หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


งบกลาโหมของไทย

โดยคุณ : atomic เมื่อวันที่ : 14/03/2010 16:24:36

อยากให้ประเทศไทย  กองทัพไทย  เพิ่มงบกลาโหมให้มากกว่านี้ เพื่อนๆสมาชิกเห็นด้วยมั้ยครับ





ความคิดเห็นที่ 1


เหล่าทัพต่างๆเป็นมรดกตกทอดมาจากสมัย  สงครามเวียดนามซึ่งการจะไปลดทอน กองพล กองกำลังก็ทำได้ยากเพราะ ตัวเหล่าทัพต่างๆก็มีศักดิ์ศรีค้ำหัว ค้ำคอกันอยู่ลดมากไปก็มาฮี่่มๆใส่กัน  ซึ่งจริงๆแล้ว

ถ้าเป็นไปได้อยากให้ลดกำลังด้านเหล่าทัพอื่นๆซึ่งไม่ค่อยได้ทำงาน

พูดง่ายๆว่าจ้างมาทำไมไม่รู้ งง เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว จะดีมากเคลีย  รบ ต่อตี ได้ทุกอย่าง ขนาดเพื่อนผม ณ ตอนนี้ ทำแฮททริก เป็น ทส.

ให้ท่านอีกปี เป็นสองปีละ เพราะตำแหน่งไม่มีให้ลงครับ จบข่าวเลย

โดยคุณ siamman18 เมื่อวันที่ 13/11/2009 10:23:45


ความคิดเห็นที่ 2


เห็นด้วย...
โดยคุณ Otemus เมื่อวันที่ 13/11/2009 10:13:28


ความคิดเห็นที่ 3


เงินนะ มีไหม

โดยคุณ RaFale เมื่อวันที่ 13/11/2009 04:37:16


ความคิดเห็นที่ 4


ไอ้อยากน่ะใครก็อยากครับ แต่เศรษฐกิจตอนนี้ไม่ไหวครับ

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 13/11/2009 05:07:43


ความคิดเห็นที่ 5


ถ้าเป็นไปได้ผมว่าเราน่าจะลดทหารประจำการลงครับ จากราวๆ 3 แสนนาย ลงเหลือประมาณ 2 แสนนาย มาให้ความสำคัญกับตำรวจตระเวณชายแดน(ยามสงบก็ทำหน้าที่เป็นตำรวจยามรบก็เปลี่ยนมาประจำการกองทัพบกเช่นเดิน) กับกองพลสำรอง เน้นที่ยุทธโทปกรณ์
เพราะการรบสมัยใหม่อาศัยอำนาจการยิงที่เหนือกว่า ข้อมูลข่าวสาร ส่วนทหารราบทำหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่
ปล.อีกอย่างถ้าอยากประหยัดงบควรบริหารการจัดการการบริหารภายในองค์กรทางทหารให้ดีครับ
โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 13/11/2009 08:28:19


ความคิดเห็นที่ 6


ผมว่าอย่าดีกว่า ไม่ใช่ว่างบกลาโหมไม่สำคัญนะ มันสำคัญมากๆเลย แต่งบด้านอื่นก็สำคัญมากๆไม่แพ้กัน ผมอยากให้ลดกำลังพลกองประจำการและเพิ่มความสำคัญกับระบบกำลังพลสำรองมากกว่า
โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่ 14/11/2009 05:12:52


ความคิดเห็นที่ 7


ไม่เห็นด้วยกับการลดกำลังพล..ครับ..

 

ทุกวันนี้ นักศึกษาวิชาทหาร หรือ กำลังพลสำรอง..หนะไม่อยากจะเอ่ย

รด.  เรียนแก้บน..กันซะมากว่า...เรียนเพื่อหนีทหาร  มันจะมีคุณภาพได้อย่างไร....ลำพัง..ดูแค่การแต่งกายก็ รู้แล้ว..ว่าวินัยมีแค่ไหน...

 

เพื่อนท่าน เป็น ทส...

