หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ขอถามเรื่องสนธิสัญญาเจนีวา หน่อยอ่าคับ

โดยคุณ : paveway เมื่อวันที่ : 24/07/2009 10:49:15

คือผมสงสัยว่าฝรั่งเศสแพ้ในศึกเดียนเบียนฟูและได้เซ็นสัญญาเจนีวาที่สวิสเซอร์แลนด์  ทำไมต้องแบ่งเวียดนามเป็น2ส่วนด้วยอ่ะครับ ในเมื่อเวียดนามชนะ ควรที่จะรวมประเทศเป็นหนึ่งเดียว

และสงสัยอีกข้อนึงครับว่า ในเรือบรรทุกเครื่องบินของรัสเซีย พวก ซู-33 มันสามารถขึ้นจากเรือได้ยังไงอ่ะคับ มันไม่มีระบบ catapult เหมือนของสหรัฐ  มีแต่สกีจัมพ์ เพราะซู-33 ใหญ่มากอ่ะครับ

 

ขอบคุณครับ





ความคิดเห็นที่ 1


ขอมาตอบเฉพาะข้อแรกนะครับ เพราะข้อหลังนี่ไม่รู้เรื่องจริงๆ 555

ฝรั่งเศสแพ้ในศึกเดียนเบียนฟูและได้เซ็นสัญญาเจนีวาที่สวิสเซอร์แลนด์  ทำไมต้องแบ่งเวียดนามเป็น2ส่วนด้วยอ่ะครับ ในเมื่อเวียดนามชนะ ควรที่จะรวมประเทศเป็นหนึ่งเดียว

ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า ที่ฝรั่งเศสแพ้นี่แพ้เฉพาะที่เดียนเบียนฟู หรือเมืองแถงของสยามในอดีตใกล้ๆกับชายแดนลาวครับ ดินแดนส่วนอื่นของเวียดนามนั้นยังคงอยู่ในการครอบครองของฝรั่งเศสทั้งหมด! ที่ว่าครองนี้ก็คือบริเวณเมืองครับ ส่วนเวียดมินห์ครองบริเวณป่า ตามยุทธศาสตร์การทำสงครามของประธานเหมาแบบ "ป่าล้อมเมือง" นั้นเอง เวียดมินห์ยึดได้แต่ทางตอนเหนือเช่น กาวบัง  นายพลเกี๊ยบเคยส่งทหารเวียดมินห์โจมตีแบบทหาร"ตามแบบ" หมายจะยึดกรุงฮานอยในปี 1951 ผลก็คือ"เละ"ครับ เพราะฝรั่งเศสมีทั้งปืนใหญ่ เครื่องบิน และมาตรฐานทหารที่เหนือกว่า ทำให้เวียดมินห์ไม่สามารถปฏิบัติการใหญ่ๆได้ไปอีกหลายปี มาซ่าส์ได้อีกทีก็ที่เดียนเบียนฟูนี่ละครับ

แล้วทำไมแพ้แค่ที่เดียนเบียนฟูฝรั่งเศสถึงกับต้องยอมแพ้ด้วยเล่า?

สาเหตุเป็นเพราะตัวฝรั่งเศสเองนี่ละครับ ที่คิดเองเออเองมาจะใช้เดียนเบียนฟูเป็น"ป้อมปราการ"ล่อให้พวกเวียดมินห์เข้าโจมตี แล้วด้วยป้อมอันแข็งแกร่งก็จะทำลายฝ่ายที่มาโจมตีจนเสียหาย แล้วทหารในค่ายก็จะออกไปรุกไล่ทำลายข้าศึกต่อ (คิดง่ายเนอะ) พูดง่ายๆคือเป็นฐานทัพไว้ใช้รวมกำลังพลเสบียงและสนามบินนั้นเอง จุดนี้เป็นจุดที่ฝรั่งเศส"ฆ่าตัวตาย"ด้วยตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ หากฝรั่งเศสไม่สร้างเดียนเบียนฟูแล้วมาพ่ายแพ้สงครามอินโดจีนอาจจะยืดยาวออกไปอีก(เรียกว่าจบช้าไปอีกหน่อย แบบฟุตบอลช่วงทดเวลา)

ฝรั่งเศสคิดว่ายุทธศาสตร์ตั้งรับอย่างเดียวก็พอกิน แบบที่ฝรั่งเศสเคยแพ้ต่อเยอรมันในปี 1940 เพราะมัวแต่มั่นใจในแนวป้อมมาจิโน่ ก็ทำให้ฝรั่งเศสต้องมาแพ้ซ้ำอีกที่เดียนเบียนฟูในปี1954 (นาซีสอนไปแล้วยังไม่จำอีกนะ) ออกทะเลมาเยอะสรุปก็คือฝรั่งเศส เอากำลังพลชั้นยอดมากระจุกไว้อยู่ในเดียนเบียนฟู พอโดนถล่มซะเละแบบนี้ ก็คงคิดว่าถึงรบไปก็คงต้องแพ้เวียดมินห์แน่ๆ เพื่อยุติสงครามเพียงเท่านี้ ก่อนที่ประวัติศาสตร์จะจารึกว่าโดนคนอินโดจีนทั้งแผ่นดินไล่จนตกทะเล จะยิ่งหน้าแตกหมอไม่รับเย็บไปกว่านี้

