หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


สงสัยระยะการยิงของปืนใหญ่ของลาวกับของไทยตอนศึกร่มเกล้า

โดยคุณ : mint เมื่อวันที่ : 22/09/2009 17:46:40

อยากทราบว่าปืนใหญ่ของไทยตอนที่ยิงสู้กับของลาวนั้นไม่ใช่ขนาด 155 มม หรือครับทำไมระยะของเราถึงสู้ของลาวไม่ได้ สุดท้ายนะครับปืนใหญ่ 130 มม กับ 155 มม แบบไหนยิงไกลกว่ากัน ( กระสุนธรรมดา )




ความคิดเห็นที่ 1


เอ่อ ถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นเรายั้งไม่มี 155 ม.ม.เลยนะครับ ไม่รุ้ ว่าตอนนั้นใช้ราชาแห่งสนามรบหรือเปล่า ที่แน่ๆๆเราโดนคนกันเองยิงนี่และครับ ตอนนั้นนะ

 

โดยคุณ pat49ers เมื่อวันที่ 16/09/2009 11:50:30


ความคิดเห็นที่ 2


วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สมรภูมิบ้านร่มเกล้า
วันที่ 1-19 กุมภาพันธ์ 2531
สถานที่ บ้านร่มเกล้า อำเภอชาติตระการ จังหวัดน่าน
สาเหตุ ความขัดแย้งเรื่องพรมแดนไทย-ลาว ในบริเวณดังกล่าว อันเนื่องมาจากยึดถือเส้นพรมแดนในสนธิสัญญาคนละฉบับ
ผลลัพธ์ การเจรจายุติศึกแยกกำลังของทั้ง 2 ฝ่ายออกจากกันฝ่ายละ 3 กม.
ผู้ร่วมสงคราม
ไทย ลาว

สมรภูมิบ้านร่มเกล้า ศึกประวัติศาสตร์ ระหว่างประเทศไทยและประเทศลาว ณ บริเวณ ยุทธภูมิบ้านร่มเกล้า ในช่วง เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 จากการสู้รบอย่างหนักต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการสูญเสียอย่างมากทั้งฝ่ายไทยและลาว และนับเป็นการสูญเสียชีวิตทหารมากที่สุดในการรบของไทยเท่าที่เคยมีมา

การรบสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 หลังจากฝ่ายไทยได้ใช้กองทัพอากาศโจมตีเข้าไปในดินแดนลาว 30-40 กิโลเมตร และฝ่ายลาวโดยนายไกสอน พมวิหาร นายกรัฐมนตรี ได้เจรจาขอหยุดยิงเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 และเสนอให้ถอนกำลังของทั้งสองฝ่ายออกจากกันเป็นระยะ 3 กิโลเมตร

เนื้อหา

[ซ่อน]

[แก้] สาเหตุ

สมรภูมิบ้านร่มเกล้าเกิดจากกรณีพิพาทด้านพรมแดนระหว่างไทยกับลาว เนื่องจากยึดถือพรมแดนจากแผนที่คนละฉบับ โดยในปี พ.ศ. 2450 สนธิสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ยึดถือจากผลการสำรวจเมื่อ พ.ศ. 2430 ได้กำหนดให้แม่น้ำเหืองเป็นเขตแดนสยาม-ฝรั่งเศส ต่อมาในปี พ.ศ. 2451 เจ้าหน้าที่สำรวจแผนที่ของฝรั่งเศสได้พบว่าแม่น้ำเหืองมีสองสาย [1] จึงได้เขียนแผนที่โดยยึดสายน้ำที่ทำให้ฝรั่งเศสได้ดินแดนมากกว่าเดิม และไม่ได้แจ้งให้รัฐบาลสยามทราบ ต่อมาในช่วงสงครามเวียดนาม กองทัพสหรัฐได้จัดทำแผนที่จากภาพถ่ายทางอากาศ และได้พบแม่น้ำอีกสายหนึ่ง ชื่อว่า ลำน้ำเหืองป่าหมัน [1] ซึ่งไม่เคยปรากฏในเอกสารสนธิสัญญาระหว่างสยาม-ฝรั่งเศส มาก่อน

