http://defense-studies.blogspot.com/2015/12/myanmar-commissions-frigate-hospital.html
สวัสดีครับเพื่อนๆทุกท่านครับ หลังจากโดนหมัดน๊อคในวันสิ้นปีจนโดนกรรมการนับเก้าจุดห้า นาทีนี้ผมลุกขึ้นมายืนได้แล้วแม้ขาจะยังแกว่งๆอยู่ก็ตาม ขอบคุณปัญหาที่ทำให้มองเห็นหนทางแก้ไขอย่างยั่งยืน ขอบคุณนะคะ >_<
โม้มากไปแล้วมาที่เนื้อหาเลยดีกว่า วันที่ 26 ธันวาคม 2558 กองทัพเรือพม่าเข้าประจำการเรือรบและเรือช่วยรบจำนวนหนึ่ง ประกอบไปด้วยเรือฟริเกต UMS Sinbyushin (F14) เรือพยาบาล 1 ลำ และเรือระบายพลขนาดใหญ่อีก 6 ลำ (รถถังอะไรหนอ)
UMS Sinbyushin (F14) เป็นเรือฟริเกตลดหน้าตัดเรดาร์ชั้น Kyan Sittha Class ซึ่งพม่าต่อเองในประเทศ ยาว 106 เมตร กว้าง 13.5 เมตร ระวางขับน้ำประมาณ 3,000 ตัน อาวุธที่ติดตั้ง(ในวันประจำการ)ประกอบไปด้วย ปืนใหญ่เรือขนาด 76/62 มม. รูปทรงStealth 1 กระบอก ปืนกลอัตโนมัติ 30 มม. AK360 Stealth (หรือ Chinese NG-18 System) จำนวน 3 กระบอก จรวดต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ SA-N-5 ขนาด 6 ท่อยิงจำนวน 1 ระบบ ปืนกล 14.5 มม.จำนวน 2 ระบบ อาวุธปราบเรือดำน้ำคือ RBU-1200 ASW rocket จำนวน 2 แท่นยิงที่หัวเรือ ส่วนจรวดต่อสู้เรือรบและยังไม่ได้รับการติดตั้ง ถ้าเดาจากอาวุธมาตราฐานกองทัพเรือพม่าก็คงเป็น จรวด C-802
ทีนี้เรามาดูภาพระยะใกล้ๆกันดีกว่านะครับ ด้านหน้าเรือเป็นปืนใหญ่ขนาด 76/62 มม. รูปทรงStealthซึ่งคล้ายของOtoนะครับเพียงแต่มีประตูด้านข้างเพิ่มเข้ามาด้วยให้งงกันเล่น (น่าจะเอาไว้โหลดกระสุน) ต่อไปเป็นแท่นยิงจรวดต่อสู้อากาศยานและปืนกล 30 มม. AK360 Stealth 1 กระบอก จริงๆตามภาพกราฟฟิคแรกสุดF-14 จะติดปืนกล AK360 ด้านหน้า 2 กระบอกนะครับ แต่เอาเข้าจริงก็เหลือ 1 กระบอกตาม F-12 ไปซึ่งผมว่ามันก็พอแล้วนะ
บนหลังคาหอบังคับการติดอุปกรณ์ต่างๆเยอะพอสมควร ประกอบไปด้วย เรดาร์ควบคุมการยิง Type 347G 1 ระบบ Kolonka optronic director 1 ระบบ เรดาร์เดินเรือ FURUNO 2 ชุด เรดาร์ Type 362 surveillance radar 1 ระบบ (ในภาพยังไม่มีราโดมครอบ) ระบบสงครามอิเลคทรอนิค Mirage NRJ-5 ECM 2 ระบบซ้าย-ขวา และอุปกรณ์ปริศนาไม่แน่ใจว่าอะไรอีก 1 ระบบ ด้านข้างหอบังคับการติดปืนกล 14.5 มม.6 ลำกล้องรวบไว้ฝั่งล่ะ 1 กระบอก
