1) ทำไมในอดีตกองทัพไทยสร้างกองทัพใด้หน้าเกรงขามมากครับหรือว่าใด้ของฟรีมาครับ
2) ทำไมตอนนี้กองทัพจะซื้ออาวุธเเต่ละอย่างก็ยากครับ ดูอย่างรถหุ้มเกราะล้อยางแค่ 90 คันก็ยังยากเลยครับพอดีผมแปลกใจครับ สมัยก่อน ก๊มีรถถัง M 48,M60 ก็ เกือบ 200 คัน รถสายพานอีกเกือบ 1000 คัน นี้ยังไม่รวมปืนใหญ่ เครื่องบิน เรือรบ และอีกเยอะแยะมากมายครับ หรือว่าตอนนี้ประเทศไทยจนกว่าสมัยก่อนมากครับ
ก็เราะสมัยนี้เขามีกฎหมาย มีขั้นตอนการตรงสอบมากขึ้นไงครับ แต่ที่การจัดหาอาวุธมันดูช้า หลายรายการ ไม่ทันใจท่านๆทั้หลาย ไม่ใช่บริษัทฯเขาผลิตไม่ทันนะ มันเป็นเพราะมันมีขันตอนมาก ยาวกว่าจะเซ็นสัญญาได้ และบางรายการ บริษัทเขาผลิตเสร็จแล้ว แต่ประเทศต้นทางของเขา ยังระงับการส่งมอบให้ไทย ( เพราะอะไรหรือ รู้กันอยู่ อย่าโกหกตนเองเลย )
แต่ไม่ใช่ปัจจุบันนี้ขั้นตอนตรวจสอบมากและจะไม่มีการกิน% กัน มันก็กิน % เหมือนเดิม แต่มากกว่าอดีตมาก
ในอดีตที่คุณถามว่าทำไมซื้อง่าย ซื้อได้ที่ละมาก และเร็วก็เพราะเมื่อก่อน คนเป็นใหญ่ เขาคิดจะซื้ออะไรเขาไม่ออกข่าวไง ไม่มีใครกล้าตรวจสอบด้วย และเรามีปัญหาชายแดน มีสงครามในประเทศข้างเขียง มีปัญหาแบ่งแยกดินแดน
แต่ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ปัจจุบันเขาก็กำลังจะทำให้การจัดหาอาวุธมันง่ายขึ้น โดยทำให้ดูเหมือนประเทศกำลังจะมีสงคราม มีความขัดแย้ง เช่นกรณีภาคใต้ ปัญหาผลประโยชน์บนพื้นที่ทับซ้อนระหว่างประเทศ
สุดท้ายสังเกตไหมว่าตอนประกาศจัดหารถเกราะล้อยางล่าสุด มีประเทศที่ส่งเขาประกวดแค่ 4 ราย สังเกตหรือไม่ว่าเป็นเพราะอะไรที่ประเทศในยุโรป เขาไม่ส่งประกวด มีแต่รัสเซีย ยูเครน จีน ที่ส่ง ทำไม่หรือ ผมว่าคุณรู้นะ
เพราะในอดีตมีภัยคุกคามมากครับ....ทำให้งบประมาณป้องกันประเทศมากตาม....ประกอบกับมีความช่วยเหลือจากมหาอำนาจทำให้มีอาวุธมาก...ส่วนในปัจจุบันมีภัยคุกคามน้อยลงประกอบกับสภาพเศรฐกิจที่ไม่ดี...รวมถึงการช่วยเหลือจากมหาอำนาจหมดไป(แทบไม่มี)ทำให้ความสามารถในการจัดซื้อน้อยลงครับ....
ผมตอบอย่างมีเหตุผลแล้วครับ....
ปล.การจัดซือ LPD ล่าสุด มีทั้งเยอรมัน ยุโรปต่างๆ จีน ฯลฯ การจัดซื้อ OPV ลำล่าสุดออกแบบร่วมกับ อังกฤษ...เพราะว่าอะไร ผมว่าคุณรู้นะ
ทำไมไม่ขยายความให้มันชัดเจนไปเลยครับคือ สมาชิกใหม่อย่างผมจะได้ไม่ต้องมานั่งตึความหมายมันคืออะไร..แล้วทำไม..ประเภทเนี่ย..
