หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


หน่วยรบพิเศษ Navy Seal ปะทะ Spetsnaz เรื่องจริงจากสงครามเวียดนาม ข้อมูลจากhttp://www.thaipoliceshootingclub.com/forum/index.php?topic=318.0 ครับ

โดยคุณ : sam เมื่อวันที่ : 16/09/2009 13:30:24

เนื้อหาทั้งหมด แปลจากหนังสือชีวประวัติของ ร้อยโท Robert S. Boyd อดีตนายทหารหน่วยซีลคนสุดท้ายในเวียดนาม(หนังสือชื่อ LAST WAR) ที่เคยเข้าร่วมรบใน
สงครามเวียดนาม บันทึกถึงเรื่องราวตั้งแต่ก้าวแรกที่เขาก้าวสู่แผนดินเวียดนาม จนถึงวันที่ไซง่อนแตกในบทหนึ่งของหนังสือมีการกล่าวถึงการปะทะครั้งหนึ่งที่ที่เขาไม
่เคยคิดว่จะเกิดขึ้นบนแผ่นดินเวียดนาม การปะทะของ 2หน่วยรบชั้นยอดของโลก การปะทะที่ถูกปิดเป็นความลับมามากกว่า 20ปี การปะทะของ seal และ spetsnaz
 
ต่อจากตรงนี้ขอใช้สรรพนามแทนตัวบุคคลที่ 1(ร้อยโท Robert S. Boyd) ตามต้นฉบับครับ
 
บทที่ 7 หมีขาวในป่าดิบชื้น
 
ในปี 1968 หลังจากผมได้กลับมาพักที่ ดานังเป็นเวลา 1สัปดาห์ ผมหมดเวลาวันๆไปกับการเมาหัวราน้ำตามบาร์ในดานัง ก่อนที่ในเช้ามืดวันที่ 13 พฤษภาคม
สิบเอกวิลสันได้มาปลุกผมผมลืมตาด้วยอาการสลึมสลือ ก่อนที่จะแต่งตัวและเดินตามเข้าไป เมื่อถึงสนามบินดานังผมพบว่า ลูกทีมของผมอีก 2คนพร้อมสัมภาระถูกจัด
เตรียมไว้เรียบร้อย มันยังเช้าอยู่เลยอากาศที่เย็นจะน่าขนลุกผมรู้สึกได้ ช็อปเปอร์ถูกติดเครื่องรอไว้แล้ว ผมยังไม่ทราบอะไรเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
 
วิล นี้มันเรื่องอะไรกัน.. ผมตะคอกถามวิลสัน
ผมพยามยามตามหาหมวดตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ แต่ผมหาหมวดไม่เจอ... วิลตอบผม
 
ยังไม่ทันที่ผมจะถามอะไรต่อ นักบินประจำช็อปเปอร์ก็เดินตรงเข้ามาหาผมและลากผมเข้าไปในกระโจม นั้นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอกับ จิม เจ้าหน้าที่ CIAซึ่งต่อมาผมต้อง
ทำงานกับเขาอีกหลายครั้ง (จะกล่าวในบทต่อไป) เขาไปชายวัยกลางคนท่าทางยียวนเหมือน จอน เวน คาบซิการ์ สวมแว่นเรย์แบนฉาบปรอทวาววับ เหมือนหลุดออกมาจากในหนังไม่มีผิด
 
สวัสดีผู้หมวด ผมมีงานให้คุณทำ..เขาทักทายสั้นๆก่อนที่จะกางแผ่นที่ลงบนโต๊ะแล้วหยิบปากกาเคมีสีแดง
มาวงตรงพื้นที่หนึ่งแล้วพูดกับผมว่า
 
เมื่อคืน หน่วยข่าวกรองของเราตรวจพบเครื่องบินลงจอดในสนามบินลับแห่งหนึ่งในหุบเขาซองตรี ผมอยากให้คุณไปดู..
คุณแค่เข้าไปเงียบๆถ่ายรูปแล้วกลับออกมา ง่ายมั้ย... เขาพูดพลางมองหน้าผม
 
