หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


กองทัพกัมพูชาได้เผยเขี้ยวเล็บสำคัญ

โดยคุณ : amagedon เมื่อวันที่ : 24/03/2010 12:40:58

ASTVผู้จัดการออนไลน์

กองทัพกัมพูชาได้เผยเขี้ยวเล็บสำคัญ รวมทั้งขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานกับจรวดหมู่ GRAD ที่ผลิตในอดีตสหภาพโซเวียต กับ รถถังที่ยังมีสภาพดีจากจีน เป็นการสำทับคำขู่ของผู้นำกัมพูชา ที่เคยเตือนจะยิงใช้เครื่องบินไทยที่บินล้ำน่านฟ้า
       
       พิธีสวนสนามของกองพลน้อยที่ 70 (Brigade 70) ในกรุงพนมเปญ มีขึ้นหลังการแปรรูปแปลงโฉมใหม่ โดยแยกกองกำลังพิทักษ์ สมเด็จอัครมหาเสนาสบดีเดโชฮุนเซน ออกไปเป็นกองบัญชาการอิสระต่างหาก
       
       การสวนสนามเป็นไปอย่างเอิกเริก โดยมีสมเด็จฯ ฮุนเซน ในชุดนายพล 4 ดาวจอมทัพ ยืนตระหง่านอยู่บนรถยนต์ตรวจการณ์ วันทยาหัตรับการแสดงความเคารพจากเหล่าทหารหาญ ที่อยู่ในชุดพรางงามสง่า ในขบวนแถวกองร้อยต่างๆที่ บ้างก็ติดอาวุธปืนเอเค-47 กระบอกใหม่ผลิตในประเทศจีน บ้างก็แบกเครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง
       
       อีกหนึ่งกองร้อยนำขีปนาวุธต่อสู้อากาศยาน ที่ยังไม่ทราบรุ่นออกอวดโฉมโดยบรรทุกไปในรถจี๊ป ขณะที่รถบรรทุกอีกนับสิบคัน ได้นำจรวดหมู่แบบ GRAD ที่ผลิตในรัสเซียผ่านไป
       
       เป็นที่ทราบกันดีว่า ในช่วงสงครามเย็น กองทัพกัมพูชาเคยมีขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานพื้นสู่อากาศในครอบครองจำนวนมาก รวมทั้งแบบ SAM7 กับ SAM3 ที่ผลิตในอดีตสหภาพโซเวียต
       
       ในยุคใหม่ได้มีการทำลายลงจำนวนมาก ภายใต้อำนวยการของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เกรงว่า อาวุธร้ายจะตกถึงมือกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติ และจะเป็นภัยคุกคามต่อการบินพาณิชย์ของโลก
สมเด็จฯ ฮุนเซน ได้เคยกล่าวถึงการใช้อาวุธต่อสู้อากาศยานต่อกรกับ "การรุกราน" ของไทย ถ้าหากจำเป็น
       
       วันที่ 30 มิ.ย.ผู้นำกัมพูชาได้กล่าวเตือนประเทศไทย ให้ระวังเครื่องบินที่บิน ล้ำน่าฟ้าโดยกล่าวว่าไม่สามารถห้ามทหารที่ชายแดนไม่ให้เหนี่ยวไกปล่อยขีปนาวุธต่อได้ และ ยังสำทับอีกว่า ถึงแม้หลายปีมานี้กัมพูชาจะได้ทำลายขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานแบบประทับไหล่ยิงไปแล้วถึง 270 ลูก แต่ก็ได้นำเอารุ่นใหม่ที่ทันสมัยยิ่งกว่าเข้าประจำการอีกจำนวนมาก เพราะฉะนั้นประเทศไทยควรระวังให้ดี
       
