(แค่เตือนให้รู้ว่าความขัดแย้งกำลังจะมา และขออนุญาตช่วยงดการแสดงความเห็นที่รุนแรงนะครับ เพราะเรื่องนี้น่าจะจบได้ด้วยการเจรจา และการแสดงพลังสามัคคีของคนในชาติจะเป็นตัวช่วยได้มาก)
ปีนี้ไทยเสียดินแดนแล้ว 2 ครั้ง?
โดย ธีรเวทย์ ประมวญรัฐการ
วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11500 มติชนรายวัน
เข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์หน้ามรดกโลกของยูเนสโกไม่บ่อยนัก http ://whc.unesco.org/en/activities/search_theme=22 แต่ช่วงหลังนี้ ข้อมูลที่กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกค่อนข้างอัพเดทบ่อยจึงต้องคอยติดตาม
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2552 พบ
"Property" (ตัวและบริเวณมรดกโลกปราสาทพระวิหาร) มีขนาดใหญ่ถึง 154.70 เฮกตาร์ หรือเกือบ 3 พันไร่ เท่ากับขนาดพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม. เหมือนไม่บังเอิญ นึกเอะใจว่า กัมพูชาช่วงชิงส่วนที่ค้างคามาตั้งแต่ศาลโลกตัดสินปี 2505 ไปแล้ว
เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2552 พบข้อความ
"Buffer Zone" (พื้นที่กันชน) : เพิ่ม มีขนาดประมาณคร่าวๆ 5 หมื่นไร่ (2,642.50 เฮกตาร์) :
Date of Inscription: 2008
Criteria: (i)
Property : 154.7000 ha
Buffer zone : 2642.5000 ha
N14 23 18 E104 41 2
Ref : 1224rev
ส่วน Buffer Zone นั้น ถ้าดูจาก "แผนที่ใหม่" (ซึ่งกัมพูชาวาดเอง 8 มิถุนายน 2551) จะอยู่ด้านตะวันตกของตัวปราสาท
มีสิ่งบอกเหตุว่าจะกินแดนทอดยาวไปถึงปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ที่ห่างไป 12 กิโลเมตร
ส่วนที่เป็นดินแดนของกัมพูชาจะมีปนบ้างเท่าไรคงต้องรอการปักปันเขตแดน แต่นั่นสื่อว่าแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา 18 มิถุนายน 2551
มีการบังคับใช้แล้ว เพราะในข้อ 4 ระบุว่า Buffer Zone กำหนดได้โดย ICC : International Coordinating Committee หรือ
"คณะกรรมการ 7 ชาติ" โดยไม่ต้องรอผลการปักปันของ คณะกรรมการปักปันเขตแดน (JBC : Joint Boundary Commission)
เข้าใจว่าเรื่องที่ดินแดนไทยถูกแปรเป็นพื้นที่มรดกโลกไปทั้ง 2 ครั้งชัดเจนแล้วนี้นายกฯอภิสิทธิ์ทราบจากคุณสุวิทย์ คุณกิตติ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากร และสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่รายงานจากที่ประชุมมรดกโลก เมืองซาบีญ่า ประเทศสเปน ผ่านทางโทรศัพท์
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2552 นายกฯอภิสิทธิ์ถึงกับอุทานว่า "ทำไมผมไม่เคยเห็นรายงานเดือนเมษายน" (หมายถึงรายงานล่าสุดของ ICC)
ที่ไม่ปกติอีกประการน่าจะเป็นเหตุผลที่รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรฯไปประชุมมรดกโลก แต่พอจะอนุมานได้ว่า วนอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารซึ่งอยู่ภายใต้กำกับของกระทรวงนี้น่าจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกไปแล้ว
"กรรมการ 7 ชาติ" (ICC) ก็ลึกลับไม่น้อยไปกว่ากัน หากตรวจสอบกันในทางลึกอาจพบว่า ICC เป็นแค่คณะกรรมการ "กำมะลอ" มีที่มาจากบริษัทผู้รับเหมาเอกชนธรรมดา หาใช่ "Public Institution" ไม่
ที่คุณสุวิทย์ไปประชุมที่สเปนก็อาจในฐานะกรรมการ ICC ที่ต้องรับมอบดินแดนที่ไทยเพิ่งสูญเสียไป
เมื่อสองสามวันก่อนมีการถอนทหารแถวเขาพระวิหาร แปลว่า JBC จะเตรียมลงมือเจรจาปักปันเขตแดนแล้ว?