ผมอยากทราบรายละเอียดมากกว่าครับ... ผมถาม
ไม่ เราไม่รู้อะไรมากกว่านี้ คุณนั้นแหละมีหน้าที่หารายละเอียดมาให้ผม...เขาตอบ
ช็อปเปอร์ จะปล่อยคุณลงห่างจากจุดที่เราสงสัยว่าเป็นสนามบิน 5กิโล ขอให้พวกคุณโชคดี.. พูดจบ จิมก็ลุกขึ้นยืนตบไหล่ผมแล้วยิ้ม
 
ผมไม่เคยต้องทำงานโดยไม่รู้อะไรอย่างนี้มาก่อน แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ผมเดินออกจากเต็นท์ เช็คข้าวของก่อนที่แบกมันใส่หลัง ก่อนที่วิลจะยืนสีพรางหน้าให้ผม ผมปาดสีอย่างลวกๆตามใบหน้าและหลังมือเดินนำหน้าพาลูกทีมขึ้นช็อปเปอร์ ก่อนที่มันจะพาพวกผมสู่ซองตรี ผมเห็นจิมยืนกอดอกอยุ่หน้ากระโจมมองพวกผมจนลับตา ให้ตายสิผมไม่ชอบ***หมอนี้จริงๆ ผมนั่งอยู่หลังดอร์กันเนอร์ข้างขวา โดยมีวิลสันนั่งอยู่ข้างๆ ตรงข้ามผมคือ อเล็ก เด็กหนุ่มร่างเล็กจากกรรมการในอลาบาม่า ที่เพิ่งทัวร์เวียดนามครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่ก็โดนใช้งานจนคุ้ม เขาเป็นพลวิทยุประจำทีมที่ไม่เคยปริปากบ่นถึงงานที่ทำถัดจาก อเล็ก คือลิงเกอร์ เด็กปั้มจากอริโซน่าที่หนีออกจากบ้านเพื่อมาเป็นทหาร เขาเป็นคนที่แกร่งที่สุดคนนึงที่ผมรู้จัก เขาได้บรอนซ์สตาร์จากการแบกเพื่อนร่วมทีมจากห่ากระสุนในการปะทะที่นาตรัง ส่วนวิลสัน เขาเป็นคนเดียวในทีมที่มาเวียดนามพร้อมกับผม วิลสันเกิดในครอบครัวคนทำเนยในจอร์เจียเป็นคนเคร่งศาสนาคนนึงทุกครั้งที่เขากลับ
จากภารกิจมักจะเก็บตัวอยู่ในศาสนสถานเป็นชั่วโมง
 
ผมกวาดตามาเบื้องล่างที่เต็มไปด้วยสีเขียวของต้นไม้และสีเทาของหินผาตัดกัน ซองตรีเป็นหุบเขาปิดที่มีความสลับซับซ้อนมาก จนทำให้ผมนึกว่านักบินที่นำเครื่องมาลงเมื่อคืนหมอนี้เป็นมือโปรจริงๆแค่บินกลางวันก
็จะแย่แล้วแต่หมอนี้กลับนำเครื่องลงกลางคืนได้ทั้งๆที่ไม่มีไฟนำทาง ก่อนที่จะฟุ่งซ่านมากกว่านี้ ดอร์กันเนอร์ก็ตบบ่าผมและชี้ไปข้างหน้า เครื่องค่อยๆลดระดับลงก่อนจะลอยตัวเหนือพงหญ้า ผมมองหน้าวิลสัน อเล็กและลิงเกอร์ พยักหน้าและโดดลงไป ซวบ!! หญ้าพวกนี้มันสูงกว่าหัวพวกผมเสียอีก หลังจากตั้งหลักได้ผมก็ยืนมอง ช็อปเปอร์บินจากไป ก่อนที่ย่อตัวลงตรวจการณ์รอบๆและนิ่งเงียบอยู่พักใหญ่ๆ เราฟังเสียงรอบๆมันเงียบสงบมีแต่เพียงเสียงลม
และแมลงแค่นั้น
 
