|
|||
10 สิงหาคม 2558 18:03 น. (แก้ไขล่าสุด 10 สิงหาคม 2558 22:08 น.) |
ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ยูเครนเร่งซ่อมแซมรถถังที่ถูกทิ้งไว้นาน 30 ปีตั้งแต่ยุคสงครามเย็น เพื่อนำกลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง หลังจากกองทัพสูญเสียรถถังไปจำนวนมาก ในสงครามกับฝ่ายกบฏแยกดินแดนที่มีรัสเซียหนุนหลัง ทางภาคตะวันออกของประเทศ ในช่วงข้ามเดือนมานี้โรงงานมาลีเชฟ (Malyshev Plant) ที่เมืองคาร์คิฟ (Karkiv) ได้นำรถถังเก่าสนิมเขรอะหลายสิบคัน ออกไปจากบริเวณที่เรียกกันว่า "ป่าช้ารถถัง" ที่อยู่ในเมืองเดียวกัน เพื่อฟื้นชีพกลับคืนมา ส่วนใหญ่ในนั้นเป็น T-64B ซึ่งแม้จะเก่าแต่ก็หาอะไหล่ได้ไม่ยาก เนื่องจากที่นี่เป็นแหล่งผลิตใหญ่ที่สุด และปัจจุบันกองทัพยูเครนยังคงใช้ T-64 เป็นรถถังหลัก รวมทั้ง T-64 Bulat ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุด ที่เริ่มพัฒนาไม่กี่ปีมานี้ ในขณะที่กำลังเร่งผลิต T-84 "โอปล็อต" เพื่อนำเข้าประจำการอีกจำนวนหนึ่ง โรงงานมาลีเชฟแห่งนี้ เป็นแห่งเดียวกันกับที่ผลิตรถถังหลัก T-84 Oplot-M ให้แก่กองทัพบกไทย ตามรายงานของสื่อทางการ ยูเครนซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้ข้อสรุปว่า การฟื้นฟูรถถังหลากหลายรุ่น ที่จอดอยู่ในป่าช้ารถถัง มาตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต ที่มีอยู่กว่า 400 คัน นำกลับไปใช้การใหม่นั้นเป็นการทางเลือกที่ไม่คุ้ม แต่แล้วก็พบความจริงว่า ยังมีชิ้นส่วนอีกมากมายที่ยังไม่ได้ใช้ แม้ว่าเกือบทั้งหมดจะไม่เคยถูกเคลื่อนย้ายออกจากโกดังเลยในช่วง 30 ปีมานี้ ซึ่งทำให้จะต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนย่อยที่เป็นยางทั้งหมด ยังมีชิ้นส่วนอีกจำนวนมากที่ยังมีสภาพดี เก็บไปจากรถถัง T-64 รุ่นใหม่ๆ ที่ได้รับความเสียหายในการสู้รบทางภาคตะวันออกของประเทศ ปัจจุบันคนงานราว 180 คน ที่โรงงานมาลีเชฟ ทำงานกันเต็มกำลัง รถถังที่นำออกไปจากป่าช้าจะต้องเข้าสู่กระบวนการ "งานตัวถัง" ใหม่ ตรวจสอบและซ่อมแซมจุดเชื่อมต่อทั้งหมด ติดเครื่องยนต์ดีเซลยุคใหม่ขนาด 850 แรงม้า ก่อนจะติดตั้งป้อมปืนใหม่ พร้อมกับปืนใหญ่ลำกล้องเกลี้ยง (Smooth-Bore) ขนาด 125 มม. ป้อนกระสุนอัตโนมัติ ติดตั้งระบบอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ ทำไวริ่งใหม่รอบคัน T-64 จากป่าช้าจำนวนหนึ่งจะหุ้มเกราะ ERA ยุคใหม่ และ แน่นอน.. ทุกคันทำสีใหม่จนดูเป็นของใหม่เอี่ยม ราวกับแล่นออกจากโรงงานครั้งแรก รายงานที่ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการระบุว่า พร้อมๆ กับเร่งผลิต T-84 "Oplot" โรงงานมาลีเชฟ จะต้องนำรถถัง T-64 รุ่นต่างๆ อีกนับ 100 คันที่กองทัพใช้อยู่ในปัจจุบันเข้าอัปเกรด รวมทั้ง T-80 อีกจำนวนหนึ่งด้วย การฟื้นฟูรถถังเก่าและอัปเกรดรถถังใหม่ ไม่เพียงแต่ด้วยเหตุผลด้านสงครามกบฏแยกดินแดนเท่านั้น หากยังเป็นการสร้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจ หล่อเลี้ยงชีวิตอุตสาหกรรมกลาโหมของประเทศ ลดพึ่งพาการส่งออก ในสภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซา "ป่าช้ารถถัง" แห่งเมืองคาร์คิฟ เคยเป็นโรงงานซ่อมยานเกราะทันสมัย รถที่จอดอยู่ในนั้นมานาน 30 ปีส่วนใหญ่รอคิวซ่อม แต่ยังไม่มีโอกาสได้ซ่อม อีกจำนวนเท่าๆ กันนำไปจากค่ายทหารในอาณาบริเวณเดียวกันหลังยุคโซเวียตล่ม ซึ่งรายงานใน "ล็อกบุ๊ค" หรือ บันทึกการซ่อมแซมของโรงงานแห่งนี้ระบุว่า เมื่อตอนนำเข้าไปจอดเก็บนั้น T-64 จำนวนมาก มีสภาพที่ยังสามารถใช้การได้ ไม่ต้องการการซ่อมแซมส่วนใด . . . ในบริเวณโรงงานที่กลายเป็นป่าช้ารถถังปัจจุบัน ส่วนหนึ่งเคยเป็นโรงเรือน ที่ใช้เป็น "โรงเก็บชั่วคราว" เคยมีร่มเงากันแดดและฝน แต่หลายปีมานี้หลังคาได้หลุดหายไป เนื่องจากขาดงบประมาณ ไม่ได้รับการดูแล ยูเครนเป็นแหล่งพัฒนา T-64 ขึ้นมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้ในกองทัพสหภาพโซเวียตโดยเฉพาะ ไม่มีการส่งออก ตัวเลขของ UkrOboronProm ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมอาวุธของประเทศบ่งว่า โรงงานมาลีเชฟผลิต T-64 รุ่นต่างๆ ออกมาราว 6,000 คัน อีกจำนวนหนึ่งผลิตจากโรงงานในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย ส่วนใหญ่ทำออกมาในช่วงปี ค.ศ.1961-1975 หลังโซเวียตล่มสลาย กองทัพบกยูเครน ได้รับ T-64 รุ่นต่างๆ ตกทอดมากว่า 2,000 คัน อีกประมาณ 2,000 คัน ตกทอดไปสู่กองทัพรัสเซีย จำนวนที่เหลือกระจายอยู่ในคาซักสถาน กับ อุซเบกิสถาน อีกจำนวนหนึ่งตกค้างอยู่ใน "สาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมนี" หรือ "เยอรมนีตะวันออก" เมื่อก่อน ยูเครนในปัจจุบันยังพัฒนา T-64 ต่อมาอีกหลายเวอร์ชั่น และ ในปี 2553 โรงงานมาลีเชฟได้ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 