       "ผมอยากจะบอกพวกคุณว่า ถึงแม้ว่าขีปนาวุธพวกนี้จะมีราคาถึงลูกละ 120,000 ดอลลาร์ก็จะหาซื้อมันมา" สมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าวระหว่างพิธีประศาสตร์ปริญญาบัตร แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยนอร์ตัน จำนวน 975 คน ในกรุงพนมเปญ ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์กัมโบดจ์ซวาร์ (Cambodge Soir)
       
       ในโอกาสเดียวกันนี้สมเด็จฯ ฮุนเซน ยังได้ยืนยัน เหตุการณ์วันที่ 28 มิ.ย. ณ ที่ตั้งกองกำลังพิทักษ์ผู้นำ ภายในค่ายตวลระแซง (Tuol Krasaing) ในเขต อ.ตาขเมา (Takhmao) จ.กันดาล (Kandal) ซึ่งอยู่ชานกรุงพนมเปญ
  ในเหตุการณ์ดังกล่าว จรวดแบบ BM-21 "GRAD" ที่ผลิตในรัสเซีย เกิดระเบิดขึ้นด้วยความเลินเล่อของทหารชั้นผู้น้อย จรวดที่โดนแรงระเบิดแต่ไม่ระเบิด ปลิวว่อนเข้าไปในบ้านพักของผู้นำ
       
       เดชะบุญมีทหารได้รับบาดเจ็บเพียง 2 คนในเหตุการณ์ ขณะที่ พล.อ.ฮิง บุนเฮียง (Hing Bunheang) ผบ.กองกำลังพิทักษ์ผู้นำ กล่าวว่า หน่วยรบดังกล่าวสูญจรวดบนรถบรทุกไปจำนวน 5 คัน ทั้งหมดกำลังจะมุ่งหน้าไปยังชายแดนด้านปราสาทพระวิหาร
       
       สมเด็จฯ ฮุนเซน กล่าวถึงเรื่องนี้ในวันที่ 30 มิ.ย.ว่า จรวดที่สูญเสียไปในเหตุการณ์นี้เป็นเพียงประมาณ 1% ของที่มีใช้ในกองทัพเท่านั้น แต่ละลูกมีราคา 3,000 ดอลลาร์
       
       "ไม่อยากจะคุย กัมพูชายังมีทั้งจรวดขนาดกลาง ทั้งขนาดใหญ่กว่านี้อีก" ผู้นำที่มีอำนาจสูงสุดกล่าว
 ที่ผ่านมาฝ่ายค้านกับองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนในกัมพูชากล่าวหาว่า พลน้อยที่ 70 เป็น "กองทัพส่วนตัว" ของสมเด็จฯ ฮุนเซน เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า และ มีประวัติอาชญากรรม กับการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างสูง
       
       รัฐบาลกัมพูชาได้ออกกฤษฎีกาฉบับหนึ่งเมื่อต้นเดือนนี้ แยกกองกำลังพิทักษ์ผู้นำออกจาก กองพลน้อยที่ 70 โดย พล.อ.ฮิง บุนเฮียง (Hing Bunheang) ผบ.กองพลน้อยดังกล่าวย้ายไปเป็นผู้บัญชาการ กองบัญชาการพิทักษ์ผู้นำ
       
       พล.อ.เตีย บัญ (Tea Banh) รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงเรื่องนี้กับสื่อในกรุงพนมเปญในสัปดาห์ต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่าการแยกตัวออกจากกันเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับหน่วยกำลังสำคัญทั้งสองหน่วย โดยกองพลน้อยที่ 70 จะเป็นหน่วยรบที่มีความชัดเจนยิ่งขึ้น เช่นเดียวกันกับกองกำลังพิเศษคุ้มกันนายกรัฐมนตรีที่แยกตัวออกไป ตั้งเป็นกองบัญชาการต่างหาก
       
       "ทุกประเทศล้วนมีหน่วยคุ้มกันผู้นำ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก" รมว.กลาโหมกัมพูชากล่าว โดยไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียด แต่ก็กล่าวด้วยว่า นอกจากจะคุ้มกันครอบครัวผู้นำแล้ว หน่วยรบใหม่ยังจะปฏิบัติการร่วมกับหน่วยรบอื่นๆ ของกองทัพด้วย
       
