ASTVผู้จัดการออนไลน์
กองทัพกัมพูชาได้เผยเขี้ยวเล็บสำคัญ รวมทั้งขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานกับจรวดหมู่ GRAD ที่ผลิตในอดีตสหภาพโซเวียต กับ รถถังที่ยังมีสภาพดีจากจีน เป็นการสำทับคำขู่ของผู้นำกัมพูชา ที่เคยเตือนจะยิงใช้เครื่องบินไทยที่บินล้ำน่านฟ้า
พิธีสวนสนามของกองพลน้อยที่ 70 (Brigade 70) ในกรุงพนมเปญ มีขึ้นหลังการแปรรูปแปลงโฉมใหม่ โดยแยกกองกำลังพิทักษ์ สมเด็จอัครมหาเสนาสบดีเดโชฮุนเซน ออกไปเป็นกองบัญชาการอิสระต่างหาก
การสวนสนามเป็นไปอย่างเอิกเริก โดยมีสมเด็จฯ ฮุนเซน ในชุดนายพล 4 ดาวจอมทัพ ยืนตระหง่านอยู่บนรถยนต์ตรวจการณ์ วันทยาหัตรับการแสดงความเคารพจากเหล่าทหารหาญ ที่อยู่ในชุดพรางงามสง่า ในขบวนแถวกองร้อยต่างๆที่ บ้างก็ติดอาวุธปืนเอเค-47 กระบอกใหม่ผลิตในประเทศจีน บ้างก็แบกเครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง
อีกหนึ่งกองร้อยนำขีปนาวุธต่อสู้อากาศยาน ที่ยังไม่ทราบรุ่นออกอวดโฉมโดยบรรทุกไปในรถจี๊ป ขณะที่รถบรรทุกอีกนับสิบคัน ได้นำจรวดหมู่แบบ GRAD ที่ผลิตในรัสเซียผ่านไป
เป็นที่ทราบกันดีว่า ในช่วงสงครามเย็น กองทัพกัมพูชาเคยมีขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานพื้นสู่อากาศในครอบครองจำนวนมาก รวมทั้งแบบ SAM7 กับ SAM3 ที่ผลิตในอดีตสหภาพโซเวียต
ในยุคใหม่ได้มีการทำลายลงจำนวนมาก ภายใต้อำนวยการของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เกรงว่า อาวุธร้ายจะตกถึงมือกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติ และจะเป็นภัยคุกคามต่อการบินพาณิชย์ของโลก
สมเด็จฯ ฮุนเซน ได้เคยกล่าวถึงการใช้อาวุธต่อสู้อากาศยานต่อกรกับ "การรุกราน" ของไทย ถ้าหากจำเป็น
วันที่ 30 มิ.ย.ผู้นำกัมพูชาได้กล่าวเตือนประเทศไทย ให้ระวังเครื่องบินที่บิน ล้ำน่าฟ้าโดยกล่าวว่าไม่สามารถห้ามทหารที่ชายแดนไม่ให้เหนี่ยวไกปล่อยขีปนาวุธต่อได้ และ ยังสำทับอีกว่า ถึงแม้หลายปีมานี้กัมพูชาจะได้ทำลายขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานแบบประทับไหล่ยิงไปแล้วถึง 270 ลูก แต่ก็ได้นำเอารุ่นใหม่ที่ทันสมัยยิ่งกว่าเข้าประจำการอีกจำนวนมาก เพราะฉะนั้นประเทศไทยควรระวังให้ดี
"ผมอยากจะบอกพวกคุณว่า ถึงแม้ว่าขีปนาวุธพวกนี้จะมีราคาถึงลูกละ 120,000 ดอลลาร์ก็จะหาซื้อมันมา" สมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าวระหว่างพิธีประศาสตร์ปริญญาบัตร แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยนอร์ตัน จำนวน 975 คน ในกรุงพนมเปญ ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์กัมโบดจ์ซวาร์ (Cambodge Soir)
