ขออนุญาตเวปมาสเตอร์ระบายความในใจหน่อย (แล้วค่อยลบกระทู้นี้ทิ้งก็ได้ครับ)
สืบเนื่องด้วยเมื่อวันหยุดที่แล้วผมได้เห็นข้อความที่ไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการจัดตั้ง
พล ม.3 แต่ถ้อยคำที่ใช้อาจแรงไปหน่อย และที่สำคัญคือเรื่องนี้ผู้ที่แสดงความ
ไม่เห็นด้วยดังกล่าว ทั้งๆ ที่ท่านผู้นี้ก็พอจะรับทราบข้อมูลเรื่องนี้มาบ้างแล้ว เนื่องจากได้เคยมีการอภิปรายกันพอหอมปากหอมคอแล้วในบอร์ดนี้
http://www.thaiarmedforce.com/forum/viewtopic.php?f=5&t=216&start=15
แต่ท่านก็แสดงการคัดค้านอย่างน่าตกใจ (นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องเรือเหาะที่ท่านก็ไม่เห็นด้วยอย่างแรงด้วยนะ) เลยอดเสียกำลังใจไม่ได้ที่ทำไมหนอทหารกล้าที่อุทิศตนให้ประเทศชาติมาค่อนชีวิต มีความรู้และประสบการณ์ เปรียบเป็นปูชนียบุคคลของเหล่า ม. กับแค่แสดงความคิดเห็นในการพัฒนาเหล่า ม.ก็ถูกคนรุ่นหลัง (นอกกองทัพ) ปฏิเสธแนวคิดอย่างไม่ใยดี ทั้งๆ ที่ท่านผู้เฒ่าเองก็บอกแล้วว่าขอเป็นการจัดกำลังจากของเดิมที่มีอยู่ 1 ใน 3 แล้ว (คือ ให้แบ่งกำลังมาจาก กรม ม.6) ส่วนที่เหลือก็น่าจะคาดได้ว่า คงต้องให้ ทบ.ไปคิดแบ่งกำลังจาก หน่วย พล.ม1 และ พล.ม.2 มาเสริมเอาเอง (เพราะรัฐบาลถังแตกคงไม่มี งปม.ให้แน่) สำหรับส่วนของหน่วยที่จะเกิดใหม่จริงๆ ผมคาดเอาเองว่าอย่างมากก็น่าจะมีแค่ 1-2 กองพันเท่านั้น (ซึ่งก็น่าจะเป็นแค่กองกำลังเคลื่อนที่เร็ว ประมาณคงจะจัดเป็นรถหุ้มเกราะเสียมากกว่า) ที่สำคัญคือเรื่องนี้ก็ยังเป็นเพียงแค่แนวคิดจากผู้ใหญ่เท่านั้น สุดท้าย
พล.ม3 อาจไม่ได้เกิดขึ้นก็ได้หากทางกองทัพเห็นว่าของเดิมดีอยู่แล้ว ผมจึงได้ตั้งกระทู้เข้าไปและแสดงความเห็นเชิงต่อว่าท่านผู้นี้ที่ไม่เห็นด้วยที่ท่านใช้ถ้อยคำรุนแรงก่อน และสุดท้ายเวปมาสเตอร์ได้ใช้สิทธิจัดการกับกระทู้ของผมดังกล่าวไปเพื่อรักษาบรรยากาศอันดีของส่วนรวม และที่น่าดีใจคือท้ายที่สุดแล้วท่านที่ไม่เห็นด้วยกับ
แนวคิดการตั้ง พล.ม.3 ก็ได้ปรับโทนของการไม่เห็นด้วยลงให้บล็อกของท่านแล้ว
(ต้องขอขอบคุณมากครับ) เพราะผมเชื่อว่าการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีทุกคนย่อมทำได้หากไม่ไปรุกรานความคิดของผู้อื่น (หรือทำร้ายน้ำใจของผู้อื่นจนเกินไป)