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01act02040952§ionid=0130&day=2009-09-04
จะว่าไปแล้ว มันก็มีข่าวมาว่าทางฝ่ายกัมพูชาเองเขาได้เร่งทำถนนเข้ามาในเขตพื้นที่ทับซ้อนด้วยเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร โดยเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ สามสี่เดือนที่ผ่านมา ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรเห็นบอกว่าจะเริ่มเป็นข่าวในอาทิตย์หน้ายังไงก็ขอติดตามดูนะครับ
ขอให้วิเคราะห์ในเชิงวิชาการ และกฎหมายจะดีสุดครับ
จะได้ช่วยเสริมสร้างมุมมองที่เป็นประโยชน์ต่อคนในวงกว้างด้วย
มีบทความล่าสุดที่น่าสนใจในบล็อกนี้ครับ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ladida&month=08-2008&date=08&group=6&gblog=38
รู้กันแบบนี้แล้ว กองทัพ นักการเมือง ประชาชน ทำอะไรกันอยู่? ครับเนี้ย?
พื้นที่ตรงนั้น ไม่น่าจะ ตัดถนน หรือ ให้ประชาชน ไม่ว่าของประเทศใด
มาตั้งรกรากอยู่เลยด้วยซ้ำ
ก่อนอื่นเราควรใช้กำลังทหารผักดันเขมรออกผักดันชาวเขมรออกจากเขต4.6ตารางกิโลเมตรก่อนเนื่องจากตอนนี้ชาวเขมรได้เข้ามาสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่อีก ถ้าเราปล่อยให่อยุ่ก็ถือว่าเรายอมรับในสิทธ์ของเขมร เพื่อเเสดงถึงสิทธ์ของเราในพื้นที่4.6ตารางกิโลเมตรไว้ก่อน มาถึงขนาดนี้เเล้วเราคงหลีกเลี่ยงไม่ได้เเล้ว เพราะเรายอมมามากเกินไปเเล้วถ้ายอมอีกก็คงเสียดินเเดนอีกเป็นเเน่
เมื่อผักดันเขมรออกจากพื่นที่เเล้วค่อยมาคุยกัน เจรจากันใหม่
สงครามถึงไม่มีใครอยากให้เกิด เเต่ถ้าจำเป็นเราก็ควรทำ
( ไม่อยากประวัติสาทสำรอยอยุธยา )
ถ้าไทยลาออกจากยูเนสโก้หล่ะครับ จะมีผลไรเกิดขึ้นไหม
ขนาดเมกา มันยังไม่เป็น สมาชิกของ unhcr เลย
ผมว่าศักดิ์ศรีของประเทศเหนือกว่าเป็นสมาชิกขององกรนี้
ผักดัน เขียนให้ถูกต้องคือ ผลักดัน
ประวัติสาทสำรอย สำนวนดูแปลกๆน่ะครับ
อาจจะยังเป็นเยาวชนอยู่ อยากให้น้องๆใช้ภาษาไทยกันให้ถูกต้องด้วยครับ
มีหลายๆคนอยากจะมีบัตรประจำตัวที่ขึ้นต้นด้วยเลข 3
เราคนไทย ทำไมอยากจะใช้เลข 0 นำหน้าเหมือน ด.ช. หม่อง
กันครับ
ผู้นำประเทศ วันนี้ท่านยังหล่อ ออกทีวีอยู่เลย
7 เดือนผ่านมา ก็ประมาณ 210 วัน อยากถามว่าท่านผู้นำออกทีวีกี่วันครับ วันละกี่ครั้ง แต่ละครั้ง เคยพูดเรื่องปัยหาชายแดนเขมรหรือไม่
ทั้งทางบกและในทะเล หรือปัญหาภาคใต้ที่ตายแทบทุกวัน หรือแม้แต่เคยพูดเรื่องอนาคตเราจะทำอย่างไรกับเรื่องพลังงาน ทั้งไฟฟ้า น้ำมัน ก๊าซ หรือแม้แต่ขยะล้นประเทศ น้ำเน่าเสีย ท่านจะแก้อย่างไร