       "กองบัญชาการใหม่มีภารกิจในการพิทักษ์ความมั่นคงปลอดภัยของท่านผู้นำ และ ยังจะต้องเข้าร่วม (ภารกิจ) อื่นๆ รวมทั้งการป้องกันประเทศที่ชายแดนด้วย" พล.ต.โรส ชอม (Ros Chhorm) รองปลัดกระทรวงกลาโหมกล่าว
       
       แต่แหล่งข่าวในหน่วยรบใหม่กล่าวว่า กองกำลังพิทักษ์ผู้นำจะอยู่ใต้บัญชาการของสมเด็จฯ ฮุนเซน โดยเฉพาะ โดยมีผู้บัญชาการคือ พล.อ.ฮิงบุนเฮียง ซึ่งเป็นผู้บัญชาการระดับกองพลน้อยที่มีอาวุโสพิเศษ
นักวิเคราะห์เคยกล่าวว่า หน่วยพิทักษ์ผู้นำกัมพูชามีกำลังพลไม่ต่ำ 4,000 คน บ้านพักของผู้นำอยู่ในค่ายทหารแห่งนี้ และ ยังเป็นหน่วยรบที่ติดอาวุธทันสมัยที่สุด ที่มีใช้ในกองทัพ
       
       กองกำลังพลติดอาวุธทันสมัย ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีส่วนหนึ่งได้ออกปรากฏตัว ทำหน้าที่คุ้มกันท่านผู้หญิงบุนรานีฮุนเซน (Bun Rany Hun Sen) ระหว่างไปทำพิธีทางศาสนาบนปราสาทพระวิหารในเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว
       
       บุคคลภายนอก หลายคนมองว่าการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญนี้เป็นการปรับภาพลักษณ์ เนื่องจากที่ผ่านมา ทหารจากกองพลน้อยที่ 70 เคยเข้าขับไล่ราษฎรออกจากพื้นที่ เคยเข้าปราบปรามฝูงชน ข่มขู่การเคลื่อนไหวของสหภาพแรงงาน
       
       ฝ่ายค้านกับองค์กรพิทักษ์สิทธิมนุษยชน ยังกล่าวหาว่า ทหารจากกองพลน้อยนี้ เป็นผู้ต้องรับผิดชอบการปาระเบิดสังหารระหว่างการเดินขบวนในปี 2540 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 16 คน นายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านได้รับบาดเจ็บสาหัส





ความคิดเห็นที่ 1


นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเป็นประธานในพิธีสวนสนามของกองพลน้อยที่ 70 ในกรุงพนมเปญ วันอังคาร (13 ต.ค.) นี้ หลังจากแยกกองกำลังคุ้มกันส่วนตัวออกไป


โดยคุณ amagedon เมื่อวันที่ 13/10/2009 13:05:40


ความคิดเห็นที่ 2


พล.อ.ฮิงบุนเฮียง (Hing Bunheang) กินเงินเดือนภาษีของราษฎร แต่เป็นผู้บัญชาการกองทัพส่วนตัวสมเด็จฯ ฮุนเซน


โดยคุณ amagedon เมื่อวันที่ 13/10/2009 13:06:39


ความคิดเห็นที่ 3


คุ้นหน้าคุ้นตากันดี รถบรรทุกจรวดหมู่ BM-21 ที่ผลิตในรัสเซีย แล่นอยู่ชายแดนด้านพระวิหารปีที่แล้ว


โดยคุณ amagedon เมื่อวันที่ 13/10/2009 13:07:23


ความคิดเห็นที่ 4


เขี้ยวเล็บสำคัญของกองทัพบก กัมพูชาสูญรถพร้อมจรวด BM-21 ที่บรรทุกไปจำนวน 5 คัน ในเหตุการณ์ระเบิดวันที่ 28 มิ.ย.ปีนี้ใกล้บ้านพักสมเด็จฯ ฮุนเซน


