บทความนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลอาวุธปืนที่ติดตั้งอยู่บนเรือรบของกองทัพเรือ โดยจำกัดอยู่แค่เพียงอาวุธปืนที่ยังประจำการอยู่และเป็นแบบติดตั้งตายตัวเท่านั้น ข้อมูลบางอย่างอาจคลาดเคลื่อนหรือไม่ชัดเจนไปบ้าง เช่นชื่อเรือที่ติดตั้งหรือจำนวนรวมทั้งหมด ผู้เขียนต้องขออภัยล่วงหน้า ข้อมูลส่วนใหญ่และชื่อเรียกอย่างเป็นทางการอ้างอิงจาก www.thaiarmedforce.com ขอบคุณมาณ.ที่นี้ด้วย
ปืนใหญ่เรือ
BAE Systems Mk.45 mod.2 ขนาด 127 มม./54 คาลิเบอร์ แท่นเดี่ยว
เป็นปืนใหญ่เรือขนาด5นิ้วที่ใหม่ที่สุดและทันสมัยที่สุดของราชนาวีไทย ติดตั้งอยู่บนเรือชั้นเรือหลวงนเรศวรจำนวน2ลำ2ระบบ มีความแม่นยำสุงใช้กระสุนมาตราฐานนาโต้ได้หลากหลายและได้รับความนิยมแพร่หลายมากติดตั้งอยู่บนเรือหลายนานาชาติ สามารถตีต่อเป้าหมายได้ไกลสุด24.1กิโลเมตรโดยมีอัตรายิงสุงสุด20นัดต่อนาที ตามแผนการปรับปรุงเรือชั้นเรือหลวงนเรศวร ปืนรุ่นนี้จะได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยมากขึ้นมีอัตรายิงสุงขึ้น ทว่าเรือยังอยู่ในระหว่างปรับปรุงจึงยังไม่นับว่าเป็นข้อมูลอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
BAE Systems Mk.42 mod.9 ขนาด 127 มม./54 คาลิเบอร์ แท่นเดี่ยว
เป็นระบบปืนใหญ่ที่ถือกำเนิดมาเพื่อเป็นที่หนึ่งอย่างแท้จริง เริ่มเข้าประจำการในช่วงสงครามเย็นที่มีการเผชิญหน้ากันระหว่างนาโต้กับวอร์ซอ จึงได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสุงมากมีขนาดใหญ่น้ำหนักมากอัตรายิงสุงมากและมีราคาต่อหน่วยสุงตามไปด้วย อาวุธปืนที่เริ่มเข้าประจำการในปี1953สามารถยิงได้ถึง40นัดต่อนาทีในโหมอัตโนมัติ แม้ในภายหลังจะปรับลดเหลือเพียงแค่28นัดต่อนาทีแต่ยังถือเป็นปืนใหญ่เรือขนาดมากกว่า3นิ้วที่ยิงได้เร็วที่สุดของกองทัพเรือไทย มีประจำการอยู่บนเรือฟริเกตปราบเรือดำน้ำชั้นKnoxจำนวน2ลำด้วยกัน ทว่าเรือหลวงพุทธเลิศหล้านภาลัยปลดประจำการไปแล้ว จึงนับว่าเหลือประจำการอยู่จริงแค่เพียง1ระบบเท่านั้น ความเห็นส่วนตัวผู้เขียนชอบมากเพราะถูกออกแบบให้ใช้งานบนเรือบรรทุกเครื่องบินด้วย ได้รับความนิยมสุงมากเช่นกันติดบนเรือพิฆาตทุกลำของอเมริกาในช่วงสงครามเย็นกำลังระอุ
BAE Systems Mk.8 mod.0 ขนาด 114 มม./55 คาลิเบอร์ แท่นเดี่ยว
เป็นปืนใหญ่เรืออเนกประสงค์แนวคิดใหม่ของอังกฤษในยุค1970 ฉีกรูปแบบเดิมที่ปืนรุ่นเก่าทั้งใหญ่โตทั้งเทอะทะและต้องใช้พื้นที่มหาศาล ภายหลังได้มีการปรับปรุงป้อมปืนให้มีความทันสมัยมากขึ้นลดการตรวจจับด้วยเรดาร์ ลำกล้องปืนขนาด4.5นิ้วสามารถตีต่อเป้าหมายได้ไกลสุด22กิโลเมตร ด้วยอัตรายิง25นัดต่อนาที เป็นอาวุธปืนหลักของเรือฟริเกตและเรือพิฆาตราชนาวิอังกฤษทุกลำยกเว้นแค่เพียงเรือฟริเกตType22รุ่นแรกๆ กองทัพเรือไทยมีใช้งานอยู่เรือหลวงกุฎราชกุมารจำนวน2ระบบ เคยมีข่าวว่าปืนกระบอกท้ายเรือชำรุดแต่ผู้เขียนไม่ทราบข้อเท็จจริง
