ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล
โดย รศ.ดร. สถาพร เขียววิมลBSIE.
(University of Oklahoma) MSIE. (New Jersey Institute of Technology) Dr.Ing. (Universite De Nice) France
คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคอคอดกระ วุฒิสภาที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ยุติธรรม และ สิทธิมนุษยชน วุฒิสภา
คลองไทยดับไฟใต้
ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นที่ทราบกันดีว่ามีมานานแล้ว แต่ในปัจจุบันข่าวสถานการณ์ของ 3 จังหวัดดังกล่าว ได้ถูกนำเสนอออกมาในลักษณะของความรุนแรง การทำร้าย การสู้รบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ต่อให้เป็นคนที่อยู่ไกลหรือไม่สนใจข่าวอย่างไร ก็ย่อมกระทบต่อความรู้สึกและสร้างความไม่สบายใจต่อประชาชนทั้งประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ปัญหาความไม่สงบทางภาคใต้ ความจริงแล้วเป็นปัญหาทางด้านจิตวิทยามวลชนของสังคมที่ถูกกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ใช้เป็นแนวร่วมสะสมมายาวนาน ซึ่งมีผู้ที่รู้ถึงปัญหาและสาเหตุของปัญหาเหล่านี้ดี ไม่ว่าจะเป็นประชาชนในพื้นที่หรือฝ่ายทหารก็ตามแต่ถึงแม้จะสามารถสืบทราบและมีข้อมูลมากมาย หรือแม้กระทั่งรู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมีกลุ่มบุคคลใดที่เกี่ยวข้องบ้าง ทุกอย่างก็ยังคงอยู่ในวังวน ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการตั้งรับสถานการณ์ เพราะกลุ่มอิทธิพลมาในรูปแบบของประชาชน ดังจะเห็นได้ว่ายังคงมีข่าวการทำร้ายรายวันหรือข่าวก่อกวนไปเรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้น
การแก้ปัญหาโดยการมีกฎอัยการศึก เพื่อใช้หยุดยั้งปัญหาดังกล่าวก็ทำได้ในระดับหนึ่งแต่เมื่อ ใดที่หยุดปราบปรามการก่อกวน หรือสร้างสถานการณ์ ลอบยิง ลอบวางระเบิด ปล้นสะดม หรือแม้แต่เผาโรงเรียน สถานที่ราชการ ก็จะกลับมาอีก
ผู้ที่สร้างปัญหาหรือในที่นี้อาจหมายถึงผู้ก่อการร้าย หรือผู้ที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติมักจะทำให้สถานการณ์ไม่สงบในพื้นที่ดังกล่าวมีความรุนแรง หรือสร้างความไม่สงบอยู่เสมอ เพื่อที่จะได้เป็นการสร้างความสนใจและแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของกลุ่มผู้ไม่หวังดีเหล่านั้น และยิ่งปัจจุบันรอบโลกต่างก็มีปัญหาผู้ก่อการร้ายระดับโลกก็ยิ่งจะเป็นการผสมโรงเข้าไปอีก โดยที่บางทีปัญหาที่เกิดขึ้นเหล่านั้น อาจเป็นแค่เพียงปัญหาของคนภายในท้องถิ่น ดังนั้น ถ้ายังคงปล่อยให้ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้น ยิ่งนานวันเข้าผู้ไม่หวังดีระดับประเทศก็จะยกระดับเป็นผู้ร้ายระดับโลกในที่สุด