อันนี้นอกประเด็นครับ...หนังสือสมรภูมิตอนนี้เค้ายังพิมพ์ออกมาจำหน่ายอยู่อีกหรือเปล่า...หาตามแผงไม่ค่อยเจอเลย
ทำไมไม่ขยายความให้มันชัดเจนไปเลยครับคือ สมาชิกใหม่อย่างผมจะได้ไม่ต้องมานั่งตึความหมายมันคืออะไร..แล้วทำไม..ประเภทเนี่ย..
อันนี้นอกประเด็นครับ...หนังสือสมรภูมิตอนนี้เค้ายังพิมพ์ออกมาจำหน่ายอยู่อีกหรือเปล่า...หาตามแผงไม่ค่อยเจอเลย
โดยคุณ : mint
ตอบ ก็เพราะถ้าพิมพ์อะไรที่มันตรงไป ก็อาจทำให้เว็บนี้เดือดร้อนน่ะสิครับท่าน
สมรภูมิยุติการพิมพ์ปกติมานานมากแล้วครับ จะออกมาแต่ก็ฉบับพิเศษเท่านั้น
ทีนี้ตาผมตอบกระทู้ละกัน
1) ทำไมในอดีตกองทัพไทยสร้างกองทัพใด้หน้าเกรงขามมากครับหรือว่าใด้ของฟรีมาครับ
ตอบ สมัยไหนละครับ? ใด้นี่=ได้ ใช่ไหมครับ? สาเหตุที่กองทัพมีอาวุธทัดเทียมกับประเทศอื่นๆเอาช่วงสงครามโลกครั้งที่สองก่อน ตอนนั้นเราซื้อเองครับ แล้วก็มีเครื่องบินที่เราผลิตเอง (รู้สึกจะฮอว์ค 2กับ3นี่ละ) รวมบ้านเราก็มีแต่มหาอำนาจนักล่าอาณานิคมทั้งนั้น เหนือ ตะวันตกก็ฝรั่งเศส ตะวันออก ใต้ ก็อังกฤษ หากไม่มีอาวุธที่ดีๆกับกองทัพที่เข้มแข็ง เราคงดำรงเอกราชได้ลำบากแน่ๆ
ส่วนยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สองก็เป็นยุคสงครามเย็น เราอยู่ข้างโลกเสรีที่มีนาโต้หรืออเมริกาเป็นผู้นำ การที่เราส่งทหารไปรบที่เกาหลี และเวียดนาม รวมทั้งการให้สหรัฐมาตั้งฐานบิน ทำให้สหรัฐสนับสนุนเรามากในเรื่องอาวุธ ผมว่าส่วนใหญ่เราก็ซื้อมานะครับ ของฟรีไม่มีในโลกหรอกครับ ถ้าให้ฟรีมาแต่ไม่ให้กระสุน กับลูกระเบิด ยังไงก็ต้องซื้อของเค้าอยู่ดี
2) ทำไมตอนนี้กองทัพจะซื้ออาวุธเเต่ละอย่างก็ยากครับ ดูอย่างรถหุ้มเกราะล้อยางแค่ 90 คันก็ยังยากเลยครับพอดีผมแปลกใจครับ สมัยก่อน ก๊มีรถถัง M 48,M60 ก็ เกือบ 200 คัน รถสายพานอีกเกือบ 1000 คัน นี้ยังไม่รวมปืนใหญ่ เครื่องบิน เรือรบ และอีกเยอะแยะมากมายครับ หรือว่าตอนนี้ประเทศไทยจนกว่าสมัยก่อนมากครับ
ตอบ จะซื้อยากซื้อง่ายน่าจะเพราะดังนี้
1.ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง เรามีรัฐบาลทหารปกครองครับ เลยไม่มีการเปิดเสรีให้ใครมาทักท้วงได้อย่างปัจจุบัน (ถามจริงประเทศอื่นจะซื้ออาวุธเค้าให้คนมาทักท้วงได้ไหมเนี่ย)
2. การกลัวเรื่องการทุจริตครับ มีหลายกรณีที่ผ่านมาซึ่งโยงไปเกี่ยวกับการเมือง ทำให้โครงการล้ม เช่นการจัดซื้อเรือดำน้ำที่ถูกว่ามีการคอรัปชั่นในสมัยท่านนายก---(เซ็นเซอร์) นึกถึงสมัยรัฐบาลทหารนี่ไม่ต้องพูดถึง