ผมวางทีมโดยมีวิลสันอยู่ข้างหน้า จากเป็นผม อเล็กและเล็กเกอร์ปิดท้ายวิลสันค่อยๆคลานไปข้างหน้าช้าๆก่อนที่เราจะตามไปเงียบๆ พักใหญ่เราก็ออกจากพงหญ้านี้ มันเป็นป่าดิบชื้นที่รกทึบจนแทบจะไม่มีแสงส่องผ่อนมาเบื้องล่างเลย เราเดินไปตามแนวต้นไม้ใหญ่เรื่อยๆอย่างช้าในใจผมคิดแค่ว่าแค่หาสนามบินถ่ายรูปแล้วกล
ับออกมาแค่นั้น และไม่คิดเลยว่าอีกไม่กี่นาทีขางหน้า มันจะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้ผมต้องจดจำไปชั่วชีวิต
 
เราเดินไปขึ้นเหนือไปเรื่อยๆอย่างช้าๆร่วม 20นาที มันเงียบ เงียบมากเกินไปจนผมรู้สึกว่ามันผิดปกติ ในทีมไม่ใครพูดอะไร ทุกคนเงียบ แต่สิ่งที่ผมคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น จรวด RPG-7 พุ่งมาจากด้านขวาของผม กระทบเข้าเนินดินเล็กๆข้างหน้าแตกกระจาย พวกเรากระโดดออกไปคนละทิศละทางหมอบเงียบ ประทับปืนเล็งหาเป้าหมาย หลังกลุ่มควันจางลงและเศษดินกระจัดกระจาย เรากวาดตามองรอบด้ายไม่พบอะไรและไม่มีการโจมตี มันต่างจากทุกครั้งที่พวกผมเคยเจอ พวกนั้นเจตตาที่จะยิงเข้าที่เนินดินมากกว่าที่ จะยิงพวกผม ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เรายังคงหมอบนิ่งในจุดกำบัง อเล็กมีอาการหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดเขาหายใจถี่ กัดริมฝีปากตลอดเวลา
 
ในขณะที่เล็กเกอร์กวาดสายตาไปทั่ว แต่ทุกอย่างก็ยังเงียบสงบ เงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเราหมอบอยู่อย่างนั้นราว10นาที จนทำให้รู้สึกว่าพวกนั้นไม่ได้ต้องการชีวิตเราเพียงแต่ต้องการยั่วยุและลองเชิงเราเพ
ียงเท่านั้น....
ในความเงียบที่ก่อตัวขึ้นนั้นมันทำให้ผมรู้สึกถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน นี้ไม่ใช่สิ่งที่ผมเคยเจอนี้คือกลยุทธที่แตกต่างออกไป ตลอด 2 ทัวร์ในเวียดนามผมปะทะกับทหารเวียดนามเหนือและเวียดกงมานับ ร้อยๆครั้ง แต่ครั้งนี้มันคือสิ่งที่แตกต่างออกไปพวกนั้นนิ่งเงียบเกินไป ผมสังเกตุเห็นอาการหงุดหงิดของลูกน้องได้อย่างชัดเจน ทุกคนกังวลและงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
 
และทันใดนั้น RPG ลูกที่ 2 พุ่งเข้าหาเนินดินฝั่งที่ลิงเกอร์หลบอยู่ ดินแตกกระจายกลุ่มควันฟุ่งไปทั่ว เราทุกกดหัวลงแนบพื้นค้นหาต้นตอ
 
6 นาฬิกา อเล็ก M-72.. ผมตะโกน อเล็กประทับ M72 แล้วเหนี่ยวไปทางที่ผมบอก
 
ตูม!!!! m72 พุ่งเข้ากอไม้อย่างจัง จนกอไม้แตกกระจาย แต่......ก็ไม่การยิงกลับหรือปฎิกริยาใดๆ ผมทนไม่ไหวกับสถานการณ์แบบนี้จริงๆ ฝั่งตรงข้ามอยู่ในทำเลที่ดีกว่าเรา พวกเขามองเห็นเรา แต่เราไม่เห็นอะไรเลย
 