รัฐบาลทุกรัฐบาลไม่ว่าจะในอดีต หรือปัจจุบันคงจะมีความรู้สึกลำบากใจ และอึดอัดใจมาตลอด รวมถึงห่วงใยต่อผลกระทบที่มีต่อความรู้สึกของคนในพื้นที่ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากไม่สามารถแยกออกได้ระหว่างประชาชนผู้บริสุทธิ์กับผู้ไม่หวังดีออกจากกันได้ นับเป็นกำแพงขวางกั้นอย่างยากลำบากมาก จึงทำให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีเหล่านั้นยังคงสามารถแอบแฝงปฏิบัติการมาได้อย่างตลอด การที่ทางภาครัฐยังไม่สามารถให้ความเชื่อมั่นในความปลอดภัยต่อประชาชนในพื้นที่ได้เต็มที่ ก็ยากจะได้รับความร่วมมือจากประชาชน ดังนั้น ความไม่สงบสุขจะยังคงอยู่ต่อไป ถึงแม้เราส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยที่ไม่ใช่คนในพื้นที่สามจังหวัดดังกล่าว แต่ก็รู้สึกเจ็บปวดมากเหมือนกัน ซึ่งเราหรือท่านต่างก็คงมองเห็นเช่นเดียวกันว่าทุกๆ รัฐบาลต่างก็ทราบถึงปัจจัยที่จะสามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ดี ซึ่งก็คือการนำความเจริญเข้าไปในพื้นที่ ไม่ว่าจะทางด้านการศึกษา ระบบสาธารณูปโภค รวมไปถึงการพยายามสร้างงานให้เกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะกระทำ เพราะถึงอย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ไม่หวังดีเหล่านั้นก็รู้เช่นกันว่า ถ้ามีความเจริญประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีเกิดขึ้นเมื่อใดก็จะทำให้พวกตนลำบาก ดังจะเห็นได้จากการสร้างสถานการณ์ โดยการลอบเผาสถานที่ราชการ โรงเรียนของราษฎร ลอบยิงผู้คนบริสุทธิ์ หรือแม้แต่ลอบวางระเบิดให้เกิดความเกรงกลัว เพื่อกดดันให้ชาวบ้านที่ดี ที่ต้องการความสงบสุขไม่สามารถอาศัยอยู่ต่อไปได้ต้องโยกย้ายออกนอกพื้นที่ กระทั้งพยายามหยุดยั้งไม่ให้ความเจริญต่างๆเข้าไปอยู่ในพึ้นที่ได้ และเมื่อความเจริญไม่สามารถเข้าถึงได้ความยากจนของคนในพื้นที่ก็จะยังคงอยู่ ความยากจนและความหวาดกลัวของประชาชนที่ไม่สามารถโยกย้ายถิ่นที่อยู่จากเดิมได้กับกลายเป็นเครื่องมือของเหล่าผู้ก่อการร้ายได้เป็นอย่างดี ยิ่งนานวันประชาชนคนดีบริสุทธิ์ในพื้นที่ก็จะละทิ้งพื้นที่ทำให้ประชาชนคนไทยในพื้นที่มีจำนวนลดลงมาก ความมั่นคงของประเทศชาติจะอันตรายมากขึ้น จึงนับเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถของรัฐบาลอย่างมากในการแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดภาคใต้ที่เกิดขึ้น
จากการประชุม ครม.ที่จังหวัดปัตตานี 15 มีนาคม 2547 ที่ผ่านมา อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ได้เล็งเห็นว่าการพัฒนาในพื้นที่ดังกล่าว จะช่วยทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และจะช่วยลดปัญหาความไม่สงบลง และจะเป็นการลดบทบาทของผู้ก่อการร้าย รวมถึงกลุ่มผลประโยชน์หรือกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ได้ด้วย ซึ่งนับเป็นสิ่งที่ถูกต้องอย่างยิ่ง แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าจะทำอย่างไร