ในปี พ.ศ. 2530 ทางการลาวได้อ้างสิทธิเหนือดินแดนบริเวณบ้านร่มเกล้า และยกกำลังเข้ามายึดพื้นที่บ้านร่มเกล้า ในเขตอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก และเกิดปะทะกับกองกำลังทหารพราน 3405 ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2530 และยึดเนิน 1428 เป็นที่มั่น

[แก้] ยุทธการสอยดาว

วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2530 กองทัพภาคที่ 3 เริ่มส่งกำลังเข้าโจมตีเนิน 1428 โดยใช้กองกำลังทหารราบและทหารม้า โดยการสนับสนุนจากกองทัพอากาศไทย แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากฝ่ายลาวมีชัยภูมิที่ดีกว่า และได้รับการสนับสนุนอย่างลับๆ จากโซเวียตและเวียดนาม

[แก้] ยุทธการบ้านร่มเกล้า

จากคำบอกเล่าของทหารที่อยู่แนวหน้า ซึ่งทำการรบ ณ ยุทธภูมิบ้านร่มเกล้า ทำให้ทราบว่า ศึกครั้งนี้เราต้องรบกับข้าศึกที่มียุทธภูมิดีกว่า มีอำนาจการยิงสนับสนุนต่อเนื่องและรุนแรง ต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะแนวกับระเบิด ทหารหลายนายซึ่งผ่านสมรภูมิมาอย่างโชกโชน กล่าวว่า เป็นการรบที่หนักที่สุดเท่าที่เคยพบเห็นมาในชีวิตการเป็นทหาร โดยเฉพาะบริเวณเนิน 1182, 1370, และ 1428 ซึ่งถือว่าเป็นเนินแห่งสมรภูมิเลือดอย่างแท้จริง

ยุทธการบ้านร่มเกล้า ได้เริ่มขึ้นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 เมื่อ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ผบ.ทบ. (ในขณะนั้น) ประกาศจะผลักดันกองกำลังต่างชาติที่เข้ามายึดครองพื้นที่ในเขตไทยทุกรูปแบบ ด้วยการใช้กำลังทหาร จึงทำให้เกิดการสู้รบอย่างดุเดือดทหารไทยทั้ง ทหารราบ ทหารม้า ทหารปืนใหญ่ และทหารพราน ได้รุกตอบโต้ยึดที่มั่นต่างๆ ที่ลาวครองไว้กลับมาได้เป็นส่วนมาก รวมทั้งได้ทำการโอบล้อมบริเวณตีนเนิน 1428 ไว้ได้ แต่ไม่สามารถบุกขึ้นไปถึงยอดเนินซึ่งทหารลาวใช้เป็นฐานต่อต้านได้ ถึงแม้จะใช้กำลังทางอากาศบินโจมตีทิ้งระเบิดอย่างหนักก็ตาม จนทำให้ ทอ. ไทย ต้องสูญเสียเครื่องบิน เอฟ 5 อี และ โอวี 10 ไปอย่างละ 1 เครื่อง อันเป็นผลมาจากการยิงของฝ่ายลาว ทางภาคพื้นดิน ด้วย ปตอ. และจรวดแซม

หลังจากที่ทหารลาวสูญเสียที่มั่นต่างๆ ได้รวบรวมกำลังพลเข้ารักษาเนิน 1428 ไว้อย่างเหนียวแน่นโดยมีกำลังรบและกำลังสนับสนุนดังนี้คือ กองพลที่ 1 จำนวน 4 กองพัน พร้อมอาวุธหนักปืนใหญ่ 130 มม. 3 กระบอก ปืน 105 มม. 3 กระบอก รถถังอีก 4 คัน รวมกำลังพล 372 คน

