ล้านบาท จัดหาระบบปืนหลัก (ปืน 76/62 มิลลิเมตร) 370 ล้านบาท จัดหาระบบปืนรอง (ปืนกล 30 มิลลิเมตร) วงเงิน 150 ล้านบาท จัดหาอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้น วงเงิน 360 ล้านบาท และการบริหารโครงการและฝึกอบรม วงเงิน 370 ล้านบาท
ทั้งนี้ กองทัพเรือ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง โดยมี พล.ร.อ.พลเดช เจริญพูล ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ เป็นประธานกรรมการฯ โดยเหตุที่งบประมาณที่ใช้ในการจัดสร้างของเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ลำที่ 2 มีราคาสูงกว่าโครงการจัดสร้างเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งลำที่ 1 (เรือหลวงกระบี่) เนื่องมาจากระบบอาวุธที่ติดตั้งบนเรือหลวงกระบี่ เป็นระบบอาวุธปืนหลักและปืนรอง ในขณะที่ระบบอาวุธที่จะติดตั้งในโครงการจัดสร้างเรือตรวจการณ์ ลำที่ 2 นี้ นอกจากปืนหลักและปืนรองแล้ว ยังได้ติดตั้งระบบอาวุธปล่อยนำวิถี พื้นสู่พื้นแบบ ฮาร์พูน ซึ่งเป็นอาวุธปล่อยนำวิถีที่มีสมรรถนะและความแม่นยำสูง ซึ่งกองทัพเรือ ขอยืนยันว่า การดำเนินการทุกขั้นตอน ดำเนินการด้วยความรอบคอบ โปร่งใส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในอังคารที่ 1 มี.ค. เวลา 10.00 น. พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ จะเป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2559 ณ เรือหลวงอ่างทอง ท่าเรือแหลมเทียน การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยภายหลังพิธีเปิด กองอำนวยการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2559 ได้จัดให้มีการสาธิตการปฏิบัติการทางทหารประกอบด้วย การบังคับใช้กฎหมายในทะเล การปราบเรือดำน้ำ และการโจมตีโฉบฉวยสะเทินน้ำสะเทินบก.
http://www.thairath.co.th/content/584039
เป็นอันว่าชัดเจนทั้งแบบเรือที่จะมีการติดตั้งจรวดพื้น-สู่-พื้นฮาร์พูนตามตำแหน่งในภาพ (แปลกดี) และราคารวมของโครงการที่เกือบถึง 5,500 ล้านบาทตามกระทู้เก่าที่ผมเคยตั้งไว้เดือนที่แล้ว โรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ก็ยังจะไม่มีเหมือนเดิม และคงไม่มีในแปลนเรือจากBAEรุ่นนี้อย่างแน่นอนสบายใจได้ ปริศนากระจ่างแล้วโคนันขอตัวนอนเด้อ !!!
เรือหลวงกระบี่ราคารวมอยู่ที่ 2,931,285,884 บาท นะครับ อ้างอิงจากกองทัพเรือเลย เทียบกับค่าเงินในช่วงนั้นก็คงประมาณ 90 ล้านเหรียญได้กระมัง แพงกว่าเรือหลวงปัตตานีชนิดไม่เห็นฝุ่น แม้จะดีกว่าใหม่กว่าทันสมัยกว่าใช้งานได้ดีกว่าก็จริงแต่ไม่มีโรงเก็บฮ. แฮะๆๆๆ
โคตรแพง สรุปคือติดฮาร์พูนกับระบบต่างๆที่พ่วงมา เรือ แพงขึ้นมาเกือบเท่าตัว
เท่าๆที่จีนเสนอราคาฟริเกตโครงการฟริเกตสมรรถนะสูงหรือเปล่าเนี่ย
นี่คือ case study กรณีศึกษาที่ชัดเจนที่สุดเลยนะครับ กับที่หลายๆคนอยากให้เอาเรือตรวจการณ์บ้านๆไปติดจรวดพื้น-สู่-พื้นรุ่นโน้นรุ่นนี้จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ เพราะมันไม่ได้จบแค่ติดจรวดแต่มันจะยาวไปเรื่อยจนงบบานทะโร่แบบนี้ ผมยังแอบหวังลึกๆว่าเรือOPVลำนี้จะได้ ESM, Decoy (ซึ่งต้องมีแน่ๆ), และเรดาร์หลักที่ดีกว่าทันสมัยกว่าระยะตรวจจับไกลกว่า Thales Variant (ซึ่งมีระยะทำการอยู่ที่ 70 กม.เท่านั้นเอง)
จริงๆแล้วเรือตรวจการณ์รุ่นใหม่หลายแบบ เลี่ยงไปใช้จรวดอเนกประสงค์ระยะยิงใกล้หรือปานกลางกันมากขึ้น เพื่อที่ราคารวมจะได้ไม่ไปไกลลิบจนตกเก้าอี้ แต่เรือของเราติดฮาร์พูนก็ดีครับเอาไว้เขียนเสือให้วัวกลัว ผมไม่ได้คาดหวังว่าเรือจะเข้าพื้นที่ทำการรบจริงๆหรอกเพราะมันไม่ใช่เรือรบ แต่ก็นะ 5,500 ล้านบาทได้เท่านี้ แพงเลือดสาด....