เห็นวิสัยทัศน์ของท่านผู้นำแล้วเซ็งครับ วันนี้ไปแจกรางวัล พรุ่งนี้ไป roadshow วันต่อไปไปพารากอนไปเปิดงานจัดดอกไม้ วันต่อไปคงไปกล่าวว่าจะไปกู้เงินที่ไหนอีก จะไปแจกเงินที่ไหน วันๆมีแต่งานการตลาด ประชาสัมพันธ์ไปวันๆ หรือไม่ก็จ้องล้างแค้นจองเวรกันเองระหว่างนักการเมือง
ในโลกมีแค่ประเทศไทยประเทศเดียว ที่มีผุ้นำแต่แบบนี้ เหมือนกบในกะลา ปัจจุบันเขมร พม่า ลาว เวียดนาม เขาไปไหนไกลแล้ว ไม่ต้องนับมาเลย์ อินโดหรือสิงคโปร์ เขาจะเหยียบดวงจันทร์แล้ว เมืองไทยยังแค่โชว์วิสัยทัศน์ว่าจะกู้เงินมาทำถนน มาก่อสร้าง คิดได้แค่นี้ แต่งานวิจัยไม่เคยสนับสนุน อย่างมากก้แค่ต้นแบบ แล้วก็เอาออกโชว์ในงาน หลังจากนั้นก้จัดซื้อจากต่างประเทศ
ขอบคุณครับท่าน: santik ผู้มีความรู้ ที่ตักเตือนพอดีผมตกภาษาไทยเลยพิมพ์ผิด
ผมคงไม่โดนโทษประหารชีวิตนะครับผมกลัว
เรื่องพวกนี้เราก็รู้อยู่แก่ใจของเราทุกคนละครับ ว่าสาเหตุมันเป็นเพราะอะไร ที่เราต้องเสียดินแดน พูดไปก็เท่านั้น เซ็งไปเปล่า ๆ
ผมว่าตอนนี้เรากำลังหลงประเด็นกันอยู่ เห็นไทยบอกแต่ว่าพื้นที่รอบเขาพระวิหารเป็นพื้นที่ทับซ้อน แต่กัมพูชาไม่เคยบอกต่อชาวโลกเลยว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ทับซ้อน บอกแต่ว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของเค้า ไทยเป็นผู้บุกรุกเข้ามา อ้างสิทธิ์ โมเมหรืออะไรก็แล้วแต่ ดังนั้น ไทยก็ควรบอกกับชาวโลกเหมือนกันว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของเรา ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน โดยให้เหตุผลและหลักฐานของกรมศิลป์ฯ ซึ่งขึ้นทะเบียนปราสาทตาเหมือน และปราสาทอื่นโดยรอบมาตั้ง 76 ปีแล้ว หรืออ้างสิทธิ์ก่อนฝรั่งเศสบีบบังคับเราเข้ายึดครองสิครับ จดหมายเหตุก็มีทำไมไม่อ้าง ไม่ใช่ทำเหนียมอาย เกรงใจเพื่อนบ้านที่ไม่เคยเกรงใจเรางั้นรึ ช่วยเหลือไม่รู้เท่าไหร่กับเนรคุณ แล้วเขมรจะมาอ้างอะไรอีก แผนที่ของฝรั่งเศสที่ปล้นแผ่นดินเราไปงั้นรึ เราควรส่งทหารเข้าพื้นที่ทันที ขับไล่ผู้บุกรุก ไม่ใช่รอให้เค้าฆ่าเราก่อนยิงเราก่อนทุกทีไป ผมสงสารทหารที่เราเอาพวกเค้าไปรับกระสุน ระเบิดอย่างเดียว เหมือนที่ทำกับ 3 จว ภายในประเทศ
T008517 |
ของดวิจารณ์การเมืองในเวบนี้ |
509/ 3 |
11/7/2552 |
T008517 |
ของดวิจารณ์การเมืองในเวบนี้ |
509/ 3 |
11/7/2552 |
ผมมีข้อมูลจากแหล่งที่พอเชื่อถือได้ ว่า พี่แซมเราเล่นบทตี 2 หน้าเสียแล้ว ลำพังบริจาครถบรรทุกทหารเก่าๆ