เราโดนกดอยู่อย่างนั้น นาน นานมาก จนเวลาล่วงเข้า 11โมง ก็ยังไม่มีการโจมตีที่ชัดเจน ภารกิจที่เราได้รับคงจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้วถ้าเราโดนกดอยู่อย่างนี้ ผมจึงจำเป็นต้องตัดสินใจบางอย่าง ผมบอกให้ทุกคนหยิบระเบิดมือขึ้นมา ถอดสลัก จากนั้นพวกเราก็เขี้ยงกันไปคนละทิศคนละทาง ตูม...ๆ ๆ ๆ !!! สิ้นเสียงระเบิดผมลุกขึ้นชาร์จไปยังทิศทางที่คิดว่าเป็นสนามบิน
 
เราจัดการยิงเป็นแบบสลับฟันปลา ซ้ายและขวา อย่างที่เคยฝึกมาเป็นร้อยๆครั้ง การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้พวกนั้นตกใจและไม่คิดว่าเราจะบ้าระห่ำ ทำแบบนี้จนพวกนั้นยิงสวนกลับมาชุดใหญ่ ลิงเกอร์ซึ่งเป็นคนปิดท้ายแถวบอกกับผมภายหลังว่า กระสุนปืนมันเชี่ยวไปมาระหว่างตัวเข้าตลอดจนรู้สึกได้ทีเดียว ผมยิงสลับกับการขว้างระเบิดมือเพื่อเปิดทาง แล้วก็วิ่งๆ วิ่ง วิ่ง ๆ จนเราหลุดออกมายังชายป่า ไม่ห่างจากจุดที่เราดรอป ลงเท่าใดนัก ผมพาพวกเขาโดดลงไปในปลักดินที่ลึกประมาณเขา หยิบซองกระสุนและระเบิดวางเรียงไว้ข้างหน้า เพื่อเตรียมรับสิ่งที่จะตามมา
 
อเล็กโผตัวไปวางเคย์โมด้านหน้าเรา ในขณะที่อเล็กกำลังวางเคย์โมลูกที่ 2นั้น กระสุนจากชายป่าก็เจาะเข้าที่ชายโครงของเขาล้มลงต่อหน้าพวกเรา ลิงเกอร์หวด M79 เข้าชายป่าด้านที่อเล็กโดนยิง ชุดใหญ่ จนเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นพวกเขา ชายร่างใหญ่สูงกว่า 7 ฟุตในชุดลายพรางที่ไม่คุ้นตาหน้าตาพรางไว้ด้วยสีดำ ในมือถือปืนดรากานอฟ วิ่งหลบเข้าไปในเงาไม้ ผมอุทานออกมาว่า Spetsnaz.. วิลสันหันกลับมามองผม
 
เราทุกคนต่างไม่คิดว่าเราจะได้เจอ Spetsnaz ในแผ่นดินเวียดนามนี้มาก่อน ไหนล่ะข่าวสารเกี่ยวกับพวกเขาไหนล่ะข้อมูล ผมไม่เคยได้รับข้อมูลเหล่านี้มาก่อนเลย ถึงกระนั้นเราก็ยังต้องยิงตอบโต้ไป พวกนั้นได้รับการฝึกมาอย่างดี การวางตัวและแนวการการยิงผสานกันได้ดีมาก จนทำให้รู้สึกว่าการยิงของเราทั้งสองฝ่ายนั้นเหมือนการทักทายกันเสียมากกว่า
 
พวกเขาวางตัวในชายป่า เงาจากชายไม้ช่วยกำบังพวกเขาได้ดี ในขณะที่เราอยู่ในปลักที่มีเนินดินสูงพอควรที่จะใช้กำบัง เสียงลูกปืนกะทบเนินดินจนรู้สึกสั่นสะเทือนกลุมควันจากระเบิด ทำให้เราเหมือนกำลังฝันไป
 
ผมเคยปะทะกับทหารเวียดนามเหนือที่มีกำลังมากกว่าเป็น10 เท่าด้วย ยังไม่เคยรู้สึกกดดันเช่นนี้มาก่อน เสียงโอดครวญของอเล็ก ทำให้พวกเราตื่นจากผวัง
 