PLA Navy Type 79 ขนาด 100 มม./56 คาลิเบอร์ แท่นคู่
นี่คือปืนใหญ่เรือที่จีนพัฒนาขึ้นมาเองจนเป็นผลสำเร็จ และเข้าประจำการแทนปืนใหญ่รุ่นเก่าที่ล้าสมัยแล้วของรัสเซียในช่วง1970 ป้อมปืนแฝดขนาดใหญ่ใช้เรดาร์ควบคุมการยิงโดยสมบรูณ์แบบ มีระบบสำรองบังคับด้วยมือสามารถยิงได้ทั้งเป้าหมายบนอากาศและภาคพื้นดิน อัตรายิง25นัดต่อนาทียิงได้ไกลสุด22.5กิโลเมตรด้วยกระสุนHE กองทัพเรือไทยมีใช้งานอยู่บนเรือชั้นเรือหลวงบางประกงจำนวน2ลำ4ระบบ8กระบอก ก่อนหน้านี้เรือชั้นเรือหลวงกระบุรีทั้ง2ลำก็มีเช่นกันแต่โดนถอดออกแล้ว
PLA Navy NG12-2 PJ-33A ขนาด 100 มม./56 คาลิเบอร์ แท่นคู่
เป็นรุ่นปรับปรุงใหม่ของปืนรุ่น Type 79 ภายนอกเปลี่ยนป้อมปืนมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีรูปทรงลดการตรวจจับจากเรดาร์ ป้อมปืนทำงานได้ดีขึ้นเร็วขึ้นและใช้ระบบอัตโนมัติมากขึ้น ควบคุมด้วยเรดาร์ควบคุมการยิงแบบใหม่ขนาดกระทัดลงประสิทธิภาพโดยรวมของปืนน่าจะดีกว่าเดิมไม่มากก็น้อย กองทัพเรือจีนมีแผนจะนำมาทดแทนปืนType 79 รุ่นเก่าๆทั้งหมด แต่ท้ายที่สุดก็ยกเลิกแล้วหันไปพัฒนาปืนรุ่นใหม่ต่อไป กองทัพเรือไทยมีประจำการอยู่บนเรือชั้นเรือหลวงกระบุรีทั้ง2ลำ2ระบบ4กระบอก
OTO Melara ขนาด 76 มม./62 คาลิเบอร์ แท่นเดี่ยว
เป็นปืนใหญ่เรือที่ได้รับความนิยมสุงมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ ตั้งแต่เริ่มเข้าประจำการกับอิตาลีในปี1964จนถึงปัจจุบันยังมีคำสั่งซื้อไม่ขาดสาย ป้อมปืนมีขนาดกระทัดรัดน้ำหนักน้อยใช้พื้นที่ด้านใต้ดาดฟ้าไม่มากนัก จึงสามารถติดตั้งได้กับเรือตรวจการณ์ที่มีขนาดเล็กไปจนถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน มีการพัฒนาตัวปืนให้ทันสมัยตลอดเวลา ปืนรุ่นใหม่ล่าสุดสามารถยิงกระสุนVulcanoได้ไกลสุดถึง40กม.และควบคุมด้วยคลื่นวิทยุจนกระสนุวิ่งกระทบเป้าหมาย กองทัพเรือไทยใช้งานปืนรุ่นนี้เป็นจำนวนมากโดยแบ่งออกเป็น3รุ่นด้วยกัน
-Compact มีอัตรายิงสุงสุด80นัดต่อนาที ประจำการอยู่บนเรือรบจำนวนมาก เช่น เรือชั้นเรือหลวงตาปีจำนวน2ลำ เรือชั้นเรือหลวงสัตหีบจำนวน3ลำ เรือชั้นเรือหลวงบุรีจำนวน3ลำ6ระบบ เป็นต้น
-Rapid Fire มีอัตรายิงสุงสุด100นัดต่อนาที ประจำการอยู่บนเรือชั้นเรือหลวงรัตนโกสินท์จำนวน2ลำ