ให้เพื่อนบ้านก็ไม่น่าจะมีอะไรในกอไผ่ แต่ได้ยินมาว่าอาจมีของร้อนประเภทหางยาวแบบบั้งไฟแอบมาด้วยจะยุ่งกันใหญ่ เราคงต้องใช้ความอดทนให้มากๆ ต่อการยั่วยุทุกรูปแบบ หากศึกบนบกเกิดขั้นเมื่อไหร่ 7 ชาติที่ว่ามาช่วยดูเรื่องปราสาทคงรุมกินโต๊ะเราในเวทีโลกเละแน่ ดังนั้น หากเรายังมัวทะเลาะกันเห็นทีจะเสียดินแดนทางทะเล (ที่เป็นพื้นที่ทับซ้อนในมุมมองของเรา) ในครั้งนี้ป็นแน่แท้
ส่วนศึกทางเรือนั้นคงเกิดยากเพราะในทะเลจีนใต้เต็มไปด้วยหูตา (ใต้น้ำ) ของตั้วเฮีย และหมีขาว เต็มไปหมด พี่แซมกับสหายเมืองน้ำหอมคงไม่กล้าทำอะไรเกินขอบเขต อย่างเก่งก็แค่ส่งเรือรบมาอวดธงเอาใจเพื่อนบ้านที่น่ารักของเราเท่านั้น (โปรดอย่าลืมสหายเมืองน้ำหอมเป็นคนเขียนแผนที่เจ้าปัญหานี้นะครับ ผลประโยชน์ทำให้ชาติใหญ่ๆ ทำเรื่องที่ไม่น่าจะทำได้มามากต่อมากแล้ว และสงครามแห่งการแย่งชิงทรัพยากรอาจอยู่ใกล้เราแค่ปลายจมูกก็ได้ อย่าได้ประมาเชียว)
รัฐบาลและ กต. ควรแสดงจุดยื่นต่อเวทีโลกให้ชัดเจนต่อท่าทีแปลกๆ ของยูเนสโก้ ก่อนที่จะสายเกินไป
รัฐบาลและ กต. ควรแสดงจุดยื่นต่อเวทีโลกให้ชัดเจนต่อท่าทีแปลกๆ ของยูเนสโก้ ก่อนที่จะสายเกินไป <<<<รัฐบาลจะมาอ่านหรือเปล่าเนี่ย
7 ชาติที่ว่านี้มีอะไรบ้างครับถ้าไทยลาออกจากยูเนสโก้หล่ะครับ จะมีผลไรเกิดขึ้นไหม
แล้วแต่ละอย่างที่ยูเนสโก้เคยขึ้นทะเบียนให้ไทยละครับ จะเป็นยังไงบ้างละนั้น?
ไทยไม่เข้มแข็งไม่แสดงความเข้มแข็งอะไรเลย ที่กัมพูชาเคยพูดไว้ว่า ไทยตอนนี้ก็เหมือนช้างหลับ ซื่งมันก็จริงทุกอย่าง เค้านิดเดียวก็ยังทำได้ขนาดนี้ นายกไม่เข้าใจปัญหาอะไรเลย ไม่มีความเด็ดขาด ถึงขั้นหวาดกลัว ถ้ามีนิสัยรักชาติหวงชาติเหมือนท่านอดีตนายก ตอนที้แขมร์เผาสถานทูตปี45 แล้วท่านบอกว่า ถ้าคนไทยเป็นอะไรแม้แต่คนเดียว มีเรื่องแน่ ประเทศไทยคงจะไม่ต้องอยู่สภาพอย่างนี้ ที่จริงถ้าจะทำอย่างงี้ไม่จำเป็นต้องมีกองทัพที่เข้มแข็งก็ได้ เพราะอย่างไงก็ทำตัวยอมเค้าอยู่ดี
เรื่องพื้นที่ทับซ้อน ที่กัมพูชาเข้ามาสร้างถนน บ้านเรือน ปัญหานี้มีมานานแล้วแต่รัฐบาลเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ห่วงความสัมพันธ์และกลัวเสียประโยชน์ในบ่อนปอยเปตุของนักการเมืองบางคนที่เป็นเจ้าของบ่อนในเขมร ไม่ทำอะไรจริงจัง แล้วทหารจะทำอะไรได้ครับ ถ้าเจ้านายไม่สั่งเขียนจดหมายร้องเรียนมา8-9ฉบับก็ไม่ได้รับการใส่ใจ มันก็ไกล้จะเสียดินแดนเข้าไปทุกทีแล้วแหละครับ
ผมเห็นด้วยกับคุณ giggok และพี่ houseman ทุกเรื่องครับ แต่ผมคิดว่าฝรั่งเศสคงไม่กล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือส่งกำลังทางเรือมาข่มเราเพราะฝรั่งเศสไม่ได้เป็นเจ้าอาณานิคมเขมรแล้วและสองถ้าทำอย่างงั้นจีนคงออกมาปกป้องเราแน่ (เหมือนเรื่องพม่า)