ทีนี้มาคุยเรื่องสนธิสัญญาเจนีวากันบ้างดีกว่า

อย่างที่ได้บอกไปแล้วนั้นเวียดมินห์ (ซึ่งแปลว่าเวียดนามเหนือ) ชนะก็แค่ที่เดียนเบียนฟูและยึดภาคเหนือของประเทศได้เท่านั้น การที่ฝรั่งเศสจะยกเวียดนามทั้งประเทศให้กับเวียดมินห์คงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกหลักการนัก(มั้งนะ) และสาเหตุสำคัญก็คือการที่ฝรั่งเศสอุปโลภจักรพรรดิ์เบาได๋ ซึ่งยังคงมีอำนาจอยู่ในอันนัม(เวียดนามกลาง) และชาวเวียดนาม(ที่ไม่ใช่คอมมิวนิสต์)ส่วนใหญ่ยังเคารพ ฝรั่งเศสก็ได้ตั้งสหภาพเวียดนาม(เวียดนามใต้)แยกออกมา

ตามข้อตกลงนี้ก็เลยให้แบ่งเวียดนามออกเป็นสองส่วน"ชั่วคราว"ย้ำนะครับว่าชั่วคราว(จริ๊งๆ) แล้วจะจัดให้มีการเลือกตั้งผู้นำแล้วรวมประเทศกันทีหลัง(ผลัดวันประกันพรุ่งจริงๆ) เบื้องหลังของการแบ่งนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะ"สงครามเย็น"นั้นแหละครับ คือค่ายสังคมนิยมกับค่ายเสรีนิยม ลองนึกภาพเกาหลีเป็นตัวอย่างเราจะเห็นได้ชัดๆ ตอนที่WW2สิ้นสุดลงพันธมิตรก็ต้องไปปลดอาวุธญี่ปุ่นอีกละ เลยตกลงกันว่าให้โซเวียตปลดอาวุธเกาหลีตอนเหนือ ส่วนสหรัฐมาปลดอาวุธเกาหลีตอนใต้ เอาเข้าไปเอาเข้ามา ถึงเกาหลีจะมีอิสระจากญี่ปุ่น ก็ยังหาข้อยุติไม่ได้ว่า "จะปกครองด้วยระบอบไหน?"

เพราะตอนนั้นมีผู้นำฝ่ายต่อต้านญี่ปุ่นอยู่ถึงสองคนหรือสองฝ่าย ฝ่ายแรกเป็นคอมมิวนิสต์เต็มตัวมี คิม อิล ซุง(บิดาของคิม จอง อิล ผู้นำคนปัจจุบัน กับอีกฝ่ายต้องการประชาธิปไตย(จำชื่อผู้นำไม่ได้ 55) มะกันก็ต้องการให้มีการเลือกตั้งรวมประเทศ แต่โซเวียตนี่ละที่คัดค้านเพราะกลัวว่าพอให้เลือกคนเกาหลีจะไม่เลือกคิม อิล ซุง เพราะกลัวคอมมิวนิสต์ (หรือว่าไงไม่ทราบตรงนี้ผมไม่ชัวร์) มันก็เลยแยกกันไปเลยจริงๆ แบ่งกันประเทศกันที่เส้นขนานที่ 38 แล้วสุดท้ายก็ตีกันเพราะเกาหลีเหนือบุก

จะเห็นว่าช่างคล้ายๆกับกรณีเวียดนามซะจริงๆ

ยังมีต่อครับกลัวยาวไป

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 21/07/2009 06:12:59


ความคิดเห็นที่ 2


ต่อ ว่าง่ายๆก็คือเวียดนามในตอนนั้นยังไม่ได้เป็นคอมมิวนิสต์ไปซะหมด ดังนั้นเมื่อชนะแค่ฝ่ายคอมมิวนิสต์ชนะแค่ฝ่ายเดียว ก็ไม่จำเป็นต้องยกเวียดนามทั้งประเทศถวายให้คอมมิวนิสต์(ซะงั้น) แบ่งอย่างงี้ดีกว่าจะได้เห็นภาพง่ายๆ

1.ตังเกี้ย(เวียดนามเหนือ) อยู่ในอิทธิพลของคอมมิวนิสต์
2.อัมนัม(เวียดนามกลาง) อยู่ในอิทธิพลของจักรพรรดิ์เบาได๋(ฝรั่งเศส)
3.โคชินไชน่า(เวียดนามใต้) ฝรั่งเศสตั้งเป็นสหภาพเวียดนามจึงยังคงอยู่ในอิทธิพลของฝรั่งเศส พวกนี้เป็นพวกชาตินิยม ไม่ได้เป็นคอมมิวนิสต์
เลยแบ่งกันให้เวียดนามเป็นสองส่วน คือ