พวกนั้นตั้งใจยิงเขาไม่ให้ตายแต่จะล่อเราที่ออกไปช่วยต่างหาก
 
รหัสแดงๆ เราโดนโจมตี ขอแอร์บอมด้วยๆ ย้ำรหัสแดง .. วิลสันตะโกนกรอกหูวิทยุ
 
นี่ สกายไรเดอร์เราอยู่ห่างคุณ 12 ไมล์เราจะเข้าไป.. เสียงตอบจากเครื่อง A1 ที่บินลาดตระเวนอยู่แถวแม่น้ำ วาชอง ตอบกลับมา
 
ผมไม่แน่ใจว่าเราจะยันพวกนั้นได้นานแค่ไหน ผนวกกับอเล็กที่นอนเจ็บอยู่ข้างหน้าแล้วพวกมันก็ยิงกดผมตลอดเวลา เราจะช่วยเขาอย่างไร
 
Spetsnaz ใช้วิธีการยิงและเคลื่อนที่ตลอดไม่หยุดอยู่นิ่งๆเราจึงจับทิศทางของเขาไม่ได้เลยจริง
ๆ เมื่อพวกนั้นเห็นว่าพวกผมไม่ออกไปช่วยคนเจ็บ พวกมันจิงยิงเข้าที่ต้นขาของอเล็ก
 
อีกนัด เสียงอเล็กร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนที่เข้าจะกลิ้งตัวเข้าไปในพงไม้ ผมเห็นเขาหันหน้ากลับมามองผมและนั้นก็เป็นภาพสุดท้ายที่ผมเห็นเขา RPG ลูกหนึ่งพุ่งเข้าใส่เขาที่พงไม้
 
ร่างของอเล็กกระเด็นลอยจากพื้นและตกลงมากะแทกพื้นห่างจากพวกผมไม่ถึง 5เมตร เขานิ่งไปแล้วเลือดและแผลไหม้ไฟเต็มตัวเขาไปหมด
 
ผมหมดความอดทนโผตัวออกจากหลุมตรงไปที่ร่างอันไร้วิญญาณของอเล็ก ลากเขามายังปลักดิน วิลสันและลิงเกอร์ เปิดฉากยิงคุ้มกันผม จนถึงปากหลุมผมลากศพเขาลงไปมองดูก่อนจะปล่อยวางและหันกลับยิงตอบโต้
 
เราอยู่ข้างบนแล้ว ชี้เป้าด้วย... เสียงจากเครื่องเอ 1
 
วิลสันเขี้ยงระเบิดควันออกไปข้างหน้า ..หน้าเสื้อกันฝนสีเหลือง บริเวณชายป่า อัดมันเลย..
 
รับทราบ... แล้วเครื่องเอ 1 ก็จิกหัวลงทิ้งทุกสิ่งที่เขามีลงบริเวณชายป่าหน้าเรา จนเกิดเป็นเปลวเพลิงลุกท่วมชายป่า ก่อนที่เครื่องเอ 1จะเชิดหัวขึ้น ..ผมช่วยได้แค่นี้ ช็อปเปอร์กำลังจะมารับคุณ.. เอ 1 ตอบ
 
ขอบใจที่เหลือเราจัดการเอง.. เปลวไฟจากระเบิดนาปาล์มฟวยพุ่งขึ้นสูงกว่ายอดมะพร้าว จนไอร้อนปะทะหน้าผมอย่างจัง ผมมองดูเปลวไฟนั้นและคิดว่าพวกนั้นคงจบอยู่ในเปลวไฟนั้นแล้ว
 
ผมคิดผิด....กระสุนปืนพุ่งมาจากชายป่าด้านขวาเข้าใส่ต้นขาลิงเกอร์ลงไปนอนจมโคลน ก่อนที่เขาจะพยุงตัวแล้วตะโกนด่า ..บ้าชิบ.. ให้ตายสิพวกนั้นมันทันเคลื่อนตัวไปตั้งแต่เมื่อไร รัศมีระเบิดนั้นมันมากกว่า 200 เมตรนะ ผมนั้นระดมยิ่งเราหนักขึ้นเหมือนเป้นการบอกว่าคราวนี้เอาจริงแล้วนะ
ฝ่ายนั้นระดมยิงเราหนักขึ้นเหมือนเป็นการบอกว่าคราวนี้เอาจริงแล้วนะ ทั้งระเบิดและกระสุนปืนดังระงมไปทั่ว ผมเห็นพวกเขาวิ่งสลับแนวไม้ไปมา หยุด แล้วยิ่ง แล้ววิ่งสลับไปสลับมาเช่นนั้น
 