อนึ่ง บังเอิญผมไปเห็นรูปท่าน AAG_th ที่บ้านของท่าน เห็นว่าท่านถึงกับเลือดสาดทีเดียว ก็รู้สึกไม่สบายใจที่ทำให้คุณ AAG_th ต้องเป็นกังวล เนื่องจากท่านเองก็ได้แสดงแนวคิดเรื่องการจัดตั้งพล ม.3 ไว้ในบ้านท่านเหมือนกัน ซึ่งผมยอมรับว่าแนวคิดของท่าน AAG_th วิเคราะห์ได้ใกล้เคียงมาก (จะว่าไปเรื่องแนวคิดการจัดตั้งพล ม.3นี้ใครๆ เขาก็รู้กันมานานพอควรแล้ว)
จึงต้องขออภัยท่าน AAG_th มา ณ ที่นี้ด้วย (หากท่าน AAG_th คิดว่าโดนลูกหลงของการดวลปืนใหญ่กันในครั้งนี้)
และสุดท้ายต้องของขอบคุณทุกท่านที่เอ๋ยนามมาว่า ท่านได้ทำหน้าที่ของท่านอย่างดีแล้ว และผมก็คงต้องทำหน้าที่ของผมอย่างดีที่สุดด้วยเพื่อประเทศชาติอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา
(หากเวปมาสเตอร์จะลบกระทู้ขออภัยนี้อีก โปรดนำข้อความขออภัยของผมไปฝากท่าน AAG_th ด้วยครับ ท่านจะได้ไม่เป็นกังวลว่าถูกใครเข้ามาตรวจสอบอีก)
สวัสดีครับ
ผมไม่ทราบว่าพี่ horseman ได้ทันอ่านกระทู้ที่สองที่ถูกลบไปหรือเปล่า ซึ่งถ้ายัง ผมก็ขอ copy ข้อความเดิมจากกระทู้เดิมมาก่อนครับ
---------------------
อ๋อ สวัสดีครับพี่ horseman ผมถามโทรศัพท์สอบถามดูแล้วล่ะ เก็ตแล้วล่ะครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ความจริงตอนที่เขียนไปนั่นน่ะ พูดตรง ๆ ได้เลยนะครับว่าโมโหสุด ๆ มันมี version แรกที่แรงกว่านี้อีก นี่เซ็นเซอร์ตัวเองทิ้งไปเหมือนกันแล้วนะครับเนี๊ย 555+
ผมกลับมาอ่านอีกทีด้วยใจเป็นธรรม ยอมรับว่า ประโยคหลัง จุดจุดจุด นี่ มันแรงครับ บางทีอาจจะแรงไปหน่อย เลยกลายเป็นว่าคนทำงานอาจจะไม่พอใจเมื่ออ่าน ทั้ง ๆ ที่หลายคนเขาก็ไม่ผิดอะไร เพราะผมก็ว่าแบบเหมารวม เนื่องจากที่ผมเขียน ๆ มาตลอด ผมจะไม่เอ่ยถึงบุคคล แต่จะวิจารณ์รวบไปเลยทั้งกองทัพ เพราะถ้าเอ่ยถึงบุคคล มันจะทำให้ชวนคิดไปว่า ผมวิจารณ์เพื่อต้องการโจมตีบุคคลซึ่งไม่พอใจกันเป็นการส่วนตัว ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่
ดังนั้นอันนี้คือประเด็นแรกที่ผมอยากจะแบ่งปันนะครับว่า ผมไม่มีอะไรกับตัวบุคคล ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ เพราะ 1) ผมแทบไม่รู้จักใครเป็นการส่วนตัวเลย 2) แม้ว่าเป็นการส่วนรวม ผมก็แทบไม่รู้จักใครอยู่ดี จำไม่ค่อยได้ว่าใครทำอะไรที่ไหนยังไง เพราะเรื่องตัวบุคคล มีนักข่าวสายทหาร (ที่ไม่ค่อยมีความรู้ด้านการทหารจริง ๆ สักเทาไหร่) สนใจกันเต็มไปหมดอยู่แล้ว พวกเขาสนแค่ว่าใครจะย้ายไปไหน ผมเลยไม่อยากเป็นแบบนั้น ดังนั้น พูดให้พี่สบายใจนะครับว่า ผมไม่ได้โจมตีตัวบุคคลไม่ว่าใคร แต่ผมโจมตีหลักการ ซึ่งมันจะออกมาจากใคร ไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจฮะ
ซึ่งจริงนี้คือประเด็นที่สองครับว่า ตลอด 4 ปีที่ผมเขียนเรื่องทหารขึ้นมา ผมไม่ได้ต้องการเชียร์กองทัพ และในทางตรงกันข้ามผมก็ไม่ได้ตั้งมาโจมตีกองทัพ ผมต้องการ สร้างแหล่งอ้างอิงเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้สนใจ รวมถึงทำให้ทหารเข้าใจพลเรือน และพลเรือนเข้าใจทหาร ซึ่งในอีกแง่หนึ่ง มันมีข้อมูลสองแบบอยู่ในนั้น หนึ่งคือข้อเท็จจริง สองคือความเห็นของผม ซึ่งในส่วนของความเห็นส่วนตัวนั้นผมเขียนไว้ที่หน้าบล็อคว่า มันคือความเห็นส่วนตัวเท่านั้นเอง ซึ่งจะผิดหรือถูก เป็นสิ่งที่หลายครั้ง มันแล้วแต่คนมองครับ
แต่ในเมื่อผมเลือกที่จะแสดงความเห็นของตัวเอง ผมก็ไม่สามารถที่จะพูดไปในทางเดียวได้น่ะครับ ดังเช่นในที่สุดแล้ว ผมก็ต้องขอสงวนสิทธิที่จะวิจารณ์กองทัพ ด้วยถือสิทธิเหมือนกับประชาชนคนอื่นที่ว่า ในเมื่อกองทัพทำงานรับใช้ประชาชน และเงินภาษีของผมก็อยู่ในนั้นด้วย กองทัพควรต้องถูกวิจารณ์ได้ เพราะกองทัพก็ไม่ใช่สถาบันที่แตะต้องไม่ได้ และนายทหารในกองทัพก็คือข้าราชการคนหนึ่ง แต่ผมก็พยายามทำให้มันแตกต่างจากหน้าหนังสือพิมพ์หัวสีที่เอาอะไรก็ไม่รู้มาเขียนหรือเอาอะไรที่รู้ ๆ กันอยู่มาลง โดยอ้างหลักวิชาการเข้าไว้
ผมคงหยุดวิจารณ์กองทัพไม่ได้ เพราะผมเชียร์กองทัพยังทำได้เลย วิจารณ์ก็ต้องทำได้ครับ ถ้าผมเอาแต่เชียร์กองทัพ มันจะต่างอะไรจากการโฆษณาชวนเชื่อ แล้วคุณค่าของสิ่งที่ผมเขียนมันจะอยู่ตรงไหนถ้าผมเลือกที่ปิดตาข้างหนึ่งเพื่อไม่ให้เห็นสิ่งที่มีอยู่อีกด้าน แต่ที่ผ่านมาผมก็คิดว่า พยายามเขียนแบบสร้างสรรค์ที่สุดแล้ว (ซึ่งคงจะต้องบอกว่ายกเว้นประโยคนั้น)
อันนี้คือสิ่งที่ผมได้ยินมาทางโทรศัพท์น่ะครับ เพราะผมก็ไม่ได้อ่านข้อความที่พี่ horseman โพสไว้เหมือนกัน เนื่องจากมันลบแล้วลบเลย ดังนั้น โดยสรุปตรงนี้คือว่า
1. ผมขอบคุณ (จริง ๆ ไม่ได้ประชดฮะ) ที่ท้วงติงมาเรื่องการใช้ภาษาครับ ถ้าประเด็นมันอยู่ตรงนี้ ผมยอมรับและน้อมรับไปปรับปรุงแก้ไขต่อไปครับ ซึ่งก็ต้องขอบคุณพี่ horseman เช่นกันที่กล้าออกมาเตือนดัง ๆ อย่างสร้างสรรค์ นะครับ
2. แต่ในอีกแง่ ผมก็ยังคงต้องขอสงวนสิทธิที่จะวิจารณ์กองทัพต่อไป แม่ว่าผมไม่เคยถือตัวเองว่าเป็นสื่อ (เนื่องจากผมเกลียดสื่อฮะ พูดตรง ๆ) แต่ผมก็พยายามยึดจุดยืนที่ว่าจะทางวิชาการโดยพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่แตะต้องบุคคลเหมือนที่เคยทำมา ซึ่งผมสงวนสิทธิที่จะไม่เปลี่ยนแปลงจุดยืนไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ยกเว้นว่าเหตุผลผมสู้ไม่ได้ครับ