 

ผมรับราชการมา...23.ปี..เพิ่งเป็น..พันตรี....ละจะ..ลดกำลังพล..ตรงไนดี..หล่ะ..ครับ....ช่วยผมคิดหน่อย...

โดยคุณ CAPT.TOM เมื่อวันที่ 15/11/2009 21:34:02


ความคิดเห็นที่ 8


ระบบ  กำลังพล สำรองของไทย  คืออะไรครับ

ถ้าบอกว่า รด. คือกำลังพล สำรอง ประเภทนึง  ใช่ผมไม่เถียง...

ถามว่า  รด.ทุกวันนี้  มีคุณภาพ มีวินัย  ดีแค่ไหน...ห่วยแตกครับ...

เด็ก ขนาดนั้น จะมีความรับผิดชอบ อะไรมากมาย  นอกซะจากเรียน รด. เพื่อไม่ต้องการเป็นพลทหาร

 

ใช่  จบ รด.ไปแล้ว...มีหมายเรียกเกณฑ์  เพื่อฝึกทบทวน...มีสักกี่ ราย ที่มา ตามหมายเรียก...นี่หรือ กำลังพลสำรอง...กับ ความั่นคงของชาติ

 

ผมบอกตามตรง  ทุกวันนี้  ผมยังนิยม ชมชอบ น้ำใจของ น้องๆ พลทหาร มากว่า นะครับ  ถึงแม้ จะไม่ได้เต็มใจมา ก็ เหอะ...เค้าเข้ามาแล้ว..ชีวิตเค้าเปลี่ยนไป..

 

ทุกวันนี้ บอกตามตรงครับ...ผมเห็น น้อง ๆ ที่เรียน  รด. น้อยคนมาก ที่แต่งกายอบ่างถูกระเบียบ วินัย....

 

การแต่งกาย เป็นเครื่อง บ่งบอก ถึงการมีวินัย  ประการนึงครับ...

 

ขออภัย...หากไม่ถูกใจ ใครบางท่าน   ยอมรับความจริงกันมั่ง เหอะ...

 

โดยคุณ CAPT.TOM เมื่อวันที่ 15/11/2009 21:40:31


ความคิดเห็นที่ 9


ได้ยินที่ท่านCAPT.TOM พูดแล้วก็เลยนึกไปถึงยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ตอนที่เราใช้ยุวชนทหารรบกับญี่ปุ่นที่มายกพลขึ้นบก และสามารถต่อสู้กับข้าศึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งๆที่ทหารญี่ปุ่นเป็นมืออาชีพ แสดงให้เห็นว่าในสมัยนั้นเค้าฝึกกันดีจริงๆ

เรื่องการปรับลดกำลังพล ผมว่ากองทัพเราในปัจจุบันมีกำลังพลเท่านี้ดีแล้วละครับ ที่บอกว่าปรับลดแล้วเน้นประสิทธิภาพเข้าไปแทน ผมว่ายังไง...ในสงครามจริงจะแย่ เพราะกำลังพลที่ดีจริงๆมีแค่จำนวนที่ลดลงไป ส่วนนอกนั้นไม่เคยฝึก?

ดูอย่างพี่จีนเราเป็นตัวอย่าง กองทัพปลดแอกสมัยประธานเหมาชนะเจียง ปรากฏว่ามีทหารหลายล้านมาก เพราะเกณฑ์มาได้เยอะ ช่วงหลังๆก็ยังต้องเยอะเพราะเป็นยุคสงครามเย็นใกล้ๆบ้านก็มีมะกันมาตั้งกองทัพ(เวียดนาม) ชายแดนก็ประจันหน้ากับโซเวียต ไต้หวันอีก แต่พอรบกับเวียดนามในสงครามสั่งสอน จึงเข้าใจว่าสงครามยุคใหม่ไม่ได้เน้นไปที่การใช้"คลื่นมนุษย์"อย่างแต่ก่อน ขืนทำแบบนั้นก็มีแต่ทหารตายเยอะๆแค่นั้น จึงเห็นควรปรับลดกำลังพลแต่เพิ่มประสิทธิภาพ แต่ถึงจะลดแล้วก็มีทหารเป็นล้านอยู่ดี ที่สำคัญเค้ามีกำลังพลสำรองเยอะมากๆ