กระสุนเราใกล้จนหมดแล้วส่วนที่เหลือตอนนี้คือกระสุนจากตัวอเล็กที่เจ้าตัวไม่มีโอกาส
ได้ใช้ กระสุน 20 มม.ของปืน m79 หมดแล้ว ลิงเกอร์ลากปืนลูกซอง 5นัดยิงขึ้นมาประทับแล้วยิงทุกอย่างที่เขาเห็นมันใกล้เขามา วิลสันก็ยังวิทยุติดต่อช็อปเปอร์ตลอดสลับกับการยิง
 
ซองตรี (รหัสของการปฎิบัติงานครั้งนี้) เห็นคุณแล้ว แต่เราเข้าไปไม่ได้ คุณต้องออกมา.. ฮิ้วอี้ บินอยู่เหนือหัวเราไปมา ก่อนที่จะบินหลบเมื่อถึงกระสุนยิงไล่จากชายป่า
 
โอเค เราจะออกไป..ว่าแล้วลิงเกอร์ก็แบกศพอเล็กขึ้นป่า เมื่อผมให้สัญญาณ ลิงเกอร์ก็วิ่งขึ้นจากปลักดินท่ามกลางห่ากระสุนและการคุ้มกันของผมกับวิลสัน ผมได้ยินเสียงเขาตะโกนกลบเสียงปืน ..ข้าคือนาวิก ข้าคือหน่วยซีล ***หน้าไหนข้าก็ไม่กลัว ฮู้ย่าๆ!!!...
 
วิล ตาคุณแล้ว... ผมบอกวิลให้ไป วิลมองหน้าผม ..หมวดรีบตามไปล่ะ..
 
เขาบอกแล้วลุกขึ้นกระโดดจากปลักดินวิ่งขึ้นเนินตามลิงเกอร์ไป ผมยังอยู่ที่นั้น ฮิ้วอี้ลดระดับลงลงเนินดินที่วิลกับลิงเกอร์ไป ลิงเกอร์และวิลสันช่วยกันเอาศพของอเล็กขึ้นช็อปเปอร์ ก่อนจะกลับมาตั้งหลักที่เนินดินยิงคุ้มกันผม ผมก้มลงประกอบระเบิดพลาสติกที่นำติดตัวมาหวังจะใช้ระเบิดเพื่อเปิดทางหนี แต่ในจังหวะที่ผมเงยหน้าขึ้นมานั้น ชายร่างใหญ่ในเครื่องแบบที่ไม่คุ้นตากับปืน AK74 ก็ชาร์จเข้ามาใกล้ผม ผมคิดว่าผมคงจะจบตรงนี้แน่ ผมจำแววตานั้นได้แม้มันจะผ่านมาถึง 20 ปีแล้วก็ตามแววตาที่จองเขม็งมองยังผมหมายจะเอาชีวิตผมให้ได้
 
ผมชักปืนพกขึ้นในจังหวะเดียวกับที่เขาประทับปืนหมายจะยิงผม เราทั้งคู่ต่างยิงกันและกันผมโดนเขาที่ไหล่ขวา ก่อนที่เขาจะโดนกระสุนผมเข้าที่ท้อง เขาล้มทรุดลงพร้อมกับที่ที่ผมกระเด็นไปด้วยแรงปืน ในขณะที่ผมกำลังจะสิ้นสติ วิลและลิงเกอร์ก็เข้ามาลากผมออกจากปลักโคลนนั้น ลิงเกอร์จุดระเบิดพลาสติกแล้วโยนเข้าไปที่ชายป่า เสียงระเบิดดังไล่หลังตามเรามาพร้อมกับลูกปืนพวกเราลากผมขึ้นช็อปเปอร์
 