ด้านท้ายเรือมีเรดาร์ตรวจการณ์ระยะไกล RAWL-02 2D air search radar ตั้งตระหง่าน ติดปืนกล 30 มม. AK360 Stealth 2 กระบอก เรดาร์ควบคุมการยิง Type 347G 1 ระบบ และ Kolonka optronic director 1 ระบบเฉพาะฝั่งซ้ายของเรือด้านหลังปืนกลอีกที แปลว่าเรือสามารถยิงปืนทั้ง 4 กระบอกได้พร้อมกันเนื่องจากมีอุปกรณ์ช่วยเล็งยิงครบทุกระบบ ท้ายเรือรองรับเฮลิคอปเตอร์ขนาด 7 ตันพร้อมโรงเก็บ และเหมือนเรือลำอื่นๆก็คือ ผมยังไม่เห็นแท่นยิงตอร์ปิโดเบาปราบเรือดำน้ำแต่อย่างใด แม้เข้าใจว่าเรือจะติด HMS-X hull-mounted sonar จากอินเดียก็ตาม
รูปทรงเรือสวยดีแฮะ อาวุธผสมจีน+เกาหลีเหนือ ไม่รู้ว่าจะใช้ Kh-35 ผลิตในเกาหลีเหนือด้วยป่าว
ในเรือระบายพลคงเป็นรถเกราะ PLT-02 ปืน100/105มม. ประมาณเนี้ย
ไม่ต่อเรือตรวจการณ์แล้วให้ใช้อะไรตรวจการณ์ล่ะครับ นี่คือเรือที่ใช้งานจริงๆมากกว่าเรือรบอีก
เรือฟริเกต ไล่จับชาวประมง น้ำมันเถื่อน?
ผมว่าถ้าจะมีใครน่ากลัวก็มีแค่มาเลย์นี่แหละ
การต่อเรือตรวจการณ์ใช้งานในประเทศมันก็คือ การอุดหนุนอุตสาหกรรมต่อในประเทศ ในทางหนึ่ง
*** ประเทศอเมริกาใช้งานเรือตรวจการณ์กับ หน่วยงาน US. coast guard เพื่อไล่จับคนหลบหนี และของผิดกฏหมายเข้าประเทศจากทางทะเล
ถ้าในความหมายของคุณ Rayong จะให้กองทัพเรือเน้นแต่ต่อเรือฟรีเกตกับ ควอเวต ประมานว่าเรือขนาดใหญ่ แต่ไม่เงินซื้ออาวุธปล่อย กับเรดาห์ดีๆมาติดตั้งกับเรือมันก็ไม่มีประโยชน์หรอกผมว่านะ
พม่าต่อเรือฟริเกตขนาด 3,000 ตันจำนวน 3 ลำด้วยกัน(F-11,F-12,F-14) และซื้อเรือฟริเกตมือ 2 จากจีนอีก 2 ลำรวมเป็น 5 ลำ ทั้งนี้ก็เพราะพวกเขา"ขาด" เรือขนาดใหญ่ที่ใช้ในการทำสงครามเต็มรูปแบบนั่นเอง ซึ่งถ้าเป็นเราก็คงต้องทำแบบเขาเหมือนกัน แต่เพราะเราไม่ได้ขาดเรือใหญ่ขนาดนั้นก็เลยไม่จำเป็นเท่าไหร่ มันก็เท่านั้นแหละครับ
แต่เอาเข้าจริงๆเรือฟริเกตที่สร้างเองทั้ง 3 ลำของพม่าก็ใช้งานในทะเลลึกได้ไม่ดีนัก เพราะเป็นเรือที่กินน้ำตื้นพอสมควรหรือที่เรียกว่า shallow draught ข้อดีคือเรือสามารถเข้ามาปฎิบัติการในแม่น้ำอิระวดีได้สบายๆ ข้อเสียคือถ้าออกทะเลลึกเจอคลื่นใหญ่ๆจะมีอาการโคลงมากกว่าเรือที่กินน้ำปรกติอย่างเรือฟริเกตทั่วไป ซึ่งพม่าเองก็คงไม่ได้ใช้เรือทั้ง 3 ลำออกห่างชายฝั่งซักเท่าไหร่นัก เพราะเรื่อง shallow draught และระบบอาวุธปราบเรือดำน้ำค่อนข้างโบราณมากเหลือเกิน คือเทียบได้กับเรือเจียงหูทั้ง 4 ลำของเรานี่แหละ จนกว่าจะมีการติดตั้งตอร์ปิโดปราบเรือดำน้ำเข้าไปจริงๆ (ก็ยังหาจุดที่จะติดตั้งไม่เจอเลยนะครับทั้ง 3 ลำ นอกจากจะเอามาติดข้างลานจอดเฮลิคอปเตอร์อะไรแบบนี้)
ทว่ายังมีชาติที่ระบบอาวุธปราบเรือดำน้ำด้อยกว่าพม่าทั้งที่เป็นเรือรุ่นใหม่ทันสมัยนะครับ นั่นคือเรือฟริเกตเกพาร์ดของเวียตนามนั่นเองที่ไม่มีทั้งโซนาร์และตอร์ปิโดแต่อย่างใด ก็นะ....