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 15/11/2009 22:59:51


ความคิดเห็นที่ 10


ส่วนที่ผมอยากให้ลดมากที่สุดคือ ตำแหน่งนายพล ครับ  เพราะปัจจุบันนั้น กองทัพเรานายพลเยอะมากจนกลายเป้นกองทัพหัวโต ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับ บริษัทเอกชนนั้นเป็นสิ่งที่เกินความจำเป็นและค่าใช้จ่ายค่าจ้างสูง ส่วนกองทัพก็เช่นกันที่ค่าใช้จ่ายในงบกลาโหมก็อาจจะสูงในเรื่องค่าแรงระดับสุง แต่การที่จะลดนายพลนั้นต้องหมายถึงว่า นายทหารระดับสูงหลายนายต้องเกษียรอายุงานไป บางรายอาจจะก่อนกำหนดที่จะอายุควรจะปลดเกษียร ซึ่งเรี่ยวแรงและความรู้ความสามารถหลายนายนั้นยังมีอยู่ หลายนายมีประสปการณ์ทางการยุทธสูง ซึ่งการที่จะเกษียรนายทหารลักษณะนี้นั้น ผมว่ากองทัพน่าจะมีการส่งเสริมให้บริษัทเอกชนที่ทำงานเกี่ยวข้องทางด้านงานที่เกี่ยวดองกับกองทัพ เช่นบริษัทผลิตอาวุธ หรือรับซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์ หรือส่งเสริมในสายงานเกี่ยวกับ บอดี้การ์ด หรือ รักษาความปลอดภัย หรือแม้แต่หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงหรือวิจัยเกี่ยวกับกองทัพหรืออาวุธ

ส่วนที่ควรจะเพิ่มคือ งบฝึก และงบเกี่ยวกับอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น ชุดเกราะและอุปกรณ์ ที่เน้นคือการฝึกครับ การฝึกนั้นยิ่งเข้าข้น กำลังพลก็ยิ่งรอด มีงบยิงปืนกระสุนจริงแค่ 20 นัด กับได้ยิง 100 นัด อันไหนจะทำให้กำลังพลมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน ฝึกยิงปืน ค. ใช้กระสุนอัดลม ลำกล้องรองในเหลือลูกเท่าหัวแม่มือ กับได้ยิงกระสุนจริง อันไหนได้ประสปการณ์และการแก้ปัญหาได้มากกว่ากัน กำลังพลระดับล่างอย่างพลทหาร หรือ แม้แต่กำลังสำรอง ฝึกให้แค่รบได้ แต่เอาตัวรอดได้เปล่าหรือจิตใจเข้าแข็งพอไม่รู้ อาจจะคิดว่าฝึกไป คงไม่มีการรบเกิดขึ้นมั้งทำนองนี้ คิดผิด เพราะถ้าเกิดจำเป็นต้องใช้กำลังส่วนนี้ ถ้าประสปการณ์ต่ำ นั่นกลายเป็นพาเขาไปตาย ส่วนอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคลนั้นมันสร้างขวัญและกำลังใจและลดการสูญเสียได้มากกว่าที่จะใส่เครื่องแบบโล่งๆ พนักงานดรงงานยังเน้นนักหนาเพราะว่าคำนึงถึงความปลอดภัย แต่ทางการทหารมันมีชีวิตเข้ามาเกี่ยวข้องครับ

โอยยยย..เมื่อย ไปหละ ไม่ถูกใจไปต่อว่า แอดมิน เอาแล้วกัน 555

โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 16/11/2009 07:49:38


ความคิดเห็นที่ 11


หรือถ้าจะมองว่า  ถ้าเศรษฐกิจดีขึ้น

 