อีกไม่นานถ้าเราจังทำตัวอย่งงี้เรื่องเสียดินแดนเราคงไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ ทางที่ดี ถ้าไม่กล้าผลักดันเค้าออกก็เอาคนเราเข้าไปอยู่สิครับ เหมือนเค้า เค้าทำไรเราทำหมด เค้าสร้างถนน เราก็สร้าง เค้าขนทหารเราก็ขน แล้วถ้าเค้าประท้วงเราก็บอกเอ็งยังทำได้เลย อั๊วก็ทำได้เหมือนกัน แล้วถ้ามีอะไรก็ออกข่าวก่อนเลยครับชิงออกก่อน ต่อยก่อนได้เปรียบแล้วน้องแขมร์ก็ใช้ได้ผลทุกที และแก้การวางตัวของเราไม่รู้ว่าบิดามารดรของบรรดานักการเมืองบางคนต้มหนังสืออุดมการณ์ความรักชาติ และประวัติศาสตร์ให้กินบ้างหรือเปล่า
เห้อ เหนื่อยใจ มันจะไม่มีประโยชน์อะไรถ้าไม่มีใครมาอ่านข้อความของพวกเรา และไม่มีใครสนใจในความคิดของประชาชนรากหญ้าอย่างพวกเรา ต่อให้พูดกันปากฉีกก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ
เพราะพี่จีนเค้ามีนโยบายไม่แทรกแทรงการเมืองระหว่างประเทศ แล้วการที่ฝรั่งเศสจะออกหน้าแทนเขมร มันคงเป็นการไม่สมควร ผมคิดเองนะครับว่าอย่างน้อย ต้องมีมหาอำนาจชาติหนึ่งออกโรงมาปกป้องเราอยุ่แล้ว และถ้าฝรั่งเศสออกหน้า จีนซึ่งต้องการเป็นพี่ใหญ่ในภูมิภาคนี้อยู่แล้ว ก็ต้องแสดงพลัง และโชว์อำนาจอยู่แล้ว และก็หวังผลประโยชน์จากไทย ซึ่งถ้าจีนออกหน้าปกป้องไทย การลงทุนเอย ผลประโยชน์เอย อิทธิพลทางทหารที่ไทยเคยตามอเมริกา ก็อาจจะเปลี่ยนเอนมาทางจีนได้นะสิครับ และจีนคงไม่เห็นด้วยที่จะเห็นชาติมหาอำนาจมารังแกประเทศเอเชียด้วยกัน โดยที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลย ประมาณเนี้ยแหละครับ
ส่วนที่ผมบอกว่า เหมือนเรื่องพม่า คือว่าจีนออกมาค้านเรื่องพม่าเข้ามาแทรกแทรงเรื่องภายในหัวชนฝา ซึ่งเป็นการแสดงสปริต ของการเป็นผู้นำ พี่ใหญ่ ในการปกป้อง ประเทศในภูมิภาคนี้ อะไรทำนองนี้แหละครับ
ผมไม่ได้นิยมใครนะครับ แต่แค่คิดความน่าจะเป็นน่ะครับ
ป.ล.ที่จริงผมก็คิดแล้วครับว่าไม่สมควรใช้คำนั้น ไม่สมควรลบเลยนะครับยินดี ขอบคุณที่ท้วงติงครับ
ผมประโยชน์ไม่เข้าใครออกใครอย่างคุณ horseman บอก จีนก็อาจไม่ใจดีมาช่วยเราก็ได้ เราไม่ควรหวังกับคนอื่นมากพยามช่วยเหลือตัวเองดีกว่า
ขอแสดงความเห็นสักเล็กน้อยนะครับ
เราทราบกันดีแล้วว่า เมื่อตอน WW2 ญี่ปุ่นอ้างว่าถูกปิดล้อมทางเศรษฐกิจจากกงล้อม ABCD คือ อเมริกา บริเตน ไชน่า และ ดัชท์ คือ กลุ่มประเทศเหล่านี้ต่อต้านญี่ปุ่นเนื่องจากการแผ่อิทธิพลอย่างก้าวร้าวของญี่ปุ่นเอง จึงไม่ยอมส่งออกสินค้ายุทธปัจจัย เช่น น้ำมัน สินแร่ต่างๆ รวมถึงเครื่องจักร และบอยคอตสินค้าจากญี่ปุ้นด้วย ทำให้ญี่ปุ่นต้องหาทางออกโดยการโจมตีอ่าวเพิร์ล และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (ในส่วนที่เป็นอาณานิคมของบริเตน และดัชท์ เพราะมีแหล่งน้ำมัน และยางพารา) ในตอนนั้นไทยเองก็โดนหางเลขไปด้วยเพราะเป็นทางผ่านสำคัญของกองทัพญี่ปุ่นในการเข้าโจมตีฐานทัพใหญ่ของบริเตนในอินเดีย (ตีผ่านไทย-พม่า) ทำให้เราไม่มีทางเลือกมากนักอย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเราถูกบีบให้เลือกข้างญี่ปุ่น (ในขณะที่อเมริกาตอนนั้นนอกจากไม่ช่วยเราแล้ว ยังยึดเครื่องบินที่เราสั่งซื้อไปหลายลำด้วย เพราะกลัวว่าจะตกอยู่ในมือของญี่ปุ่น)
ตอนนี้มาถึงศตวรรษที่ 21 แล้ว ใครจะเชื่อว่าจีนคอมมิวนิตส์จะกลายมาเป็นมหาอำนาจ แถมยังเป็น 1 ใน 5 สมาชิกมนตรีความมั่นคงแห่ง UN ด้วย และที่สำคัญคือ อเมริกามองจีนอย่างระแวงมาตลอดไม่ว่าจะเป็นกรณี ติดเครื่องดักฟังในเครื่องบินของผู้นำจีน (เจียงเจ๋อหมิง) หรือส่งเครื่องบินสอดแนมจากไต้หวันและเกาหลีใต้คอยสำรวจชายแดนจีนอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงดาวเทียมทางทหารของอเมริกาก็สร้างความรำคาญให้จีนมิใช่น้อย (เคยเกิดเหตุการณ์ที่ บ.รบจีน จงใจชนเครื่องบินสอดแนมของสหรัฐจนต้องร่อนลงจอดฉุกเฉินในจีนเมื่อ 3-4 ปีก่อนมาแล้ว และยังมีข้อสังสัยถึงโครงการอวกาศของจีนบางเรื่องที่อาจมีวัตถุประสงค์แอบแฝงเพื่อทำลายดาวเทียมของอเมริกาที่จีนเห็นว่าเป็นภัยคุกคามด้วย)
นอกจากนี้การที่จีนใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างมหาศาลเพื่อการผลิตในภาคอุตสาหกรรมก็อาจเป็นเหตุให้จีน อาจเดินซ้ำรอยญี่ปุ่นใน WW2 ได้ เนื่องจากอาเซียนมีแหล่งสำรองพลังงานที่ติดอันดับโลกทีเดียว กล่าวคือมีปริมาณสำรองแก็สธรรมชาติที่อยู่ใน บริเวณพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-เขมร ไทย-มาเลเซีย
และอีกแหล่งที่น่าจับตามองคือในพม่า(อันดามัน) มากเป็นอันดับ 2 ของโลก ดังนั้น จีนต้องคงอิทธิพลในเขตทะเลจีนใต้ และอาเซียนอย่างแน่นอน และที่สำคัญคือบริเวณนี้ยังเป็นทางผ่านไปยังแหล่งพลังงานในตะวันออกกลางอีกด้วย ที่ผ่านมากองทัพเรือของเรารับทราบการเคลื่อนไหวของเรือดำน้ำไม่ปรากฎสัญชาติในอ่าวไทยหลายครั้งแล้ว มันน่าคิดนะครับว่ามาทำไมกันบ่อยๆ แถวนี้ และที่น่าตกใจก็คือเหตุการณ์เรือดำน้ำจีนโผล่ขึ้นน้ำในทะเลจีนใต้ห่างจากเรือบรรทุกเครื่องบินในกองเรือที่ 7 ของอเมริการแบบปลายจมูกเมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา โดยที่กองเรือของอเมริกาก็ไม่ทันระวังตัวด้วย (เล่นกันแรงดี)
ดังนั้น หากเราได้จีนมาร่วมเจรจากับอเมริกาและฝรั่งเศส ก็น่าจะช่วยให้เรามีแต้มต่อมากขึ้นนะครับ
(แบ่งผลประโยชน์ให้จีนบ้าง ดีกว่าเราจะไม่ได้อะไรเลย)
หายหน้าไปนาน ขอกลับมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับท่าทีของจีนแถบภูมิภาคนี้เพิ่มเติม ดังนี้