โดยคุณ amagedon เมื่อวันที่ 13/10/2009 13:08:52


ความคิดเห็นที่ 5


อันนี้ใครรู้ช่วยบอกหน่อยครับ


โดยคุณ amagedon เมื่อวันที่ 13/10/2009 13:10:31


ความคิดเห็นที่ 6


เอเค-47 "อาก้า" ด้ามสีแสดแดง ของเล่นใหม่เอี่ยมผลิตจากจีน


โดยคุณ amagedon เมื่อวันที่ 13/10/2009 13:11:30


ความคิดเห็นที่ 7


มาเยอะจัง


โดยคุณ amagedon เมื่อวันที่ 13/10/2009 13:12:30


ความคิดเห็นที่ 8


รถถังนี้ใครพอให้รายละเอียดได้บ้างครับ


โดยคุณ amagedon เมื่อวันที่ 13/10/2009 13:15:53


ความคิดเห็นที่ 9


อีกรูป


โดยคุณ amagedon เมื่อวันที่ 13/10/2009 13:16:50


ความคิดเห็นที่ 10


รูปตามข่าวสุดท้าย


โดยคุณ amagedon เมื่อวันที่ 13/10/2009 13:17:41


ความคิดเห็นที่ 11


จรวดที่ถือเดินสวนสนามคือ WPF-89 เป็นจรวดสังหารบุลคล ขนาด 80 min
-รถถังที่สวนสนามคือ T-55 , Type-59 มีไม่เกิน 300
-ยานเกราะในรูปก่อนหน้าคือ BMP-1 มีไม่เกิน 100

ข้อมูลจากผู้ไม่ทราบนามในเว็ปข่าว

(อาจจะเป็นคนในนี้ก็ได้)

โดยคุณ amagedon เมื่อวันที่ 13/10/2009 13:37:40


ความคิดเห็นที่ 12


SA-7


โดยคุณ amagedon เมื่อวันที่ 13/10/2009 13:49:17


ความคิดเห็นที่ 13


WPF-89 หรือ SMAW เวอรชันจีน ได้มีการนำมาทดสอบในไทยด้วยคับ
นอกจากนี้กัมพูชาได้จัดหา ARMBRUST จากสิงค์โปรจำนวนหนึ่งด้วยคับ

จำนวนถ.หลัก ของกัมพูชามีจำนวนประมาณ 300 คัน (T54/55,Type59)มากกว่าครึ่งมีปัญหาเรื่องอะไหล่ อีกทั้งขาดการดูแลรักษา ทำให้ความพร้อมของ ถ.กัมพูชาอยู่ในเกณฑ์ต่ำ (แต่จากเหตุการณ์กรณีพิพากษ์ ภาพจากสื่อก็แสดงให้เห็นว่ายังวิ่งได้)

ระบบSAM-7 ยังคงเป็นอาวุธที่น่ากลัวของอากาศยานไทยในระดับต่ำ
ทางกัมพูชาได้รับการช่วยเหลือจากโซเวียตเป็นจำนวนมากคับ
รวมถึงการจัดหา SAMจีน แบบ FN-6,FN12 เพิ่มเติม

ปัจจุบันทางกัมพูชาพยายามที่จะพัฒนากองทัพให้ทันสมัยมากขึ้นคับ
เพื่อทดแทนอาวุธสมัย70 ที่มีจำนวนมหาศาล แต่เก่าและล้าสมัย

ส่วนตัวคิดว่า มีความเป็นไปได้น้อยในเวลานี้ ที่กัมพูชา จะจัดหาอาวุธสมัยใหม่
ที่มีประสิทธิภาพสูง จนทำให้ไทยเราต้องกังวล เนื่องจากงบประมาณที่จำกัดมากของกัมพูชานั่นเอง