ค่า GDP ก็จะสูงขึ้น  งบกลาโหม ได้มาจาก % ของ GDP

 

เท่ากับว่า งบกลาโหมจะสูงขึ้น  ใช่มั้ยล่ะครับ

โดยคุณ spit เมื่อวันที่ 16/11/2009 09:29:41


ความคิดเห็นที่ 12


จะไปโทษ รด. ว่าอ่อนซ้อม ก็ไม่ถูกซะทีเดียวหรอกครับ สมัยนี้ก็แค่เด็กม.4-6   มันอยู่ที่หลักสูตร กับ ระบบการฝึกด้วยครับ  เชื่อว่าทุกคนในวัย 16-18 ปี มันก็ห่ามๆ เฮ้วๆกันทุกคนนั่นแหละครับ  ชาวบ้านอย่างพวกกระผม เมื่อไหร่ที่ชาติต้องการ เชื่อว่าจะมี สิบเอก รด. อ่อนซ้อม  นับแสนคน ลุกขึ้นมาสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านครับ 

ขอยกย่องและสรรเสริญทหารของชาติทุกท่าน ที่เสียสละอุทิศชีวิตและความสุขส่วนตัว ห่างไกลจากครอบครัวและคนที่รัก เพื่อให้หลายล้านครอบครัวที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทยได้อย่างร่มเย็นเป็นสุข

รักชาติ รักบ้านเกิด รักพ่อแม่ รักเมีย ( 1 , 2 , 3 ) รักลูก รักหลาน รักคนไทยทุกท่านที่มีรอยยิ้มให้กัน ไม่เกลียดเหลือง ไม่เกลียดแดง แต่เกลียดคนที่มันกำลังทำลายชาติในขณะนี้  

โดยคุณ santik เมื่อวันที่ 16/11/2009 10:31:09


ความคิดเห็นที่ 13


มาช้าดีกว่าไม่มา ผมเห็นด้วยกับผู้การ Capt.Tom ผมเป็นทหารชั้นประทวน ผมขี้เกลียดเถียง นักเรียน รด. ในหลายๆเรื่องที่พวกเขามักนำมากล่าวอ้าง อาวุธที่ใช้ฝึก นักเรียน รด. กับที่ใช้งานสนามจริงๆ หรืออะไรอีกหลายเรื่อง จบโดยมันอ้าง จบปี ๕ ปี ๖ มันจะติด ว่าที่ ร.ต.ใหญ่กว่าผม ผมเซ็งเลย ครั้งหนึ่ง มีไอ้อ้วน บอกว่าการลดกำลังพล เพื่อจะได้มีงบพัฒนาบุคคล หมายความว่า ทหารทุกนาย จะมีเสื้อเกราะ หมวก กันกระสุน แว่นกลางคืน เหมือนทหาร สหรัฐฯ แล้วมันก็ลดกำลังทหารเราจริงๆ มันบอกว่า จะทำให้จิ๋วแต่แจ๋ว แต่จนแล้วจนรอด ผมยังมีแค่สายเก่ง หนึ่ง กระติกน้ำ สอง มีดปลายปืน กระเป๋าซองปืน ปืน ปลย.๑๑ เหมือนเดิม ไหนหล่ะ จิ๋วแต่แจ๋วน่ะ การมีกำลังพลมากมีข้อดีดังนี้ ๑.มีขนาดไว้ป้องปราม(เขียนเสือให้ เสือกลัว) ๒.ทำให้ประชากรเพศชายแท้ได้มีโอกาสทดสอบว่าตนเป็นเช่นนั้นรึเปล่า ๓.ทำให้คนที่ตกงานมีงานทำ ส่วนใหญ่ทหารเกณฑ์มักมาจากชาวบ้านโดยตรง (พวกหัวสูง มักเรียน รด.แต่ลูกชาวบ้าน จบ ม.๓ ก็ดีเท่าไหร่แล้ว) ๔.ทำให้มีวินัยติดตัวไป ระดับหนึ่ง จากเดิม ไม่มีเลย ทำให้เป็นการพัฒนาพลเมืองที่ดีสู่สังคม(ส่วนมาก)
โดยคุณ makropolo เมื่อวันที่ 21/11/2009 01:41:29