ในการ คาดเดา ของผมตอนนี้ ที่ราคาของเรือ OPV ลำที่สอง พุ่งขึ้นถึงเกือบเท่าตัว...น่าจะเป็น โครงสร้างมาตรฐานเรือ ที่น่าจะเข้ามาตรฐานระดับเรือคอร์เวต น่าจะมีการปรับโครงสร้างตัวเรือ ที่รับความเสียหายได้มากขึ้น...หรือถ้าจะมองได้ว่า เป็นการพัฒนาการต่อเรือ เพื่อเข้าสู่ระบบมาตรฐานเรือฟริเกต เพื่อรองรับ เรือฟริเกตสมรรถนะสูงในอนาคต...
ส่วนระบบอำนวยการรบที่มีราคาสูงขึ้น ถ้าให้ คาดเดา...คงเป็นสายพันธ์ที่มีฐานมาจาก Saab...ก็เช่นเดียวกันครับ...ผมมองว่า เป็นการวางฐานความรู้ สำหรับเรือฟริเกตสมรรถนะสูงในอนาคต ที่ กองทัพเรือ จะทำการประกอบเอง หรือ ต่อขึ้นเอง แล้วแต่กรณี...
คราวนี้ ก็สงสัยว่า ในตอนแรกที่มีข่าวออกมา เหมือนกับว่า เรือลำที่สอง จะมีโรงเก็บ ฮ. ด้วยไม่ใช่หรือครับ ? แต่ไหง ในภาพ CG ไม่เห็นมี...
หรือในความเห็นผม อาจจะให้คำนิยาม สำหรับ เรือชุดกระบี่ ลำที่สอง ว่าเป็น เรือฟริเกตเบา ในชื่อ เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง...
ท่านจูลคาดเดาใด้ใจครับ ถ้าเอางบมาเทียบกันระหว่างลำแรกกับลำนี้ ค่าตัวเรือเปล่าแบบแล่นในน้ำใด้รอบนี้ พอๆกับ เรือพร้อมใช้งานรอบก่อน เรื่องค่าเงินกับสเปคตัวเรือคงเป็นตัวแปรสำคัญ
แต่ปืนหลักแพงขึ้นเยอะมวาาาาาก
ผมก็คิดเหมือนป๋าจูนะครับ ว่าตัวเรือภายนอกดูเหมือนเดิม แต่อาจจะเปลี่ยนมาตรฐานไปลักษณะเรือคอร์เวท ทำให้ราคาที่เปลี่ยนไปเยอะ
ราคาโอเค กับสิ่งของที่ ทร แจ้งมา ไม่มีโรงเก็บ ฮ เนื่องจาก ต้องเพิ่มงบปรมาณ ขึ้น เยอะ ไปกระทบ ตัวอืนๆ เลยตัดออก นาทีสุดท้าย
ทางทร มีแผนการ รอรับ ในโครงการตัวใหม่ ชุดหน้า เรื่องงบประมาณ ทร นี้ เชื่อใจได้ครับ ใสสะอาดแน่นอน
ไหนก่อไหน น่าจะ เพิ่มช่องยิง ด้านหน้า ทิ้งไว้ ในอนาคตนะครับ ทร สำหรับ จรวดต่อสู้อากาศ ระยะใกล้
ยินดีกับทร ด้วยครับ ลำที่สอง
สิ่งที่อยากเห็น ต้องรอต่อไปวันหน้า
ปืนหลักที่แพงน่าจะเพราะเป็นรุ่น เสตลท์ (ตามข่าวจาก TAF ) แต่ตัวเรือไม่ เสตลท์ มันจะเกินสเปคเรือไปหรือเปล่า
เรื่อง ปืน 76 ม.ม. แบบสเตลล์...ผมคิดว่า เรือชุดกระบี่ ลำที่สอง นี้...ต้องมีอะไร สัมพันธ์กับ เรือฟริเกตุสมรรถนะสูง ที่กำลังจัดหาแน่...