3.สภาพเศรษฐกิจก็สำคัญครับ สมัยก่อนเศรษฐกิจบ้านเรานับว่าดีมาก สมัยนี้ไม่ต้องพูดถึงเลย ตั้งแต่วิกฤตต้มยำกุ้งของเรา ไปจนแฮมเบอร์เกอร์ทั่วโลกในตอนนี้รวมทั้งงบประมาณทางทหารที่ถูกตัดลดลงมากกว่าแต่ก่อน ทำให้การจะซื้ออะไรทีต้องพิจารณานอกจากประสิทธิภาพ คือเรื่องของราคาและความคุ้มค่าครับ
(พวกที่เชียร์ให้ซื้อนู้นอยากให้มีนี่ ไม่เคยดูเรื่องราคาดูแต่ว่ามันเท่ประสิทธิภาพเทพจบ อยากบ้านเรากรณีก็มีให้เห็นคือ ตอนสมัยท่าน___(เซ็นเซอร์อีกละ)เป็นนายกฯ ผ่าซื้อเอฟ-18ทั้งๆที่เศรษฐกิจระเนระนาด (จำไม่ได้ว่าก่อนเงินบาทลอยตัวหรือไม่ ถ้าท่านสั่งซื้อโดยไม่รู้ว่าเศรษฐกิจจะล่มก็ขออภัย) ผลก็คือมะกันแบนไม่ขายเอฟ18ให้ไทยตลอดชาติ แถมยังยึดเงินที่เรามัดจำไปก่อนด้วย)
4.เรื่องภัยคุกคามครับ อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าเหมือนก่อนมหันตภัยมีรอบบ้าน ทำให้เราต้องมีอาวุธไว้เยอะๆ แต่หลังจากยุคสงครามเย็นหรือโซเวียตล่มไปแล้ว ภัยคุกคามก็น้อยลง รอบประเทศก็กลายเป็นเพื่อนบ้านกันไม่มีศัตรู(มั้งนะ) ความจำเป็นในการจะซื้ออาวุธเลยลดลงไปด้วย (หลายๆประเทศที่เราเห็นเค้าซื้ออาวุธเยอะเป็นเพราะ 1.รวย 2.บ้านเมืองมีปัญหากับเพื่อนบ้านและความมั่นคง)
หรือว่าตอนนี้ประเทศไทยจนกว่าสมัยก่อนมากครับ?
ตรงนี้ไม่ขอตอบครับ แต่รู้ว่าตอนนี้ทั่วโลกกำลัง"ถังแตก"กันทั้งนั้นละครับ ทั้งคนซื้อและคนขาย
องค์การสนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สปอ. หรือ ซีโต้) (อังกฤษ: Southeast Asia Treaty Organization - SEATO) เป็นองค์การที่ก่อตั้งขึ้นตาม สนธิสัญญามะนิลา ลงนามเมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2497 ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 ในช่วงสงครามเย็น โดย 8 ประเทศ คือ:
ในภาคอารัมภบทของสัญญานี้ บรรดาประเทศสมาชิกต่างแสดงความปรารถนาที่จะประสานความพยายามของตนที่จะป้องกันร่วมกัน เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคง โดยเฉพาะข้อ 4 ของสนธิสัญญาเป็นข้อสำคัญที่สุด คือ แต่ละประเทศภาคีคู่สัญญาตกลงเห็นพ้องกันว่า หากดินแดนของประเทศใดถูกรุกรานจาการโจมตีด้วยกำลังอาวุธ ประเทศภาคีทั้งหมดที่เหลือจะถือว่าเป็นอันตรายร่วมกัน และจะปฏิบัติการเพื่อเผชิญหน้ากับอันตรายร่วมกัน หรือถ้าหากพื้นที่ภายในเขตครอบคลุมของสนธิสัญญาถูกคุกคามด้วยประการใด ๆ ประเทศภาคีทั้งหมดจะปรึกษากันในทันที เพื่อตกลงในมาตรการเพื่อการป้องกันร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม ซีโต้ประสบความล้มเหลวในการเข้าแทรกแซงความขัดแย้งในประเทศลาวและเวียดนาม เนื่องจากการตัดสินใจนั้นต้องการมติเอกฉันท์ แต่ฝรั่งเศสและฟิลิปปินส์นั้นไม่เห็นด้วย.