ลำดับต่อไปของพม่าคือต่อเรือ OPV ล่ะครับ มีปล่อยลงน้ำไปแล้วนะ 1 ลำ รวมทั้งเรือคอร์เวตรุ่นใหม่ด้วย หลังจากนี้คงจะเป็นพวกเรือกวาดทุ่นระเบิดอะไรพวกนี้ต่อ แต่ผมชอบเรือโรงพยาบาลนะครับ เวียตนามก็มีเหมือนกันแต่ไทยเราคงไม่ได้เกิด
ที่ผมเสนอคือ ให้เพลาการสร้างเรือตรวจการณ์ลงบ้าง นั่นคือยังมีการต่อทดแทนของเก่าแต่อาจไม่เป็น 1:1 และโยกงบไปลงที่เรือรบมากขึ้น อาจจะได้ไม่มากแต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไร อาจทำให้ได้เรือรบที่มีประสิทธิภาพครบมากขึ้น ไม่ใช่ขาดๆเกินๆ รอซื้อมาใส่ทีล่ะอย่าง
ส่วนเรื่อรบเก่ามากแล้วอาวุธหมดอายุ ก็ลดชั้นมาเป็นเรือตรวจการณ์ก็ยังได้ เช่น เรือชั้นเจ้าพระยา(ที่อาวุธล้าสมัยไปแล้วแถมไม่ครบทุกมิติ) แล้วสั่งต่อเรือรบใหม่พร้อมอาวุธครบทุกมิติน่าจะดีกว่า
ผมมีความเห็นไปในทางเดียวกับท่านระยองครับ
ใช่ครับผมก็ว่าปลดชั้นเจ้าพระยาลงไปเป็น เรือตรวจการณ์ดีกว่า และทำการต่อ DW3000 รวมทั้งหมด 4 ลำ เมื่อรวมกับชั้นนเรศวร 2 ลำ เราก็จะมีฟรีเกตสมรรถนะสูง 6 ลำ(ผมละอยากถาม ทร จริงๆว่า DW3000 ได้เผื่อที่ไว้อีกสัก cell ไหม 5555) แล้วก็ต่อชั้นกระบี่เพิ่มอีกนิดให้พอ เพื่อนบ้านเราอัพกำลังทางเรือ โหดมาก พม่าก็จะต่อพวกเรือ F นี่หลายลำเลยประมาณ 6-8 ซึงผมว่าตอนนี้เรามีแค่ชั้น นเรศวร 2 ลำเท่านั้นที่เหนือกว่า มาเลย์ก็มีแผนต่อเรือใหม่
คิดว่า ทร. พม่า กำลังดำเนินการต่อเรือ แบบพัฒนาเป็น ลำดับ ไป ครับ คงต้องรอดู F-15 กับ F-16 ซึ่งน่าจะน้ำหนักมากกว่า 3,000 ตัน
F-11 ระวางเรือประมาณ 2,500 ตัน
F-12 และ F-14 ระวางเรือประมาณ 3,000 ตัน
F-15 เป็นต้นไป น่าจะระวางเรือประมาณ 3,500 ตันขึ้นไป ซึ่ง เรือ 2 ลำ หลังนี้ อาจจะเห็นพัฒนาการ ติดตั้งระบบ VLS และคงได้เห็น ท่อยิงตอร์ปิโด แบบเป็นกิจจะลักษณะ
ซึ่งตามโครงการ พม่า จะทำการต่อเรือชุดนี้ จำนวนประมาณ 5 ลำ
และตามข้อมูลของ Jane's ระบบอาวุธนำวิถีต่อต้านอากาศยาน ของทั้ง F-11 ถึง F-14 จะเป็นของ เกาหลีเหนือ
เรื่องเรือตรวจการณ์ ยังไง ๆ ก็ต้องมี มากกว่า เรือฟริเกต อยู่แล้วครับ...สำหรับ กองทัพเรือไทย...