ที่จะสามารถนำเอาความเจริญเข้าไปในพื้นที่เหล่านั้นให้ได้ เพราะเพียงแค่เงินอย่างเดียว ก็คงไม่สามารถเนรมิตรความเจริญในพื้นที่ดังกล่าวขึ้นมาได้ เพราะถึงแม้จะใช้งบประมาณในการสร้างถนนเข้าไปในพื้นที่ สร้างโรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล หรือ สร้างโรงงานผลิตสินค้าต่างๆ ให้เกิดขึ้นได้สำเร็จได้ก็ตาม แต่ปัญหาที่จะตามมาก็คือ ความปลอดภัยของทรัพย์สินเหล่านั้นจะอยู่ได้ตลอดไปหรือไม่ และจะป้องกันอย่างไร จะต้องใช้งบประมาณในการที่จะต้องจ้างกำลังคนเท่าไหร่ หรืออาศัยความร่วมมือของคนในพื้นที่ ให้ช่วยกันคอยปกป้องไม่ให้มีการลอบเผาหรือทำลายได้อย่างไร ด้วยจำนวนประชากรในพื้นที่ที่มีอยู่ถึงเกือบ 4 ล้านคน และพื้นที่กว่า 20 ล้านไร่ จะดูแลอย่างไรให้ปลอดภัยได้ จนกระทั่งประชาชน ในพื้นที่จะเข้มแข็งมากพอทางด้านจิตใจ ด้านความคิด และทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งถ้ายังไม่สามารถหาคำตอบในการที่จะแก้ปัญหาดังกล่าวได้ ก็จะเหมือนกับการสร้างบ้านได้สำเร็จแต่ไม่มีความสามารถที่จะรักษาบ้านนั้นไว้ได้ตลอดไป
สำหรับการที่จะแก้ปัญหาความไม่สงบทางภาคใต้ จากที่ได้มีโอกาสลงไปทางภาคใต้หลายครั้ง และทุกครั้งที่ไปจะมีความรู้สึกว่าทางภาคใต้ มีสภาพทางภูมิศาสตร์สมบูรณ์ ที่ดีกว่าภาคอื่นๆ แต่ทำไมถึงยังมีประชาชนจำนวนมากที่ยังคงมีความเป็นอยู่อย่างลำบาก เป็นเรื่องที่น่าสงสัย จึงมีความคิดว่าเราน่าจะนำเอาข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์เหล่านั้นมาทำให้เกิดประโยชน์ ซึ่งความคิดในการใช้ความเจริญแก้ปัญหาความไม่สงบ น่าจะมีการดำเนินโครงการคลองไทยให้เกิดขึ้น หลายคนอาจคิดว่า แล้วคลองไทยเกี่ยวข้องอะไรกับ การแก้ปัญหาภาคใต้ คลองไทยดับไฟใต้ ได้อย่างไร เพื่อให้เห็นถึงประโยชน์ที่จะตามมาหลังจากมีการสร้างคลองไทยขึ้น มี 5 เหตุผลที่จะแก้ปัญหาได้ ดังนี้:-
1. คลองไทยจะทำให้ประชากรในพื้นที่ทั่วทั้งภาคใต้เพิ่มขึ้น เป็นการแก้ปัญหาภาคใต้ได้อย่างยั่งยืน
2. สามจังหวัดภาคใต้จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว จะสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่
3. ลดช่องว่างทางเศรษฐกิจ และสร้างความเจริญให้ทัดเทียมเท่ากับประเทศมาเลเซีย
4. คลองไทยจะเพิ่มอำนาจต่อรองทางยุทธศาสตร์ และเศรษฐกิจไทยให้เหนือกว่าประเทศมาเลเซีย
5. คลองไทยจะเป็นแหล่งสร้างรายได้หลักของประเทศ และจะเปลี่ยนโฉมหน้าเศรษฐกิจของประเทศ ไทย
