หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ใครรู้บ้างครับ ว่าทำไม อิสราเอล ต้องมี สงคราม กับเพื่อนบ้าน บ่อย ๆ

โดยคุณ : jobnattapong เมื่อวันที่ : 13/09/2009 07:35:40

ทำไม ประเทศ อิสราเอล ถึง มีข่าว สงคราม บ่อย ๆ ครับ

 





ความคิดเห็นที่ 1


ผมก็เคยได้ยินเรื่องดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่กำแพงอะไรสักอย่างแถวๆนั้นสักอย่างนะครับ ไม่รู้ใช่หรือเปล่า

อยากรู้มากกว่านี้เหมือนกันครับ..
โดยคุณ charchar เมื่อวันที่ 29/08/2009 04:39:57


ความคิดเห็นที่ 2


ผมว่าอิสราเอล ก็คงไม่อยากทำสงครามหรอกครับ ไม่มีใครอยากตายหรอกน่ะ ลองค้นหาข้อมูลเก่าๆของชาติยิวดูก่อนสักนิดดีไหม  แล้วขาดตกสงสังอะไรค่อยถาม เพื่อคุณอาจจะกลายเป็นผู้ให้ความรู้ผู้อื่นได้ด้วยน่ะครับ
 
โดยคุณ ลมหมุนวน เมื่อวันที่ 29/08/2009 08:40:36


ความคิดเห็นที่ 3


มีหนังสือภาษาไทยของ พล.อ.ต.ปรีชา ศรีวาลัย เขียนไว้หลายเล่ม...โดยเฉพาะเรื่องการจัดตั้งและการรบทางอากาศ .....ถ้าอ่านแล้วจะเข้าใจว่า...ทำไมต้องทำสงคราม..และอ่านแล้วอาจจะมีความคิดว่า..หากเราเลือกข้างได้เราจะเลือกข้างใคร..."ยิวไม่ต้องการรบ...แต่ถูกยัดเยียดสงครามและความตายให้ทุกเวลา...โดยเฉพาะในช่วงสงครามโลก...เขาต้องการอยู่อย่างสงบ...ไม่ต้องการเล้ร่อนไปไหนอีกแล้ว"
โดยคุณ ท้าวทองไหล เมื่อวันที่ 29/08/2009 11:05:47


ความคิดเห็นที่ 4


ตามที่ท่านท้าวฯว่านั้นแหละครับ ในไทยเราก็มีหนังสือที่กล่าวถึงเรื่องนี้อยู่หลายเล่มเหมือนกัน แนะนำหนังสือของท่าน พล.อ.ต ปรีชา ศรีวาลัยเล่มนี้ครับ

กรณีพิพาทตะวันออกกลาง เป็นหนังสือที่ผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ และสงครามในตะวันออกกลางในประเทศไทยควรจะซื้อมาอ่านครับ เนื้อหาครบครั้น ตั้งแต่การดิ้นร้นก่อตั้งชาติของชาวยิวที่ต้องกระจัดกระจายกันไปอยู่ทั่วทุกมุมโลก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่1 ไปจนถึงสงครามในขณะที่จัดทำหนังสือ คือสงครามสหรัฐบุกอิรัก และสงครามสหรัฐบุกอัฟกานิสถาน มีภาพประกอบมากมาย

ยิว โดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ปราโมช เล่มนี้ผมยังไม่ได้ซื้อมาอ่าน แต่ก็เป็นหนังสือที่อธิบายเกี่ยวกับยิวหรืออิสราเอลได้ละเอียดดีเล่มหนึ่งครับ แถมเขียนโดยบุคคลสำคัญของประเทศเรา ดังนั้นรับประกันคุณภาพ

เดี๋ยวจะกล่าวๆโดยสรุปเท่าที่เคยอ่านจากหนังสือมานะครับ

 

 

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 30/08/2009 23:19:21


ความคิดเห็นที่ 5


ข้อมูลอาจจะไม่ถูกร้อยเปอร์เซนต์ เพราะผมก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางซะเท่าไหร่...

     ยิว คำนี้คิดว่าหลายๆท่านที่ได้ยิน คงนึกถึงคนเชื้อชาติหนึ่งที่ถูกทหารนาซีเยอรมันฆ่าตายไปเป็นเบือ หวังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวให้หมดโลกยังไงยังงั้น ราวกับว่าคนเยอรมันมีความแค้นกับชาวยิวมาตั้งแต่ชาติปางก่อน แต่จริงๆแล้วสาเหตุในการไล่ล่าชาวยิวของเยอรมัน ก็มาจากความต้องการของท่านฟือเรอร์ ก็ท่านอดอฟ ฮิตเลอร์นี่แหละ ที่เราก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าเหตุใดท่านจึงแค้นเคืองชาวยิวถึงกับสั่งฆ่าเป็นผักปลาได้ขนาดนั้น?

    ชาวยิวนับเป็นชนชาติที่ถูกโลก"รังเกียจ" ไม่ว่าพวกเขาจะไปอยู่ที่ไหน ก็ไม่มีใครชอบเลย แม้แต่หนีจากตะวันออกกลางมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ยุโรป ก็ยังถูกชาวยุโรปเจ้าถิ่นเขม่นอยู่ตลอดเวลา สาเหตุก็คงมาจากชาวยิวเป็นพวกที่"ฉลาด"หรือเก่งเกินหน้าเกินตา พวกเขาได้เป็นอาจารย์ นักวิทยาศาสตร์ พ่อค้าผู้คุมเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆที่ไปตั้งรกรากอยู่ สาเหตุที่คุมเศรษฐกิจนี่แหละ ที่นาซีนำมาใช้ให้ประชาชนต่อต้านยิว ก็มีอย่างที่ไหน ประเทศแพ้สงคราม อาหารขาดแคลนประชาชนต้องมาต่อคิวรอรับขนมปัง ธนบัตรเป็นปึกกองเป็นภูเขายังซื้อขนมปังแค่ก้อนเดียวไม่ได้ แต่ชาวยิวกลับยังร่ำรวย (ส่วนนี้จริงหรือไม่ก็ไม่ทราบนะ) ไม่เพียงแต่เยอรมันเท่านั้น ประเทศอื่นๆในยุโรปส่วนใหญ่ก็พากันเกลียดชาวยิวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มีการออกกฏหมายมากีดกันพวกเขามากมาย