ทั้ง ระบบ ดาต้าลิงค์ และอาจจะเป็น เรือฝึก ที่มีสภาพแวดล้อม คล้ายกับ เรือฟริเกตสมรรถนะสูง ก็ได้ครับ...ก็ เสมือนว่า กำลังพลจาก เรือ OPV ลำนี้...สามารถจะรองรับกับ เรือฟริเกตสมรรถนะสูง ได้โดยใช้เวลาอันรวดเร็วเลย...
ภาพ Battle Group ของ กองทัพเรือ...อาจจะเห็น เรือชุดกระบี่ ลำที่ 2 เป็นเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ที่รับสถานะการณ์เฉพาะหน้า และส่งข้อมูล หรือ ประสานการเข้าโจมตี ให้กับ เรือชุด นเรศวร เรือฟริเกตสมรรถนะสูง ชุดใหม่..สำหรับภัยคุกคามร้ายแรงที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า...หรือ อาจจะเป็น กำลังสำรอง (กองกลาง) อยู่ตรงกลางระหว่าง กองเรือสมรรถนะสูง กับ กองเรือตรวจการณ์ป้องกันอ่าว...ในภาระกิจการป้องกันแบบเผชิญเหตุ...
ผมก็มีความรู้สึกว่า opv ลำนี้จาก พาณิชย์spec น่าจะได้รับการพัฒนาจนเป็น mil spec ตามมาตรฐานเรือรบแท้ๆแล้วครับ ดูจากราคาเรือ ก็ดีนะครับถ้าแบบนั้น ทร จะได้มีประสบการณ์การต่อเรือรบแท้ๆ mil spec กระบี่ลำที่สองนี้เป็น corvett ที่ใช้ชื่อ opv สิเนี่ย55555
ผมคิดว่าที่ราคาแพงขึ้นก็เพราะมิติตัวเรือต้องขยายขึ้นมาอีกระดับหนึ่งครับ เพราะตามสเปค รองรับ ฮ. ขนาด 11.5 ตัน นี่มันระดับซีฮอว์คแล้ว ผมว่าน่าจะตรงนี้ด้วยครับที่ทำให้งบประมาณเพิ่มขึ้น
ส่วนจะเป็นมาตรฐานเรือรบหรือไม่นั้น ใจผมก็ขอให้เป็นครับ
ขอชื่นชมจากใจจริงต่อท่าน จูลดัส ครับ ท่านเป็นผู้ที่มีอีคิวดีเยี่ยม บุคคลิกเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือจริงๆ ............. สำหรับผม ผู้มีระดับอารมณ์ต่ำต้อย สันนิฐานดูแล้ว ตัวเรือ กระดูกงู และหมุดน้อต น่าจะกลึงขึ้นรูปจากทอง 24 เค กระมังครับ ................... ยุคนี้เงินทองหาง่ายครับ ขึ้นภาษี ขึ้นเงินตัดเข้ากองทุน 9ล9 ................
ในงานวันที่ผ่านมาผมได้ไปลองสอบถาม จนท ในงานได้ความว่ากระบี่ลำที่สองจะใช้แบบแผนเดียวกับกระบี่ลำแรกแต่จะแก้แค่บางส่วนที่พบว่าเป็นปัญหาจากการใช้งานกระบี่ลำแรก ในส่วนนี้ผมตีความว่า คงจะต่อมาตรฐานเดิมไม่ใช่มาตรฐานเรือรบ ส่วนทำไมถึงให้ กระบี่ติด harpoon นี่ผมยังสงสัยอยู่?