850 แรงม้า ให้ T-64 รุ่นหนึ่ง พร้อมติดระบบเกราะป้องกันแบบใหม่ทั้งคัน กลายเป็น Bulat ซึ่งเป็น T-64 รุ่นล่าสุดในขณะนี้ ก่อนหน้านี้ยังพัฒนาออกมาอีกรุ่นหนึ่ง ติดเครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์ขนาด 1,000 แรงม้า ถึงแม้จะยังใช้ป้อมปืนแบบเดียวกับ T-64B แต่ก็เรียกใหม่เป็น T-80 แต่ทำออกมาได้ไม่มาก โซเวียตก็ถึงกาลล่มสลายก่อน ยูเครนยังพัฒนา T-80UD ออกมาเป็น T-84 ซึ่งติดเครื่องยนต์ทรงพลัง 1,200 แรงม้า ในรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับ T-90 ของรัสเซียมากที่สุด ทำออกมาได้ไม่มากเนื่องจากปัญหาด้านเงินทุน แต่ก็ยังพัฒนาต่อมาอีกเป็น T-84 "โอปล็อต" ที่ทันสมัยยิ่งกว่า และ เป็น "โอปล็อต-M" สำหรับกองทัพบกไทย ซึ่งทั้งสองรุ่นใหม่ได้กลายเป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อของ T-90 โดยปริยาย ใน "สงครามเชเชน" หรือ สงครามเพื่อเอกราชของแคว้นเช็กเนีย (Chechnya) เมื่อหลายปีก่อนโน้น รัสเซียยังคงใช้ T-64M เป็นกำลังหลัก แต่เข้าใจกันว่า ขณะนี้ได้ปลด T-64 ไปเป็นกำลังสำรองจนเกือบทั้งหมดแล้ว อีกจำนวนหนึ่งส่งขายให้แก่หลายประเทศในแอฟริกา ซึ่ง T-64 เข้าไปมีบทบาทสำคัญในความขัดแย้งในยุคใหม่หลายครั้ง นำเข้าประจำการครั้งแรกในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษที่ 1960 T-64 รุ่นแรกสุดยังติดปืนใหญ่ 115 มม. แต่ได้ชื่อเป็นรถถังหลักทันสมัยที่สุดของโลก อีกไม่กี่ปีต่อมาโรงงานมาลีเชฟได้พัฒนา T-64A ออกมา โดยติดปืนใหญ่ 125 มม. ลำกล้องเกลี้ยงเป็นครั้งแรก และ ทำออกมาอีกหลายเวอร์ชั่น อัปเกรดทั้งระบบอีเล็กทรอนิกส์ ระบบอาวุธ และ ระบบป้องกัน จนกลายเป็นเขี้ยวเล็บอันน่าเกรงขามมากที่สุด ประจำหน่วยรบชั้นเยี่ยมที่สุดของโซเวียต. |
ยังเก๋านะ
โมดิฟาย
หรา... คงไม่ได้เอาไปขายใครนะ....
เอามาย้อมแมวเป็น oplot แล้วส่งให้ไทยในจำนวนที่เหลือ ฮาาๆ
ผมว่าก็ไม่ใช่ข่าวใหม่นะ เพราะยูเครนก็ทำแบบนี้มานานแล้ว ไม่ได้ปิดบังอะไร เพราะ t-64 bulat ถือว่าระบบควบคุมการยิงต่างๆใกล้เคียงกับ t 84 แต่ถูกกว่าเยอะ
สุดยอดเลยครับ ยูเครนเขามี คน ความรู้ เอาของที่ทิ้งๆ เก่าๆ มาปรับปรุงใช้ใหม่ได้ โรงงานก็ไม่ดูไฮเทคมาก เราจะเรียนรู้อะไรจากเขาได้บ้างไหมครับ
......ผ่านเครื่อง...."ยิงทราย"........ออกมาแล้ว ก็ดูไม่ออกออกหรอกครับ ว่าเป็นของเก่า...หรือของใหม่