     เมื่อนาซีเยอรมันเรืองอำนาจก็ได้เริ่มภารกิจ"กวาดล้างยิว" เช่นออกกฏหมายกีดกันคนยิวสารพัด จนชาวยิวมีสิทธิต่ำกว่าพลเมืองชั้นสองซะอีก เช่นขับอาจารย์และนักเรียนชาวยิวออกจากโรงเรียน (ปกติเด็กที่เป็นชาวยิวแล้วเรียนร่วมกับชาวเยอรมันก็โดนแกล้งอยู่แล้ว) สั่งปิดร้านค้าที่เป็นของชาวยิว หลังๆมาเล่นยึดทรัพย์สินเข้ารัฐเสียเกลี้ยง เมื่อชาวยิวเห็นว่าอยู่ไม่ได้แล้วก็ต้องระเห็จออกจากเยอรมัน แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะหนีพ้น เมื่อเยอรมันโจมตีโปแลนด์ในปี 1939 โปแลนด์ก็ไม่ใช่ที่อยู่ของยิวอีกต่อไป นาซีได้กระทำการโหดเหี้ยมไม่เฉพาะแต่ชาวยิวเท่านั้น ชาวโปลแท้ๆที่ปราศจากอาวุธพวกเขาก็ยังฆ่าตายเป็นเบือ ทั้งจากการทิ้งระเบิดด้วยเครื่องบิน หรือใช้ทหารยิงประหารคนทีละมากๆ หากทหารเยอรมันได้รับการต้านทานจากที่ไหนพวกเขาก็จะจับคนแถวๆนั้นมายิงเป้า โทษฐานแข็งข้อ หมู่บ้านแล้วหมู่บ้านเล่าถูกเผา ชาวบ้านถูกฆ่าไม่เว้นแม้แต่เด็กหรือผู้หญิง ชาวยิวยิ่งแล้วใหญ่ถูกจับไปขังในค่ายนรก (เอาท์ชวิท) ที่ซึ่งพวกเขาถูกปฏิบัติราวกับไม่ใช่มนุษย์ หรือต่ำกว่าสัตว์ในสวนสัตว์เสียอีก

     เยอรมันได้บุกไปทั่วยุโรปจนครอบครองทวีปยุโรปได้อย่างสมบูรณ์ในปี 1940-1941 ใครก็ตามที่เป็นคนยิวในเขตยึดครองเป็นต้องถูกจับขัง ไม่ก็ประหารชีวิต ก่อนประหารก็เอาทรัพย์สินของชาวยิวไปหมด เพื่อนำส่งเป็นสมบัติของรัฐ ไม่เว้นแม้กระทั่งเสื้อผ้า พวกเขาประหารทีเดียวพร้อมกันทั้งครอบครัวหรือบางทีอาจจะทั้งตระกูลไปเลยก็ได้ ชาวยิวจำนวนมากที่ยังรอดชีวิตก็เข้าร่วมกับกลุ่มต่อต้านนาซีของประเทศต่างๆที่ถูกเยอรมันยึดครอง จับปืนเข้าฆ่าทหารเยอรมันบ้าง เพราะรู้ดีว่าหากไม่ฆ่าพวกนี้ ยังไงเสียพวกมันก็ต้องจับพวกเขาไปฆ่าทิ้งอยู่ดี สงครามของฝ่ายต่อต้านโจมตีเยอรมันเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้าในยุโรป เยอรมันจึงปฏิบัติการตอบโต้อย่างโหดเหี้ยมขึ้น แต่นั้นก็ยิ่งทำให้ฝ่ายต่อต้านซึ่งรบแบบกองโจร ปฏิบัติโหดเหี้ยมกับเยอรมันมากกว่าเดิมเช่นกัน คนยิวฆ่าทหารเยอรมันอย่างที่ไม่รู้สึกผิด เช่นเดียวกับที่ทหารเยอรมันฆ่าชาวยิวอย่างไม่รู้สึกผิดบาปเช่นกัน ต่อมาเมื่อเยอรมันบุกสหภาพโซเวียต คนยิวก็ต้องประสบชะตากรรมอีกครั้ง คนยิวในยูเครน ลิทัวเนีย ลัตเวีย เอสโทเนีย รัสเซีย ถูกเยอรมันสังหารหมู่อย่างไม่ความปรานี พวกเขาจึงเข้าร่วมกับปาร์ตีซานกองโจรกู้ชาติของรัสเซีย ทำสงครามกองโจรกับเยอรมัน

เนื้อเรื่องอาจจะดูโหดร้าย แต่ก็ต้องบอกว่านี่ละครับมันคือ สงคราม

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 30/08/2009 23:47:18


ความคิดเห็นที่ 6


     ที่เล่าเรื่องความลำบากของชาวยิวที่ต้องถูกไล่ฆ่ามาตลอดชีวิต ในยุคใกล้ก่อน ก็เพราะเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันดีนั้นเองครับ

กับคำถามที่ว่า ตกลงอิสราเอลในตอนนี้เป็นของคนยิวหรือคนปาเลสไตน์?

     คิดว่าเป็นคำถามที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายๆท่านก็ยังตอบไม่ได้ พอๆกับเรื่องดินแดนของประเทศทั่วโลกในปัจจุบันที่ต่างก็ไม่ใช่ของตนมาตั้งแต่อดีตนั้นเอง

คำเตือน เนื้อหาอาจจะไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซนต์ เพราะผู้เขียนก็ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องตะวันออกกลางมาก

     ชาวยิวนั้นแต่ก่อนก็อยู่ในดินแดนที่เป็นอิสราเอลในปัจจุบันนั้นแหละครับ แต่ก็ต้องถูกกองทัพมุสลิมถ้าจำไม่ผิดเป็นของซาลาดิน เข้าโจมตีจนยึดเยลูซาเลมได้ ชาวยิวจึงเริ่มแตกกระจายไปคนละทิศละทางก็ตอนนี้แหละ(มั้ง)ครับ พวกเขาต่างสั่งสอนกันชั่วลูกชั่วหลานว่าสักวันหนึ่งชาวยิวจะได้กลับมายังแผ่นดินอิสราเอลอีกครั้ง เพราะพระเจ้าได้ให้สัญญาไว้แล้ว เรียกว่าเป็น"ดินแดนแห่งคำมั่นสัญญา" แต่ก็อีกนั้นแหละครับที่ไม่ว่าชาวยิวจะหนีไปอยู่ที่ไหน เป็นต้องถูกคนเจ้าถิ่นไล่ฆ่าอยู่ร่ำไป ดังเช่นที่ปรากฏในไบเบิ้ลหรือเป็นตำนาน ที่โมเสดได้นำพาชาวยิวหนีจากการไล่ฆ่าหรือใช้เป็นทาสของทหารอียิปต์ (ผู้ซึ่งเป็นศัตรูคู่แค้นกับอิสราเอล แสดงให้เห็นว่ายิวกับอียิปต์แค้นกันมาตั้งแต่โบราณแล้ว) แต่พอเดินหนีไปเรื่อยๆก็เจอทะเล(หรือแม่น้ำนี่แหละ) ขวางทางไว้ไปต่อไม่ได้ โมเสดจึงขอให้พระเจ้าทรงช่วยให้พวกเขาหนีทหารอียิปต์พ้น ทันใดนั้นก็เกิดปาฏิหาริย์เมื่อน้ำแยกออกจากกัน ทำให้ชาวยิวเดินหนีได้ พอทหารอียิปต์ตามมา แผ่นน้ำก็กลับเชื่อมกันอีกครั้ง ทำให้ทหารอียิปต์จมน้ำตายหมดและตามไปไม่ทัน (พระเจ้าก็โหดใช่เล่นแหะ สองมาตรฐานป่าวนี่ 55)