เรื่องมาตรฐานเรือรบ เรือพาณิชย์ ประเทศต่างๆเขาก็ทำกันนะครับ ลองเปิดดูเรือฟริเกตเบาชั้น Floréal-class ของฝรั่งเศส ที่ส่วนใหญ่ปฏิบัติการในทะเลแดง มหาสมุทรอินเดีย ก็บอกมาตรงๆเลยว่าการสร้างใช้มาตรฐานเรือพาณิชย์ และก็ติดตั้ง Exocet เหมือนกัน มีปืน 100 มม.ด้วย (The Floréal class is a type of light "surveillance frigates" designed for the needs of the French Navy after the end of the Cold War, ordered in 1989. They use construction standards of commercial ships. ) สำหรับปืน 76/62 ร.ล.กระบี่ เป็นปืน refurbished ราคาจึงถูกกว่าปืนใหม่มาก ตอนนี้อาจหาปืนที่จะมาทำ Refurbish ยากในท้องตลาดเลยใช้ปืนใหม่ หรืออาจเห็นว่าเรือลำใหม่จะใช้ทางยุทธการมากขึ้นจึงใช้ปืนใหม่เสียเลย เพราะปืนรุ่นเก่าอัตราการยิงต่ำกว่า ไม่สเตลท์ ฯลฯ(อันนี้ไม่ทราบเหตุผลจริงๆ)
" This is because the ballooning LCS construction costs caused the Navy to try to save money by ordering that future ships be built to commercial standards."
http://nation.time.com/2012/10/05/the-navys-new-class-of-warships-big-bucks-little-bang/
แม้กระทั่งเรือใหม่ของสหรัฐฯ เช่น เรือ LCS ก็เหมือนกัน เพราะราคาค่าต่อสูงเกินไปก็เลยจำใจต้องลดมาตรฐานลงมา คือทุกคนก็ทราบว่ามาตรฐานเรือรบดีกว่าอยู่แล้วแต่ด้วยราคาบางครั้งก็ต้องยอม
http://www.armedforces.co.uk/navy/listings/l0013.html
แม้กระทั่งเรือรบลำใหญ่ขนาดนี้ของมหาอำนาจ คือ H M S Ocean ก็ยังใช้มาตรฐานการต่อตัวเรือแบบเรือพาณิชย์เลยครับ คงมีอีกหลายลำแต่เราไม่ได้ไปสนใจรายละเอียดกันมากกว่า ค้นๆไปอาจเห็นว่าเรือรบรุ่นใหม่ๆเป็นอย่างนี้ทั้งนั้นก็ได้
ปํญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าต่างชาติต่อเรือแบบไหน แต่อยู่ที่เราต่อเรือแบบไหนต่างหาก
หลายๆความเห็นบอกว่าเราจะต่อเรือลำใหม่ด้วยมาตราฐานเรือรบ ทำให้เรือมีราคาแพงขึ้นซึ่งผมมองไม่เห็นทางที่ว่านี้เลย เพราะเรือหลวงกระบี่ที่เราต่อด้วยมาตราฐานกึ่งพาณิชย์ ยังทำผลงานได้ไม่น่าประทับใจเลยซักนิด แล้วจะข้ามขั้นไปต่อมาตราฐานเรือรบผมว่ายังไม่ใช่ในเวลานี้
ถ้าบอกว่าเรือต่างชาติต่อด้วยมาตราฐานกึ่งพาณิชย์เพื่อลดค่าใช้จ่าย เรือOPVลำที่สองของเรายิ่งมีราคาแพงมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมาตราฐานเหมือนลำแรกแล้วทำไมแพงขึ้น ????