ก่อนที่ช็อปเปอร์จะทะยานออกจากขุมนรกนั้น ร่างผมนอนอยู่ข้างศพอเล็ก นี้เป็นครั้งแรกที่ผมหลั่งน้ำตาออกมาตั้งแต่มาที่เวียดนาม
 
มันจบแล้วผู้หมวด... วิลกล่าว
ยังหรอกจ่ามันเพิ่งเริ่มต้น... ลิงเกอร์พูดพร้อมกับชี้ไปยังเบื้องหลัง
 
ภาพกลุ่มชายในชุดทหารโซเวียตเข้ามามุงล้อมช่วยเพื่อนของพวกเขาแล้วกลับหายเข้าป่าไป สงครามครั้งนี้มันทำให้ผมจินตนาการไม่ออกจริงๆว่าต่อไปจะเป็นเช่นไร
 
หลังที่ที่ผมกลับมาถึงฐานแล้วผมถูกส่งตัวเข้ารับการรักษา วิลและลิงเกอร์ที่มาเยี่ยมผมบอกว่าพวกเขาถูกหน่วยข่าวกรองและ CIA เรียกไปสอบครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาบอกว่าที่เขาเจอน่ะ Spetsnaz นะ แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ
 
ทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีทางที่ Spetsnaz จะมาโผล่ที่เวียดนามหรอกมันเป็นไปไม่ได้ หลังจากนั้นไม่นาน จิม CIA ที่ส่งผมเข้าไปก็มาเยี่ยมพร้อมกับสอบถามผมในคำถามที่ไม่ต่างกับ 2 คนนั้น ผมก็ตอบเหมือนกันคือที่ผมเจอคือ Spetsnaz จิมไม่แสดงทีท่าอะไร แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเชื่อผม
 
หลังจากนั้นผมก็ยังทำงานในเวียดนามอีกถึง 18 เดือนก่อนที่จะมีการถอนหน่วยซีลออกจากเวียดนาม เรื่องจริงทั้งหมดเพิ่งจะมาเปิดเผยหลังการล่มสลายของโซเวียตโดยเจ้าหน้าข่าวกรองของโ
ซเวียตที่ขอลี้ภัยมาในอเมริกา
 
เขายืนยันว่าโซเวียตเคยมีการส่งทหารเข้าไปในเวียดนาม ถึง 23 ครั้ง ในจำนวนนั้นเป็นหน่วย Spetsnaz ถึง 3 ครั้ง ใน 3 ครั้งนั้น ครั้งที่ผมเจอเป็นการคุ้มกันการลำเลียงจรวดจากพื้นสู่อากาศแบบ Sam7
 
และในครั้งนั้น Spetsnaz มีการสูญเสียถึง 4นายจากจำนวน 18 นายที่ส่งไป
 
ที่มา : http://www.rtna.ac.th/old_webboard/show.php?Category=&No=942




ความคิดเห็นที่ 1


ขอบคุณครับ

หาเรื่องนี้อยู่ตั้งนาน  เพราะเคยมีคนโพสตั้งแต่ Wing 21 แล้ว

แต่ไม่ได้Save ไว้ 

ขอบคุณอีกครั้งครับ
โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 05/09/2009 12:55:52


ความคิดเห็นที่ 2


ทำไมรู้สึกประวัติศาสตร์การรบอะไรๆ อเมริกาก็เก๊งเก่ง เก่งกว่าเสมอชอบกล อิๆๆ
โดยคุณ BloodRoyal เมื่อวันที่ 05/09/2009 13:34:51


ความคิดเห็นที่ 3


อ่านเรื่องราวแล้ว ก็ขอแนะนำคนที่มี internet แบบ Hi Speed ลองไปโหลด torrent ของหนังทีวีซีรีย์อเมริกา ชื่อ The Unit มาดูกัน เป็นหนังทีวีที่สร้างโดยอ้างอิงจากหนังสือ Inside the Delta Force ตอนนี้ออกมามี 4 ภาค(seasons)

ก็ต้องบอกกันก่อนว่ามันเป็นหนังซีรี่ย์ทางทีวี งบประมาณก็คงไม่ได้มากมายแบบหนังฮอลี่วู๊ด แต่ก็เป็นรายการทีวีที่น่าชมอีกเรื่องหนึ่ง