-Super Rapid Fire มีอัตรายิงสุงสุด 120นัดต่อนาที ประจำการอยู่บนเรือหลวงอ่างทองและเรือชั้นเรือหลวงปัตตานีจำนวน2ลำ ด้วยอัตรายิงที่สุงกองทัพเรืออิตาลีจึงใช้เป็นระบบป้องกันระยะประชิดประจำเรือรบรุ่นใหม่ๆ
US Navy Mk.22 mod.0 ขนาด 76 มม./50 คาลิเบอร์ แท่นเดี่ยว
ปืนใหญ่ที่มืชื่อเสียงมากที่สุดกระบอกหนึ่งของอเมริกา เป็นปืนที่ใช้ยิงมากที่สุดในสงครามเกาหลี ซึ่งเป็นสมรภูมิท้ายสุดที่มีการยิงถล่มชายฝั่งด้วยกองเรือรบจำนวนมาก มีใช้งานอย่างแพร่หลายในหลายสิบประเทศ ถือเป็นปืนหลักที่ฝั่งนาโต้ใช้ยันการคุกคามจากระบบคอมมิวนิสต์ก็ว่าได้ ประเทศไทยเริ่มมีการใช้งานหลังสงครมโลกครั้งที่2โดยนำมาประจำการแทนแทนระบบปืน Bofors 75/51รวมทั้งปืนขนาด3นิ้วและ4นิ้วของอังกฤษที่ล้าสมัยเกินไปและขาดแคลนกระสุนปืน ปัจจุบันยังคงประจำการอยู่บนเรือชั้นเรือหลวงหัวหินจำนวน3ลำ เรือชั้นเรือหลวงสัตหีบจำนวน3ลำ และเรือหลวงปิ่นเกล้าอีก3ระบบ
Bofors Mk.1 ขนาด 57 มม./70 คาลิเบอร์ แท่นเดี่ยว
ระบบปืนอเนกประสงค์จากสวีเดนเริ่มเข้าประจำการในปี1966 ได้รับความนิยมสุงพอสมควรจนถึงปี2000จึงค่อนข้างซาลง เป็นปืนใหญ่เรือที่มีอัตรายิงเร็วที่สุดในโลกนั่นคือสามารถยิงได้ถึง200นัดต่อนาทีในรุ่นMK.1และเพิ่มเป็น220นัดต่อนาทีในรุ่นถัดไป จึงมีความสามารถในการตีต่อเป้าหมายบนอากาศได้เป็นอย่างดี ปืนรุ่นMk.1ประจำการอยู่บนเรือชั้นเรือหลวงปราบปรปักษ์จำนวน3ลำ ไม่มีแนวโน้มที่จะจัดหาเพิ่มเติมแต่อย่างใด
-------------------------------------------------------
ปืนใหญ่กล
Bofors M3 ขนาด 40 มม./60 คาลิเบอร์ แท่นเดี่ยว
นี่คือปืนต่อสู้อากาศยานรุ่นมาตราฐานของกองทัพเรือไทยในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่2 ได้รับการสั่งซื้อจำนวนมากเพื่อใช้งานแทนที่ปืนกล40/40แท่นคู่ของญี่ปุ่น รวมทั้งปืน76/40รุ่นเก่าของอังกฤษ พัฒนามาจากปืนต่อสู้อากาศยานประจำภาคพื้นดิน นับเป็นปืนกล40มม.ที่มียอดผลิตสุงสุดและยิงกระสุนจริงมากที่สุดในโลก ประสบความสำเร็จทั้งยอดขายและผลงานที่ออกสนามรบได้ทุกทวีปและทุกสมรภูมิ กองทัพเรือไทยใช้งานปืนรุ่นนี้มาอย่างยาวนาน จนถึงปัจจุบันก็ยังคงมีประจำการอยู่บนเรือรบหลายลำ อาทิเช่น เรือหลวงจันทร เรือหลวงถลาง เรือชั้นเรือต.91จำนวน8ลำ เรือชั้นเรือหลวงหัวหินจำนวน3ลำ เรือชั้นเรือหลวงสัตหีบจำนวน3ลำ เป็นต้น
US Navy Mk.1 mod.2 ขนาด 40 มม./56 คาลิเบอร์ แท่นคู่
ปืนต่อสู้อากาศยานของกองทัพเรืออเมริกาในช่วงสงครามโบกครั้งที่2 โดยการนำปืนBofors 40/60แท่นคู่มาใช้งานร่วมกับเรดารควบคุมการยิงอันทันสมัย แม้ระบบควบคุมการยิงจะถูกจำหน่ายไปแล้วแต่ระบบปืนยังสามารถควบคุมและทำการยิงได้ด้วยระบบแมนนวล ปัจจุบันมีใช้งานอยู่บนเรือหลวงปิ่นเกล้าจำนวน3ระบบ