ตามที่เคยให้ความเห็นไว้นานแล้วครับว่า...กองทัพเรือ ควรจะแยก กองเรือยามฝั่ง ไปขึ้นกับ สำนักนายกฯ ไปเลย...แต่อยู่ในความควบคุมของ กองทัพเรือ ในเรื่องกำลังพล และคุณสมบัติการจัดหาเรือ...
ประเทศเพื่อนบ้าน เขาก็จัดหาเรือตรวจการณ์ มากมาย เหมือนกันแหล่ะครับ...แต่ ทั้ง เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เขาก็แยก กองเรือยามฝั่ง ออกไปหมดแล้ว...จึงได้เห็นการพัฒนาการ จัดหาเรือรบ ที่มีศักยภาพมากขึ้นตามลำดับ...ซึ่งจะทำให้ งบประมาณ การจัดหาเรือรบของ กองทัพเรือ มีประสิทธิภาพมากขึ้น...โดย งบประมาณของ กองเรือยามฝั่ง ในสังกัดสำนักนายกฯ นั้น จะแยกออกไปจาก กองทัพเรือ ซึ่งจะไม่ส่งผลต่อการ ลดงบประมาณของกองทัพเรือ แต่อย่างใด...เพียงแต่ กองทัพเรือ ต้องรอ รัฐบาลฯ ที่มาจาก พลเรือน เท่านั้น ถึงจะทำได้...เพราะถ้า ยังเป็น รัฐบาล ที่มาสายทหาร...กองทัพเรือ ก็ยังคงถูก จำกัด งบประมาณ อยู่เหมือนเดิม และจะยังคงถูก สร้างข้อต่อรอง อยู่เหมือนเดิม...
ไม่แน่ อีกสักพัก คงจะได้ ดราม่า เรื่องเรือดำน้ำ กันอีกรอบแน่...
ถ้าเรามีเรือฟรีเกต 8ลำ แล้วเรามีOPV 5ลำ ต่อไปผมว่าเราคงเอาเรือ สินค้ามาติดอาวุธลาดตะเวน แน่ๆ
เพราะถ้าลากเรือฟรีเกต 8ลำนั้นมาช่วย OPV ลาดตะเวน รับรองงบซื้อเรือใหม่ไม่น่าจะมีเลย
ผมเข้าใจนะว่า คุณระยอง กับท่านอื่นๆ อยากให้ ทร.หันมาต่อฟรีเกตแบบจริงๆจังๆ สะที่
แต่ตอนนี้ผมอยากให้ต่อ OPV มากกว่าครับ เพราะจำเป็นมากกว่าในตอนนี้นะ
ประเทศดำเนินไปในทางประชาธิปไตย ชาติที่เขามีตังก็อยากมาลงทุน เก็บภาษีได้ก็มาบำรุงกองทัพ ไม่เหมือนบางประเทศ จะเอางบสุขภาพ มาซับสิได๋กองทัพ...............
เงินรายได้เข้าประเทศหลักๆได้แก่
1.ส่งออก ตัวเลขส่งออกมาก นำเข้าวัตถุดิบก็มาก ต้องดูส่วนต่างมูลค่าเพิ่ม
2.สัมปทานภาคหลวง ตำราตั้งแต่ ป.1 ก็บอกว่าแหล่งน้ำมันลานกระบือมีน้อยดำเนินในทางธุรกิจไม่ได้ นี่ดูดกันตั้งแต่น้องยังไม่ขึ้นหนวด วันนี้หนวดหยอยๆหงอกแล้ว น้ำมันก็ยังไม่หมด ภาคหลงภาคหลวงไม่ต้องพูดถึง..