ดังนั้นในประเด็นนี้ ผมขอลบประโยคเจ้าปัญหาของตัวเองออกไป เหลือแต่ประโยคหน้าเท่านั้นครับ ซึ่งผมคิดว่า เพียงประโยคหน้านี้ น่าจะโอเคแล้วนะครับ
ดังนั้นตรงนี้คือประเด็นที่อยากจะย้ำอีกทีนะครับว่า ตอนที่ผมอัพ Blog ผมจะไม่สนใจว่า ใครคือต้นกำเนิดของแนวคิดหนึ่ง ๆ ที่กล่าวอ้างถึง เพื่อหลีกเลี่ยงจากการถูกมองว่าผมจะเป็นฝ่ายไหน ผมจึงใช้วิธีพูดว่า กองทัพ(บก,เรือ,อากาศ) รวมกันไป เพราะผมก็ถือว่ามันมาจากนโยบายของกองทัพอยู่แล้ว ดังนั้นในกรณีนี้ ผมปิดตามองเช่นกันครับ ไม่สนใจว่าใครคือต้นคิด แต่ผมสนใจเพียงหลักการ ซึ่งถ้าผมเห็นด้วย ผมก็ชื่นชมหลักการ ถ้าผมคัดค้าน ผมก็โจมตีหลักการ
ย้ำอีกครั้งว่า ผมไม่ได้ว่าคน ผมวิจารณ์เพียงหลักการนะครับ
แต่ในการโพสที่เว็บบอร์ด ก็จะเป็นอีกเรื่องนึง ซึ่งคงไม่เหมาะจะมาพูดตรงนี้เพราะผมก็ต้องให้เกียรติ TFC ด้วยครับ ดังนั้นคงต้องพูดที่อื่นครับ
สุดท้าย ผมยังยืนยันความคิดของผม ซึ่งจะผิดหรือว่าถูก ผมก็ได้ชี้แจงไปแล้วในคำประกาศว่า เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผม และนั่นก็คือจุดยืนของผม ซึ่งผมก็จะไม่เปลี่ยน ถ้าผมไม่จำนนต่อเหตุผล ซึ่งอันนั้นผมจะยอมแพ้ และเปลี่ยนหรือยินดีถอนคำพูด ตรงนี้ผมก็ทำมาหลายครั้งแล้ว
และผมขอจบประเด็นในส่วนของผมไว้เพียงเท่านี้ เนื่องจากผมไม่อยากจะรบกวน TFC ด้วยเรื่องส่วนตัวของผมครับ และขออภัยคุณ Ronin ด้วยครับ
อ้อ ขออภัยครับ อีกนิดนึงครับว่า ถ้าเกิดมีอะไรเพิ่มเติม อยากให้ติดต่อผมทาง e-mail ได้เลยครับ ผมยินดีตอบครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับคุณ skyman ที่ได้พูดคุยกัน ผมขออนุญาตชี้แนะเพิ่มเติมอีกหน่อยนะครับ (เพราะรักและเป็นห่วงน้องชายคนนี้ถึงได้กล้าออกปากนะครับ)
1. ตอนเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อ 7 ต.ค. คุณก็ออกตัวไวไป ผมเห็นความเห็นในบล็อกของคุณแล้วก็สะดุ้งเหมือนกัน แต่อยากบอกสักหน่อยหนึ่งว่าในโลกนี้ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ คงต้องทำใจให้เป็นกลางๆ เข้าไว้มากๆ (ในทางศาสนาพุทธเรียกว่าอุเบกขา) จะได้ทำให้ใจเราไม่แกว่งไปแกว่งมาเพราะเหตุต่างๆ ที่มีกระทบ (ไม่ว่าเหตุนั้นเราจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม ) จะได้ไม่เกิดทุกข์ตามมาทีหลัง