Breda/Bofors Type 107 ขนาด 40 มม./70 คาลิเบอร์ แท่นเดี่ยว
40/70 คือปืนต่อสู้อากาศยานรุ่นถัดไปของBofors โดยนำปืน40/60ที่มีชื่อเสียงมาปรับปรุงใหม่ให้ทันสมัยมากขึ้น ลำกล้องยาวมากกว่าเดิมแท่นปืนมีขนาดเล็กลงนิดหน่อย กองทัพเรือไทยเริ่มซื้อเข้าประจำการในช่วงปี1980 โดยรุ่นType 107 เป็นรุ่นป้อมปืนเปิดโล่ง มีอยู่บนเรือชั้นเรือหลวงตาปีจำนวน2ลำ
Breda/Bofors Type 564 ขนาด 40 มม./70 คาลิเบอร์ แท่นเดี่ยว
Type 564 คือรุ่นที่มีป้อมปืนชนิดเต็มตัว โดยการนำรุ่นType 107มาปรับปรุงเพิ่มเติมจึงมีคุณสมบัติอื่นๆคล้ายคลึงกัน มีประจำการอยู่บนเรือชั้นเรือหลวงราชฤทธิ์จำนวน3ลำ เรือชั้นปราบปรปักษ์จำนวน3ลำ เรือชั้นเรือหลวงสัตหับจำนวน3ลำ เรือชั้นเรือหลวงสีชังจำนวน2ลำ และเรือต.99
Breda Twin Compact ขนาด 40 มม./70 คาลิเบอร์ แท่นคู่
ระบบปินที่ได้รับความนิยมสุงมากระหว่างปี1980-2000 อาจกล่าวได้ว่าเป็นระบบอาวุธป้องกันตัวระยะประชิดที่ดีมากเป็นอันต้นๆในยุคนั้น(แม้จะต้องใช้คนควบคุมการยิงก็ตาม) สินค้าจากอิตาลีมีน้ำหนักเบาขนาดป้อมปืนไม่ใหญ่นัก ใช้เรดาร์ควบคุมการยิงจากค่ายตะวันตกได้เกือบทุกแบบและมีอัตราการยิงสุงถึง736นัดต่อนาที เป็นปืนต่อสู้อากาศยานขนาด40/70ที่พัฒนาการมาได้ไกลมากที่สุด แม้ปัจจุบันจะมีรุ่นใหม่ที่ทันสมัยมากขึ้นแต่เสี่อมความนิยมลงไปชนิดน่าใจหาย ราชนาวีไทยมีประจำการ6ระบบ บนเรือหลวงมกุฎราชกุมาร เรือชั้นเรือหลวงรัตนโกสินทร์จำนวน2ลำ และเรือชั้นเรือหลวงชลบุรีจำนวน3ลำ
PLA Navy Type 76 ขนาด 37 มม./63 คาลิเบอร์ แท่นคู่
ปืนต่อสู้อากาศยานจากประเทศจีนแต่เป็นสินค้าคุณภาพสุงของโซเวียต จึงมีความมั่นใจในเรื่องประสิทธิภาพความแข็งแรงทนทานและความน่าเชื่อถือในการใช้งานจริง อำนาจการยิงของปืนรุ่นนี้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าปืนรุ่นอื่นที่มีขนาดลำกล้อง20-40มม. ป้อมปืนสามารถควบคุมด้วยรีโมทใช้เรดาร์ควบคุมการยิงได้หรือยิงแบบแมนนวลก็ได้ มีประจำการอยู่บนเรือชั้นเรือหลวงบางปะกงจำนวน2ลำ8ระบบ16กระบอก ก่อนหน้านี้เคยมีประจำการอยู่บนเรือชั้นเรือหลวงกระบุรีด้วยแต่ถูกแทนที่ด้วยรุ่นType 76A ไม่ทราบสถานะปัจจุบันของปืนที่ถูกถอดออก
PLA Navy Type 76A ขนาด 37 มม./63 คาลิเบอร์ แท่นคู่
เป็นการนำปืนรุ่นType 76มาปรับปรุงใหญ่ เปลี่ยนป้อมปืนใหม่ให้ทันสมัยขึ้นควบคุมโดยอัตโนมัติอย่างสมบรูณ์แบบ ใช้เรดาร์ควบคุมการยิงรุ่นใหม่ที่พัฒนามาจากอิตาลีโดยมีขนาดเล็กลงแต่จับเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น ประจำการอยู่บนเรือชั้นเรือหลวงกระบุรีจำนวน2ลำ8ระบบ16กระบอก ก่อนหน้านี้เคยมีประจำการอยู่บนเรือชั้นเรือหลวงนเรศวรด้วยแต่ปัจจุบันถูกถอดออกแล้ว ไม่ทราบสถานะและสภาพปัจจุบันของปืนที่ถูกถอดออก