ถ้าเป็นผม....ผมไม่มานั่งเชื่อม "ตัวถัง" ใหม่ หรอกครับ....ของเก่า ง่ายกว่า ประหยัดกว่า เร็วกว่า
เหล็กเก่าเหล็กใหม่...ไม่มีใครดูออก ครับ (มีเป็นพันๆ คัน ไม่เอามาใช้..นี่ไม่เรียกว่า...ไม่ฉลาด...ก็เรียกว่าไร้เหตุผลมาก)
จะทำขาย หรือทำใช้เอง....ก็แบบเดียวกัน..แหละ..ครับท่าน
เหล็กไม่มีวันหมดอายุ ถ้ายังไม่มีขุมสนิม ถ้าเกิดสนิมเป็นขุมแล้วก็ใช้ไม่ได้
"เหล็กผสม" มันไม่ค่อยเกิดสนิม เป็นขุมสนิมเสียด้วยซิ ครับ
อย่างของจีนเป็น ขุมสนิมชัดเจน แต่ถ้าจะเอากลับมาใช้ใหม่จริงๆ
เพราะความจำเป็นก็ใช้ได้ "แม้มีสนิมเป็นขุมลึก" ถ้าไม่ได้เอาไป "ทำขาย"
แลดูงานจะล้นมือนะ แบบนี้รถถังเราชาตินี้จะเสร็จมั้ย
โรงงานมีคนงาน 180-200 คน ตอนเกิดสงครามแล้ว (งานเต็มมือ)
ก่อนเกิดสงครามมีคนงานเท่าไร ? ไม่รู้
รู้แต่เวลา 2 ปี ทำรถถัง 50 คันไม่ทัน (งานไม่เสร็จทั้งที่ควรปิด Job ไปได้แล้ว)
แสดงว่าก่อนหน้านั้น "โรงานผลิตแบบไม่มีแรงจูงใจ" ซักเท่าไหร่
คงจะขายรถถังออกไปได้แบบไม่ได้ราคา ซักเท่าไหร่ ? แรงจูงใจจึงไม่มี
ถ้ามีกำไรมากจริงๆ คงเพิ่มคนงาน ตั้งหน้าตั้งตาผลิตแบบ "ตาตั้ง" มาตั้งนานแล้ว ละครับ
คนซื้อก็....ไม่ว่าไร.........อดทนรอ...........แบบ "ตั้งตารอ"........กันต่อไป
ของถูกหาที่ไหน...ไม่ได้อีกแล้ว......
(หรอกตัวเอง....หรือเปล่า) ไม่รู้ (แต่ยังมีความหวังอยู่...นะ)
ระบบการค้าแบบเสรี และซับซ้อน จนหาผู้รับรับผิดชอบตัวจริงไม่ได้ (ซับซ้อนมาก)
ต้องเข้าใจกันนะ ว่า Oplot มันเป็นสินค้าโอท็อป ของทางยูเครน ไอ้ที่บอกว่าก่อนนี้ช่วงที่ยังไม่มีสงครามทำไมงานถึงไม่ล้นมือ นั้นก็เพราะว่าสภาพการเงินของบริษัทมันย่ำแย่ไม่ค่อยได้รับเงินอุดหนุนจากกลาโหมยูเครน เพราะสภาพเศรษฐกิจอันตกต่ำของยูเครน
คนงานมันเลยอู่งาน แถมฝ่ายไทยก็จ่ายเงินให้เป็นงวดๆตามสัญญา ไม่ได้จ่ายให้ทีเดียว(ประมานว่าฝ่ายไทยเราก็ไม่ได้ไว้ใจซักเท่าไรหรอก)
แต่พอถูกรัสเซียเข้าแทรงแซงและสนับสนุนฝ่ายกบฏ รัฐบาลเฉพาะกาลของยูเครนได้รับเงินช่วยเหลือจากทางอียู เลยมีงบจ้างคนงานในโรงงานให้ผลิตรถถังป้อนให้กองทัพยูเครน
รองอธิบดี Ukroboronprom กล่าวถึง Oplot ยืนยันยังไงก้ต้องผลิต
ถึงแม้ยูเครน จะไม่มีปัญญาซื้อ ถ. ดังกล่าว
แต่ทั้งนี้การผลิต Oplot ตามวงเงิน เงินไม่มา เค้าก้ยังไม่ผลิตให้
(มีข่าว เราจ่ายเค้าเป็นงวดๆ เค้าก็ผลิตให้เป็นงวดๆ)
(แล้วให้เหตุผลว่า ขาย Oplot ให้ไทย เอามาซ่อม T-64 ได้จำนวนมากกว่า เร็วกว่า)