และสำหรับเรื่อง 7 ต.ค. นี้อีกไม่กี่วันก็คงรู้ผลแล้ว ปล่อยให้กฎหมายและกฎแห่งกรรม (ถ้ากฎหมายทำไม่ได้) ทำงานของเขาไปเถอะ
2. ตอนที่คุณออกโรงชี้แจงข้อได้เปรียบของโครงการกริปเปน จนถูกกล่าวหาจากฝ่ายตรงข้าม (รัฐ) ผมก็เห็นใจคุณมาก นึกอยากเตะปากคนที่ว่าร้ายคุณเหมือนกัน
(ต้องนับว่าโชคดีที่มี คุณ skyman ช่วยปชส. อยู่ ไม่งั้นโครงการนี้แท้งแน่ๆ และผลเสียจะตกกับกองทัพโดยส่วนรวมด้วย)
สำหรับเรื่องงานตรวจสอบหรือวิจารณ์ใดๆ ที่ได้ทำอยู่ก็เชิญตามสบายเถอะครับ มันมีประโยชน์มาก แต่ต้องระวังในอีกด้านหนึ่งเหมือนกัน เพราะอาจมีผู้นำข้อมูลของคุณมาโจมตีกองทัพได้ (คุณเคยโดนมาแล้วนี่) โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่าไม่น่าเกินปี 8-10 ปีนี้ นาฬิกาแห่งความสงบสุขของโลกจะหยุดเดิน และนาฬิกาแห่งความวุ่นวายในโลกจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง (ด้วยการแย่งชิงทรัพยากร) หากเราไม่เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ คงไม่ทันการแน่ (วีรกรรมที่กองบิน 53 และที่วัฒนานคร เมื่อปี 2484 หากเราเตรียมพร้อมและมีอาวุธดีมากกว่านี้ อาจไม่ต้องสูญเสียมาก็ได้ ลำพังตัวอากาศยานนั้นไม่เท่าไหร่หรอก แต่ทรัพยากรมนุษย์นั้นสำคัญมากกว่า)
และด้วยวิสัยทัศน์ของการที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านทัพฟ้าอาเซี่ยนก็น่าจะช่วยให้ฝ่ายที่คิดรุกรานเราหรือมาบังคับเราให้เป็นพวกในอนาคต (เหมือนที่ jp เคยทำกับเรา)
คงเกรงใจเราบ้างไม่มากก็น้อย
สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณเวปมาสเตอร์ (นินจาไร้สังกัด) ที่ให้โอกาสแสดงความคิดเห็นในที่นี้ครับ
ปล. รบกวนคุณ skyman และสมาชิกอื่นๆ ที่ตามเรื่องเรือดำน้ำด้วยนะครับ ผมเห็นแต่จะมีเรือชั้นกิโลเท่านั้น ที่น่าจะเหมาะที่สุดทั้งทางด้านยุทธศาสตร์และการเมือง
ด้วยรัสเซียเองก็เคยช่วยเราในอดีตให้รอดพ้นจากปากของ Fr มาก่อนเมื่อ หลังเหตุกาณ์ รศ.112 และดูเหมือน ปวส. กำลังจะซ้ำรอยเดิมในอีกไม่นานนี้ เพราะเพื่อนบ้านฝั่ง
ตะวันออกของเรากร่างเหลือเกิน เขารู้ว่าสู้แสนยานุภาพของเราไม่ได้เลยไปดึงคู่กรณีเก่า (เห็นเรือรบ fr มาแสดงบทบาทในน่านน้ำแถวนี้แล้วชักไม่สบายใจ)
แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นมิตรกับเรา แต่ครั้งเมื่อหลังหลัง WWII ยังจำได้ว่าเขาเคยตั้งใจจะเหยียบเราให้จมดินเหมือนกัน โชคดีที่เราได้ลุงแซมมาช่วย แต่เราก็ต้องแลกกับอะไรอีกหลายเรื่องที่น่าขมขื่นใจเช่นกัน จนเป็นเหตุให้เรากับเพื่อนบ้านทางรั้วบ้านด้านตะวันออกและตะวันตกมองหน้ากันไม่สนิทใจจนทุกวันนี้ หากสานสัมพันธ์กับหมีขาวไว้ก็น่าจะช่วย