โดยคุณ MIGGERS เมื่อวันที่ 13/10/2009 14:45:30


ความคิดเห็นที่ 14


ASTV นี่เกาะติดกัมพูชาจริงๆ ท่าทางจะทำสีใหม่มา สายพานรถถังกับล้อยางของรถ MLRS ยังเหมือนจะมีโคลนแห้งๆเกาะอยู่เลย


โดยคุณ phongrapee เมื่อวันที่ 13/10/2009 22:58:43


ความคิดเห็นที่ 15


คำบรรยายภาพนี่ท่านจขกท.บรรยายเองหรือมาจากเว็บผจก.ครับ?

ถ้าบรรยายเองก็ขอให้ระวังเรื่องการพาดพิงบุคคลอื่นด้วยนะครับ แต่ถ้าเป็นเว็บผจก.บรรยายผมก็ปลงแล้วครับ 555

มาดูแต่ละรูปว่าคืออะไรกันบ้าง

กองทัพกัมพูชาได้เผยเขี้ยวเล็บสำคัญ

FN-6 FN-12/16 (China)
http://en.wikipedia.org/wiki/FN-6
http://www.sinodefence.com/army/surfacetoairmissile/hongying6.asp
http://www.thaifighterclub.org/webboard.php?action=detailQuestion&questionid=9674&topic=

WPF-89 (China)

Type 56-2 or Type 81-1(China)

T-54/55 (Soviet)& Type 59 (China)

BMP-1 (Soviet) WZ 501 (Type 86 IFV) (China)

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 13/10/2009 23:52:26


ความคิดเห็นที่ 16


ปืนพกในซองของนายทหารที่นำขบวนไม่ โทกาเรฟ (ไทพ์54 จีน) ก็มาคารอฟ (ไทพ์59 จีน) สังเกตจากลักษณะซองปืนแบบโซเวียตเก่าครับ

แล้วนี่..สวนสนามตามแฟชั่นจากวันชาติจีนรึเปล่าครับนั้น 5555

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 13/10/2009 23:56:24


ความคิดเห็นที่ 17


คำบรรยายภาพนี่ท่านจขกท.บรรยายเองหรือมาจากเว็บผจก.ครับ?

ตอบคุณtan02 ครับ คำบรรยายสีแดงเอามาจากเวปครับ

ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำ จะได้ปรับปรุงการโพสมากขึ้น

โดยคุณ amagedon เมื่อวันที่ 14/10/2009 05:12:20


ความคิดเห็นที่ 18


การฝึกทหารเค้าจะดูว่าทหารฝึกมาดีหรือไม่ก็ที่การสวนสนาม
ท่านทั้งหลายลองดูทหารไม่ว่าจะเป็น
ทหารรัสเซียเดินสวนสนามที่จตุรัสแดง
หรือการสวนสนามของทหารจีนในงานวันชาติ
และการสวนสนามของทหารเกาหลีเหนือ
เทียบกับการสวนสนามของทหารเขมร
และเทียบกับการสวนสนามของทหารไทย
ถ้าทหารเขมรยังเดินได้แค่นี้ ไม่ต้องห่วงเลยเรื่องการใช้อาวุธ
แค่เดินยังไม่ได้เรื่อง มีดีก็แค่ขู่+เห่าไปเท่านั้น

โดยคุณ e21cye เมื่อวันที่ 14/10/2009 06:52:43


ความคิดเห็นที่ 19


อึมส์..ไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวมีคนกดไฟแดง.....กระทู้พลีชีพ
โดยคุณ wut เมื่อวันที่ 14/10/2009 07:06:34


ความคิดเห็นที่ 20


ข่าวเพิ่มเติม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 ตุลาคม 2552

ภาพรอยเตอร์วันที่ 13 ต.ค.2552กองทัพกัมพูชานำปืนใหญ่ที่ไม่ทราบขนาดออกอวดในงานสวนสนาม ฉลองครบรอบปีที่ 15 การก่อตั้งกองพลน้อยที่ 70 "องครักษ์พิทักษ์ผู้นำ" ผบ.ทหารที่ชายแดนด้านพระวิหารกล่าวในสัปดาห์นี้ว่า หากทหารไทย "ล้ำแดน" ครั้งต่อไป ก็จะใช้อาวุธหนักออกตอบโต้ ซึ่งรวมทั้ง "ป.120" ด้วย