ความคิดเห็นที่ 14


ผมเห็นด้วยครับในการลดกำลังพล โดยเฉพาะในตำแหน่งนายพล  บ้านเรามันมีเยอะเกินไปเกินเหตุจะเหยียบตาปลากันตายอยู่แล้ว ทำงานก็ไม่คุ้มเงินภาษีพี่น้องประชาชนไปไหนทีคนติดตามเพียบนึกว่ามีงานมอเตอร์โชว์  ดูอย่างชนกลุ่มน้อยไทยใหญ่ในพม่า ผู้บัญชาการกองทัพยังแค่ยศพันเอก  ที่จริงก็ไม่อยากพูดมาก กลัวต่างชาติมาถอดข้อความ แต่มันก็อาการคัน เอาเป็นว่าติเพื่อก่อ เสนอแนวคิด แล้วกัน ทหารเรา 300,000 คน  มีคนรู้จักบอกว่ามีทหารที่ประจำอยู่หน่วยรบพร้อมรบจริง ๆ แค่ 50,000 คน นอกนั้นทำงานธุรการ ธุรเกินหมด ไม่ก็ห่างจากการซ้อมรบไปนาน ตอนผมเรียน ร.ด. ห่างจากเหตุการณ์นี้ไม่นานนักจำได้ครูฝึกเคยบอกว่าตอนสงครามบ้านร่มเกล้า เราเสียทหารไปจำนวนมาก เพราะไม่ได้รบกับลาวประเทศเดียว ยังมีรัสเซีย เวียดนามมาช่วยด้วย ทหารเราเริ่มอ่อนล้าจากการสู้รบ และกลัวว่าจะเกิดสงครามเต็มรูปแบบรบกันติดพันเข้ามาในประเทศ  จริงเรียกกำลังพลสำรองเข้ามาเตรียมความพร้อมเผื่อรบ เรียกไปครั้งแรก 60,000 คน มารายงานตัวแค่ 300 คน ที่เหลือไปไหน ครูฝึกทิ้งให้พวกเราคิด.... คำตอบมีอยู่ในใจเราทุกคน (ไปกรูก็ตายเปล่า วันๆฝึกเสร็จให้แต่กรูมากินน้ำร้านครูก่อน) ไอ 300 คน ที่ไปนี่มันต้องพวกฮาร์ดคอร์รักชาติจริง ๆ  จริงอยู่ตัวเลขกำลังพลสำรองของเราเยอะมาก คือมีมากกว่าล้านคน ผมว่าจีนเห็นตัวเลขก็ต้องมีหนาว เวียดนามตอนนั้นก็ยังไม่กล้าเพราะเพิ่งจะผ่านสงครามมาไม่นานนักก็ไม่อยากจะเจ็บตัวเพิ่ม แผนกลืนไทยเป็นอินโดจีนแบบโดมิโนในสงครามเย็น จึงเป็นอันยกเลิกไป แต่ถ้ารู้ไส้ในเราจริง ๆ ผมว่าเราเละ ตั้งแต่ตอนนั้น ดีที่ทหารไทยในสงครามเวียดนามสร้างชื่อไว้เยอะ เลยไม่กล้ากับเรา แต่ตอนนี้เราห่างเรื่องนี้ไปนาน งบประมาณกองทัพทั้งหมดกว่า 80 % เป็นเงินเดือน บำนาญ และสวัสดิการ เหลือซื้ออาวุธนิดเดียว แถมเรายังผลิตอาวุธได้เองน้อยมากกว่า ต้องเพิ่งพาต่างชาติซื้อเค้าเอาถึงร้อยละ 90 แล้วมันจะได้อาวุธที่ใช้งานได้พอเพียงกับจำนวนทหารหรือไม่ นี่ยังไม่นับงบประมาณที่หล่นเรี่ยราดตามทางไม่เข้าหลวงอีก ถ้าเกิดมีเรื่องรบกับเค้าไปทั่ว ต่างชาติไม่ส่งอาวุธให้เรา เราถูกปิดล้อมทุกทาง เห็นที่จะไม่รอด ถ้าจะให้เราพัฒนากองทัพจริง ๆ