กองพลที่ 2 ซึ่งตั้งอยู่ที่หลวงพระบาง จำนวน 4 กองพัน เช่นกัน มีกำลังพลกว่า 418 คน สนับสนุนด้วยปืนใหญ่ 130 มม. 3 กระบอก ปืนใหญ่ 105 มม. 3 กระบอก รถถัง 5 คัน ปืน ค. ขนาด 62 และ 82 มม. รวมทั้ง ปตอ. ด้วย นอกจากนี้กองกำลังหลักซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่ ไชยบุรี มีปืนใหญ่ 130 มม. 2 กระบอก ปืนใหญ่ขนาด 122 มม. อีก 3 กระบอกรวมทั้งหน่วยจรวดต่อสู้อากาศยานแบบ แซม 7 ซึ่งเป็นปืนที่ทหารอากาศมีความเชี่ยวชาญมาก

ภาพเนิน 1428 อดีตสมรภูมิรบอันดุเดือด มุมมองภาพถ่ายจาก อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว

ในระยะแรกของการรบนั้น ทหารไทยใช้ทหารม้าและทหารพรานรุกคืบหน้าเข้าสู่บริเวณเนิน 1428 ซึ่งพบกับการต่อต้านอย่างหนักจากฝ่ายลาวอย่างคาดไม่ถึงโดยเฉพาะกับระเบิดและ การยิงปืนใหญ่จากลาวอย่างหนาแน่นและต่อเนื่อง ทำให้การรุกคืบหน้าเป็นไปได้ช้าและสูญเสียอย่างมาก สาเหตุสำคัญที่เราไม่สามารถเผด็จศึกได้อย่างที่คาดหมาย เนื่องจากทหารลาวมีชัยภูมิที่ได้เปรียบ ที่มั่นบนเนิน 1428 มีความแข็งแรง สามารถส่งกำลังบำรุงสนับสนุนอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว การยิงอาวุธหนักของฝ่ายลาวมีความแม่นยำและได้ผลมาก การพิชิตเนิน 1428 ให้ได้นั้น ทางที่สะดวกและรวดเร็วที่สุดคือต้องโอบอ้อมบุกตะลุยขึ้นจากตีนเนินด้านเขต ประเทศลาว และสยบฐานปืนใหญ่ที่อยู่ในฝั่งลาวให้เงียบเสียงเสียก่อน ซึ่งในขั้นแรกทหารไทยมีความคิดที่จะผลักดันทหารลาวออกจากดินแดนไทยเท่านั้น การรบจึงจำกัดเขตอยู่แต่ในประเทศไทย แต่หลังจากการรบในช่วงแรกฝ่ายเราไม่ประสบผลสำเร็จดังที่คาดหมายไว้ คณะนายทหารจึงได้ปรับยุทธการรบเสียใหม่ โดยใช้กำลังปืนใหญ่ระยะยิงไกลแบบ เอ็ม 198 และปืนใหญ่แบบต่างๆ ระดมยิงเข้าไปในดินแดนลาว ที่หมายคือการยิงฐานปืนใหญ่และที่ตั้งกำลังทหาร พร้อมทั้งส่งหน่วยรบพิเศษเข้าไปตัดการส่งกำลังสนับสนุนของฝ่ายลาว จนกระทั่งการสนับสนุนการรบของลาวได้ลดประสิทธิภาพลงไปอย่างมาก ซึ่งคาดว่า หลังจากวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 เนิน 1428 จะต้องกลับคืนมาเป็นของไทยอย่างแน่นอน แต่แล้ววันที่ 19 กุมภาพันธ์ ก็ได้มีการเจรจายุติศึกแยกกำลังของทั้ง 2 ฝ่ายออกจากกันฝ่ายละ 3 กม. อันเป็นการสิ้นสุดการรบที่ไม่สามารถชี้ชัดไปได้ว่า ใครคือผู้ชนะ