ในโอกาสเดียวกันนี้สมเด็จฯ ฮุนเซน ยังได้ยืนยัน เหตุการณ์วันที่ 28 มิ.ย. ณ ที่ตั้งกองกำลังพิทักษ์ผู้นำ ภายในค่ายตวลระแซง (Tuol Krasaing) ในเขต อ.ตาขเมา (Takhmao) จ.กันดาล (Kandal) ซึ่งอยู่ชานกรุงพนมเปญ
ในเหตุการณ์ดังกล่าว จรวดแบบ BM-21 "GRAD" ที่ผลิตในรัสเซีย เกิดระเบิดขึ้นด้วยความเลินเล่อของทหารชั้นผู้น้อย จรวดที่โดนแรงระเบิดแต่ไม่ระเบิด ปลิวว่อนเข้าไปในบ้านพักของผู้นำ
เดชะบุญมีทหารได้รับบาดเจ็บเพียง 2 คนในเหตุการณ์ ขณะที่ พล.อ.ฮิง บุนเฮียง (Hing Bunheang) ผบ.กองกำลังพิทักษ์ผู้นำ กล่าวว่า หน่วยรบดังกล่าวสูญจรวดบนรถบรทุกไปจำนวน 5 คัน ทั้งหมดกำลังจะมุ่งหน้าไปยังชายแดนด้านปราสาทพระวิหาร
สมเด็จฯ ฮุนเซน กล่าวถึงเรื่องนี้ในวันที่ 30 มิ.ย.ว่า จรวดที่สูญเสียไปในเหตุการณ์นี้เป็นเพียงประมาณ 1% ของที่มีใช้ในกองทัพเท่านั้น แต่ละลูกมีราคา 3,000 ดอลลาร์
"ไม่อยากจะคุย กัมพูชายังมีทั้งจรวดขนาดกลาง ทั้งขนาดใหญ่กว่านี้อีก" ผู้นำที่มีอำนาจสูงสุดกล่าว
ที่ผ่านมาฝ่ายค้านกับองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนในกัมพูชากล่าวหาว่า พลน้อยที่ 70 เป็น "กองทัพส่วนตัว" ของสมเด็จฯ ฮุนเซน เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า และ มีประวัติอาชญากรรม กับการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างสูง
รัฐบาลกัมพูชาได้ออกกฤษฎีกาฉบับหนึ่งเมื่อต้นเดือนนี้ แยกกองกำลังพิทักษ์ผู้นำออกจาก กองพลน้อยที่ 70 โดย พล.อ.ฮิง บุนเฮียง (Hing Bunheang) ผบ.กองพลน้อยดังกล่าวย้ายไปเป็นผู้บัญชาการ กองบัญชาการพิทักษ์ผู้นำ
พล.อ.เตีย บัญ (Tea Banh) รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงเรื่องนี้กับสื่อในกรุงพนมเปญในสัปดาห์ต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่าการแยกตัวออกจากกันเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับหน่วยกำลังสำคัญทั้งสองหน่วย โดยกองพลน้อยที่ 70 จะเป็นหน่วยรบที่มีความชัดเจนยิ่งขึ้น เช่นเดียวกันกับกองกำลังพิเศษคุ้มกันนายกรัฐมนตรีที่แยกตัวออกไป ตั้งเป็นกองบัญชาการต่างหาก
"ทุกประเทศล้วนมีหน่วยคุ้มกันผู้นำ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก" รมว.กลาโหมกัมพูชากล่าว โดยไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียด แต่ก็กล่าวด้วยว่า นอกจากจะคุ้มกันครอบครัวผู้นำแล้ว หน่วยรบใหม่ยังจะปฏิบัติการร่วมกับหน่วยรบอื่นๆ ของกองทัพด้วย
"กองบัญชาการใหม่มีภารกิจในการพิทักษ์ความมั่นคงปลอดภัยของท่านผู้นำ และ ยังจะต้องเข้าร่วม (ภารกิจ) อื่นๆ รวมทั้งการป้องกันประเทศที่ชายแดนด้วย" พล.ต.โรส ชอม (Ros Chhorm) รองปลัดกระทรวงกลาโหมกล่าว