1. ต้องพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอาวุธต่าง ๆ เป็นของตนเองจริง ๆ ก่อน ทั้ง รถรบ เครื่องบิน เรือ จรวด หรือ อะไหล่ กระสุนทั้งหมดที่ใช้ และควรเริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้  เพราะสงครามสมัยใหม่จะก้าวเข้าสู่สงครามทางอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาศาสตร์จะเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในอนาคต การใช้อาวุธโจมตี ไม่จำเป็นต้องเห็นตัวคนกันแล้ว หากเราคิดแต่จะซื้อเค้าอย่างเดียว อีกหน่อยเราจะไม่มีเงินซื้อเพราะราคาแพงขึ้นทุกวัน ยกเว้นโลกนี้ไม่มีสงคราม 

2. ลดกำลังพล โดยเฉพาะหัวที่มีตำแหน่งแต่วัน ๆ ไม่ได้ทำอะไร แต่เพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพให้มากขึ้น จาก 300,000 คน เหลือทหารบก 100,000  ทหารเรือ 55,000 คน ทหารอากาศ 45,000 โดยดูตัวอย่างจากสวีเดน และ อิสราเอล จิ๋วแต่แจ๋วของแท้

3. เพิ่มการฝึกกำลังสำรอง หรือ ร.ด. อย่างจริงจังโดยเน้นร่างกายระเบียบวินัย ยุทธวิธีที่เข้มแข็ง และใช้อาวุธที่ทันสมัย ใช้ของจริงในการฝึก ฝึกการจำลองยุทธแบ่งฝ่าย เหมือนเล่นเกมเคาเตอร์สไตล ถามว่าฝึกแบบนี้ได้อะไร ได้ความเสมือนจริง การแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง ความสามัคคีเรียน ร.ด. อาทิตย์ละหนึ่งวัน ไปเขาชนไก่ปีละครั้ง ผมว่ามันไม่มากเกินไป ที่เล่นเกมมันเล่นได้ทุกวัน จะเพิ่มความไม่น่าเบื่อในการเรียน ดีกว่ากินขนมกินน้ำร้านครู เราจะพร้อมรบได้ทุกทีเหมือนอิสราเอล เรียกพลเมื่อไรพร้อมรบทันที อาจจะทบทวนเพิ่มเล็กน้อยเท่านั้น

4. ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ชายไทยใครไม่เรียน ร.ด. จับเป็นทหารโดยหน้าที่พลเมืองให้หมด ยกเว้นแต่พวกร่างกายไม่สมประกอบ จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้มาก การฝึก อาวุธ ก็ให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพ ที่สำคัญต้องเน้นการพึ่งพาตนเองให้มาก ๆ ที่สุด เท่าที่จะทำได้

ผมว่าถ้าเราทำได้อย่างนี้ ใครที่คิดรังแกเราผมว่ามีหนาว               

โดยคุณ giggok เมื่อวันที่ 23/11/2009 02:56:29


ความคิดเห็นที่ 15


ยอมรับคุณ Giggok เลย แต่ไม่เห็นด้วย ข้อ 4

โดยคุณ makropolo เมื่อวันที่ 28/11/2009 11:25:11


ความคิดเห็นที่ 16


ครับ ผมมีความคิดเห็นเช่นเดียวกันกับคุณ giggok และคุณ  makropolo    
เราน่าจะผลิตอาวุธ-ยุทโธปกรณ์เองตั้งแต่ตตอนนี้ครับ
โดยคุณ loveaircraft1 เมื่อวันที่ 14/03/2010 05:24:35