จริงๆผมก็ยังไม่เข้าใจนะว่าจะขยายลานจอดเพื่อเฮลิคอปเตอร์ 10 ตันไปทำไม ในเมื่อเรามี S-70B 6 ลำ MH-60 2 ลำ ซึ่งใช้บนเรือหลวงจักรีแค่นี้เอง ยังมองไม่เห็นหนทางว่าเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำจะมาจอดบนเรือ OPV ทำไม ในเมื่อเรือฟริเกตแท้ๆลำใหม่ก็ยังไม่มีฮ.เลย (ยิ่งฮ.VIP อย่าง MH-60 ยิ่งไม่มีทางใหญ่) และปัจจุบันเขาก็นิยมใช้ UAV บนเรือ OPV กันมากขึ้นแล้ว ขยายลานจอดแต่ไม่มีโรงเก็บ ทำอย่างกับจะใช้เป็นจุดจอดชั่วคราวของเฮลิคอปเตอร์กลางทะเลลึกยังไงยังงั้น
ปล . ชอบความเห็นของท่านกบนะ อ่านแล้วฮาแต่ตรงดี
คุณ sboot หลงประเด็นครับ ไม่มีใครสนใจเรื่องมาตรฐานเรือรบหรือเรือพาณิชย์ เขาสนราคาที่แพงบรรลัยมากกว่าครับ มันคาบเกี่ยวกันแค่ตรงที่มีคนตั้งประเด็นว่าอาจจะมีการอัพเกรดมาตรฐานเป็นเรือรบ (แต่ก็ยังแพงเกิ๊น)
ส่วนตัวผมงงว่าจะเอาฮาร์พูนมาติดทำไม มีโรงเก็บฮ. น่าจะเหมาะกว่าเยอะ เข้ากับภารกิจมากกว่า ถ้างบเหลือผมว่าเอาไปเสริมให้พวกฟริเกตของเราให้ตัวรอดในสนามรบได้ก่อน ดีกว่าเอามาใช้ซื้ออาวุธประดับเรือ opv ด้วยอาวุธอย่างนี้ เพราะไปรบก็ไม่รอดอยู่ดีถ้าติดแค่ฮาร์พูน มันได้แค่ความเท่ห์เป็นหลัก เหมือนที่เชียร์ให้เอาเรือต. มาติดอวป. ลูกเล็กๆ น่ารักๆ เพื่อ?
555 ผมนี่ไม่เข้าใจ ทร เลย ทำไมต้องเอา opv ที่ภารกิจหลักคือลาดตระเวนยามสงบไปติด harpoon ด้วย มันดูเปลืองงบยังไงไม่รู้
ไม่ได้เห็นด้วยกับเรือลำนี้ configuration นี้ ราคานี้
แต่ผมว่าการที่ทร.เอาฮาร์พูนติดเรือตรวจการณ์ แง่นึงเป็นเรื่องของภาพลักษณ์และการประชาสัมพันธ์ด้วย (คนก็เชียร์กันว่า ทร.ต่อเรือรบไปเล้ย ต่อฟริเกตเลย เจอพระราชดำริในหลวงอีกว่าให้พึ่งตนเองฯลฯ) เพราะชัดเจนว่านโยบายของทร.พยายามต่อเรือรบในอนาคต เพื่อการพึ่งพาตนเองอะไรก็ว่าไป การเอาเรือตรวจการณ์มาติดอาวุธอวป.ก็เหมือนเป็นการโชว์การพัฒนาขีดความสามารถจากการต่อเรือตรวจการณ์ปืน ตอนนี้ก็ติดอวป.ได้ละ ฯลฯ
ตามที่ ทร. ให้ข้อมูล เพราะมีการขยายความยาวเรือขึ้น ซึ่งคิดว่า แบบเรือที่ ทร. จัดหานี้ น่าจะเป็นแบบ เรือ River Class ที่ BAE กำลังสร้างให้กับ ราชนาวี อังกฤษ....ส่วนที่ว่า ทำไม OPV ลำนี้ ถึงต้องติด SSM...ตามที่ผมเคยให้ความเห็นไว้ก่อนหน้านี้ครับว่า...ผมมองว่า...เพื่อมา ทดแทน อาวุธนำวิถี ชุดเรือ ราชฤทธิ์ อาวุธนำวิถี Exocet (ระยะปานกลาง) สังกัด กองเรือตรวจอ่าว น่ะครับ โดยใช้ Harpoon แทน...
ส่วนเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง หรือ เรือตรวจการณ์ปีน ที่มีความสามารถติดอาวุธนำวิถีได้นั้น...ก็น่าจะหมายถึง การทดแทนเรือชุด ปราบปรปักษ์ สังกัด กองเรือตรวจอ่าว ติด อาวุธนำวิถี เกเบรียล (ระยะใกล้)...โดยใช้ C-704 หรือ แบบอื่น ๆ (ระยะใกล้) ทดแทน...
คือ ยังไง ๆ กองเรือตรวจอ่าว จะต้องมี เรือรบผิวน้ำ ติดอาวุธนำวิถี ทั้งระยะปานกลาง และระยะใกล้ ภายในกองเรือด้วย นั่นเอง...คงต้องมองประเด็นนี้ ครับ...ไม่ใช่ว่า กองเรือตรวจอ่าว จะมีแต่ เรือปืน เท่านั้น...