แต่แหล่งข่าวในหน่วยรบใหม่กล่าวว่า กองกำลังพิทักษ์ผู้นำจะอยู่ใต้บัญชาการของสมเด็จฯ ฮุนเซน โดยเฉพาะ โดยมีผู้บัญชาการคือ พล.อ.ฮิงบุนเฮียง ซึ่งเป็นผู้บัญชาการระดับกองพลน้อยที่มีอาวุโสพิเศษ
นักวิเคราะห์เคยกล่าวว่า หน่วยพิทักษ์ผู้นำกัมพูชามีกำลังพลไม่ต่ำ 4,000 คน บ้านพักของผู้นำอยู่ในค่ายทหารแห่งนี้ และ ยังเป็นหน่วยรบที่ติดอาวุธทันสมัยที่สุด ที่มีใช้ในกองทัพ
กองกำลังพลติดอาวุธทันสมัย ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีส่วนหนึ่งได้ออกปรากฏตัว ทำหน้าที่คุ้มกันท่านผู้หญิงบุนรานีฮุนเซน (Bun Rany Hun Sen) ระหว่างไปทำพิธีทางศาสนาบนปราสาทพระวิหารในเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว
บุคคลภายนอก หลายคนมองว่าการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญนี้เป็นการปรับภาพลักษณ์ เนื่องจากที่ผ่านมา ทหารจากกองพลน้อยที่ 70 เคยเข้าขับไล่ราษฎรออกจากพื้นที่ เคยเข้าปราบปรามฝูงชน ข่มขู่การเคลื่อนไหวของสหภาพแรงงาน
ฝ่ายค้านกับองค์กรพิทักษ์สิทธิมนุษยชน ยังกล่าวหาว่า ทหารจากกองพลน้อยนี้ เป็นผู้ต้องรับผิดชอบการปาระเบิดสังหารระหว่างการเดินขบวนในปี 2540 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 16 คน นายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านได้รับบาดเจ็บสาหัส
รถถังนี้ใครพอให้รายละเอียดได้บ้างครับ
จรวดที่ถือเดินสวนสนามคือ WPF-89 เป็นจรวดสังหารบุลคล ขนาด 80 min
-รถถังที่สวนสนามคือ T-55 , Type-59 มีไม่เกิน 300
-ยานเกราะในรูปก่อนหน้าคือ BMP-1 มีไม่เกิน 100
ข้อมูลจากผู้ไม่ทราบนามในเว็ปข่าว
(อาจจะเป็นคนในนี้ก็ได้)
คำบรรยายภาพนี่ท่านจขกท.บรรยายเองหรือมาจากเว็บผจก.ครับ?
ถ้าบรรยายเองก็ขอให้ระวังเรื่องการพาดพิงบุคคลอื่นด้วยนะครับ แต่ถ้าเป็นเว็บผจก.บรรยายผมก็ปลงแล้วครับ 555
มาดูแต่ละรูปว่าคืออะไรกันบ้าง
FN-6 FN-12/16 (China)
http://en.wikipedia.org/wiki/FN-6
http://www.sinodefence.com/army/surfacetoairmissile/hongying6.asp
http://www.thaifighterclub.org/webboard.php?action=detailQuestion&questionid=9674&topic=
WPF-89 (China)
Type 56-2 or Type 81-1(China)
T-54/55 (Soviet)& Type 59 (China)
BMP-1 (Soviet) WZ 501 (Type 86 IFV) (China)
ปืนพกในซองของนายทหารที่นำขบวนไม่ โทกาเรฟ (ไทพ์54 จีน) ก็มาคารอฟ (ไทพ์59 จีน) สังเกตจากลักษณะซองปืนแบบโซเวียตเก่าครับ
แล้วนี่..สวนสนามตามแฟชั่นจากวันชาติจีนรึเปล่าครับนั้น 5555
คำบรรยายภาพนี่ท่านจขกท.บรรยายเองหรือมาจากเว็บผจก.ครับ?