      ถึงจะเป็นตำนานแต่ก็สะท้อนให้ได้เห็นว่าใครก็ตามที่ได้เกิดเป็นยิว จะต้องต่อสู้ดิ้นรนกับการต่อต้านของชนเผ่าอื่น และต้องทำให้ชาวยิวทั้งมวล มีที่อยู่ใน"ดินแดนแห่งคำมั่นสัญญา"ให้ได้ แต่ชาวยิวก็กระจัดกระจายกันไปทั่วโลก จะรวมตัวเป็นปึกแผ่นก็คงยาก ว่ากันว่าชาวยิวที่ได้ไปอยู่ในสหรัฐถือว่าโชคดีที่สุดแล้ว เพราะอเมริกาเป็นประเทศที่เปิดเสรีให้กับทุกชนชาติ (จริงเรอะ?) ยกเว้นคนดำและอินเดียนแดงที่ไม่รู้เป็นอะไรคนขาวมะกันมันแอนตี้มาก จนถึงกับมีรัฐหนึ่ง (จำไม่ได้) ที่ออกกฏหมายห้ามคนดำมาทำตัวดำในรัฐนั้น ไม่เช่นนั้นต้องจ่ายค่าปรับแสนแพง ถ้าไม่มีตังค์จ่ายก็ต้องถูกนำไปใช้เป็นทาสและถูกเนรเทศ ส่วนอินเดียนแดงก็เช่นกัน หากเจ้าของร้านมันรู้ได้ถูกไล่ออกจากร้านแน่ๆ ถึงจะไม่ไล่แต่มันก็จะไม่เสิร์ฟอาหารให้กิน (กำ) ถึงจะถูกคนขาวดูถูกบ้าง แต่ชนชาติต่างๆที่มาอาศัยอยู่ในสหรัฐต่างก็มีความสุข และดีใจที่ได้รอดพ้นจากชีวิตอันเลวร้ายในที่อยู่เดิมของตน ที่ไม่ต่างจาก"ขุมนรกบนดิน" ชาวยิวที่เคยอยู่ในยุโรปหรือเยอรมันยุคนาซีแล้วหนีมาอยู่สหรัฐฯ จะต้องกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ขอบคุณพระเจ้า ดินแดนแห่งใหม่นี้เป็นเหมือนสวรรค์ ส่วนที่เคยอยู่มามันเป็นนรกชัดๆ

    หลังจากอาณาจักรมุสลิมได้ยึดเยลูซาเลมไว้ได้แล้ว ต่อมาก็เกิดกระแส"ครูเซดฟรีเวอร์" นั้นคือประเทศในยุโรปที่เป็นชาวคริสต์ ต่างได้รับการเรียกร้องให้ส่งกองทัพไปจัดการพวกมุสลิมเพื่อชิงเอา"ดินแดนศักดิ์สิทธิ์"(HOLY LAND) ของชาวคริสต์หรือในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล คืนมาจากน้ำมือของชาวมุสลิมให้ได้ กลายเป็นสงครามศาสนาอันนองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ รบกันมาไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง จนในที่สุดฝ่ายคริสต์ก็ยึดเยลูซาเล็มได้สมใจ แต่สำหรับชาวยิวแล้วก็คงยังยิ้มไม่ออก เพราะพวกครูเสดเดอร์ มันไล่ฆ่าทั้งชาวมุสลิมและชาวยิว เหมารวมกับไปหมดแบบยกเข่ง ทางด้านซาลาดินวีรบุรุษของชาวมุสลิมก็มีชื่อเสียงแล้วในช่วงนี้ เมื่อชาวคริสต์กระทำครูเสด ชาวมุสลิมก็ทำ"ญิฮาด"หรือสงครามศาสนาของพวกเขาบ้าง เมื่อสงครามผสมกับศาสนา มันก็เลยเป็นสงครามที่โหดเหี้ยมมาก ผู้ที่ทำการรบฆ่ากันต่างก็คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกอยู่เพียงผู้เดียว พวกเขาคิดว่าการฆ่าพวกต่างศาสนาเป็นการกระทำที่พระเจ้าทรงต้องการและมอบหมายมา (กำ)

   ขณะที่คริสต์กับอิสลามตีกันอยู่ดีๆ ก็เจอพวกมองโกลชนชาติลึกลับที่มาจากไหนก็ไม่รู้? ในดินแดนทุ่งหญ้าอันแสนไกลไล่ฆ่า นอกจากจะมาแบบไม่บอกกล่าวประกาศศึก พวกมันยังไล่ฆ่าคนยกเมือง พวกนึ้ขึ้นชื่อเรื่องการใช้กำลังมากกว่าใช้ปาก นั้นคือรบพุ่งอย่างเดียว ส่วนการทูตนั้นไม่มีเลย ถ้ามีก็เป็นเรื่องของเล่ห์เหลี่ยม เช่นเชิญผู้นำระดับสูงของอาณาจักรต่างๆมาคุยกัน แล้วก็จับประหารหมดเสียดื้อๆ สาเหตุที่พวกมองโกลอยากเป็นใหญ่คับโลกจนปัจจุบันก็ยังไม่มีใครรู้ว่ามันทำไปเพื่ออะไร? พอๆกับที่อเล็กซานเดอร์บอกว่า"อยากครองโลก" ต่อมาก็ฮิตเลอร์อีกที่อยากครองโลก สรุปยุคไหนมีคนแบบนี้อยู่ ยุคนั้นฉิบหายจริงๆ ทั้งคริสต์และอิสลามต่างเกลียดชังพวกมองโกลมาก เพราะพวกนี้ไม่รู้ว่ามันเป็นศาสนาไหนกันแน่ ถึงได้โหดเลวไม่ดีได้ขนาดนี้ (ทีพวกเอ็งมีศาสนาก็ยังไล่ฆ่ากันอยู่นิต่างกับเค้าตรงไหน?) เพราะมองโกลไล่ตีไล่ยึดไล่ฆ่าหมด กองทัพหน้าไหนเจอมองโกลไปเป็นต้องเละทุกทัพ แต่อาณาจักรของมองโกลก็อยู่ไม่เที่ยง แบบๆเดียวกับอาณาจักรของพวกที่บอกจะครองโลกเด๊ะ หลังจากยุคนี้ไปแล้วก็ไม่ทราบว่าชาวยิวต้องประสบชะตากรรมเยี่ยงไร แต่ก็คงโดนเหยียดหยามและกีดกันอยู่เช่นเดิมนั้นเอง