[แก้] ข้อสังเกตจากการรบ

  • การรบครั้งนี้ผิดกับการรบเท่าที่ทหารไทยได้เคยผ่านมา ทำให้ต้องระดมกำลังทหารหน่วยต่างๆ เข้าสู่ยุทธบริเวณจำนวนมาก ทั้งจากเหล่าม้า เหล่าราบ เหล่าปืนใหญ่ เหล่าทหารช่าง หน่วยรบพิเศษ รวมทั้งการรบนอกแบบที่ต้องใช้ทหารพรานเข้าเกาะฐานที่มั่นของฝ่ายลาวด้วย
  • การส่งกำลังบำรุงของทหารไทยเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเส้นทาง สภาพถนนที่ค่อนข้างแคบและขรุขระ อีกทั้งเป็นทางสูงชันคดเคี้ยว ลัดเลาะไปตามไหล่เขาที่ค่อนข้างสูงไม่ต่ำกว่า 1000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
  • สาเหตุที่ทหารลาวได้ยึดเนิน 1428 ชนิดหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมถอย เท่าที่ดูจากภูมิประเทศแล้ว เนิน 1428 เป็นเนินบนยอดเขาที่สูงที่สุด สามารถมองเห็นชัยภูมิรอบๆ ได้เป็นอย่างดี และ ผตน. ของลาวจะคอยชี้เป้าให้ปืนใหญ่ยิงถล่มทหารไทยที่กำลังรุกคืบหน้าอยู่เบื้อง ล่างอย่างได้ผล และที่สำคัญคือ เนิน 1428 นั้นทหารลาวได้ทำบังเกอร์ถาวร (คอนกรีตเสริมเหล็ก) ขุดอุโมงเชื่อมต่อกับรอบฐาน ปรับพื้นที่ ขุดร่องเหลดไว้พร้อมสรรพ เป็นฐานที่มั่นแข็งแรง สามารถทนทานการโจมตีทางอากาศได้อย่างดี น่าสงสัยว่าการข่าวของเราดีแค่ไหน ทำไมปล่อยให้ทหารลาวมาตั้งฐานที่มั่นอยู่ได้ตั้งนาน แถมวางกับระเบิดนับหมื่นๆ ลูกไว้เต็มไปหมด การกระทำเช่นนี้คงไม่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น ต้องใช้เวลาเป็นแรมเดือน และที่สำคัญที่สุดคือ การประเมินค่า ขีดความสามารถในการรบของทหารลาว ซึ่งทหารลาวในครั้งนั้นได้รับการฝึกจากเวียตนาม มีรัสเซียสนับ สนุนอยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะทหารปืนใหญ่ และหน่วยป้องกันภัยทางอากาศ ซึ่งต้องใช้ฝีมือและเทคโนโลยีเข้าช่วย จึงจะปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การที่ทหารไทยไม่สามารถชนะได้อย่างเด็ดขาด เนื่องจากเราต้องต่อสู้กับกองกำลังทหารลาวและกำลังของประเทศที่ 3 พร้อมๆกันด้วยอาวุธหลายอย่างที่ทันสมัย ชัยภูมิในการรบทหารไทยเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งการรบก็ต้องฟังคำสั่งจากรัฐบาล รบในกฎเกณฑ์ ทำให้การรบทำอย่างไม่เต็มที่ แถมสูญเสียกำลังพลไปอย่างมากมาย
  • การใช้สุนัขสงคราม ตรวจหาทุ่นระเบิด นับว่าเป็นวิธีที่ประหยัดและได้ผลดีที่สุด แต่เมื่อถึงสนามรบจริง สุนัขบางตัวกลับเดินหนีสงสัยจะเวียนหัวกลิ่นกำมะถัน เพราะลาววางไว้เต็มไปหมด นักรบบางท่านจึงต้องเหลือช่วยตนเองเอาไม้ไผ่มาทำเครื่องค้นหากับระเบิดไป พลางๆก่อน เพราะเครื่องมือตรวจค้นทุ่นระเบิดของเรามีจำนวนจำกัด
  • ได้ยินจากทหารที่ลงมาจากเนิน 1428 ในแนวรบระหว่าง ไทย – ลาว ห่างกันแค่ 200 – 300 เมตรเท่านั้น เล่าให้ฟังว่า วันที่ทหารลาวสามารถสอย เอฟ 5 อี ร่วงลงได้ ทหารลาวยินดีปรีดากันทั่วหน้า แถมตะโกนบอกไทยว่ามือจรวดที่พิชิต บ. ตัวเก่งของไทย มีชื่อเสียงเรียงนามว่า "ไอ้ไฮ้" วีรบุรุษของชาวลาว