ตอบคุณtan02 ครับ คำบรรยายสีแดงเอามาจากเวปครับ
ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำ จะได้ปรับปรุงการโพสมากขึ้น
ข่าวเพิ่มเติม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ | 20 ตุลาคม 2552 |
กองทัพเราว่าเก่าแล้ว เจอเขมร เข้าไป โอ้โฮ เก๋า..เก่า ไอ้ภาพจรวจ WPS 89 น่ะ มันจรวจเอนกประสงค์แบบเดียวกับ บาร์ซูก้า ที่ไทยใช้นะแหล่ะ ไม่ใช่เก่าแค่อาวุธน่ะ ยุทธวิธีก็เก่าพอกับเจ้าของมัน เพื่อนที่อยู่ชายแดนเขมรเคยบอกว่า ทหารเขมรได้เงินเดือน 2,580 บาท ไม่มีเบี้ยเลี้ยงสนาม ไม่มีโรงพยาบาลทหาร ไม่มี ฮ.ส่งกลับสายการแพทย์ ไม่มีเบี้ยประกอบพิธีกรรมศพ ถ้าจะได้ก็ต้องมีสื่อมาทำข่าว(พวกเอาหน้านี่ มีทุกหัวระแหงเลยนิ)สรุปเขาก็ไม่อยากเสี่ยงกับเรา ยกเว้น ไอ้พวกใช้ปากที่อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุ มีอำนาจสั่งการตามใจชอบ ไม่คำนึกถึงผลที่จะตามมา หาแต่คะแนนเสียงใส่ตัว(นี่ว่าชาติอื่นน่ะ) ทหารเราเองก็ไม่อยากจะเรียกร้องอะไร แต่ถ้าพวกแหย่มมา ก็เจอ RPG ก่อน ตามด้วย M60 M16 A1-2 ตลอดจน HK ปิดท้ายด้วย อีโบ๊ะ บ้าชาติใคร ใครก็ห่วง
ภาพรอยเตอร์วันที่ 13 ต.ค.2552กองทัพกัมพูชานำปืนใหญ่ที่ไม่ทราบขนาดออกอวดในงานสวนสนาม
ถ้าจำไม่ผิดเป็นปืนสนามและต่อสู้รถถัง ZIS-3 ของอดีตสหภาพโซเวียตช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนะครับ แต่ที่เอามาโชว์คงเป็นรุ่นที่จีนผลิต ใช้กระสุน 76มม. ปืนแบบนี้จะจัดว่าเก่าก็ใช่ แต่ก็เคยประจำอยู่ในกองทัพกลุ่มวอร์ซอร์แพ็คในช่วงสงครามเย็น ไม่แน่ใจว่ากองทัพจีนยังมีปืนแบบนี้ประจำอยู่หรือไม่นะครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/76_mm_divisional_gun_M1942_(ZiS-3)
ส่วน ป.120 น่าจะแปลว่าปืนใหญ่ 120มม. เล่นเอาผมงงเพราะผมไม่เคยรู้มาก่อนว่ากัมพูชาเค้ามีปืนใหญ่ขนาด 120มม.ด้วย? ถ้าเป็นค.120มม.นี่ยังว่าไปอย่าง
อืมๆๆภาพทหารเดินสวนสนามนั่นลูกเสือชัดๆ
อีกนิดเดียวคนอ่านครบ10000แล้วครับสู้
แหม.....มันสื่อให้เห็นอะไรบางอย่าง คิคิ อิอิ