     กระแสก่อตั้งชาติของชนเผ่ายิว มาฟีเวอร์เอาช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่1 โดยก่อนหน้านี้ก็มีบุคคลชั้นนำหรือนักเคลื่อนไหวของยิว ออกมาแสดงการเรียกร้องในเรื่องนี้ แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้เพราะสมัยนั้นมันยังไม่มี"สหประชาติ" โลกส่วนใหญ่ยังเป็นของประเทศมหาอำนาจเจ้าอาณานิคม ซึ่งผู้ที่ปกครองปาเลสไตน์หรือ"ดินแดนแห่งคำมั่นสัญญา"คืออังกฤษ แต่ที่ออกมาเรียกร้องก็เป็นเพราะจักรวรรดิออตโตมาน (ตุรกี) ที่ปกครองอาหรับมาเป็นชาติ ได้สูญสิ้นลงแล้วเป็นโอกาสดีที่ยิวจะเรียกร้องดินแดนเดิมของตนคืน แต่สำหรับชนชาติที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งพวกเขาก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า การเรียกร้อง ชาวยิวไม่มีกองทัพ ดังนั้นอังกฤษจะมาฟังทำไม? ยิ่งกว่านั้นดินแดนที่ชาวยิวเคยอยู่ ปัจจุบันก็ยั่วเยี้ยไปด้วยชาวอาหรับ ที่เรียกตนเองว่าชาวปาเลสไตน์ ที่ก็ไม่รู้อีกเช่นกันว่าใครเป็นคนตั้งชื่อดินแดนนี้ใหม่ตั้งแต่สมัยไหน

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 31/08/2009 00:28:24


ความคิดเห็นที่ 7


คำเตือน เนื้อหาอาจจะไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซนต์ เพราะผู้เขียนก็ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องตะวันออกกลางมาก

    แต่อย่างที่กล่าวไปแล้ว ชาวยิวเค้าเชื่อว่าดินแดนปาเลสไตน์ที่เรียกกันใหม่ในปัจจุบัน ก็คือดินแดนในอดีตของพวกเขา ชาวยิวทุกคนก็เลยมีความฝันว่าในชีวิตนี้ จะต้องไปอยู่ในดินแดนแห่งคำมั่นสัญญานี้ให้ได้ ชาวยิวก็ได้ไปอาศัยอยู่ในดินแดนปาเลสไตน์จากจำนวนที่น้อย นานไปก็มากขึ้นๆ และเป็นได้มีเรื่องกระทบกระทั่งไปชาวปาเลสไตน์ (อาหรับ) กันเป็นประจำ แต่เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง เรื่องก็เลยไม่บานปลายอะไรมากนัก แต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง สหประชาชาติ(หรือเหล่ามหาอำนาจผู้ชนะ) ได้ตกลงกันที่จะก่อตั้งประเทศอิสราเอลขึ้น เพื่อให้ชาวยิวทั้งหลายมีประเทศของตัวเองอยู่เสียที คราวนี้เลยเป็นเรื่องละครับ

    ฟังๆดูเหมือนว่าสหประชาชาติปรารถนาดีครับ แต่นั้นเป็นแค่ในทางทฤษฏี เพราะในทางปฏิบัติแล้วมันเป็นเหมือนการเอาระเบิดเวลามาตั้งไว้ในตะวันออกกลางชัดๆ พอระเบิดทำงานสงครามก็ระเบิดออกมา ก็รู้ๆกันอยู่ว่าดินแดนที่ยิวจะตั้งประเทศใหม่ ตอนนี้มันเป็นปาเลสไตน์หรือจะพูดชัดๆก็คือ มันเป็นของอาหรับไปแล้ว แล้วจะทำไงละหากสร้างประเทศใหม่? จะให้ไล่ชาวปาเลสไตน์ออกแล้วเอาชาวยิวไปใส่ไว้แทนหรือ?

     ในส่วนนี้ผมขอถามท่านผู้อ่านว่า หากท่านอยู่บ้านอยู่ดีๆแล้ววันหนึ่งก็มีคนมาหาบอกว่า "บ้านหลังนี้เมื่อก่อนเป็นบ้านของเขา ตอนนี้เขาจะกลับมาอยู่แล้วขอให้คุณย้ายออกไป" เป็นคุณๆจะยอมไหมครับ? แน่นอนคุณย่อมที่จะไม่ยอมแน่ๆ เราอยู่บ้านอยู่ดีๆอยู่ๆใครก็ไม่รู้มันจะมาไล่เราออกไปได้ไง?  หากเป็นบ้านในประเทศหนึ่งหรือบ้านคุณ ก็คงจะต้องมีการคุยกันด้วยกฏหมาย แต่ทว่านี่มันเป็น"ประเทศ"จึงจะไปขอกับศาลที่ไหนก็ไม่ได้ อีกทั้งไอ้เจ้าของบ้านเดิมมันก็บอกว่า "ได้รับความเห็นชอบจากศาล(สหประชาชาติ)แล้วว่าให้เข้าไปอยู่ที่บ้านเดิมได้โดยคุณจะต้องGET OUT ไป" เมื่อหนทางด้านกฏหมายก็สู้ไม่ได้แล้ว ก็จำเป็นที่คุณจะต้องป้องกันบ้านของคุณด้วย"อาวุธ"หรือการใช้กำลังนั้นเอง แต่บ้านที่ว่าในตอนนี้เหมือนกับว่ามีคนอยู่ในบ้านถึงสามคน! คนแรกคือเจ้าของบ้าน(อังกฤษ) คนที่สองคือเจ้าของบ้านคนก่อนล่าสุด(ปาเลสไตน์) และคนที่สามคือเจ้าของบ้านคนก่อนที่หายไปเป็นพันๆปี(ยิว) บัดนี้ได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในบ้านหลังเดียวกัน มันก็เลยดุเดือดยิ่งกว่าบ้านบิ๊กบราเธอร์ บ้านเดอร์สตาร์ หรือบ้านอาคาเดมี่ แฟนตาเซียซะอีก

   ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา อังกฤษและปาเลสไตน์ต่างตกอกตกใจและผวา เมื่อชาวยิวจำนวนเป็นล้านได้มาอยู่ในปาเลสไตน์ การกระทบกระทั่งและฆ่ากันของยิวกับปาเลสไตน์ ยิ่งกว่าคนในบ้านบิ๊กบราเธอร์ทะเลาะกัน ทำให้อังกฤษต้องปวดเศียรเวียนเกล้าในการห้ามทัพ และจัดระเบียบดินแดนของตน ที่กำลังจะหมดอายุลงแล้วด้วยมติของสหประชาชาติ ที่ให้ก่อตั้งประเทศอิสราเอลในปี 1948 ซึ่งจะเป็นวันที่ระเบิดเวลาที่ชื่อว่าสงครามยิว-อาหรับทำงาน การก่อการร้ายของยิวได้เริ่มกระทำต่อทหารอังกฤษ ทั้งการลอบยิง การวางระเบิดใส่ที่ตั้งของอังกฤษ ขณะเดียวกันชาวอาหรับก็ซื้อขายอาวุธกันเกลื่อนเมือง เจอยิวทีไรเป็นต้องไล่ยิงกันอุดตะลุด ถ้าทหารอังกฤษไม่มาก็คงยิงกันอยู่นั้น

    อังกฤษเตรียมตัวที่จะถอนตัวออกจากตะวันออกกลาง ในขณะที่การสู้รบระหว่างยิว-อาหรับยังคงเกิดขึ้นตลอดเวลา ก่อนหน้านั้นอังกฤษได้ขัดขวางการลำเลียงคนยิวเข้ามาเพิ่มในปาเลสไตน์ รวมทั้งพวกอาวุธยุทโธปกรณ์ด้วย แต่ชาวยิวก็แก้ปัญหาด้วยการสร้างอาวุธเอง เช่นปืนกลสเตนส์แบบยิว ที่ใช้สเตนส์ของอังกฤษเป็นต้นแบบ ระเบิดมือ และอาวุธสารพัดเท่าที่คนยิวทุกมุมโลกจะหามาได้ เช่นอาวุธของอดีตนาซีเยอรมัน คือปืนยาวคาร์ 98เค ปืนกลเอ็มจี 34ฯลฯ ไม่ว่าอังกฤษจะคุมเข้มอย่างไร ยิวก็ยังนำอาวุธและคนเข้ามาเพิ่มได้ จุดนึ้เองที่ทำให้ยิวเห็นอังกฤษเป็นศัตรูเพราะสองมาตรฐาน(ฮา) เพราะประเทศอาหรับอื่นๆที่อังกฤษเคยครองอังกฤษไม่ได้ห้ามการเข้ามาเพิ่มเติมของพวกนักรบ จากประเทศอาหรับอื่นๆ ถ้ามองในด้านกองทัพและอาวุธ ยิวเสียเปรียบอาหรับอย่างมาก เพราะขาดแคลนอาวุธและกระสุน อาวุธก็มีแต่ขนาดเบา ไม่มีอาวุธหนักจำพวกปืนค.หรือปืนใหญ่แบบฝ่ายอาหรับ ที่มีของอังกฤษใช้เพียบ ขณะที่อังกฤษขนทหารออกพวกยิวก็คอยปล้นยึดเอาอาวุธมาจากอังกฤษด้วย

      ให้คุณคิดดูว่าบ้านที่มีคนอยู่สามคน และต่างก็คิดกันว่าตนเองเป็นเจ้าของ เมื่อเจ้าของคนปัจจุบัน(อังกฤษ)ได้ก้าวเท้าหอบข้าวของออกจากบ้านไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น? แน่นอนเจ้าของสองคนที่เหลือก็ย่อมตีกันเพื่อแย่งชิงความเป็นเจ้าของบ้านที่ชื่อว่า"ปาเลสไตน์" พอไม่มีอังกฤษที่เป็นคนคุมและคอยห้ามทัพแล้ว สงครามก็ระเบิดขึ้นในทันที คนยิวเรียกสงครามครั้งนี้ว่าเป็นสงครามกู้ชาติหรือสงครามก่อตั้งชาติอิสราเอลอย่างแท้จริง จริงอยู่ที่สหประชาติบอกให้ตั้งประเทศอิสราเอล แต่ชาวปาเลสไตน์เค้าไม่ได้ฟังและจะออกไปนี่ กองกำลังของยิวคือ"ฮากานาห์" จึงต้องทำการขับไล่เสียเอง ด้วยวิธีการอันโหดร้าย เช่นการสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ ประเทศอาหรับอื่นๆก็เคยบอกสหประชาติไปแล้วว่า "หากมีการก่อตั้งประเทศอิสราเอลเมื่อไหร่ เมื่อนั้นพวกเขาจะระดมกองทัพอาหรับไปบดขยี้อิสราเอลของยิวเสียให้สิ้นซาก" ประเทศอาหรับอื่นๆทนไม่ได้ที่ยิวมาไล่ฆ่าพี่น้องอาหรับด้วยกัน จึงส่งกองทัพมาปราบอิสราเอลไม่ให้ก่อตั้งชาติสำเร็จ