3.ตลาดหุ้น มาเร็ว ไปเร็ว ฟองสบู่ วันนี้ก็แดงเถือกเหมือนชะนีเป็นเมนส์ ....กลุ้ม........
4.ท่องเที่ยว อันนี้ก็เป็นโล้เป็นพาย แต่ต้องยอมรับว่า ท่องเที่ยวคู่บริการ ...ต้องส่งวิตามินบำรุงให้น้องทำรอบ เดี๋ยวเทอร์โบลุกเป็นไฟ..
5.ง่ายๆ ก๋อมๆ เรียกต่างชาติมาลงทุน อยู่ดีๆ มีคนหิ้วเงินเป็นหมื่นล้านมาลงทุนบ้านเรา เอาหล่ะ อิควิปเม่น แมทีเรี่ยว ก็มีดูดกลับบ้าง แต่ แรงงานก่อสร้าง ค่าอิฐปูน ขนส่ง ค่าเบียร์ซุปฯชาวฝรั่งกลางวัน 9ล9 ตกที่บ้านเราทั้งนั้น............... เมื่อหลายปี ช่วงล้างบางนักลงทุน ชาตินิยมไล่เงินถุงเงินถังออกนอก บอกจะเอาปลูกผัก เอ้า.....วันดีคืนดี จะปิด จะแช่แข็งอีกละ ซึ่งหารู่ไม่ ถ้ามันแข็ง จะแช่ไว้นานแค่ไหนก็ได้ !!!???!!! .............. ก็เพราะมีแต่กลวงๆแบบนี้ เวียตนามเลยยิ้มระเรื่อน..........
เอาเหอะ ยังดี วันนี้มีเงินต่อเรือตรวจการณ์ ถ้าพรุ่งนี้ เมื่อรืนไม่แน่........ พม่าอาจต่อเรือบรรทุกเครื่องบิน สยามกินผัก นำเข้าเรือเอี้ยมจุ๊นติดอาร์พีจี...............
สาเหตุที่หลายๆประเทศเจอพิษตลาดการเงินล่มทีประเทศเศรษฐกิจแทบล่มเพราะไม่ได้มีขีดความสามารถในการผลิต/เทคโนโลยีจริง+ไม่สามารถพัฒนาสินค้าไปแข่งในตลาดโลก
พอต่างชาติถอนเงินลงทุนออกประเทศทรุดฮวบๆ แค่ให้ต่างชาติมาลงทุนตั้งโรงงานมันไม่พอ ได้แค่ระยะสั้น พอฟองสบู่แตกก็หาย เพราะเราก็แค่ขายแรงงานขายทรัพากรไปวันๆ แต่เทคโนโลยีอยู่ที่เขาหมด รัฐต้องเข้าช่วยการพัฒนาทางอุตสาหกรรมแบบญี่ปุ่นสมัยก่อน หรือจีนปัจจุบัน ที่ต่างชาติเข้ามาต้องมีออฟเซ็ทพ่วงมาด้วย เช่นแถมเทคโนโลยี หรือแลกซื้อของเรา
เรามัวแต่ส่งออกวัตถุดิบออกนอกแล้วก็ซื้อกลับมาเป็นสินค้าที่ผลิตเสร็จเพิ่มมูลค่าแล้ว ยังงี้ก็ขาดทุนไปเรื่อยๆ
พวกตลาดการเงิน ตลาดหุ้นมันไม่มีมูลค่าจริง (เรียกว่าไม่สะท้อนมูลค่าจริงดีกว่า) ฟองสบูแตกทีหายวาบ แต่ขีดความสามารถทางอุตสาหกรรม+เทคโนโลยีใช้ทำมาหากินได้ ต่อให้ยังไม่สามารถแข่งในตลาดโลกแต่ก็สามารถลดการนำเข้าได้