โดยคุณ amagedon เมื่อวันที่ 20/10/2009 21:50:42


ความคิดเห็นที่ 21


ASTVผู้จัดการรายวัน— ถ้าหากเกิดการปะทะกันอีกครั้งหนึ่งระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาในเขตแดนพิพาททางด้านเขาพระวิหาร การสู้รบอาจจะมีขนาดที่ใหญ่โตกว่า 2 ครั้งที่ผ่านมา โดยฝ่ายกัมพูชาอาจจะนำอาวุธหนักเข้าใช้เป็นครั้งแรก
       
       ถ้าหากทหารไทย "รุกล้ำแดน" ของกัมพูชาอีก คราวนี้กัมพูชาจะใช้อาวุธที่มีอานุภาพรุนแรงยิ่งขึ้นใหญ่ขึ้นในการตอบโต้ รวมทั้งปืนใหญ่ 120 มม. ด้วย พล.ต.เจียดารา (Chea Dara) ผู้บัญชาการกองพลที่ประจำการด้านภูมะเขือ ชายแดนด้าน จ.ศรีสะเกษ ของไทย กล่าว
       
       ผบ.ทหารในพื้นที่ของกัมพูชา ระบุดังกล่าว ในการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ดืมอัมปึล (Deum Ampil) หลังไปเยี่ยมที่ตั้งทหารที่ชายแดนวันเสาร์ (17 ต.ค.) ที่ผ่านมา และ หลังจากมีรายงานว่าฝ่ายไทยได้ส่งรถถัง "ติดระบบอาวุธสมัยใหม่" เข้าในพื้นที่
       
       หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ยังอ้างคำกล่าวของแหล่งข่าวทางทหารรายหนึ่ง ซึ่งกล่าวหาว่า ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.2551 เป็นต้นมาทหารไทยได้เคย “ล้ำแดน” เข้าไปหลายครั้งทางด้านด้านภูมะเขือ (Phnom Trop) ซึ่งฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยินยอมให้เกิดขึ้นอีก "เราจะไม่ยอมเสียดินแดนแม้สักตารางนิ้วเดียว ตามคำสั่งของสมเด็จฯ ฮุนเซน"
       
       การเยือนที่ตั้งในแนวหน้าของ พล.ต.เจียดารา เป็นความพยายามปลุกขวัญกำลังทหารซึ่งเจ้าตัวกล่าวว่า "สถานการณ์ดีขึ้นมาก เราพูดได้ว่า เราสามารถตีโต้ศัตรูผู้รุกรานได้อย่างแน่นอน"
       
       ชายแดนด้านภูมะเขือเป็นส่วนหนึ่งใน "เขตแดนทับซ้อน" ตั้งอยู่ห่างจากปราสาทพระวิหารไปทางทิศตะวันตกราวกิโลเมตรเศษ เคยเป็นสมรภูมินองเลือดระหว่างทหารของสองฝ่ายในวันที่ 15 ต.ค.ปีที่แล้ว กับอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 3 เม.ย.ปีนี้
ภาพแฟ้มเอเอฟพีวันที่ 15 ต.ค.2551 วันที่เกิดการปะทะครั้งแรกที่ชายแดน-ภูมะเขือ ทหารกัมพูชาเสียชีวิตไป 3 คน ไกลออกไปทหารของไทยกำลังจัดปืนใหญ่เตรียมพร้อม แต่ระดับบนได้เปิดเจรจาหย่าศึกเสียก่อน ตั้งแต่เกิดความตึงเครียดที่ชายแดน ปืนใหญ่ของทั้งสองฝ่ายยังไม่เคยแผดเสียงคำราม.. ครั้งต่อไปไม่แน่