เป็นปากเสียงแทนเราได้ (เป็น 1 ใน 5 ของสมาชิกถาวรคณะมนตรีฯ UN เสียด้วย) อันนี้ไม่ได้เป็นการชี้นำนะครับ แต่ขอให้ช่วยดูทางเทคนิคให้รอบด้าน ซึ่งโครงการเรือดำน้ำนี้
เกิดยากกว่าโครงการใดๆ ทุกโครงการของกองทัพเสียด้วย ไม่แน่กองทัพอาจได้คุณ skyman และสมาชิกในที่นี้เป็นกองหนุนช่วยชาติอีกงานนะครับ
ขอใช้สิทธิที่ถูกพาดพิงเล็กน้อครับ
หมายถึงภาพนี้หรือครับ
ภาพนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับ พล.ม.๓ เลยครับ คือดู DVD WATCHMEN แล้วชอบเลยวาด แค่นั้นครับ
อ้อ เป็นอย่างนี้น่าเอง
ขอบคุณพี่ horseman ที่ชี้แนะครับผม ยังไงผมก็จะนำคำแนะนำนี้ไปปรับปรุงต่อไปครับ ก็เรียนอีกครั้งว่า คำพูดที่ผมพูดไปโดยใช้คำรุนแรง ก็ขอกล่าวขออภัยและขอน้อมรับคำติติงครับ
เกร็คประวัติศาสตร์
ที่ท่านอดีตนายกฯสมัคร ok กับโครงการกริปเปน เพราะได้ทราบข้อมูลจากหลานเขยของท่านว่า บ.รบ รุ่นนี้ดีกว่าตัวเลือกอื่นใด (มีระบบเตือนภัยล่วงหน้าแถมมาด้วย) ทำให้ตัดสินใจได้ตรงประเด็น
หลานเขยท่านสมัครได้รับข้อมุลข่าวสารที่เป็นประโยชน์จากแถวๆ นี้ และที่บ้านคุณ skyman ครับ
ขอยกเครดิตให้กับทุกท่านในที่นี้ด้วยครับ
เอางั้นเลยเหรอครับ โอ้ววว o_0
เห็นคราวปี 50 โน้นพี่โต สรศักดิ์ก็ช่วยไว้รอบนึงแล้วแฮะ เขาว่ากันว่า พล.อ.บุญรอด อ่านบทความ Gripen แกในมติชนก่อนเซ็น ^ ^
เรื่องลับหลายเรื่องไม่ควรที่จะนำมากล่าวกัน ทางความมั่นคงหลายอย่างไม่ต้องมีเหตุผลปกติ หลายเรื่องไม่มีก็ต้องพูดให้มี
แต่ขอให้คิดถึงประเทศชาติก่อน ได้เสียเท่ากันใหม ทหารรักษาความลับไม่ได้แพ้ตั้งแต่ยังไม่รบ ลับ ลวง พราง
เรื่องลับลวงพราง มันอยู่ที่วิธีคิดครับ
ถ้าเราให้ยามถือปืนกระบอกใหญ่ๆ ไว้ที่หน้าบ้าน และหลัง บ้าน พวกขโมยก็คงไม่กล้าเข้าบ้านเราแน่
และยิ่งถ้าเรามานั่งประกอบลูกระเบิดหรือจรวดอยู่หน้าบ้าน คนทั่วไปก็คงไม่กล้าเดินผ่านหน้าบ้านเช่นกัน
แต่ในทางกลับกัน คนที่เขาคิดร้ายแต่สู้เราไม่ได้อาจไปบอกตำรวจ (โลก) ให้มาจัดการกับเรา
ข้อหาทำตัวข่มขู่เพื่อนบ้าน (ขวัญอ่อน) ให้ตกใจกลัว
เรื่องนี้นานาจิตตังครับ
แต่ผมคิดว่า หากเรามีความสุจริตใจ เมื่อเรามีดีคงต้องเอามาอวดให้เพื่อนๆ ดูกันน่าจะดีกว่ามั้งครับ
ให้เขารู้ไปเลยว่าเรามีดีอะไรบ้าง ไม่ใช่ทำตัวลับๆ ล่อๆ ให้ชวนสงสัย