1. คลองไทยจะทำให้ประชากรในพื้นที่ทั่วทั้งภาคใต้เพิ่มขึ้น เป็นการแก้ปัญหาภาคใต้ได้อย่างยั่งยืน ถ้าโครงการคลองไทยเกิดขึ้น สิ่งที่จะตามมาก็คือ จะมีผู้คนจากทุกภาคของประเทศไทย หลั่งไหลเข้าไปประกอบธุรกิจสร้างงานกันมากมายแล้วจะกลายเป็นเมืองธุรกิจขนาดใหญ่ สร้างโอกาสรองรับให้กับคนรุ่นใหม่ได้มีแหล่งประกอบธุรกิจไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่มากมายเกิดขึ้น ไม่ว่าจะมาจากคนในพื้นที่ภาคใต้เอง หรือจากทุกๆ ภาคทั่วทั้งประเทศ ปัจจุบันความหนาแน่นของประชากรในพื้นที่โดยเฉลี่ยยังต่ำประมาณ 100 - 200 คนต่อตารางกิโลเมตร เมื่อมีประชากรเพิ่มขึ้นพร้อมทั้งนำความเจริญเข้าไปในพื้นที่ บรรดาความไม่ถูกต้องทั้งหลายก็จะถูกตรวจสอบ และจะถูกควบคุมโดยสังคมเมืองเองจากประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศ ที่ไปทำมาหากินที่นั่น ซึ่งจะเป็นพลังป้องกันต่อต้านของผู้ก่อการร้ายที่หวังจะทำลายประเทศชาติ ได้ดียิ่งใหญ่กว่ากองทัพเสียอีก ประชาชนทั่วทั้งประเทศจะมีการเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่ไปมาตลอดเวลา จะเป็นหูเป็นตาของคนทั้งประเทศได้เป็นอย่างดี คลองไทย จะเป็นทรัพยากรของประเทศที่ใช้ไม่มีวันหมดและยั่งยืน จะยังผลสร้างแหล่งทำมาหากินของประชาชน จากทุกภูมิภาคของประเทศ หลั่งไหลเข้าไปอยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้น 3 ถึง 4 ล้านคนในเวลาไม่นาน ในจำนวนนี้รวมถึงผู้คนจากต่างประเทศทั่วโลกด้วย ต่างก็สนใจที่จะเข้ามาลงทุน ทำธุรกิจในพื้นที่ดังกล่าวด้วย ดังนั้น พื้นที่ในบริเวณดังกล่าวจะกลายเป็นสังคมเมืองใหม่ที่มีความเจริญมากมาย ผู้คนทั่วประเทศ จะหลั่งไหลเข้ามาเหมือนเมืองท่าต่างๆ ที่เจริญทั่วโลก ที่อยู่บนเส้นทางผ่านของการเดินเรือทะเลนานาชาติของทุกประเทศทั่วโลก เช่น เมืองท่าปูซานของเกาหลีใต้ ที่มีรายได้มากมายมหาศาลจาก ธุรกิจต่างๆ บริเวณรอบเมืองท่าเรือทางทะเลของเกาหลี ดังจะเห็นได้ จากรายได้ผลผลิตมวลรวมประชาชาติ (GDP) เฉพาะที่เมืองปูซานแห่งเดียวของประเทศเกาหลีใต้มีรายได้ถึง 7,000,000 ล้านบาทต่อปี มากกว่ารายได้ผลผลิตมวลรวมของประเทศไทยทั้งประเทศในปัจจุบัน โดยที่มีประชากรเพียง 4 ล้าน 5 แสนคนเท่านั้น หรือเมืองท่าที่ฮ่องกงของประเทศจีน หรือประเทศสิงคโปร์ เป็นต้น นอกจากนี้ การที่คลองไทยทำให้เกิดเมืองใหญ่ ยังจะเป็นเสมือนการสร้างกองทัพประชาชนให้เข้าไปช่วยกันปกป้องผืนแผ่นดินไทยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อย่างแท้จริงทางหนึ่ง นอกจากจะเป็นการนำความเจริญเข้าไปในพื้นที่ภาคใต้ได้อย่างปลอดภัย และยั่งยืนโดยที่จะไม่มีพลังอำนาจหรืออิทธิพลใดๆ สามารถต้านทานได้
2. สามจังหวัดภาคใต้จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวและจะสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ คลองไทย เกิดการกระจายรายได้ไปจรดถึงชายแดนประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ที่มีพื้นที่รกร้างว่างเปล่า เป็นป่าปลูกต้นยาง ต้นปาล์มและป่าทึบ เป็นที่หลบซ่อนของผู้ก่อการร้ายได้ง่าย เป็นพื้นที่สร้างความยากลำบากกับประชาชนที่ต้องการดำเนินอาชีพอย่างปกติสุข หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะเข้าไปพัฒนาให้ความเจริญในพื้นที่ดังกล่าวเมื่อความเจริญเข้าไปถึง สภาพทางเศรษฐกิจก็จะดีขึ้นพื้นที่ทุกๆ ตารางนิ้วมีค่าสูงขึ้น การทำประโยชน์จากพื้นที่ทางเกษตร จากการทำป่าสวนยาง ก็จะถูกพัฒนาปรับเปลี่ยนไปทำประโยชน์อย่างอื่น ที่ได้ผลตอบแทนมากกว่า ผู้ก่อการร้ายจะใช้พื้นที่ในการหลบซ่อนก็จะกระทำได้ยาก เมื่อในพื้นที่มีความปลอดภัยดีขึ้นทุกอย่าง ก็จะทำให้พื้นที่เกิดการสร้างงาน มีความต้องการแรงงานทุกประเภท ดังนั้น พื้นที่ใน 3 จังหวัดภาคใต้ ที่เคยเป็นแหล่งแอบแฝงผลประโยชน์และหลบซ่อนของคนบางกลุ่ม สร้างปัญหาจากกลุ่มอิทธิพลต่างๆ อย่างที่เป็นอยู่ก็จะถูกลดบทบาทลงในที่สุด ชาวบ้านและลูกหลานของชาวบ้านที่ยากจน จะได้หลุดจากวงจรร้าย มีโอกาสดีขึ้น การใช้พื้นที่ในการทำเกษตรกรรม ปลูกยางพารา หรือทำสวนปาล์มนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาดีขึ้น พื้นที่ส่วนใหญ่จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดีและวัฒนธรรมท้องถิ่นเฉพาะ ซึ่งจะสร้างสิ่งที่น่าสนใจที่ทุกคนอยากไปท่องเที่ยว
3. ลดช่องว่างทางเศรษฐกิจ และสร้างความเจริญให้ทัดเทียมเท่ากับประเทศมาเลเซีย ชายแดนระหว่างประเทศที่มีแนวชายแดนเข้าออกได้ง่าย จะมีปัญหาเรื่องกลุ่มผลประโยชน์สร้างอิทธิพล หากยิ่งมีความแตกต่างทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศมากก็จะยิ่งมีปัญหาดังกล่าวมากด้วย ซึ่งจะเป็นเหมือนกันทั่วโลก สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะความแตกต่างทางกฏหมายระเบียบข้อบังคับ ตลอดจนวัฒนธรรม ทำให้เกิดช่องว่างให้กลุ่มอิทธิพลหรือกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ทั้งหลายใช้ทำมาหากินและใช้เป็นเครื่องมือหลีกเลี่ยงกฎหมายของแต่ละประเทศได้ง่าย ซึ่งมีผลสร้างความเสียเปรียบให้กับประเทศไทยเรา เพราะความเป็นอยู่ของคนไทยเราด้อยกว่าฝั่งมาเลเซีย ลองพิจารณาดูตัวอย่างกรณีคนไทยที่ต้องหลบซ่อนเพื่อเข้าไปหางานทำในประเทศมาเลเซีย ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณบอกเหตุถึงความแตกต่างทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี
คลองไทยจะช่วยแก้ปัญหาความยากจนของประชาชน ลดความแตกต่างทางเศรษฐกิจกับประเทศมาเลเซีย การขุดคลองไทยจะนำความเจริญขยายเข้าไปในพื้นที่ทั่วภาคใต้ทั้งหมด จะทำให้กลุ่มอิทธิพลหรือผู้ก่อการร้ายนั้นถูกกลืนด้วยสังคมเมือง ทำให้ลดบทบาทลง เพราะความเจริญเข้าไปถึงทุกพื้นที่ภาคใต้ของประเทศทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ที่สองแนวคลองพาดผ่านเท่านั้น แต่ยังถึงพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย อีกด้วยทำให้สามารถช่วยลดปัญหาความยากจน จากเดิมที่ประชาชนต้องทำมาหากินด้วยความหวาดระแวงสวัสดิภาพของตน เนื่องจากกลุ่มอิทธิพลสามารถเข้ามามีบทบาทต่อชาว