เอ่อ ถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นเรายั้งไม่มี 155 ม.ม.เลยนะครับ ไม่รุ้ ว่าตอนนั้นใช้ราชาแห่งสนามรบหรือเปล่า ที่แน่ๆๆเราโดนคนกันเองยิงนี่และครับ ตอนนั้นนะ
สมรภูมิบ้านร่มเกล้า | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
|||||||||
ผู้ร่วมสงคราม | |||||||||
ไทย | ลาว |
สมรภูมิบ้านร่มเกล้า ศึกประวัติศาสตร์ ระหว่างประเทศไทยและประเทศลาว ณ บริเวณ ยุทธภูมิบ้านร่มเกล้า ในช่วง เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 จากการสู้รบอย่างหนักต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการสูญเสียอย่างมากทั้งฝ่ายไทยและลาว และนับเป็นการสูญเสียชีวิตทหารมากที่สุดในการรบของไทยเท่าที่เคยมีมา
การรบสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 หลังจากฝ่ายไทยได้ใช้กองทัพอากาศโจมตีเข้าไปในดินแดนลาว 30-40 กิโลเมตร และฝ่ายลาวโดยนายไกสอน พมวิหาร นายกรัฐมนตรี ได้เจรจาขอหยุดยิงเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 และเสนอให้ถอนกำลังของทั้งสองฝ่ายออกจากกันเป็นระยะ 3 กิโลเมตร
เนื้อหา[ซ่อน] |
สมรภูมิบ้านร่มเกล้าเกิดจากกรณีพิพาทด้านพรมแดนระหว่างไทยกับลาว เนื่องจากยึดถือพรมแดนจากแผนที่คนละฉบับ โดยในปี พ.ศ. 2450 สนธิสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ยึดถือจากผลการสำรวจเมื่อ พ.ศ. 2430 ได้กำหนดให้แม่น้ำเหืองเป็นเขตแดนสยาม-ฝรั่งเศส ต่อมาในปี พ.ศ. 2451 เจ้าหน้าที่สำรวจแผนที่ของฝรั่งเศสได้พบว่าแม่น้ำเหืองมีสองสาย [1] จึงได้เขียนแผนที่โดยยึดสายน้ำที่ทำให้ฝรั่งเศสได้ดินแดนมากกว่าเดิม และไม่ได้แจ้งให้รัฐบาลสยามทราบ ต่อมาในช่วงสงครามเวียดนาม กองทัพสหรัฐได้จัดทำแผนที่จากภาพถ่ายทางอากาศ และได้พบแม่น้ำอีกสายหนึ่ง ชื่อว่า ลำน้ำเหืองป่าหมัน [1] ซึ่งไม่เคยปรากฏในเอกสารสนธิสัญญาระหว่างสยาม-ฝรั่งเศส มาก่อน
ในปี พ.ศ. 2530 ทางการลาวได้อ้างสิทธิเหนือดินแดนบริเวณบ้านร่มเกล้า และยกกำลังเข้ามายึดพื้นที่บ้านร่มเกล้า ในเขตอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก และเกิดปะทะกับกองกำลังทหารพราน 3405 ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2530 และยึดเนิน 1428 เป็นที่มั่น
วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2530 กองทัพภาคที่ 3 เริ่มส่งกำลังเข้าโจมตีเนิน 1428 โดยใช้กองกำลังทหารราบและทหารม้า โดยการสนับสนุนจากกองทัพอากาศไทย แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากฝ่ายลาวมีชัยภูมิที่ดีกว่า และได้รับการสนับสนุนอย่างลับๆ จากโซเวียตและเวียดนาม
จากคำบอกเล่าของทหารที่อยู่แนวหน้า ซึ่งทำการรบ ณ ยุทธภูมิบ้านร่มเกล้า ทำให้ทราบว่า ศึกครั้งนี้เราต้องรบกับข้าศึกที่มียุทธภูมิดีกว่า มีอำนาจการยิงสนับสนุนต่อเนื่องและรุนแรง ต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะแนวกับระเบิด ทหารหลายนายซึ่งผ่านสมรภูมิมาอย่างโชกโชน กล่าวว่า เป็นการรบที่หนักที่สุดเท่าที่เคยพบเห็นมาในชีวิตการเป็นทหาร โดยเฉพาะบริเวณเนิน 1182, 1370, และ 1428 ซึ่งถือว่าเป็นเนินแห่งสมรภูมิเลือดอย่างแท้จริง