โดยคุณ amagedon เมื่อวันที่ 20/10/2009 21:54:40


ความคิดเห็นที่ 22


การปะทะทั้งสองครั้งที่ผ่านมา สองฝ่ายยังคงใช้อาวุธประจำกายยิงตอบโต้กันเป็นหลัก อาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงที่สุดที่ฝ่ายกัมพูชาใช้ก็คือ ระเบิดอาร์พีจี และ ฝ่ายกัมพูชกล่าวหาว่า ไทยได้ใช้จรวดยิงถล่มจนกระทั่งตลาดค้าขายชายแดนเชิงเขาพระวิหารพังพินาศสิ้น
       
       แต่ พล.ต.ดารากล่าวว่า คราวนี้ฝ่ายกัมพูชาจะใช้อาวุธที่มีความรุนแรงยิ่งขึ้น
       
       ตามรายงานของสื่อในกรุงพนมเปญ วันพุธสัปดาห์ที่แล้ว ทหารที่ประจำการชายแดนด้านปราสาทพระวิหารมีอาการตื่นตระหนกพอสมควรเมื่อรถถังของฝ่ายไทยจำนวน 3 คัน เคลื่อนเข้าสู่พื้นที่ เช่นเดียวกับทหารที่ประจำในเขตภูมะเขือ ที่รายงานว่ารถถังไทย “ติดระบบอาวุธสมัยใหม่” จำนวน 2 คัน เข้าไปที่นั่น เผชิญหน้ากับทหารกัมพูชาที่ตั้งมั่นอยู่
       
       แต่ความวิตกกังวลหายไปเมื่อทราบว่า ทั้งหมดเป็นการเคลื่อนกำลังของหน่วยคุ้มกันการเดินทางตรวจพื้นที่ชายแดนของ พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี
       "ก่อนพลตรีกนกจะไปถึงที่นั่นพวกเราได้ยินเสียงรถถังราว 3 คันเข้าไปก่อน พร้อมทหารอีกจำนวนหนึ่ง.." พล.ต.สเรย์เดิ๊ก (Srey Deuk) ผู้บัญชาการกองพลที่ประจำการด้านปราสาทพระวิหารกล่าวกับ "ดืมอัมปึล"
       
       “จากนั้นเข้าไปยังบริเวณชายแดนด้านโอจักเกรง แล้วก็ต่อไปทางช่องตาสิม ก่อนจะเลยไปทางภูมะเขือ.. ทีแรกเรานึกว่าเป็นผู้บัญชาการทหารบกของไทยเสียอีก" พล.ต.เสรย์เดิ๊กล่าว
ปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ออกคำสั่งไปยังทหารที่ตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ชายแดนบริเวณปราสาทพระวิหาร หากพบว่ามีผู้ใดรุกล้ำชายแดนสามารถยิงได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือพลเรือน
       
       คำสั่งยังมีขึ้นหลังจากกลุ่มผู้ประท้วงชาวไทยได้เดินทางไปยังพื้นที่ใกล้กับปราสาทพระวิหาร
       
       “ถ้าพวกเขาล่วงล้ำเข้ามาอีกเราจะยิง” สมเด็จฯ ฮุนเซน กล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ยืนยันว่า ผู้นำกัมพูชาได้สั่งกองกำลังทหารตามบริเวณชายแดนให้สามารถยิงผู้ที่บุกรุกได้ ไม่ว่าจะเป็นพลเรือนหรือทหารก็ตาม
       
       “ทหาร ตำรวจ และกองกำลังต้องทำตามคำสั่งนี้ สำหรับผู้บุกรุกจะไม่มีการใช้โล่หรือเกราะกำบังสกัดกั้นอีกแล้ว แต่จะใช้ลูกกระสุนแทน” สมเด็จฯ ฮุนเซน กล่าวระหว่างการปราศรัยในการทำพิธีเปิดอาคารกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชาแห่งใหม่ในกรุงพนมเปญ.
โดยคุณ amagedon เมื่อวันที่ 20/10/2009 21:56:15