    กองทัพที่ว่านี้ถ้าให้ดูในตอนแรกทุกคนจะคิดว่าไม่มีทางเลยที่ประเทศที่พึ่งก่อตั้ง หรือยังไม่เป็นประเทศคือ อิสราเอล จะอยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงวันนี้ได้ กองทัพอาหรับเมื่อรวมกำลังกันแล้วมีจำนวนมหาศาล ปริมาณทหารและอาวุธมากกว่ายิวไม่รู้ตั้งกี่เท่า มีรถถัง เครื่องบิน ปืนใหญ่ ของอังกฤษเพียบพร้อม กระสุนเพียบ เสบียงก็มากกว่า กองทัพของจอร์แดนมีหน่วยทหาร"อาหรับลีเยียน"อันขึ้นชื่อที่ถูกฝึกโดยอังกฤษ นอกจากนี้ยังมี อิรัก เลบานอน ซีเรีย อียิปต์ บุกมาพร้อมกันจากทุกสารทิศที่ติดกับอิสราเอล แต่ยิวทำได้ครับ? แถมยังบุกจนได้ดินแดนจากอาหรับ มากกว่าทีสหประชาติกำหนดเขตแดนไว้ให้ในตอนแรกเสียอีก ในเมื่อโลกไม่ต้องการพวกเขา พวกเขาจึงต้องรวมตัวกันสู้อย่างเหนียวแน่นราวกับเหล็กกล้า หมู่บ้านต่างๆของยิวต่อต้านอาหรับอย่างสุดใจขาดดิ้น บางหมู่บ้านมีเครื่องยิงจรวด"บาซูก้า"อยู่กระบอกเดียว แต่กลับยิงทำลายรถถังอาหรับได้หลายคัน ทหารยิวต่อสู้แบบหมาจนตรอกจริงๆ เพราะหากพวกเขาแพ้ที่นี่ พวกเขาก็จะไม่มีแผ่นดินอยู่อีกต่อไป ที่นี่เป็นที่สุดท้ายในโลกที่พวกเขาจะอยู่ได้ หากว่ายังจะต้องเสียมันไปอีกแล้วพวกเขาจะต้องหนีไปอยู่ส่วนไหนของโลกอีกเล่า?

    ด้านชาวปาเลสไตน์เองก็ต้องประสบชะตากรรมเดียวกับยิวในอดีต นั้นคือไม่มีแผ่นดินจะอยู่ พวกเขาต้องกลายเป็นผู้อพยพอยู่ในแผ่นดินของประเทศอาหรับอื่นๆ พร้อมกับฝึกอาวุธเพื่อทำสงครามกองโจรต่อต้านยิว ดังนั้นการที่อิสราเอลกำเนิดขึ้นมา ก็ไม่ต่างจากการเปลี่ยนป้ายชื่อบ้านใหม่ ไล่เจ้าของคนเดิมออกไปจากบ้าน เป็นการโยน"บาป"ของตน(ยิว) ไปให้คนที่ถูกไล่ออก(ปาเลสไตน์) ชาวปาเลสไตน์ก็เสียมสอนกันมาตั้งแต่เด็กว่า จะต้องฆ่ายิวเพื่อปลดปล่อยดินแดนของตนเองกลับคืนมาอีกครั้ง ชาวปาเลสไตน์กลายเป็นชนชาติเร่ร่อนเหมือนกับชาวยิวครั้งก่อนอีกครั้ง? ตั้งแต่ปี 1948จนถึงช่วงสิ้นสุดสงครามเย็น การรบพุ่งระหว่างอิสราเอลกับประเทศอาหรับได้ซาลงไป หลังจากการรบในเลบานอน ไปเป็นสงครามก่อการร้ายขององค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ (พีแอลโอ) ซึ่งก่อความเดือดร้อนไปทั่วโลก เช่นการสังหารหมู่นักกีฬายิวในการแข่งโอลิมปิคที่มิวนิคเยอรมนี การจี้เครื่องบินโดยสาร ไม่ได้จำกัดเฉพาะแต่ในอิสราเอล แต่ขึ้นระดับอินเตอร์ไปทั่วโลก (ในไทยเราก็มีเช่นการใช้รถบรรทุกระเบิดจะโจมตีสถานทูตอิสราเอล) ล่าสุดก็ยังมีการสู้รบกันในเลบานอน คนยิวและคนอิสราเอลต้องล้มตายและบาดเจ็บกันไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ รวมทั้งคนประเทศอาหรับต่างๆด้วย ปัจจุบันก็ยังหาข้อยุติไม่ได้ แม้จะมีการเจรจาสันติภาพมาไม่รู้ตั้งกี่รอบ

   ผมหวังว่าหลังจากอ่านเรื่องเล่านี้แล้ว ท่านๆทั้งหลายที่มีอคติกับยิวและปาเลสไตน์ ก็ขอให้คิดให้ดี อย่าเชียร์ข้างใดข้างหนึ่ง เพราะมันไม่มีข้างไหนเป็นฝ่ายถูกเลยครับ เราน่าจะมาคิดถึงเรื่องการอยู่ร่วมโลกกันให้ได้ของยิวและปาเลสไตน์ก่อน ก่อนทีจะไปเชียร์ว่าใครถูกใครผิด ที่ต้องตัดเรื่องสงครามหลังก่อตั้งชาติอิสราเอล ก็เพราะจะเป็นการยาวเกินไป คิดว่าการเล่าจนถึงการตั้งชาติก็จะทำให้ท่านจขกท.ได้ทราบแล้วว่า "ทำไม ประเทศ อิสราเอล ถึง มีข่าว สงคราม บ่อย ๆ ครับ" 

หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขอให้ช่วยการเข้ามาแก้ให้ทีนะครับ ขอบคุณครับ

แทนอาร์มี่ TANARMY
จันทร์ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๒
 

 

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 31/08/2009 01:22:44


ความคิดเห็นที่ 8


แนะนำหนัง ครับ The Ten Commandment บัญญัติิสิบประการ ที่เป็นการ์ตูนก็มี, King David, Zolomon and Sheba, Samson and Dililar, Mazada และเรื่องสุดท้าย The Exodus
โดยคุณ Oldtimer เมื่อวันที่ 01/09/2009 08:55:40


ความคิดเห็นที่ 9


แต่ที่แน่ ๆ รอบรั้วบ้านอิสลาเอล มีแต่แขกมุสลิม แถมจำไม่ได้ว่ามีประเทศนึงบอกว่า จะลบอิสลาเอล ออกจากแผนที่ 

โดยคุณ u3616234 เมื่อวันที่ 01/09/2009 09:44:41


ความคิดเห็นที่ 10


คำประกาศนั้นรู้สึกจะมาจากอียิปต์น่ะครับ โดยตัวท่าน นัสเซอร์ เป็นผู้ประกาศไว้ สุดท้ายรึครับท่านที่ศึกษาประวัติศาสตร์สงครามก็ทราบแล้ว
และหลังจากที่ยิวทำการรบแบบ 1 รุมหมู่แล้ว(จำไม่ได้กี่ชาติ ผมเกิดมาไม่ทัน อ่านแล้วก็ลืม) ทำไห้ ชาติยิวได้รับการยอมรับว่า เป็นชาตินักรบที่ยอดเยี่ยมชาติหนึ่ง (รบพิเศษยิวนี่ ซานาฮิมรึเปล่าน๊า) รวมถึงอาวุธยิวเองก้ไม่เป็นสองรองใคร(ตัวผมเองชอบเมอคาว่า4มาก สวยงาม มีพลัง แถมยังขนทหารติดไปด้วย  ไม่ทราบกองทัพไม่สนใจมั้งรึครับ) แถมเคยผลิตบินรบเบาอย่างลาวีด้วย(แต่ก้แท้งเพราะพี่เบิ้ม)หลายอย่างครับ