ยุทธการบ้านร่มเกล้า ได้เริ่มขึ้นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 เมื่อ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ผบ.ทบ. (ในขณะนั้น) ประกาศจะผลักดันกองกำลังต่างชาติที่เข้ามายึดครองพื้นที่ในเขตไทยทุกรูปแบบ ด้วยการใช้กำลังทหาร จึงทำให้เกิดการสู้รบอย่างดุเดือดทหารไทยทั้ง ทหารราบ ทหารม้า ทหารปืนใหญ่ และทหารพราน ได้รุกตอบโต้ยึดที่มั่นต่างๆ ที่ลาวครองไว้กลับมาได้เป็นส่วนมาก รวมทั้งได้ทำการโอบล้อมบริเวณตีนเนิน 1428 ไว้ได้ แต่ไม่สามารถบุกขึ้นไปถึงยอดเนินซึ่งทหารลาวใช้เป็นฐานต่อต้านได้ ถึงแม้จะใช้กำลังทางอากาศบินโจมตีทิ้งระเบิดอย่างหนักก็ตาม จนทำให้ ทอ. ไทย ต้องสูญเสียเครื่องบิน เอฟ 5 อี และ โอวี 10 ไปอย่างละ 1 เครื่อง อันเป็นผลมาจากการยิงของฝ่ายลาว ทางภาคพื้นดิน ด้วย ปตอ. และจรวดแซม
หลังจากที่ทหารลาวสูญเสียที่มั่นต่างๆ ได้รวบรวมกำลังพลเข้ารักษาเนิน 1428 ไว้อย่างเหนียวแน่นโดยมีกำลังรบและกำลังสนับสนุนดังนี้คือ กองพลที่ 1 จำนวน 4 กองพัน พร้อมอาวุธหนักปืนใหญ่ 130 มม. 3 กระบอก ปืน 105 มม. 3 กระบอก รถถังอีก 4 คัน รวมกำลังพล 372 คน
กองพลที่ 2 ซึ่งตั้งอยู่ที่หลวงพระบาง จำนวน 4 กองพัน เช่นกัน มีกำลังพลกว่า 418 คน สนับสนุนด้วยปืนใหญ่ 130 มม. 3 กระบอก ปืนใหญ่ 105 มม. 3 กระบอก รถถัง 5 คัน ปืน ค. ขนาด 62 และ 82 มม. รวมทั้ง ปตอ. ด้วย นอกจากนี้กองกำลังหลักซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่ ไชยบุรี มีปืนใหญ่ 130 มม. 2 กระบอก ปืนใหญ่ขนาด 122 มม. อีก 3 กระบอกรวมทั้งหน่วยจรวดต่อสู้อากาศยานแบบ แซม 7 ซึ่งเป็นปืนที่ทหารอากาศมีความเชี่ยวชาญมาก
ในระยะแรกของการรบนั้น ทหารไทยใช้ทหารม้าและทหารพรานรุกคืบหน้าเข้าสู่บริเวณเนิน 1428 ซึ่งพบกับการต่อต้านอย่างหนักจากฝ่ายลาวอย่างคาดไม่ถึงโดยเฉพาะกับระเบิดและ การยิงปืนใหญ่จากลาวอย่างหนาแน่นและต่อเนื่อง ทำให้การรุกคืบหน้าเป็นไปได้ช้าและสูญเสียอย่างมาก สาเหตุสำคัญที่เราไม่สามารถเผด็จศึกได้อย่างที่คาดหมาย เนื่องจากทหารลาวมีชัยภูมิที่ได้เปรียบ ที่มั่นบนเนิน 1428 มีความแข็งแรง สามารถส่งกำลังบำรุงสนับสนุนอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว การยิงอาวุธหนักของฝ่ายลาวมีความแม่นยำและได้ผลมาก การพิชิตเนิน 1428 ให้ได้นั้น ทางที่สะดวกและรวดเร็วที่สุดคือต้องโอบอ้อมบุกตะลุยขึ้นจากตีนเนินด้านเขต ประเทศลาว และสยบฐานปืนใหญ่ที่อยู่ในฝั่งลาวให้เงียบเสียงเสียก่อน ซึ่งในขั้นแรกทหารไทยมีความคิดที่จะผลักดันทหารลาวออกจากดินแดนไทยเท่านั้น การรบจึงจำกัดเขตอยู่แต่ในประเทศไทย แต่หลังจากการรบในช่วงแรกฝ่ายเราไม่ประสบผลสำเร็จดังที่คาดหมายไว้ คณะนายทหารจึงได้ปรับยุทธการรบเสียใหม่ โดยใช้กำลังปืนใหญ่ระยะยิงไกลแบบ เอ็ม 198 