ขอเข้าเรื่องการตรวจการณ์ในน่านน้ำไทย ที่กองทัพเรือดูแล ผมจำได้ว่าไทยมีตำรวจน้ำ ซึ่งหน้าที่ดูมันซ้ำซ้อนกับภาระกิจตรวจการณ์ปราบการทำผิดกฏหมายในทะเลของทัพเรือ ทำให้ผมมองว่าหน้าที่ตรวจการณ์ยกให้ตำรวจน้ำไปเลยดีกว่าไหม โดยเพิ่มงบกับกองตำรวจน้ำให้มีเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ใกล้ฝั่ง แล้วขึ้นตรงต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในชั้นต้นก็โอนเรือตรวจการณ์จากกองทัพเรือไปเลย ส่วนคนก็ตามความสมัครใจ ซึ่งมีข้อดีอีกข้อคือ ดูจะนุ่มนวลกว่าใช้ทหาร ลัษณะคล้ายการมี ตชด. ตามแนวชายแดน ส่วน ทร. ก็มุ่งเสริมเรือรบจริงๆ จังๆ ต่อไป
ตำรวจยิ่งไม่ควร ตำรวจอยู่สายรักษากฏหมายและยุติธรรม ต้องมีการคานอำนาจ ตรวจสอบได้
ปัจจุบันมีความพยายามดึงงานบางส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกไป อย่างงานสอบสวน งานตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจน้ำ
ความเห็นส่วนตัว ปัญหาหลัก คืองบประมาณที่ไม่เพียงพอที่กองทัพเรือจะดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยทางทะเล พร้อมงานป้องกันประเทศได้
ดังที่กองทัพเรือเคยก่อตั้งกองเรือป้องกันฝั่ง(Coast Guard Command) แต่ก็ต้องยุบเลิกไปเพราะขาดงบประมาณ
เพิ่มงบกลาโหมก็โดนโจมตี ทั้งจากนักการเมือง และประชาชนทั่วไป
ปรับสัดส่วนงบในส่วนของ กลาโหมยิ่งยาก ยังไงคงเป็นสูตร 2:1:1 ต่อไป
ทางที่ดีคือแยกงานยามฝั่ง มาตั้งหน่วยใหม่นอก ก.กลาโหม ดีที่สุด
รวมทั้งดึงงานที่ทับซ้อน ใน ทร. ตำรวจน้ำ ศุลกากร กรมเจ้าท่า มารวมกัน
ทร. จะได้ดูแลการป้องกันประเทศอย่างเดียว ลดภาระของ ทร. เอง
ภาวะสงคราม ค่อยนำหน่วยยามฝั่งมาขึ้นทางยุทธการกับ ทร.
คหสต... ในเมื่อ งป ไม่พอเพียงที่จะจัดหาเรือขนาดใหญ่ (ทั้งงบจัดซื้อ ซ่อมบำรุง ปฏิบัติการ ) แต่ภัยคุกคามยังคงมีอยู่ และมีแนวโน้มที่จะซับซ้อนยิ่งขึ้น จากการปะติดปะต่อข่าวในช่วงที่ผ่านมา ผมว่า... ทร กำลัง ปั้นหลักนิยมในการรักษาอธิปไตยทางทะเลอยู่หรือเปล่า ??