การที่ล่าสุดจีนเพิ่งบรรลุข้อตกลงในการจัดหาพลังงานจากออสเตรเลียมูลค่ากว่า 41,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อรองรับการใช้พลังงานของจีนในอีก 20 ปีข้างหน้า
หากลองสังเกตให้ดี จะเห็นว่าในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา จีนพยายามกระจายความเสี่ยงจาการจัดหาแหล่งพลังงานของตนออกไปทั่วโลก รวมถึงความพยายามในการเข้าควบรวมกิจการกับน้ำมันข้ามชาติอีกหลายแหล่งด้วย นั่นก็เป็นการส่งสัญญาณแล้วว่าจีนไม่ได้คิดเล็กแต่คิดใหญ่และคิดอย่างลึกซึ้งด้วย
( นอกจากนี้ ในประเทศจีนเองก็ยังมีแหล่งพลังงานสำรองในแถบตะวันตกของประเทศ โดยเฉพาะด้านมลฑลซินเกียงที่กำลังมีปัญหาด้านเชื้อชาติกันระหว่างชาวฮั่นและชาวอุ้ยกูร์เจ้าของพื้นที่เดิมในขณะนี้ ซึ่งว่าปัญหาเรื่องเชื้อชาติดังกล่าวจะไม่จบลงโดยง่ายด้วยจีนเชื่อว่ามีชาติตะวันตกหนุนหลังชาวอุ้ยกูร์ให้สร้างความวุ่นวายขึ้น)
สำหรับประเทศในเขตอิทธิพลของจีนนั้น ที่ผ่านมาจีนจ้องมองพม่าตาเป็นมัน เพราะพม่านอกจากจะมีพรมแดนติดกับจีนแล้ว ยังอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและแหล่งพลังงาน
อย่างมหาศาล นอกจากนี้ยังเป็นประตูหลังให้จีนออกสู่มหาสุมทรอินเดียเพื่อไปติดต่อยังตะวันออกกลาง และแอฟริกาได้อีกด้วย (ดังนั้น หากชาติตะวันตกคิดปิดล้อมจีนจริงๆ ในอนาคต
ไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ (ทั้งด้านพลังงานและพรมแดน) เชื่อว่าจีนคงไม่พลาดเหมือนอย่างญี่ปุ่นในอดีตแน่)
ส่วนในเขมรนั้น จีนเองก็ไม่ต้องการให้ชาติตะวันตกเข้าไปมีอิทธิพลมากเกินไป จึงพยายามเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการผลประโยชน์ต่างๆ
เพราะกลัวตกขบวนรถไฟ ตอนนี้บริษัทน้ำมันทั้งจากสหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส กำลังแย่งชิ้นเค้กสัมปทานอันอย่างมันมือ รวมถึงบริเวณพื้นที่
ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับเขมรด้วย
(เขมรทำ MOU ยกพื้นที่ดังกล่าวในส่วนบล็อก 3 ให้กับฝรั่งเศสไปอย่างหน้าตาเฉยเมื่อวันชาติของฝรั่งเศสที่ผ่านมาแล้วนี่เอง
ทำให้สำนักงานประชาสัมพันธ์ของบริษัทโทเทล สัญชาติฝรั่งเศส ในเขมรต้องออกแถลงข่าวว่าเป็นแค่สิทธิในการสำรวจน้ำมันเท่านั้น
และการขุดเจาะสำรวจจะกระทำได้ต่อเมื่อไทยเขมรตกลงเรื่องพื้นที่ทับซ้อนสำเร็จแล้ว โดยขอให้ไทยกับเขมรตกลงกันให้ได้ภายใน 10 ปีนี้ด้วย )
งานนี้ไม่รู้ว่า กระทรวงต่างประเทศของไทย และรัฐบาล จะแก้เกมของเขมรอย่างไร เพราะเขมรเอาขาใหญ่อย่างฝรั่งเศสมาคุ้มกันล่วงหน้าแล้ว