และปืนใหญ่แบบต่างๆ ระดมยิงเข้าไปในดินแดนลาว ที่หมายคือการยิงฐานปืนใหญ่และที่ตั้งกำลังทหาร พร้อมทั้งส่งหน่วยรบพิเศษเข้าไปตัดการส่งกำลังสนับสนุนของฝ่ายลาว จนกระทั่งการสนับสนุนการรบของลาวได้ลดประสิทธิภาพลงไปอย่างมาก ซึ่งคาดว่า หลังจากวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 เนิน 1428 จะต้องกลับคืนมาเป็นของไทยอย่างแน่นอน แต่แล้ววันที่ 19 กุมภาพันธ์ ก็ได้มีการเจรจายุติศึกแยกกำลังของทั้ง 2 ฝ่ายออกจากกันฝ่ายละ 3 กม. อันเป็นการสิ้นสุดการรบที่ไม่สามารถชี้ชัดไปได้ว่า ใครคือผู้ชนะ
ศึกประวัติศาสตร์ ไทย ลาว ถึงแม้จะยุติกันไปนานกว่า 10 ปีแล้ว ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดของนักรบไทยและลาว อันเป็นผลจากการเจรจาของผู้นำทางทหารของแต่ละประเทศ ที่มีถ้อยคำแถลงว่า ต่อไปนี้ไทยและลาวจะไม่ตีรันฟันแทงกันอีกแล้ว เลือดไทย ลาว จะไม่มีให้เห็นกันอีกต่อไป สายสัมพันธ์ของทั้ง 2 ชาติจะยั่งยืนเสมือนสายน้ำโขงที่ไม่มีวันเหือดแห้ง แต่คำเหล่านี้ น่าจะได้ยินก่อนที่จะเปิดยุทธการบ้านร่มเกล้า เป็นที่น่าเสียดายที่พวกนักรบที่กล้าหาญได้สังเวยชีพไปแล้วไม่มีวันจะได้ยิน คำเหล่านี้ เลือดและวิญญาณของพวกเขาที่ไหลนองและสิงสถิตย์อยู่บนเนินร้าง 1428 คงทำให้เนินนรกแห่งนี้ เป็นดินแดนอาถรรพ์ต่อไปอีกนาน
พิกัดภูมิศาสตร์: 17°36′36″N 100°58′19″E / 17.610°N 100.972°E
สมรภูมิบ้านร่มเกล้า เป็นบทความเกี่ยวกับ ทหาร การทหาร หรืออาวุธ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหาหรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น ข้อมูลเกี่ยวกับ สมรภูมิบ้านร่มเกล้า ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ หรือ ดูเพิ่มที่ สถานีย่อย:การทหาร |
ตอนนั้นมี 155 ใช้แล้วครับ มีทั้ง M114 M198 แต่ระยะยิงคงสั้นกว่า
เท่าที่ทราบ ปืนใหญ่ที่เราใช้ตอนนั้นจะยึดหลักนิยมแบบ อเมริกัน คือ เน้นที่ความแม่นยำมากกว่าระยะยิงไกล เคยได้ยินมาว่า(ต้องบอกว่าเคยได้ยินเพราะตอนที่เขารบกันผมยังเด็กอยู่) ตอนนั้นทหารลาวทราบดีว่าเรามีการตรวจหาตำแหน่งพิกัดเป้าหมายด้วย UAV แทนผู้ตรวจการณ์หน้า(ผตน.)ซึ่งสามารถที่จะยิงเข้าเป้าหมายได้ในนัดแรก พอลาวยิงปืนใหญ่เข้ามา เรายิงกลับเข้าที่ฐานปืนใหญ่เขาเข้าเป้าทันที่ ที่ปรึกษาทางทหารชาว คิวบา ของลาวแนะนำให้ใช้ เฮลิคอปเตอร์ MI-17 ยกปืนใหญ่ออกหลังจากยิงแล้ว พอลาวยิงเข้ามา เรายิงกลับเป็นอันว่าต้องแปลกใจ ลาวยกปืนใหญ่ออกไปแล้ว จึงเป็นบทเรียนให้เราได้มีการจัดหา ปืนใหญ๋อัตตาจรแบบ M-109A5 กับ เฮลิคอปเตอร์แบบ ซินุค เข้ามาประจำการ จริงเท็จอย่างไรผมไม่ทราบเพราะฟังเขาเล่ามาครับ
แต่ปัจจุบัน ไทยลาวเป็นบ้านพี่เมืองน้องกัน รักใครกลมเกลียวกัน คุยกันได้ไม่ต้องผ่านล่ามหรือใช้ภาษากลาง ที่ผ่านมาแค่การผิดใจทะเลาะกันตามประสาพี่น้องเท่านั้นครับ
ปล.ชองฟังสาวลาวพูดจัง สำเนียงน่ารักดี
155มม.ของเราลำกล้องสั้นกว่า130มม.ของลาวเยอะครับระยะยิงเลยสู้ไม่ได้
130มม.