บ้านได้ง่าย เพราะความเจริญยังเข้าไปไม่ถึง และจากการที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยยังมีความเจริญที่ด้อยกว่าฝั่งมาเลเซียอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ความรู้สึกภาคภูมิในความเป็นไทยลดลง ประชาชนในพื้นที่ชายแดนเกิดความรู้สึกที่ด้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการบริหารของประเทศของไทยเลย ความรู้สึกทางจิตใจของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีเขตแดนติดต่อกับประเทศมาเลเซียจะเกิดความรู้สึกเหินห่างกับประเทศชาติของตัวเอง ทำให้ประชาชนในพื้นที่อ่อนแอง่ายต่อการถูกชักจูงจากผู้ไม่หวังดี สร้างปัญหามวลชน ดังที่เห็นกันอยู่
4. คลองไทยจะเพิ่มอำนาจต่อรองทางยุทธศาสตร์ และเศรษฐกิจไทยให้เหนือกว่าประเทศมาเลเซีย
คลองไทยจะเป็นเส้นทางเดินเรือ ที่ประเทศมาเลเซียจะได้รับประโยชน์จากการประหยัดค่าใช้ จ่ายในการขนส่งสินค้าทางเรือ ในการพัฒนาพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย ซึ่งประเทศมาเลเซียเคยขอให้ไทยเปิดทางผ่านชายแดนทางบกของไทย ที่จะใช้ขนสงสินค้าผ่านชายแดนไทยที่อำเภอสะเดา โดยใช้ถนนจากทางด้านฝั่งทะเลตะวันออกมายังฝั่งทะเลตะวันตก ซึ่งเป็นการยากต่อการที่จะปฎิเสธและควบคุมดูแลของไทย ถ้าคลองไทยเกิดขึ้นเมื่อใด ประเทศมาเลเซีย ต้องใช้เส้นทางเดินเรือของไทย ประเทศมาเลเซียจะใช้ คลองไทย มากกว่าทุกประเทศที่มีชายแดนติดต่อกับประเทศไทย เพราะเนื่องจากประเทศมาเลเซียยังต้องการพัฒนาพื้นที่ชายแดนที่ติดกับประเทศไทยยาวกว่า 600 กิโลเมตร จะทำให้มีการใช้เส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้า เกิดประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวทั้งสองประเทศ ไทย-มาเลเซีย นอกจากที่จะประหยัดในการพัฒนาพื้นที่ทางตอนเหนือของมาเลเซียแล้ว ยังสามารถพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลทิศตะวันตกได้อีกมาก จึงจำเป็นที่ จะต้องพึ่งพาคลองไทย ดังนั้น จึงยิ่งเป็นการเร่งให้พื้นที่ใน 3 จังหวัดภาคใต้มีการพัฒนาความเจริญเร็วยิ่งขึ้น จะมีการสร้างงานเกิดขึ้นอย่างมากมายตามมา
คลองไทยจะทำให้ยุทธศาสตร์ทางด้านพลังงาน และการเคลื่อนย้ายกำลังทางทหารได้อย่างอิสระทั้งสองฝั่งทะเลของไทยให้ได้เปรียบ ในเรื่องการย่นระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่งทางทะเล ซึ่งในปัจจุบันเรือขนส่งน้ำมัน หรือเรือขนส่งสินค้าทุกลำที่นำมาส่งยัง จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง หรือแม้แต่กรุงเทพฯ จะต้องผ่านน่านน้ำสากลของต่างประเทศ ทั้งด้านฝั่งทะเลอันดามัน และทะเลฝั่งอ่าวไทย เช่น ประเทศมาเลเซีย ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศสิงคโปร์ ประเทศเวียตนาม และประเทศกัมพูชา หากเกิดวิกฤติที่คาดไม่ถึงประเทศไทยจะเสียเปรียบมาก และอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศเป็นอย่างมาก