1) การลาดตระเวณทางทะเล ให้เป็นหน้าที่หลักของเรือ ต และ OPV รวมทั้งการช่วยเหลือ/กู้ภัย
2) เรือฟริเกตุสมรรถนะสูง หยุดไว้ที่ 2-3 ลำ... เพื่อสงวน งป ไว้เปลี่ยนผ่านสู่หลักนิยมใหม่
3) เสริมการลาดตระเวณทางอากาศโดย EriEye อยากให้เพิ่มซัก 2 เครื่อง ทำหน้าที่เฉพาะทางทะเล
4) เครือข่าย จรวดนำวิถีอัตราจรสำหรับป้องกันชายฝั่ง ระยะยิงหวังผลซัก 150-200 กม.. แทนที่การยิงจากเรือที่มีค่าใช้จ่ายสูงในการปฏิบัติการ
5) เรือดำน้ำ ใจอยากใด้ ขนาดเล็ก (ประมาณ U260 ) ซัก 4-6 ลำ ขนาดกลาง (1400 ตัน) ซัก 2-3 ลำ
1-2 นั่นผมว่า ทร. กำลังดำเนินการอยู่แล้ว
3 ก็มีความคืบหน้า แต่เรื่องความเพียงพอ นั้นไม่แน่ใจ
4 เหมือนกำลังดูๆ อยู่
5) อันนี้ลุ้นยาว
1) การลาดตระเวณทางทะเล ให้เป็นหน้าที่หลักของเรือ ต และ OPV รวมทั้งการช่วยเหลือ/กู้ภัย
- เรือ OPV เรายังมีไม่เพียงพอ ก็คงต้องจัดหากันต่อไป ปัญหาคือความล่าช้ากว่าจะสร้างเองเสร็จทีล่ะลำนานโขเลย
2) เรือฟริเกตุสมรรถนะสูง หยุดไว้ที่ 2-3 ลำ... เพื่อสงวน งป ไว้เปลี่ยนผ่านสู่หลักนิยมใหม่
- เราก็มีเรือฟริเกตชั้นนเรศวร 2 ลำ และ DSME 2 ลำ = 4 ลำ
3) เสริมการลาดตระเวณทางอากาศโดย EriEye อยากให้เพิ่มซัก 2 เครื่อง ทำหน้าที่เฉพาะทางทะเล
- เครื่องบินลาดตระเวณทางทะเลไม่ใช่ EriEye (ที่ใช้เตือนภัยทางอากาศ) อย่างแน่นอน อย่างดีเยี่ยมก็ CN-325 MPA ราคาก็ต่างกันมากโขอยู่
4) เครือข่าย จรวดนำวิถีอัตราจรสำหรับป้องกันชายฝั่ง ระยะยิงหวังผลซัก 150-200 กม.. แทนที่การยิงจากเรือที่มีค่าใช้จ่ายสูงในการปฏิบัติการ
- จรวดที่มีระยะยิงเกินเส้นขอบฟ้าก็ต้องมีอะไรมาช่วยนำวิถีต่อแล้วล่ะครับ อย่างฮาร์พูนของเราตอนนี้ใช้เฮลิคอปเตอร์ช่วยชี้เป้าให้เลย จะไปพึ่งดาวเทียมทางทหารของเราก็ยังไม่เจ๋งปานนั้น
5) เรือดำน้ำ ใจอยากใด้ ขนาดเล็ก (ประมาณ U260 ) ซัก 4-6 ลำ ขนาดกลาง (1400 ตัน) ซัก 2-3 ลำ
- จีนนอนมา 2500ตัน ถ้าไม่ได้ก็คือไม่ได้
ขอบคุณท่าน Superboy ที่ชี้แจงเป็นจุดๆไป ครับ... ผมว่าแนวทางนี้ก็น่าจะเหมาะสมในการป้องปรามนะครับ... นี่คือแบบคนบ้านๆอย่างผมมองไปแล้วพยายามทำความเข้าใจว่า ทร.มีแนวทางอย่างไร ถ้าทั้งหมดตามข้างบนนั้นมันครบทุกองค์ประกอบ และจำนวน ผมว่าใช้ใด้ดีเลยทีเดียว และน่าจะประหยัด งป ในการปฏิบัติการไปใด้เยอะ (ยกเว้นเรื่องเรือดำน้ำ)
ของทร.ล่าสุดเห็นเพิ่งวางกระดูกงูเรือลากจูงลำใหม่จากอิตัลไทยครับ (ว่าจะมาถามนี่ล่ะครับว่าท่านsuperboyวาดพวกเรือtugบ้างไหม)
ช่วงนี้งานยุ่งครับไม่มีแผนวาดเรือซักลำเลย เชิญท่านภูก่อนโลด เรือหลวงมาตรากับเรือหลวงพฤหัสก็วาดค้างไว้แค่จึ๋งเดียว
ลำถัดไปอาจจะเป็น MEKO® A-400 นะ มีทุกอย่างหมดแล้วยกเว้นกำลังใจ แฮร่!