ตอนร่มเกล้านี่ ทางทบ.เรามีเครื่องหาพิกัดว่าปืนใหญ่ยิงมาจากพิกัดไหนครับ แต่ว่าปืนใหญ่เราดันยิงใกล้กว่าเค้าครับ รวมทั้งทางลาวมีการใช้ฮ.แบบmi-8หรือmi-17หว่า ในการเคลื่อนย้ายปืนใหญ่หลังจากยิงเสร็จครับ
ทำให้ทางทบ.ไม่สามารถกำหนดพิกัดที่แน่นอนได้
ต่อมาจึงพบว่าทางลาวใช้ฮ.ในการเคลื่อนย้ายปืนใหญ่ จากการส่งF-5เข้าไปทิ้งระเบิด(ไม่แน่ใจนะครับว่าภารกิจทิ้งระเบิดรึเปล่า) แล้วพบฮ.กำลังเคลื่อนย้ายปืนใหญ่อยู่ครับ รู้สึกว่าF-5จะยิงฮ.ตกไป1ลำครับ
ส่วนเรื่องระยะยิงนี่ รู้สึกว่าปืนใหญ่US ยิงใกล้กว่าปืนใหญ่RUSมานานแล้วครับ
ผมขอฝันกลางวันเล่นๆต่อจากคุณbuccaneer81
สมมุตินะครับสมมุติ...สมมุติว่าไทยกับลาวรวมกันเป็นประเทศเดียวกันแล้ว
.........จะใช้ชื่อว่าประเทศอะไร................................
.........จะมีโอกาสหัดร้องเพลงชาติใหม่รึป่าว......
.........จะใช้ตัวอักษรแบบใหนนะเนี้ย.....................
..........เอาเข้าไป.......................................................
แหม ๆ ๆ ๆ ! อีตาnok ไม่ต้องกลัวใครจะบอกหรอก พี่เอกเขาไม่หวงน้องสาวเลย ไม่เคยกีดกันใครด้วย น้องสาวเค้ามีกิ๊กใหม่ พี่เอกยังไม่ว่าซักคำ อิ อิ
ว่าแต่ว่า หลงไหลสเน่ห์สาวลาวเข้าล่ะซิ่ ต้องให้ ยายนู๋เหม่ง เป็นไกด์นำเที่ยวหลวงพระบางซะแล้ว
ก่อนตานกจะเคลียร์กับพี่เอก ต้องให้มาเคลียร์กับผมก่อนครับ5555
พี่เอกไม่ต้องห่วงครับ น้องพี่เดี๋ยวผมช่วยปกป้องดูแลให้ครับ5555
สมัยสงครามเวียดนามนั้น ปืน 155 มม. ของสหรัฐ (ที่ไทยมีใช้)นั้นระยะยิงเทียบได้กับปืน 122 มม. ของเวียดนามครับ ส่วนปืน 130 มม.ของเวียดนามนั้นระยะยิงไกลกว่า ปืนทุกแบบของสหรัฐ (ที่ไทยมีใช้)ยกเว้นปืนสหรัฐขนาด 175 มม. ซึ่งตอนศึกร่มเกล้านั้นไทยยังไม่มีปืน 175 มม. ใช้ครับ
ส่วนปืน155มม.รุนหลังๆที่ไทยจัดมาใช้หลังสงครามร่มเกล้านั้นเป็นปืนสมัยใหม่แล้ว ระยะยิงจะ สูสีกับ ปืน 130 มม.ของเวียดนามครับ บางแบบยิงไกลมากกว่า 40 กม.อย่างปืน 155มม.ที่ผลิตจาก ออสเตรียเป็นต้น
ปัจจุับน ปืน 155 เรา หลักๆคือ GHN 45 ยิงไกลสุดประมาณ 40 กม และ M 198 ยิงไกลสุด 30 กม
เห็นสเปกข้างต้น เพื่อนๆ อาจจะนึกว่า ยิงไกลดี แต่ข้อมูลข้างต้น เขาบอกเราไม่หมด ระยะที่เห็นว่าไกลนั้นคือ ระยะของลูกต่อระยะ ครับ
ซึ่งแน่นอนเราไม่มีทางยิงลูกต่อระยะได้ตลอด ลูกมีราคาแพง และ เรตออฟไฟร์ก็จะลดลง ลูกที่ยิงเป็นหลักคือ ลูก HE ระเบิดแรงสูงธรรมด๊าธรรมดา ยิงได้ประมาณ 20 กม +-
แล้วรองเทียบกับ อีหมวย 130 น้องหมวยมีระยะยิง 27 กม และถูกดีไซน์มาให้ยิงที่ระยะนั้นด้วยลูกระเบิดแรงสูงตั้งแต่ต้น ไม่ได้ใช้ลูกต่อระยะ
สรุปแล้ว ตกลงใครได้เปรียบกว่ากันกันแน่