โครงการ เรือชุด River Class ฺ Batch 3 ของ ราชนาวี อังกฤษ
http://www.gizmag.com/royal-navy-opv-shared-infrastructure/34212/
David Szondy October 14, 2014
BAE Systems has begun construction of the first of the Royal Navy’s three new River class Batch 3 Offshore Patrol Vessels (OPV). During a ceremony at BAE Systems Surface Ships’ Govan facility in Glasgow, Bernard Gray, the Ministry of Defence’s (MoD) Chief of Defence Material, activated a plasma cutting machine, which sliced through first plate of steel for HMS Forth. The ship will be the first in the Royal Navy to incorporate the state-of-the-art Shared Infrastructure operating system in its construction.
BAE Systems has begun construction of the first of the Royal Navy’s three new River class Batch 3 Offshore Patrol Vessels (OPV). During a ceremony at BAE Systems Surface Ships’ Govan facility in Glasgow, Bernard Gray, the Ministry of Defence’s (MoD) Chief of Defence Material, activated a plasma cutting machine, which sliced through first plate of steel for HMS Forth. The ship will be the first in the Royal Navy to incorporate the state-of-the-art Shared Infrastructure operating system in its construction.
When construction is completed, HMS Forth and the other two planned OPVs will join the previous five River class ships that will replace the Island and Castle-class patrol vessels. Larger and longer than previous ships in their class, the Batch 3s and the rest of the River class will be used mainly for Fishery Protection Squadron and Economic Exclusion Zone (EEZ) patrol, though they are designed for global deployment, with one in the class having been assigned to protect the Falkland Islands.
The new River class ships displace 2,000 tonnes (2,204 tons), are 90.5 m (297 ft) long and have a draft of 3.8 m (12.4 ft). They’re powered by two Ruston 12RK 270 diesel engines that give them a cruising speed of 24 knots (27 mph, 44 km/h), a range of 5,500 nmi (6,300 mi, 10,200 km), and an endurance of 35 days at sea. In addition to their complement of 36, they can also carry 20 troops, and their longer length allows them to accommodate a Merlin helicopter on the flight deck, as well as a 30mm DS30B gun forward.
"We've kept many of the engineering qualities that have made the [previous batch] River class OPVs so successful and reliable, and enhanced them with a design that is larger, more efficient, and more capable,” says Iain Stevenson, Head of the Offshore Patrol Vessel Programme BAE Systems Naval Ships. “This design is tried and tested and already in service with the Brazilian Navy and Royal Thai Navy, who are operating similar versions of these ships. For the Royal Navy, our engineering teams have modified this proven design, ensuring that it meets the demanding UK requirements, demonstrating just how flexible the design of the ship is.”
HMS Forth is scheduled for delivery to the Royal Navy in 2017.
The video below outlines the new River class OPV.
ตอนที่ ทร. สร้าง ร.ล.กระบี่ จะเป็นช่วงที่ บริษัท VT ถูกเทคโอเวอร์ จาก BAE System พอดี...เช่นเดียวกับที่ เรือชุด OPV ของ ตริดิแดดแอนด์โทเบโก ที่รู้สึกจะมีปัญหา ต่อมา จึงขายให้กับ บราซิล ในราคาถูก โดยถูกการแก้ไขในนามของ ฺBAE System...
ตอนนี้ เรือชุด กระบี่ ลำที่สอง ถ้าให้ เดา ก็คงจะใช้แบบเดียวกับที่ BAE System สร้างให้กับ UK ในตอนนี้
ตามหัวข้อข่าวของกระทู้ "โดยแบบเรือดังกล่าว มีต้นแบบมาจากแบบเรือของบริษัท BAE Systems Ships จำกัด จากประเทศอังกฤษ"...
ดังนั้น การสร้างเรือลำนี้ จะสร้างไปพร้อม ๆ กับ BAE System ในตอนนี้...หรือถ้าจะมองได้ ก็คือ การถ่ายทอดเทคโนโลยี่การต่อเรือ ไปพร้อม ๆ กัน...ดังนั้น มาตรฐานเรือ ก็ควรจะเป็นแบบเดียวกับ เรือชุด River Class ของ UK... คงจะไม่ใช่ มาตรฐานแบบของ VT ก่อนหน้านี้
และตามโครงการจัดหา OPV ชุด River Class รุ่น 3 (Forth SubClass) ดูจะเป็นที่ยินดีกับอู่เรือของ สหราชอาณาจักร...ซึ่งนอกจากจะเป็นการเสริมทักษะ ให้บุคคลากร และวิธีการบริหารการต่อเรือแบบใหม่แล้ว...การต่อเรือชุดนี้ จะเป็นการปูทางให้กับ บุคคลากร ในการต่อเรือชุด Type26 ต่อไป...