ปล.มีจุดสังเกตุนิดหนึ่ง อิสราเอล มีพื้นที่ส่วนมากเป็นทะเลทรายแต่ก็เพาะปลูกได้(เก่งเนอะ)
ประชากรก็ไม่เยอะ แต่ก้ผลิตคิดค้นสิ่งดีๆไม่มาก
แถมกองทัพก็ไม่ใหญ่โตอะไร แต่รบได้ดีสุดๆ
จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นภูมิประเทศ และปัจจัยอะไรหลายๆอย่างไม่ได้เอื้ออำนวย  แต่ยิวก็ดิ้นรนจนกลายเป็นชาติที่เข็มแข็งมาก

ผิดกับประเทศสารขัน ที่ชอบรำลึกถึงแต่อดีต ไม่ยอมมองไปยังอนาคต ทั้งที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทั้งทางเกษตร และพลังงาน(ก๊าซ นำมั้น)รึเพราะว่าประเทศนี้มีผู้บริหารที่โง่ รึ ไม่ฉลาดอย่างที่กระบือเรียกพี่ รึโกงกินจนคำว่าอัปปรีย์มันยังน้อยเกินไปกันแน่น่ะเฮ้อ
โดยคุณ ลมหมุนวน เมื่อวันที่ 02/09/2009 23:05:15


ความคิดเห็นที่ 11


แก้ๆครับ แต่ก้ผลิตคิดค้นสิ่งดีๆไม่มาก  เป็นผลิตสิ่งดีๆได้มาก
โดยคุณ ลมหมุนวน เมื่อวันที่ 02/09/2009 23:07:21


ความคิดเห็นที่ 12


ท่านลม หมันวน เอ๋ย หมุนวน  เบาๆคำพูด ซะหน่อยจะดีเหมือนกันนะครับ

เดี๋ยวบานปลายครับ  

ป.ล.ชอบเรียกเราว่าลุงเดี๋ยวแช่งให้เป็นหมันเลย

โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 02/09/2009 23:13:18


ความคิดเห็นที่ 13


ขอโทษทีครับท่านนก จะเพลาลงนิดน่ะครับแบบว่าเห็นเค้าเล่นขายของกันน่ะครับ เลยมันมือไปหน่อย

ว่าแต่ไม่ไห้เรียกลุงงั้นผมเรียก ปู่น่ะ อิอิ
ไม่ต้องห่วงครับเรื่องหมันหางไกล เครื่องยนต์ยังแน่นอยู่เอิ้กๆ
โดยคุณ ลมหมุนวน เมื่อวันที่ 03/09/2009 10:08:06


ความคิดเห็นที่ 14


ขอชื่นชมท่าน Tan02มากๆครับ ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางแต่สมัยเรียนประถมโรงเรียนสอนเรื่องพวกนี้ แถมโตมาหน่อยก็มีหนังที่แนะนำให้ ช่วย โตขึ้นมาก็ได้ไปเดินพิพิธภัณฑ์โฮโลคอสท ขอชี้แนะครับ�

พวกยิวถูกโรมันปราบแล้วขนไปยุโรปไปเป็นทาส และเอาไปเ็นเหยื่อในโคลีเซียม อย่างในหนังกลาดิเอเตอร์ และก้อยากขอร้องให้ระมัดระวังเรื่องภาษาให้มากกว่านี้ในส่วนที่เขียนถึงศาสนาอื่น ไม่เขียนดีกว่ามาก ครับ

ในส่วนที่เกี่ยวกับสหรัฐ ยังไม่ถูกต้องนัก ชาวยิวถูกรังเกียจ ยิ่งมีพวกAmerican NaziและNeo Nazi พวกยิวก็โดนอัดเหมือนกันถึงจะไม่หนักเท่าพวกผิวดำ แต่ที่บอกว่าห้ามมาทำตัวดำในรัฐน่าจะเป้นการคิดเอาเอง

สงครามโลกครั้งที่สอง พวกยิวถึงจะพยายามต่อสู้กับฝ่ายนาซี แต่ในโซเวียตกองทัพแดงก็กำจัดพวกยิวไปไม่น้อย ไม่ต่างกับพวกนาซี

เรื่องสหประชาชาติ การที่ชาวยิวถูกล้างเผ่าพันธุ์ ไปถึงหกล้านคน ยังไม่เพียงพอที่ท่านTanจะคิดช่วยให้พวกเขามีถิ่นฐานของตัวเองเลยหรือครับ ผมเห็นด้วยกับการช่วยให้ชาวยิวกับไปยังถิ่นของตน แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่พวกยิวทำกับชาวปาเลสไตน์

ข้อสุดท้ายข้อนี้ทำให้ตก ตรงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย แค่การพยายามระเบิดสถานทูตนั้นยังไม่พอ ยังมีอีกเหตุการณ์ การบุกจับเจ้าหน้าที่สถานทูตอิสราเอลในไทยและครอบครัว ในวันสถาปนาเจ้าฟ้าชายวชิราลงกรณ์ฺเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เมื่อปี ๒๕๑๕�
โดยคุณ Oldtimer เมื่อวันที่ 07/09/2009 07:20:26


ความคิดเห็นที่ 15


เรียนท่านOldtimer  

ผมเข้าใจครับว่าเรื่องยิวกับปาเลสไตน์นี่เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆ เพราะจะต้องเกี่ยวกับการความขัดแย้งทางเชื้อชาติศาสนาแน่นอน แต่มันเป็นเรื่องจริงทางประวัติศาสตร์ หากไม่กล่าวถึงเลยก็คงไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ให้ท่านจขกท.ทราบได้