ศึกประวัติศาสตร์ ไทย – ลาว ถึงแม้จะยุติกันไปนานกว่า 10 ปีแล้ว ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดของนักรบไทยและลาว อันเป็นผลจากการเจรจาของผู้นำทางทหารของแต่ละประเทศ ที่มีถ้อยคำแถลงว่า ต่อไปนี้ไทยและลาวจะไม่ตีรันฟันแทงกันอีกแล้ว เลือดไทย – ลาว จะไม่มีให้เห็นกันอีกต่อไป สายสัมพันธ์ของทั้ง 2 ชาติจะยั่งยืนเสมือนสายน้ำโขงที่ไม่มีวันเหือดแห้ง แต่คำเหล่านี้ น่าจะได้ยินก่อนที่จะเปิดยุทธการบ้านร่มเกล้า เป็นที่น่าเสียดายที่พวกนักรบที่กล้าหาญได้สังเวยชีพไปแล้วไม่มีวันจะได้ยิน คำเหล่านี้ เลือดและวิญญาณของพวกเขาที่ไหลนองและสิงสถิตย์อยู่บนเนินร้าง 1428 คงทำให้เนินนรกแห่งนี้ เป็นดินแดนอาถรรพ์ต่อไปอีกนาน

[แก้] อ้างอิง

  1. ^ 1.0 1.1 วัชระ ฤทธาคนี, พล.อ.ท., ทหารอากาศกับการเมือง (52), สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์, ปีที่ 56 ฉบับที่ 21 1 พฤษภาคม 2552, หน้า 17

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น

พิกัดภูมิศาสตร์: 17°36′36″N 100°58′19″E / 17.610°N 100.972°E / 17.610; 100.972

สมรภูมิบ้านร่มเกล้า เป็นบทความเกี่ยวกับ ทหาร การทหาร หรืออาวุธ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหาหรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับ สมรภูมิบ้านร่มเกล้า ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ หรือ ดูเพิ่มที่ สถานีย่อย:การทหาร
เครื่องมือ


ความคิดเห็นที่ 3


เอ่อ เครดิต  http://th.wikipedia.org/wiki
โดยคุณ kot เมื่อวันที่ 16/09/2009 14:19:33


ความคิดเห็นที่ 4


ตอนนั้นมี 155 ใช้แล้วครับ มีทั้ง M114  M198 แต่ระยะยิงคงสั้นกว่า

โดยคุณ phantom เมื่อวันที่ 16/09/2009 23:00:36


ความคิดเห็นที่ 5


ไทย-ลาว จะว่าไปก็เหมือนญาติกัน นักประวัติศาสตร์หลายท่านก็ระบุว่า มีบรรพบุรุษร่วมกันมา
สมควรเรียกว่าเกี่ยวดองเป็นญาติกัน พี่น้องชาวอิสานหลายคนก็มีปู่ย่าตาทวดสายตรงเป็นคนลาวด้วยซ้ำ
ไม่น่าจะรบมีการราฆ่าฟัน เสียเลือดเนื้อ เพราะมีคนอื่นมายุแยงเลยครับ
มีอะไรคุยกันได้ ก็น่าจะคุยกันก่อน

ขอไว้อาลัยให้ทหารหาญที่เสียสละในการรบด้วยครับ
โดยคุณ NATSKI13 เมื่อวันที่ 16/09/2009 23:43:05