ดังนั้น หากเราเสียเปรียบเรื่องพรมแดนทางบกแถวอีสานใต้ (เขมรไม่เอาเฉพาะเขาพระวิหาร แต่เขมรจะเอามากกว่านั้น ถึงขนาดที่ผ่านมาก่อนเกิดการจลาจลเผาสถานทูตไทยในเขมร
มีนักศึกษาเขมรเดินขบวนเรียกร้องจะเอาจังหลัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ และศรีสะเกศคืนจากไทยทีเดียว) ก็มีหวังว่าอาจจะเสียเปรียบพรมแดนทางทะเลตามไปด้วย ต้องไม่ลืมนะครับว่า
ฝรั่งเศสเป็นคนเขียนแผนที่พรมแดนให้ไทยกับเขมร ในลักษณะที่ทำให้ไทยเสียประโยชน์มาโดยตลอด ซึ่งหากมีปัญหากันจริงๆ คงลากเราไปสู่เวทีการเจรจาระดับประเทศหรือระดับโลก
(และในเวทีโลกนี่ก็เต็มไปด้วยล็อบบี้ยีตส์ของมหาอำนาจชาติตะวันตก ซึ่งเราอ่อนหัดในเรื่องแบบนี้มากๆ ) การเจรจาโดยมีจีนช่วยหนุนหลังก็น่าจะจะแก้เกมของเขมรได้บ้างไม่มากก็น่า เพียงแต่เราก็ต้องแบ่งผลประโยชน์ให้จีนเป็นการตอบแทนบ้างเท่านั้น
เรื่องนี้ไม่ได้เขียนเพื่อให้เราไปทะเลาะกับเพื่อนบ้านนะครับ แต่การอยู่ร่วมกันกับเพื่อนบ้านที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย คงต้องหากลยุทธ์ มารับมือกับเขาด้วยนะครับ
(ประมาณว่าต้องเข้าใจเพื่อนบ้านเราให้ท่องแท้เสียก่อนว่าเขาต้องการอะไร จะได้รับมือได้ถูก)
ผมเชื่อว่าสุดท้ายแล้วเมื่อผลประโยชน์ลงตัวกับทุกฝ่ายเหตุการณ์ก็น่าจะจบลงด้วยดี
แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นไทยอาจติดกลางเขาควายแห่งสงครามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนอดีตที่ผ่านมา
ก็ขอภาวนาให้เรื่องนี้จบแบบสวยๆ เนียนๆ ก็จะดีที่สุดครับ
อนึ่ง หากไม่ให้แสดงความคิดเห็นในเรื่องผลประโยชน์ของชาติกันบ้าง ก็จะดูเหมือนกับการปิดหูปิดตากันนะครับ
(เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องชวนทะเลาะ หรือก่อให้เกิดความขัดแย้งใดๆ ทั้งนี้ เป็นวิจารณญาณของเวปมาสเตอร์เองที่จะดูแลเรื่องดังกล่าว ซึ่งเราทุกคนต้องเคารพในกฎกติกาและ
มารยาทของการอยู่ร่วมกันในสังคมอยู่แล้ว)
เพราะหากสุดท้ายแล้วเราต้องเสียพื้นที่ตรงนี้จริงๆ ในอนาคต ก็ให้รู้กันไปเลยว่า เราเสียค่าโง่ตรงไหน จะได้ไม่ไปเสียค่าโง่แบบนี้ที่อื่นอีก (เหมือนกับกรณี รศ. 112)
หากเรามัวมานั่งดูว่าใครจะมีอาวุธใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ โดยไม่สนใจเรื่องยุทธศาสตร์ของชาติ และภูมิภาคแถวบ้านเราเลย ไม่น่าจะเป็นเวปด้านการทหารอย่างสมบูรณ์แบบนะครับ
ด้วยความเคารพต่อสมาชิกความเห็นของทุกท่าน
อ้างอิง
1. ออสซี่ลงนามครั้งประวัติศาสตร์ จัดหาก๊าซให้จีนมูลค่า4หมื่นล้าน
2. จีน-ออสซี่บรรลุข้อตกลงการค้ามูลค่า 1.4 ล้านล้านบาท | News Update ...