โดยคุณ monsoon เมื่อวันที่ 05/09/2009 18:56:01


ความคิดเห็นที่ 4


คุณ monsoon ฮอลลีวูดเดี๋ยวนี้หมดมุขแล้วครับเห็นว่าจะรีเมคหนังเก่าๆ ตั้งหลายเรื่อง ผมกลัวว่าจะเป็นประเภทหนังใหญ่ไร้กำไรมากกว่า อิๆ

จะว่าไปที่ว่าอเมริกันได้ต่อตีกับระดับสเปทสนาซก็มีเขียนไว้หลายที่เหมือนกันแต่ผมยังไม่เคยอ่า่นประเภทบุคคลที่หนึ่ง เห็นแบบจะๆ ตามาก่อนเลย ขอบคุณมากครับ ^^

ดูจากในนี้แล้วอเมริกาไม่ได้เก่งไปกว่ากันหรอกครับ ข่าวก็ไม่ได้ (นอกจากบอกว่ามีหน่วยรบพิเศษรัสเซียป้วนเปี้ยนอยู่ในป่า) ตายไปหนึ่งเจ็บอีกสอง แบบว่าอยู่ต่อก็หมดสภาพสู้รบ

ปล. ว่าแต่ปี 1968 มี AK-74 แล้วรึเนี่ย!?
โดยคุณ Praetorians เมื่อวันที่ 06/09/2009 00:05:38


ความคิดเห็นที่ 5


ขอบคุณมากครับ

อ่านดูแล้ว แสดงว่า 2 ฝ่ายสูสีกันมากเลย

ถึงกับเรียก A-1 มาช่วยแสดงว่าอีกฝ่ายนี้ไม่ธรรมดา

โดยคุณ KoHZaNoVSkI เมื่อวันที่ 06/09/2009 03:32:42


ความคิดเห็นที่ 6


ที่บอกว่า และในครั้งนั้น Spetsnaz มีการสูญเสียถึง 4นายจากจำนวน 18 นายที่ส่งไป

ผมว่าน่าจะพูดเพื่อแก้หน้ามากกว่าครับเพราะอ่านจากเรื่องแล้ว อเมริกาไม่น่าจะต่อสู้ได้ขนาดนั้น ยิงก็ยิงส่งเดชไม่รู้เป้าหมายขณะที่อีกฝ่ายเลือกจุดหรืออวัยวะที่จะยิงได้ หลักฐานก็ไม่มีว่าฝ่ายนั้นตายจริงในขณะที่ฝ่ายตนเองโดนจริงเจ็บจริงตายจริงด้วย นอกจากว่าจะตายเพราะระเบิดจากเครื่องบินซึ่งอาจจะหลบไม่ทัน หรือพี่ๆมีความเห็นว่าไงบ้างครับ
 

โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 06/09/2009 05:05:57


ความคิดเห็นที่ 7


ปล. ว่าแต่ปี 1968 มี AK-74 แล้วรึเนี่ย!?

อ่านวิกิเค้าว่าเอเค74 เริ่มผลิตในปี1974นะครับ ผมว่าซีลคนนั้นคงจำผิดกับเอเคเอ็ม ที่มันมีแม็กกาซีนเป็นสีน้ำตาลส้มเหมือนเอเค74 แต่ปากกระบอกของเอเคเอ็มจะปากแฉกแบบไม้ไผ่ตัด ส่วนเอเค74ปากจะมีมัซเซิ่ลเบรกเป็นท่อหุ้ม

ขอบคุณท่านจขกท.ที่นำมาให้อ่าน(ก็อป)อีกครั้งครับ เพราะตอนนั้นเคยเซฟไว้แต่หายไปละ 555

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 06/09/2009 07:25:30


ความคิดเห็นที่ 8


M79 มัน 40 มม. มิใช่รึครับหรือว่าเป็นรุ่นแรก 20 มม. ลูกเล้กนิดเีดียว - -
โดยคุณ Banyat เมื่อวันที่ 16/09/2009 02:30:25