ความคิดเห็นที่ 6


เท่าที่ทราบ ปืนใหญ่ที่เราใช้ตอนนั้นจะยึดหลักนิยมแบบ อเมริกัน คือ เน้นที่ความแม่นยำมากกว่าระยะยิงไกล เคยได้ยินมาว่า(ต้องบอกว่าเคยได้ยินเพราะตอนที่เขารบกันผมยังเด็กอยู่) ตอนนั้นทหารลาวทราบดีว่าเรามีการตรวจหาตำแหน่งพิกัดเป้าหมายด้วย UAV แทนผู้ตรวจการณ์หน้า(ผตน.)ซึ่งสามารถที่จะยิงเข้าเป้าหมายได้ในนัดแรก พอลาวยิงปืนใหญ่เข้ามา เรายิงกลับเข้าที่ฐานปืนใหญ่เขาเข้าเป้าทันที่ ที่ปรึกษาทางทหารชาว คิวบา ของลาวแนะนำให้ใช้ เฮลิคอปเตอร์ MI-17 ยกปืนใหญ่ออกหลังจากยิงแล้ว พอลาวยิงเข้ามา เรายิงกลับเป็นอันว่าต้องแปลกใจ ลาวยกปืนใหญ่ออกไปแล้ว จึงเป็นบทเรียนให้เราได้มีการจัดหา ปืนใหญ๋อัตตาจรแบบ M-109A5 กับ เฮลิคอปเตอร์แบบ ซินุค เข้ามาประจำการ จริงเท็จอย่างไรผมไม่ทราบเพราะฟังเขาเล่ามาครับ

แต่ปัจจุบัน ไทยลาวเป็นบ้านพี่เมืองน้องกัน รักใครกลมเกลียวกัน คุยกันได้ไม่ต้องผ่านล่ามหรือใช้ภาษากลาง ที่ผ่านมาแค่การผิดใจทะเลาะกันตามประสาพี่น้องเท่านั้นครับ

ปล.ชองฟังสาวลาวพูดจัง สำเนียงน่ารักดี

โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 17/09/2009 01:50:56


ความคิดเห็นที่ 7


155มม.ของเราลำกล้องสั้นกว่า130มม.ของลาวเยอะครับระยะยิงเลยสู้ไม่ได้

โดยคุณ Akula เมื่อวันที่ 17/09/2009 02:05:26


ความคิดเห็นที่ 8


130มม.

โดยคุณ Akula เมื่อวันที่ 17/09/2009 02:08:13


ความคิดเห็นที่ 9


อีกอย่างปืนM114เป็นการยิงวิถีโค้งส่วนปืน130มม(จำรุ่นไม่ได้)เป็นการยิงวิถีราบครับ
โดยคุณ Akula เมื่อวันที่ 17/09/2009 02:12:51


ความคิดเห็นที่ 10


ตอนร่มเกล้านี่ ทางทบ.เรามีเครื่องหาพิกัดว่าปืนใหญ่ยิงมาจากพิกัดไหนครับ แต่ว่าปืนใหญ่เราดันยิงใกล้กว่าเค้าครับ รวมทั้งทางลาวมีการใช้ฮ.แบบmi-8หรือmi-17หว่า ในการเคลื่อนย้ายปืนใหญ่หลังจากยิงเสร็จครับ

ทำให้ทางทบ.ไม่สามารถกำหนดพิกัดที่แน่นอนได้

ต่อมาจึงพบว่าทางลาวใช้ฮ.ในการเคลื่อนย้ายปืนใหญ่ จากการส่งF-5เข้าไปทิ้งระเบิด(ไม่แน่ใจนะครับว่าภารกิจทิ้งระเบิดรึเปล่า) แล้วพบฮ.กำลังเคลื่อนย้ายปืนใหญ่อยู่ครับ รู้สึกว่าF-5จะยิงฮ.ตกไป1ลำครับ

ส่วนเรื่องระยะยิงนี่ รู้สึกว่าปืนใหญ่US ยิงใกล้กว่าปืนใหญ่RUSมานานแล้วครับ

โดยคุณ SuperTomcaT เมื่อวันที่ 17/09/2009 06:26:29


ความคิดเห็นที่ 11


อยากให้ ไทย-ลาว รวมเป็นประเทศเดียวกัน เหมือนเยอรมันตะวันออก กับเยอรมันตะวันตก (ไหนๆก็เป็นบ้านพี่เมืองน้องกันแล้วนี่)...แค่ความฝันครับอย่าว่ากัน เพราะคนในชาติตอนนี้ยังขาดความสามัคคีกันอยู่เลย
โดยคุณ buccaneer81 เมื่อวันที่ 18/09/2009 03:05:14


ความคิดเห็นที่ 12


ผมขอฝันกลางวันเล่นๆต่อจากคุณbuccaneer81

สมมุตินะครับสมมุติ...สมมุติว่าไทยกับลาวรวมกันเป็นประเทศเดียวกันแล้ว

.........จะใช้ชื่อว่าประเทศอะไร................................