Breda/Rheinmetall Mauser Mk.30 mod.F ขนาด 30 มม./82 คาลิเบอร์ แท่นคู่
เป็นระบบปืนที่มีชื่อเสียงมากกว่าข้อเท็จจริง นั่นก็คือสินค้าได้รับการสั่งซื้อน้อยมากเมื่อเทียบกับความน่าจะเป็น ทั้งนี้เนื่องมาจากได้ถือกำเนิดในช่วงที่ปืนขนาด40/70มม.กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย กระทั่งถึงปี2000เมื่อ40/70มม.เสื่อมความนิยมลง Mauser Mk.30ก็พ่ายแพ้ให้กับปืนต่อสู้อากาศยานขนาด20-30มม.รุ่นใหม่ๆอย่างราบคาบ สาเหตุเป็นเพราะล้าสมัยเกินไป มีขนาดใหญ่เทอะทะต้องใช้พื้นที่ใต้ดาดฟ้า รวมทั้งไม่สามารถติดตั้งอุปกรณ์ช่วยเล็งได้ กองทัพเรือไทยมีประจำการอยู่บนเรือชั้นเรือหลวงคำรณสินธุจำนวน3ลำ
MSI-DSL/Oerlikon DS-30B (LOCSIG) KCB ขนาด 30 มม./75 คาลิเบอร์ แท่นเดี่ยว
นี่คือระบบปืนกลอเนกประสงค์ขนาด30มม.ยุคใหม่ของราชนาวีอังกฤษ พัฒนาและปรับปรุงมาจาก Oerlikon 30 mm twin cannon ซึ่งเป็นปืนหลักของเรือฟริเกตชั้นType22รุ่นแรกๆ มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมมีความอเนกประสงค์มากขึ้น ใช้กระสุนรุ่นใหม่ของนาโต้ได้ทั้งหมดพร้อมอัตรายิงสุงถึง650นัดต่อนาที DS-30B ได้รับความนิยมจากอังกฤษและลูกค้าเก่าพอสมควร มีติดตั้งอยู่บนเรือชั้นเรือหลวงลาดหญ้าจำนวน2ลำ
MSI-DSL/Alliant Techsystems DS-30MR (REMSIG) Mk.44 ขนาด 30 มม. แท่นเดี่ยว
DS-30M คือระบบปืนกลเอนกประสงค์รุ่นใหม่อย่างแท้จริง พัฒนาต่อจาก DS-30B โดยมีความแตกต่างที่ด้านขวาของป้อมปืน ซึ่งDS-30Bจะมีที่นั่งของพลยิงติดตั้งอยู่แต่DS-30Mตัดออกเพราะเน้นการควบคุมด้วยรีโมท มีขนาดกระทัดรัดมากเมื่อเทียบกับปืน30มม.รุ่นเก่าๆ รองรับการยิงได้ทั้งแบบแมนนวลและรีโมท ใช้เรดาร์ควบคุมการยิงได้หลายแบบกระสุนพร้อมยิงมีจำนวนมากเพียงพอและถอดเปลี่ยนได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว เคยมีรุ่นติดตั้งจรวดต่อสู้อากาศยานขนาดเล็กเป็นออปชั่นเสริม แต่เป็นได้แค่อาวุธในอุดมคติคือมีคนนิยมชมชอบมากแต่ไม่มีคนซื้อ ปัจจุบันได้ปรับปรุงมาเป็นรุ่นติดจรวดเอนกประสงค์แทน ซึ่งก็ทำท่าจะไปได้สวย เพราะแนวโน้มการใช้งานจรวดเอนกประสงค์ขนาดเล็กบนเรือขนาดเล็กมีเพิ่มมากขึ้น
กองทัพเรือติดระบบปืนชนิดนี้บนเรือชั้นเรือต.991และ994จำนวน6ลำ เรือชั้นเรือหลวงนเรศวรจำนวน2ลำ เรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงกระบี่ และมีแนวโน้มจะติดตั้งเพิ่มเติมในเรือรบรุ่นใหม่ในอนาคต นอกจากกองทัพเรือไทยแล้ว DS-30M ยังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในอีกหลายประเทศ กองทัพเรือมาเลเซียนำไปใช้งานบนเรือตัวเองจำนวนมากเช่นกัน รวมทั้งเรือฟริเกตและเรือคอร์เวตรุ่นใหม่จำนวน12ลำ24ระบบในอนาคตใกล้ๆนี้ด้วย