STV
7 October 2015 11:25 BST
Construction has begun on one of three new Royal Navy warships at the BAE Systems shipyard in Glasgow.
HMS Trent is the third of three River Class Batch 2 Offshore Patrol Vessels (OPV) designed and constructed by the firm.
Defence minister Philip Dunne was in Govan on Wednesday to cut the first piece of steel for the ship which is part of a £160bn investment.
The 295ft vessel follows on from HMS Forth which began construction in October 2014 and HMS Medway which began in June 2015.
Mr Dunne said: "These new ships will provide an important capability to the Royal Navy and our Armed Forces.
"They will perform vital tasks in defending the nation's interests around the world."
"This investment forms part of over £160bn in our ten year Equipment Plan which is funded out of the newly protected Defence budget.
"Manufacture of these ships sustains over 800 quality engineering jobs here in Scotland, ensuring that the shipyards on the Clyde continue to sit at the heart of a thriving naval shipbuilding capability.
"They are paving the way for work to begin on our new T26 frigates next year."
HMS Trent is based on a BAE Systems design capable of ocean patrol with a range of in excess of 5000 nautical miles and a maximum speed of 24 knots.
Each new vessel will include a modified flight deck capable of operating the latest Merlin helicopters, larger stores and more accommodation for embarked troops.
The first of the three ships is due to be delivered to the Royal Navy next year.
Mick Ord, managing director of BAE Systems Naval Ships, added: "It is a very proud moment for us to see the first steel for HMS Trent moving through the production line, which means the entire class of ships is now under construction.
"This design of offshore patrol vessel builds on the Royal Navy's existing River Class ships with variants already in service in Brazil and Thailand where they are making a huge impact delivering maritime security.
"These vessels are already proven to be highly capable and testament to the tremendous skill and dedication of employees on the programme.
"With investments in new technologies, cutting-edge processes, new ways of working and improved facilities we are transforming the way we design and build warships.
"This will enable us to deliver equipment of the highest quality at the lowest possible cost, helping to secure the long-term future of our highly skilled industry in the UK."
....ว่าจะไม่ออกความเห็น.....อดไม่ได้จริงๆ
....ตัวเรือมันแพงขึ้นมากจริง..แหละ ทั้งๆ ที่ วัตถุดิบ ส่วนประกอบ มันไม่ได้แพงขึ้นมากนัก
....................
....ให้เดาแบบสุภาพชน ไม่กล่าวหาใคร...
....ก็เดาว่า ตัวเรือมันน่าจะยาวขึ้น อีกประมาณ 10 เมตร เรือลำนี้น่าจะยาวประมาณ 100-105 เมตร
....ช่วงที่ขยายยาวขึ้นน่าจะเป็นช่วง หลังเสาเดวิท กับ แชมเบอร์ป้องกันความร้อนท่อไฮเสียเครื่องยนต์
....ระวางขับน้ำน่าจะประมาณ 2,200 - 2,250 ตัน (ลองตัน) เครื่องยนต์ใหญ่ขึ้นอีกเพิ่มรองรับขนาดเรือที่ใหญ่ขึ้น
....ไม่ใช่เรือชานต่ำอย่างเรือ "กระบี่" ลานขึ้น-ลง ฮอ น่าจะยกสูงขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง เครื่องบินจะได้อยู่สูงจากน้ำทะเลเพิ่มอีก 2.5 เมตร
....บริเวณติดตั้งจรอด "ฮาพูน" น่าจะอยู่ระหว่างเสา"เดวิท" กับ แชมเบอร์หล่อเย็น ของท่อไอเสียเครื่องยนต์
....รูปภาพที่ให้มาใช้ประชาสัมพันธ์น่าจะ เหย มากๆ....เอาอะไรไม่ได้ (เป็นกลเม็ด หรือเปล่า ?)
....เดาล้วนๆ รอดูของจริงดีกว่า...........
กลัวจะเป็นแบบในรูปเปี๊ยบ แค่แพง... ฮา