. คลองไทยจะเป็นแหล่งสร้างรายได้หลักของประเทศจะเปลี่ยนโฉมหน้าเศรษฐกิจประเทศไทย จากรายได้ที่เคยได้จากภาคเกษตรหรืออุตสาหกรรม ธุรกิจ การค้า การบริการต่างๆ จากทั่วประเทศ แหล่งรายได้หลักของประเทศจะไปอยู่ที่เมืองใหม่ บริเวณพื้นที่คลองไทยเกิดขึ้น ซึ่งสามารถ ศึกษาวิเคราะห์ได้จากเมืองท่าเรือต่างๆ ทั่วโลก เช่น ฮ่องกง ปูซาน (เกาหลีใต้) สิงคโปร์ ซานฟรานซิสโก(อเมริกา) อัมสเตอร์ดาม (เนเธอร์แลนด์) และอีกหลายๆ แห่ง เมื่อคลองไทยเกิด ผลพวงของความเจริญไม่ได้อยู่เฉพาะพื้นที่ภาคใต้อย่างเดียว แต่จะส่งผลถึงคนไทยทั่วประเทศ เพราะคลองไทยจะเป็นแหล่งที่มาของการสร้างงานอย่างยั่งยืน นอกจากจะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นหลายล้านคน ธุรกิจเดินเรือทั่วโลก จะต้องมาใช้บริเวณคลองไทย รายได้หลักของประเทศจะเปลี่ยนจากภาคการเกษตรและอุตสาหกรรม มาเป็นรายได้จากธุรกิจประเภทบริการ (คลังสินค้า การก่อสร้าง การขนส่งทางเรือ) และ การท่องเที่ยวเหมือนดังประเทศสิงคโปร์หรือเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าประเทศเหล่านี้มี รายได้ประชาชาติมากว่าประเทศไทย ทั้งๆ ที่ประชากรของแต่ละเมืองมีไม่ถึง 5 ล้านคน แสดงถึงความเปลี่ยนแปลงของเมืองปูตอง (Pudong) ตรงข้ามนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนพัฒนาให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ใช้เวลาพัฒนาจากท้องทุ่งนาให้เป็นเมืองธุรกิจอุตสาหกรรม ไม่ถึง 20 ปี
การแก้ปัญหาภาคใต้ต้องใช้เวลาแบบซึมซับเหมือนกับที่ฝ่ายผู้ไม่หวังดีหรือผู้ก่อการร้าย ได้พยายามใช้ทุกรูปแบบด้วยเวลาอันยาวนาน ทั้งในการชักจูงบุคคลที่อ่อนแอทางความคิด ปลูกฝังความรู้สึกที่ไม่ถูกต้องต่อประเทศชาติหรือแม้กระทั่งสร้างสถานการณ์ ทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ดังนั้น รัฐบาลก็จำเป็นต้องทำในทุกรูปแบบและอย่างซึมซับเช่นกัน ที่จะต้องใช้ความพยายาม ความสุขุมอย่างสูง รวมทั้งงบประมาณ และความจริงใจอย่างต่อเนื่อง หากมีอย่างหนึ่งอย่างใดเกิดทิ้งช่วงไป ไม่ต่อเนื่อง เราก็จะต้องมานับหนึ่งกันใหม่ ซึ่งอาจจะยิ่งเลวร้ายหนักยิ่งขึ้น ซึ่งการแก้ปัญหาที่ไม่รู้จบแบบนี้เป็นเรื่องยากที่จะแก้ปัญหาในลักษณะที่ต้องซื้อความสำเร็จด้วยงบประมาณ และด้วยเวลาที่ยาวนานที่ไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหน การสร้างความเจริญโดยให้เกิดคลองไทย จะเป็นทางออกที่เป็นรูปธรรม จะเป็นตัวนำร่องในการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สร้างความภาคภูมิใจของคนในพื้นที่ ที่คนไทยไม่ต้องหลบหนีเข้าไปหางานทำในประเทศมาเลเซียอีกต่อไป ความภาคภูมิใจของความเป็นไทยก็จะเกิดขึ้น การแก้ปัญหาก็จะเป็นรูปธรรมและง่ายขึ้น เมื่อความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ดีขึ้น การพัฒนาทางความคิด การซึมซับทางด้านศีลธรรม การสร้างจิตสำนึกที่ดี ก็จะขับไล่ความมืดต่างๆ ไปได้เอง