Oerlikon Mk.4 ขนาด 20 มม./70 คาลิเบอร์ แท่นเดี่ยว
ปืนกลขนาด20มม.ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก เข้าร่วมทั้งสงครามโลกครั้งที่2กับสงครามเกาหลีและทำหน้าที่ตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีใช้งานในหลายสิบประเทศได้รับการผลิตออกมาเป็นปริมาณมหาศาล นอกจากนี้ยังมีรุ่นแท่นคู่ซึ่งก็ได้รับความนิยมไม่แตกต่างกัน สาเหตุก็เพราะตัวปินมีการออกแบบที่เรียบง่ายดูแลง่ายแต่มีประสิทธิภาพสุงและมีปัญหาการใช้งานน้อยมาก มีขนาดกระทัดรัดติดตั้งและถอดง่ายดายถือเป็นปืนเรือในตำนานกระบอกหนึ่ง
ราชนาวีไทยมีใช้งานทั้ง2ระบบโดยนำมาแทนที่ปืนกลแมดเสน20มม.ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่2 ปัจจุบันเหลือประจำการแค่เพียงรุ่นลำกล้องเดียวบนเรือช่วยรบหลายลำเช่น เรือหลวงจันทร เรือหลวงศุกร์ หรือเรือหลวงสุริยะ รวมทั้งเรือำตรวจน้ำอีกส่วนหนึ่งด้วย ยังมีอีกหลายประเทศที่ประจำการเจ้าคุณปู่Mk.4อยู่ กองทัพเรือโปรตุเกสยังคงใช้เป็นปืนรองบนเรือฟริเกตติดอาวุธนำวิถีรุ่นใหม่ของตัวเอง
Oerlikon GAM-BO1 ขนาด 20 มม./95 คาลิเบอร์ แท่นเดี่ยว
นี่คือปืนกล20มม.รุ่นใหม่รุ่นแรกๆของยุโรปตะวันตกหลังจากใช้งาน Oerlikon Mk.4 มาหลายสิบปี GAM-BO1เริ่มเข้าประจำการในช่วงปี1980และได้รับความนิยมทันที ขนาดลำกล้องปืนที่ยาวขึ้้นจึงยิงได้ไกลกว่าเดิมใช้กระสุนรุ่นใหม่ได้มีประสิทธิภาพสุงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงมีหลายสิบประเทศเร่งจัดหาเข้าประจำการ กองทัพเรือไทยได้ใช้งาน GAM-BO1 อย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน ปัจจุบันยังคงประจำการอยู่บนเรือจำนวนมาก เช่นชั้นเรือหลวงตาปีจำนวน2ลำ เรือชั้นเรือหลวงสัตหีบจำนวน6ลำ เรือชั้นเรือต.213จำนวน14ลำ เป็นต้น
Rheinmetall Mk.20 DM6 ขนาด 20 มม./85 คาลิเบอร์ แท่นเดี่ยว
ปืนกลขนาด20มม.ของ Rheinmetal เริ่มเข้าประจำการในปี1980พร้อมๆกับ Oerlikon GAM-BO1 โดยนำเอาปืนกลต่อสู้อากาศยานประจำภาคพื้นดินรุ่นใหม่มาปรับปรุงเพื่อใช้งานทางทะเล มีใช้งานอยู่ในหลายประเทศรวมทั้งประเทศผู้ผลิตคือเยอรมันที่ติดบนเรือรบเกือบทุกลำ กองทัพเรือไทยมีประจำการบนเรือหลวงจักรีนฤเบศจำนวน4ละบบ และเรือชั้นเรือหลวงรัตนโกสินทร์จำนวน2ลำ4ระบบ
Denel Land Systems GI-2 ขนาด 20 มม./93 คาลิเบอร์ แท่นเดี่ยว