.........จะมีโอกาสหัดร้องเพลงชาติใหม่รึป่าว......

.........จะใช้ตัวอักษรแบบใหนนะเนี้ย.....................

..........เอาเข้าไป.......................................................

โดยคุณ JOHN82 เมื่อวันที่ 18/09/2009 13:48:56


ความคิดเห็นที่ 13


อย่ารวมเลยแค่ปัญหาภายในประเทศก็ปวดหัวพออยู่แล้ว สำหรับปืนใหญ่ 155 mm ของไทยมีอยู่ไม่กี่แบบที่มีระยะยิง +40 km 
โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 18/09/2009 14:02:31


ความคิดเห็นที่ 14


^
^
^
ส่วนผ้ม   ไม่ขออะไรมาก ขอแค่ได้คนๆนี้เป็นแฟนก็พอ






ป.ล.อย่าบอกอีตาเอกละ  เดี๋ยวตาเอกกีดกันน้องสาวอีก 55555
โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 18/09/2009 22:30:37


ความคิดเห็นที่ 15


อย่า! รวม ชาติเลย ครับ
เพราะ ฝั่ง เขาอยู่ ดี มี สุข แล้ว
ประชาชนเขา มี GDP/GNP
ที่สามารถ ดำรง ชีวิตอย่างไม่
ยุ่งยากไม่ ต้อง แก่งแย่งแข่งกัน
 คือ ไม่ ต้อง กัดกันให้ เหนื่อย
 
อย่าดึง เขา มา ต่ำ แบบ นักการเมืองเราเลย ครับ
 
 
โดยคุณ wanwa เมื่อวันที่ 19/09/2009 05:19:53


ความคิดเห็นที่ 16


แหม ๆ ๆ ๆ ! อีตาnok ไม่ต้องกลัวใครจะบอกหรอก พี่เอกเขาไม่หวงน้องสาวเลย ไม่เคยกีดกันใครด้วย น้องสาวเค้ามีกิ๊กใหม่ พี่เอกยังไม่ว่าซักคำ อิ อิ

ว่าแต่ว่า หลงไหลสเน่ห์สาวลาวเข้าล่ะซิ่ ต้องให้ ยายนู๋เหม่ง เป็นไกด์นำเที่ยวหลวงพระบางซะแล้ว


โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 19/09/2009 09:22:04


ความคิดเห็นที่ 17


กิ๊ก ก๊อก...อะไร? ไม่เห็นรู้เรื่อง....นัดมีทติ้งนอกรอบมาเคลียร์กันซิ
โดยคุณ Ake31 เมื่อวันที่ 20/09/2009 11:21:29


ความคิดเห็นที่ 18


อย่างท่าน wanwa บอกเลยครับ ถึงจะเป็นบ้านพี่เมืองน้องกัน แต่วัฒนะธรรมเรากับเขา ต่างกันฟ้ากับเหว บ้านเขาค่ำก็ไ่ม่มีใครออกมานอกบ้านกันแล้ว ไม่มีทางรวมกันได้

และถึงเขาจะยากจน แต่เขาก็ำดำรงชีวิตพอเพียงและก็มีความสุขตามแบบของเขา ไม่ต้องแก่งแย่ง ปล่อยเขามีความสุขไปแบบนั้นเถอะครับ
โดยคุณ sat121 เมื่อวันที่ 20/09/2009 18:08:39


ความคิดเห็นที่ 19


ก่อนตานกจะเคลียร์กับพี่เอก  ต้องให้มาเคลียร์กับผมก่อนครับ5555

พี่เอกไม่ต้องห่วงครับ น้องพี่เดี๋ยวผมช่วยปกป้องดูแลให้ครับ5555

 

โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 20/09/2009 22:42:18


ความคิดเห็นที่ 20


http://image.ohozaa.com/show.php?id=8119e81726fa7f95d61ea8a860412a00
Test ๆ ๆ
โดยคุณ Ake31 เมื่อวันที่ 20/09/2009 23:48:42


ความคิดเห็นที่ 21


บอม ๆๆๆ พูดแบบนี้ เดี๊ยะๆๆๆ


ฐานที่มั่นที่นราฯอาจถูกกองกำลังไม่ทราบฝ่ายละลายได้นะ
โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 21/09/2009 00:51:24


ความคิดเห็นที่ 22


ว่างๆเอากระทู้สาวๆ มาคุยบ้างไหม แบบว่า ผ่อนคลายๆ หนะนิดหนึ่ง ชอบๆ (แต่มันผิดจุดประสงค์เวปเนอะ)อ่ะนิดหน่อยนะ อิๆ
[clipmass]http://www.clipmass.com/movie/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A1---4921057432336[/clipmass]
โดยคุณ kot เมื่อวันที่ 21/09/2009 02:53:40


ความคิดเห็นที่ 23


ไม่รู้จะขึ้นไหม ถ้าขึ้นก็ชมความงามคุณเก๋ ชลดาไปก่อนนะ
โดยคุณ kot เมื่อวันที่ 21/09/2009 03:01:39


ความคิดเห็นที่ 24


ออกทะเลไปอีกหนึ่งกระทู็้้้้้
โดยคุณ Akula เมื่อวันที่ 21/09/2009 22:33:29


ความคิดเห็นที่ 25


สมัยสงครามเวียดนามนั้น ปืน 155 มม. ของสหรัฐ (ที่ไทยมีใช้)นั้นระยะยิงเทียบได้กับปืน 122 มม. ของเวียดนามครับ ส่วนปืน 130 มม.ของเวียดนามนั้นระยะยิงไกลกว่า ปืนทุกแบบของสหรัฐ  (ที่ไทยมีใช้)ยกเว้นปืนสหรัฐขนาด 175 มม. ซึ่งตอนศึกร่มเกล้านั้นไทยยังไม่มีปืน 175 มม. ใช้ครับ

ส่วนปืน155มม.รุนหลังๆที่ไทยจัดมาใช้หลังสงครามร่มเกล้านั้นเป็นปืนสมัยใหม่แล้ว ระยะยิงจะ สูสีกับ ปืน 130 มม.ของเวียดนามครับ บางแบบยิงไกลมากกว่า  40 กม.อย่างปืน 155มม.ที่ผลิตจาก ออสเตรียเป็นต้น

โดยคุณ data เมื่อวันที่ 22/09/2009 05:00:55


ความคิดเห็นที่ 26


ปัจจุับน ปืน 155 เรา หลักๆคือ GHN 45 ยิงไกลสุดประมาณ 40 กม และ M 198 ยิงไกลสุด 30 กม
เห็นสเปกข้างต้น เพื่อนๆ อาจจะนึกว่า ยิงไกลดี แต่ข้อมูลข้างต้น เขาบอกเราไม่หมด ระยะที่เห็นว่าไกลนั้นคือ ระยะของลูกต่อระยะ ครับ

ซึ่งแน่นอนเราไม่มีทางยิงลูกต่อระยะได้ตลอด ลูกมีราคาแพง และ เรตออฟไฟร์ก็จะลดลง ลูกที่ยิงเป็นหลักคือ ลูก HE ระเบิดแรงสูงธรรมด๊าธรรมดา ยิงได้ประมาณ 20 กม +-


แล้วรองเทียบกับ อีหมวย 130 น้องหมวยมีระยะยิง 27 กม และถูกดีไซน์มาให้ยิงที่ระยะนั้นด้วยลูกระเบิดแรงสูงตั้งแต่ต้น ไม่ได้ใช้ลูกต่อระยะ



สรุปแล้ว ตกลงใครได้เปรียบกว่ากันกันแน่

 

โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 22/09/2009 06:46:42