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.thai-canal.com/southern%20problem%20T.htm
มีอีกแนวคิดครับเป็นของนักศึกษา 4 เหล่าทัพ
http://www.pantown.com/board.php?id=14332&area=1&name=board16&topic=22&action=view
และนี่ก็หัวข้อความเสี่ยง ในเรื่องได้ไม่คุ้มเสียครับ
http://www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=2241
ผมคิดว่าการขุดคลองนี่ดีครับแต่เนื่องว่าสภาพทะเลในแถบที่จะขุดนั้น
มีอุปสรรคคือ ความตื้นเขิน หินโสโครก ที่สำคัญอาจตัดผ่านสถานที่ท่อง
เที่ยวที่ใกล้ อาจทำลายประการังที่เราเฝ้าทะนุถนอมมานาน
จนทำผมคิดว่ามันได้อย่างเสียอย่า
ก็คือเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นซึ่งยังเป็นความฝันกับทรัพยากรทางทะเลยที่เราเฝ้าหวงพิทักษ์มานานที่เป็นความจริง
ผมคิดว่าจะทำการใหญ่มันต้องมีการเสียสละกันอยู่แล้วครับ จริงอยู่ว่าปะการัง อาจจะได้รับผลกระทบแต่มันก็เป็นแค่วงจำกัด และการเดินเรือก็ไม่ได้กินพื้นที่อะไรมากมาย เรายังสามารถปลูกปะการัง และเราก็มีแนวปะการังที่สวยงามอีกหลายที่ มันต้องมีการเสียสละกันบ้างครับ และเรื่องการท่องเที่ยวจริงอยู่ที่เราอาจจะเสียพื้นที่ท่องเที่ยวบางส่วนไปบ้างแต่ ถ้าทางเดินเรือ(คลอง)เสร็จเมื่อไหร่ เศรฐกิจที่ดีขึ้นจะช่วยสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆเกิดขึ้นอีกนับไม่ถ้วน ความเจริญก็จะเข้าถึงทุกส่วนของภาคใต้ และจะช่วยลดปัญหาการว่างงาน และการแออัดยัดเยียดของคนที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพ และเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดแล้ว ในปัญหาปากท้อง และความเป็นอยู่ ความเจริญของประเทศไทย ไม่เสียสละ ชัยชนะก็ไม่เกิด มันจะเป็นผลดีกับลูกหลานเรา ประเทศเราในอนาคต เราจะได้ไม่อายลูกอายหลาน ให้เค้าด่าได้ ผมสนับสนุนเต็มที่ครับในฐานะที่เป็นประชาชนรากหญ้าคนหนึ่ง แต่ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรีนะผมจะทำตั่งแต่ปีนี้เลย ทำให้เร็วที่สุดเลย
มันจะไม่มีประโยชน์อะไรถ้าไม่มีคนมาอ่านกระทู้ของเรา นักการเมืองที่หน้าเงิน ตายไปมันก็เอาเงินไปไม่ได้ซักบาท แถมตกนรกหมกไหม้อีก นายกรัฐมนตรีที่ไม่มีความเข้มแข็ง ปัญหานี้มันก็จะเป็นแค่ความอยากเห็นความเจริญของพวกเราเท่านั้น แต่ความเป็นจริงมันอาจจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ผมเคยดูแผนที่แถวจังหวัดประจวบคีรีขันต์ มันมีช่วงนึงที่แป็นช่วงแคบที่สุดของประเทศเรา เราน่าจะขุดตรงนั้นได้ และมันก็จะไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรนักหนา แต่จะมีคนทำหรือเปล่าแค่นั้นเอง ครับ