นี่คือระบบปืนกลขนาด20มม.รุ่นใหม่ล่าสุดของกองทัพเรือไทย แอฟริกาใต้พัฒนาปรับปรุงมาจากปืนGIAT modèle F2ของฝรั่งเศส มีขนาดกระทัดรัดพร้อมกล่องกระสุนปืนอยู่หลังเกาะกำบังเล็กๆ อัตรายิง 750นัดต่อนาทีมากเพียงพอสำหรับเป้าหมายบนภาคพื้นและบนอากาศ เป็นปืนกล20มม.รุ่นมาตราฐานของกองทัพเรือไทยในปัจจุบันนี้ ด้วยราคาที่ไม่แพงมากประมาณระบบละ11ล้านบาทจึงสามารถจัดหาได้โดยง่าย เข้าประจำการอยู่บนเรือชั้นเรือต.111จำนวน3ลำ เรือชั้นเรือต.228จำนวน3ลำ เรือชั้นเรือหลวงปัตตานีจำนวน2ลำ เรือหลวงพฤหัสบดี เรือหลวงมาตรา มีแผนจะติดตั้งบนเรือรบและเรือช่วยรบรุ่นใหม่อีกเป็นจำนวนพอสมควร อินโดนีเซียเป็นอีกหนึ่งประเทศที่จัดหาไปใช้งานในปริมาณค่อนข้างสุง จึงนับเป็นระบบปืนที่ได้รับความนิยมมากชนิดหนึ่ง
---------------------------------------------------------------
ปืนกล
U.S. Ordnance M2HB ขนาด 12.7 มม. แท่นเดี่ยว
ปืนกลขนาด12.7มม.ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก พัฒนาต่อจากรุ่นเก่าที่ยังต้องใช้น้ำเป็นระบบหล่อความเย็น มีใช้งานมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่2 จนถึงปัจจุบันก็ยังคงใช้งานอยู่โดยไม่มีตัวแทนเสียที ปืนรุ่นนี้ถูกใช้งานกับอาวุธทุกชนิดที่มันสามารถติดตั้งได้ ไม่ว่าจะเป็นเรือลำเล็กไปจนถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน รถถัง ยานเกราะ รถกระบะ มอเตอร์ไซค์ ไปจนกระทั่งเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินขับไล่ กองทัพเรือไทยมีประจำการในเรือเกือบทุกลำ
OTO Melara/U.S. Ordnance Hitrole NT-M2HB ขนาด 12.7 มม. แท่นเดี่ยว
ปืนกล12.7มมรุ่นใหม่เอี่ยมจากอิตาลี ป้อมปืนมีขนาดเล็กมากควบคุมผ่านจอยสติ๊ก มีอุปกรณ์ควบคุมการยิงติดตั้งอยู่ด้านบน ปืนรุ่นนี้กับตลาดโลกได้รับความนิยมพอประมาณ เนื่องจากมีคู่แข่งเยอะทั้งขนาดลำกล้องเท่ากันและลำกล้องใหญ่กว่า ประสิทธิภาพดีไว้ใจได้ทำงานได้ทุกสภาพอากาศ แต่ราคาดูจะสุงไปพอสมควรเมื่อเทียบกับปืนกลM2ในตำนาน ราชนาวีไทยมีใช้งานบนเรือชั้นเรือต.994จำนวน3ลำ ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะจัดหาเพิ่มแต่ประการใด
U.S. Ordnance M60 ขนาด 7.62 มม. แท่นเดี่ยว
ปืนกลขนาดเล็กสุดและทหารราบคุ้นเคยเป็นอย่างดี ผ่านการรบมาแล้วทุกสมรภูมิจึงให้ความไว้วางใจได้ กองทัพเรือใช้งานกับเรือที่มีขนาดเล็กมากๆ อาทิเช่นเรือกวาดทุ่นระเบิดน้ำตื้น เรือเร็วตรวจการณ์ลำน้ำ แและเรือตรวจการณ์ชายฝั่งชั้นเรือต.21 แต่กับเรือมีมีขนาดใหญ่มากกว่านั้นจะใช้งานปืนกลM2HB ขนาด12.7 มม.แทน
เครื่องยิงลูกระเบิด Mk 81 mod 2 ขนาด 81 มม.