สำนักงานใหญ่ขององค์การเคยตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร. มีนายพจน์ สารสิน จากประเทศไทย ดำรงตำแหน่งเลขาธิการทั่วไป ซึ่งเป็นตำแหน่งผู้นำอย่างเป็นทางการขององค์การ ตั้งแต่ พ.ศ. 2500 ถึง 2507
ซีโต้ยุบเลิกเมื่อปี พ.ศ. 2520 เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองของโลกได้เปลี่ยนไปมาก สหรัฐอเมริกาถอนกำลังทหารออกจาก เวียดนามใต้ และรัฐบาลที่อเมริกาสนับสนุนประสบความพ่ายแพ้ทั้งในเวียดนาม ลาว และกัมพูชา และทำให้องค์การซีโต้หมดความจำเป็นในฐานะเครื่องมือในการดำเนินนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคนี้
ขอบคุณมากครับสำหรับคำตอบของทุกท่านครับ
ถามต่ออีกนิดนะครับที่คุณลมหมุนวน (ขอโทษนะครับที่เอ่ยนามครับ) บอกว่า เราเคยจะจัดล้อยางถึง 1200คัน ถ้าได้มาจะมาประจำการที่ไหนเหรอครับ
ถามต่ออีกนิดนะครับที่คุณลมหมุนวน (ขอโทษนะครับที่เอ่ยนามครับ) บอกว่า เราเคยจะจัดล้อยางถึง 1200คัน ถ้าได้มาจะมาประจำการที่ไหนเหรอครับ
ตอบ มึนกับคำถามแต่ขอมาตอบแทนท่านลมหมุนละกัน ก็คงแยกย้ายไปประจำในหลายๆพื้นที่ทั่วประเทศนั้นแหละครับ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสั่งมาตั้ง1200คันนี่กะจะโล๊ะรถล้อยางเก่าๆที่เรามีออกหมดหรือไงเนี่ย
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สหรัฐ มีของเหลือใช้จากสงครามมากครับ ไทยเราไปรบที่เกาหลีช่วยสหรัฐ ๆเขาจึงช่วยสร้างกองทัพเรา จนมาเป็นปึกแผ่นทุกวันนี้ไงครับ
ต่อจากสงครามเกาหลี เราก็ไปช่วยสหรัฐ รบต่อที่เวียดนาม เราก็ได้ของตอบแทนมาอีก ล็อตใหญ่ จนเพื่อน บ้านในอาเชี่ยนอิจฉา แต่หลังจากนั้น สหรัฐ ถอนตัวไปรบ ที่อื่น เราก็เลย ไม่ได้ของฟรีมาใช้งานอีกต่อไป ต้องกลับไปหาสตางค์ ซื้ออาวุธใช้เอง เหมือนคราวก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เราโชคดีที่เศษฐกิจ เอเซีย ช่วงก่อนฟองสบู่แตก ดีวันดีคืน กองทัพ ไทย รวมทั้งเพื่อนบ้านรอบๆ ก็เลยมีสตางค์ ช็อปปิ้งอาวุธ ไม่ขาดมือครับ
มาระยะหลังฟองสบู่แตก ไทยและอาเซี่ยน ถังแตกกันถ้วนหน้า ยกเว้นประเทศที่เขา ฟื้นตัวได้เร็วอย่าง สิงคโปรค์ เป็นต้นที่ยังมีเงินถุงเงินถังซื้ออาวุธได้เรื่อยๆ ครับ
ส่วนเรื่องการคว่ำบาตรทางการค้าอาวุธนี่ไม่ขอตอบครับ เพราะเป้นการเมืองล้วนๆ
มาช้าหน่อยเด้อแต่ขอแสดงความคิดเห็นนิดนึงตามประสา ตชด.ขาดรัก
เห็นไหมครับว่าตะวันตกเอาเปรียบเราขนาดไหนการช่วยเหลือทุกอย่างมีวาระซ่อนเร้นตลอดตั้งแต่ ยุคสมัยสงครามโลกเรื่อยมา
อย่างที่ผมเคยแสดงความคิดเห็นมาตลอดว่าเราต้องวิจัย พัฒนา และหาความร่วมมือทางเทคโนโลยีขั้นสูงให้ได้รวมทั้งผลิตเอง
ไม่ต้องไปสนใจว่าถ้าเราไม่ได้อาวุธแบบตะวันตกแล้วเราจะแพ้เพื่อนบ้านเราต้องเริ่มทำให้จริงจังจากสิ่งทีมีอยู่ในประเทศก่อนครับ
ดูตัวอย่างจีนสิครับถ้าทำไม่ได้ก็ลองแบบหรือหาความร่วมมือโดยวิธีซื้อสิทธิบัตรมาประกอบเอง