ความคิดเห็นที่ 23


กองทัพเราว่าเก่าแล้ว เจอเขมร เข้าไป โอ้โฮ เก๋า..เก่า ไอ้ภาพจรวจ WPS 89 น่ะ มันจรวจเอนกประสงค์แบบเดียวกับ บาร์ซูก้า ที่ไทยใช้นะแหล่ะ ไม่ใช่เก่าแค่อาวุธน่ะ ยุทธวิธีก็เก่าพอกับเจ้าของมัน เพื่อนที่อยู่ชายแดนเขมรเคยบอกว่า ทหารเขมรได้เงินเดือน 2,580 บาท ไม่มีเบี้ยเลี้ยงสนาม ไม่มีโรงพยาบาลทหาร ไม่มี ฮ.ส่งกลับสายการแพทย์ ไม่มีเบี้ยประกอบพิธีกรรมศพ ถ้าจะได้ก็ต้องมีสื่อมาทำข่าว(พวกเอาหน้านี่ มีทุกหัวระแหงเลยนิ)สรุปเขาก็ไม่อยากเสี่ยงกับเรา ยกเว้น ไอ้พวกใช้ปากที่อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุ มีอำนาจสั่งการตามใจชอบ ไม่คำนึกถึงผลที่จะตามมา หาแต่คะแนนเสียงใส่ตัว(นี่ว่าชาติอื่นน่ะ) ทหารเราเองก็ไม่อยากจะเรียกร้องอะไร แต่ถ้าพวกแหย่มมา ก็เจอ RPG ก่อน ตามด้วย M60 M16 A1-2 ตลอดจน HK ปิดท้ายด้วย อีโบ๊ะ บ้าชาติใคร ใครก็ห่วง

โดยคุณ makropolo เมื่อวันที่ 21/10/2009 04:26:45


ความคิดเห็นที่ 24


ภาพรอยเตอร์วันที่ 13 ต.ค.2552กองทัพกัมพูชานำปืนใหญ่ที่ไม่ทราบขนาดออกอวดในงานสวนสนาม

ถ้าจำไม่ผิดเป็นปืนสนามและต่อสู้รถถัง ZIS-3 ของอดีตสหภาพโซเวียตช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนะครับ แต่ที่เอามาโชว์คงเป็นรุ่นที่จีนผลิต ใช้กระสุน 76มม. ปืนแบบนี้จะจัดว่าเก่าก็ใช่ แต่ก็เคยประจำอยู่ในกองทัพกลุ่มวอร์ซอร์แพ็คในช่วงสงครามเย็น ไม่แน่ใจว่ากองทัพจีนยังมีปืนแบบนี้ประจำอยู่หรือไม่นะครับ

http://en.wikipedia.org/wiki/76_mm_divisional_gun_M1942_(ZiS-3)

ส่วน ป.120 น่าจะแปลว่าปืนใหญ่ 120มม. เล่นเอาผมงงเพราะผมไม่เคยรู้มาก่อนว่ากัมพูชาเค้ามีปืนใหญ่ขนาด 120มม.ด้วย? ถ้าเป็นค.120มม.นี่ยังว่าไปอย่าง

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 21/10/2009 09:15:42


ความคิดเห็นที่ 25


อืมๆๆภาพทหารเดินสวนสนามนั่นลูกเสือชัดๆ

โดยคุณ korn เมื่อวันที่ 24/03/2010 01:29:21


ความคิดเห็นที่ 26


อีกนิดเดียวคนอ่านครบ10000แล้วครับสู้

แหม.....มันสื่อให้เห็นอะไรบางอย่าง คิคิ อิอิ

โดยคุณ korn เมื่อวันที่ 24/03/2010 01:40:59