อาวุธจากสมัยสงครามเกาหลีที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ใช้งานอยู่กับเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง อาทิเช่น เรือชั้นเรือต.228 เรือชั้นเรือต.21มีทั้งรุ่นแท่นเดียวแยกต่างหากและติดตั้งคู่กับปืนกล12.7มม M2HB
---------------------------------------------
อ้างอิงจาก
http://thaimilitary.blogspot.com/2015/08/blog-post.html
http://www.thaiarmedforce.com/inventory/34-thailand-inventory/129-rtn-inventory.html
https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_equipment_in_Royal_Thai_Navy
ช่วงบอร์ดเงียบๆมีบทความดีๆให้อ่านก็พอแก้กระหายได้นะครับ ขอบคุณมากๆเลย
ขอบคุณครับ
มีเขียนผิดหลายจุดเหมือนกันนะครับต้องขออภัย ผมหาภาพเปรียบเทียบDS-30BกับDS-30M ได้แล้ว เห็นกันชัดๆนะครับว่าDS-30Bจะมีที่นั่งพลปืนด้านขวาพร้อมหน้าจอควบคุมการหมุนป้อมปืนและกระบอกปืนด้วยระบบกลไกล อะไรๆมันก็เลยลื่นปรื๊ดๆๆ
ส่วนDS-30Mรุ่นใหม่โดนตัดออกใส่กล่องกระสุนเข้าไปแทนเพราะเน้นใช้รีโมทควบคุมแบบเต็มตัว แต่ด้านท้ายของปืนก็ยังสามารถยิงแบบแมนนวลได้โดยต้องใช้แรงมือหมุนเอาเอง ซึ่งเทียบกับสุดส่วนชายไทยแล้วการคุมปืนขนาด30มม.ทำได้ค่อนข้างลำบากเอาการ คือใช้ยิงน่ะได้อยู่แต่ให้เล็งปราณีตคงไม่ไหว เพราะฉะนั้นเรือที่ไม่มีเรดารควบคุมการยิงติด(มิราดอร์ EOS500 อะไรแบบนี้)ใช้ปืนกล20มมนี่.แหละดีที่สุดแล้ว(เรือช่วยรบ เรือตรวจการณ์ขนาดเล็กทั้งหลาย)
ไม่น่าเชื่อว่า Bofors Mk1. จะขายได้นานขนาดนี้ นึกว่ามันก็มี Mk. อื่นๆออกมานานแล้วนิทำไมยังขายรุ่นเก่า
OTO Melara 76 mm นี่ปืนโปรดผมเลย หน้าตาคลาสสิคสุดๆ ขนาดไม่บ้าพลัง ยิงเร็ว
ไม่ทราบว่า ทร เอาปืนเรือจากเรือที่ปลดประจำการแล้วมา รีไซเคิ่ลใช้ในเรือที่ต่อใหม่บ้างหรือเปล่าครับ
สมัยที่ผมยังอ่านสมรภูมิเล่มละ 15 บาท จำไม่ได้ว่าฉบับที่เท่าไหร่ลงเกี่ยวปืนของบริษัทออโตเมเลร่า และก็มีภาพทดสอบการยิงและข้อมูลอัตราการยิงของปืน 40 มม. กับ 76 มม. ปืนใหญ่.ha อะไรวะยิงได้เร็วshipหาย...แต่ผมก็คิดว่าถ้าเอามายิงเครื่องบินคงน่าดู....
เห็นว่า ปืนบนเรือชุดนเรศวรของเรา ม้อดใหม่ เป็น มาร์ค45 ม้อด4 ขนาด 62 คาลิเบอร์แล้วนี่ครับ แต่ยังใช้เคส เป็น ม้อด 2 ตัวเดิม............... คือเมื่อก่อน มาร์ค 42 กับ มาร์ค 45 คาลิเบอร์ 54 ถือว่าเขื่อง พอกัน วันนี้ มาร์ค 45 อัพไซส์ ยาวเฟี้อยกลายเป็น ซุปเปอร์เขื่อง ไปเลย............
ปืนOTO 76/62 บนเรือหลวงกระบี่ เป็นRemanufacturingใช่มั้ยครับ เอาของเก่าจากเราไปทำหรือเป็นของโรงงานOTO??
อยากให้เจ้านี้มาอยู่ในทร.ด้วย แต่อาจจะยากไปหน่อยท่าทางกระสุนตั้งเวลาจะแพง
Oerlikon Millennium 35 mm
เรือหลวงกระบี่มีสัญญาซื้อปืนแยกต่างหากสินค้าจึงควรจะมาจากบริษัทผู้ขาย อีกอย่างผมนึกไม่ออกเลยว่าจะถอดมาจากเรือลำไหน เพราะความจริงทร.ยังขาดปืน76/62บนเรือหลวงหัวหิน3ลำและเรือหลวงสัตหีบอีก3ลำหลัง ต้องทนใช้เจ้าคุณปู่มาจนถึงทุกวันนี้ เรือชุดแรกที่จะปลดประจำการและสามารถถอดปืน76/62ไปใช้กับเรือลำอื่นได้คือเรือหลวงตาปีจำนวน2ลำ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นเมื่อไหร่ในเมื่อโครงการเรือOPVมันยังหนองเหน่งหนองแกละ
เรื่องปืนเก่านำมาซ่อมคืนสภาพผมก็อ่านผ่านๆมาแบบนั้น (ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะที่อื่นๆเขาก็ทำกัน) เพราะฉะนั้นจึงน่าจะเป็นรุ่นcompact ซึ่งก็ใช้งานได้ไม่แตกต่างกัน