ส่วนเรื่องที่ว่าระวังเรื่องภาษานั้น เข้าใจว่าผมใช้คำที่มันดูตรงหรือขวานผ่าซากไป ก็เลยออกมาไม่เหมาะสมหรือมีการดูถูกชนชาติศาสนา แต่ขอเรียนเลยว่าผมเป็นคนที่พิมพ์ออกมาแบบนี้ เพื่อให้คนอ่านได้เข้าใจง่ายๆไม่ใช้ภาษาที่มันยุ่งยากปกๆปิดๆ เรื่องศาสนาอื่นจะไม่เขียนก็ไม่ได้ เพราะผมต้องการสื่อให้เห็นว่าการทำสงครามโดยเอาศาสนามาอ้าง เป็นเรื่องที่ไม่ดีเลยและขัดกับหลักศาสนาอย่างแรง เน้นการโจมตีสงครามศาสนาครับ ไม่ใช่โจมตีด่าว่าศาสนาใดศาสนาหนึ่ง

ตอนแรกที่จะตอบกระทู้นี้ ผมชั่งใจอยู่นานว่าจะตอบดีหรือไม่? เพราะมันกระทบกับหลายๆอย่าง แต่ผมก็พยายามเขียนอย่างเป็นกลางมากที่สุด จะเห็นได้ว่าผมไม่ได้เขียนเข้าข้างใครเลย ผมอยากสะท้อนให้เห็นว่า"สงครามไม่เคยมีใครเป็นฝ่ายถูกหรือมีความชอบธรรม" ผมให้ความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย ไม่เคยเข้าข้างใครเลยทั้งสิ้น

ส่วนที่กล่าวว่าถูกแล้วละที่ให้ยิวมีประเทศของตัวเองมันก็ถูกในสายตาของยิวและตะวันตก แต่มันไม่ถูกในสายตายของปาเลสไตน์และอาหรับ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้อย่านำมากล่าวเลยดีกว่าครับ แล้วที่ว่าผมไม่เห็นใจยิวเลยหรือ? ผมไม่ได้กล่าวแต่อย่างใดเลยว่าผมไม่เห็นด้วยกับการก่อตั้งอิสราเอล ผมเพียงแค่เปรียบเทียบดินแดนแห่งนี้เป็นบ้านหลังหนึ่งให้เห็น ไม่ได้กล่าวเลยว่าใครควรเป็นเจ้าของ เรื่องยิวผมก็กล่าวแล้วว่าถูกนาซีและคนอื่นๆทำร้ายมาสารพัด คนอื่นๆก็ยังมาบอกได้เลยว่าส่วนที่ผมเขียนนี้เห็นใจชาวยิว?

ส่วนที่บอกว่าในอเมริกาก็ยังเกลียดยิว ผมก็ไม่ค่อยทราบละเอียดเท่าไหร่ แต่คิดว่าก็ยังดีกว่าในเยอรมันและยุโรป และที่บอกว่า"ห้ามมาทำตัวดำในรัฐ" อาจจะเป็นคำพูดเชิงดูถูก แต่ผมไม่ใช่พวกเหยียดผิวและก็ไม่ได้คิดเอาเองครับ เป็นความจริงที่ในสหรัฐอเมริกามีการเหยียดสีผิวมาก กฏหมายนี้ในปัจจุบันยกเลิกไปแล้วครับ แต่เคยมีจริงๆในรัฐหนึ่งของสหรัฐที่ห้ามคนดำเข้ารัฐ ผมว่าแค่คำว่าทำตัวดำยังน้อยไปกว่ากฏหมายฉบับนี้เสียอีก

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณท่านOldtimer   ที่กล่าวชื่นชมผมและกรุณาช่วยมาเพิ่มเติมและแก้ไขครับ ขอให้ท่านคิดว่าที่ผมกล่าวมานี้ ไม่ใช่การเถียงหรือต่อว่าแต่อย่างใด แต่เป็นการออกมาชี้แจงและแสดงความรับผิดชอบในการตอบของผมครับ

หากท่านวมต.และเพื่อนๆสมาชิกเห็นควรว่า ที่ผมตอบมาทั้งหมดในกระทู้นี้ผิดกฏของบอร์ด ผมก็ยินดีให้ลบคอมเมนส์ของผมทั้งหมดในกระทู้นี้ทิ้งได้ทันทีครับ

ด้วยความเคารพ
TANARMY
9 ก.ย. 2552

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 08/09/2009 22:04:04


ความคิดเห็นที่ 16


เรียนท่าน Tan02
เมื่อยืนยันมาก็ OK เป็นวิจารณญานของผู้อ่านก็แล้วกัน แต่ไม่ใช่การท้าทายนะครับ ขอความรู้เป็นวิทยาทานว่า ที่อ้างมาว่าเป็นกฏหมายนั้้นเป็นกฏหมายของรัฐอะไร หากสามารถอ้างอิงได้ได้ผมมีหนังสือรวมปืนปี 2010ใหม่ๆเล่มนึงยินดียกให้ถือว่าเป็นค่าเสียเวลาค้นครับ อ้างกฏหมายมาเท่านั้นครับไม่ต้องพิมพ์ส่งให้ครับ จะเป็นประโยชน์ต่อคนที่สนใจเรื่องกฏหมาย ถาษาอังกฤษ และคนที่สนใจเรื่องสิทธิมนุษย์ชนครับ ขอภายในเดือนตุลา๕๒นี้นะครับ เพราะจะได้เก็บรักษาหนังสือไว้ให้

ผมได้ระบุหนังมา บัญญัติสิบประการ, King David, Samson, Solomon Mazada, Exodus ถ้าดูสี่เรื่องแรกจะเห็นว่าชาวยิวหรือจูดาห์ต้องทำสงครามหรือมีความขัดแย้งกับเพื่อนบ้าน บัญญัติสิบประการ ขัดแย้งกับอิยิปต์โบราณ เดวิดกับโกไลเอท ก็พวกปาเลสติน ส่วนแซมซั่นกับโซโลมอนผมจำไม่ได้แล้วรบกับใคร มาซาด้า นี่รบกัยโรมัน หากหาหนังไม่ได้ ขอแนะนำว่าลองถามนักเรียนประถมในโรงเรียนเครือ เซนกาเบรียน เราเรียนเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เด็กๆ ในบทเรียนเกี่ยวกับศาสนา ซึ่งถ้าหยิบประวัติศาสตรการรบออกมาจากประวัติศาสนาจะเห็นได้ว่า สงครามและความขัดแย้งในภูมิภาคระหว่างชนชาติต่างๆนั้นมีมาก่อนหน้าที่จะมีศาสนา ทั้งศาสนาคริสต์และอิสลาม ผมถึงไม่อยากให้เอาเรื่องศาสนามาเป็นประเด็น ครับ
โดยคุณ Oldtimer เมื่อวันที่ 12/09/2009 20:35:42