1.เวียดนามเหนือ อยู่ภายใต้การนำของโฮจิมินห์ ปกครองแบบสังคมนิยม
2.เวียดนามใต้(รวมอัมนัมด้วย) อยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิ์เบาได๋ ปกครองแบบอะไรแน่ก็ไม่รู้ ประชาธิปไตย+เป็นอาณานิคมฝรั่งเศส

เรื่องนี้ถือว่าลุงโฮคง"เซ็ง"ไม่ใช่น้อย แต่ก็ต้องยอมรับเพราะเวียดมินห์ในตอนนั้นเรียกได้ว่า"หมดสภาพ"ไปกับการชิงชัยชนะที่เดียนเบียนฟู เพราะคนตายเยอะกว่าฝรั่งเศสอีก เท่านั้นยังไม่พอลูกปืนทั้งปืนเล็กปืนใหญ่ก็เอาไปลงที่นั้นเกือบหมด ไหนจะเสบียงอาหารอีก หากไม่ยอมรับสนธิสัญญาก็จะกลายเป็นว่าเวียดมินห์เป็น"นักเลง"ไป ทั่วโลกจะแบนเอา ภาพที่ออกมาให้เราๆเห็นในตอนนั้นกลายเป็นภาพที่"ฮา"ไปเพราะ ทั่วทุกเมืองในเวียดนามเหนือ จะมีทหารเวียดมินห์เดินขบวน ส่วนทหารฝรั่งเศสได้แต่ยืนดู พอนายทหารเวียดมินห์มาก็ต้องตะเบ๊ะ แล้วปรึกษากันว่า "อ่า.. จะให้พวกเราถอนทหารยังไงดี?" จากภาพทหารทั้งสองฝ่ายที่เคยถือปืนไล่ยิงกันมาเป็นเวลาเกือบสิบปี อยู่ๆกลับมายืนคุยกันซะงั้น

ฝรั่งเศสยังคงอยากจะมีอำนาจอยู่ในเวียดนามกลางกับใต้ จึงให้เบาได๋ปกครอง ตอนนี้ละครับที่เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อของฝรั่งเศสเริ่มออกหน้าออกตามา"จุ้น"ในเวียดนาม เขาไม่ใช่ใครที่ไหนนั้นคือพลตำรวจโลกอเมริกานั้นเอง(ฮา) โดยบอกขอมาฝึกทหารให้กับเวียดนามใต้ ฝรั่งเศสชักจะเริ่มรู้สึกว่า "มะกันต้องการมามีบทบาทแทนตน" ต่อมาอยู่ๆก็มีบุคคลหนึ่งออกมา"ไล่" เบาได๋ลงจากการเป็นผู้นำซะเฉยๆ เขาคือ โง ดินห์ เดียม นักชาตินิยมผู้ไม่ยอมเป็นขี้ข้าฝรั่งเศส และไม่ยอมไปเข้ากับพวกคอมมิวนิสต์ ทำให้ฝรั่งเศสหมดอิทธิพลไปจากเวียดนามในบัลดล
และแล้วก็มีคู่มวยใหม่ขึ้นมาสองคู่ได้แก่

ฝ่ายแดง ลุงโฮจิมินห์ ผู้อุทิศทั้งชีวิตเพื่อกู้ชาติเวียดนาม ให้เป็นอิสระจากฝรั่งเศส เคยถูกฝรั่งเศสประกาศจับมาประหารชีวิตหลายครั้งแต่ก็รอดพ้นกีโยตินมาได้ทุกที เป็นบุคคลที่ทำให้ฝรั่งเศสหัวเสียในการปกครองอาณานิคมอินโดจีนมากที่สุด เคยประกาศตั้งเวียดนามเป็นอิสระหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ก็ถูกฝรั่งเศสส่งกองทัพมายึดประเทศคืน ลุงโฮก็ยังไม่ยอมหยุดยั้ง ปักหลักต่อสู้อยู่ที่ชายแดน แล้วก็รุกคืนเรื่อยๆ จนฝรั่งเศสเป็นอันปกครองอินโดจีนให้เป็นสุขไม่ได้ ชาวเวียดนามแทบทุกคนจึงถือลุงโฮเป็นวีรบุรุษตลอดกาล

ฝ่ายน้ำเงิน โงดินห์เดียม ผู้เติบโตมาในตระกูลชั้นสูง แต่ก็เป็นนักชาตินิยมโดยแท้จริง เพราะฝรั่งเศสเคยเสนอตำแหน่งหน้าที่ให้ แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะเป็นสุนัขรับใช้ฝรั่งเศส พวกคอมมิวนิสต์ก็เคยเสนอให้มาร่วมงานแต่เขาก็ไม่ยอม โงจึงโดนจับแต่สุดท้ายลุงโฮบอกให้ปล่อยตัวไป (อ้าว?) โงดินห์เดียมจึงเป็นคนใหม่ที่ชาวเวียดนามพึ่งรู้จักแต่ก็เป็นคนดี

เมื่อคู่มวยออกมาให้เห็นแบบนี้ คนพนันนอกสังเวียนอย่างสหรัฐและโซเวียตกับจีน ก็เหมือนกับรู้ผลแพ้ชนะตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดหีบเลือกตั้ง สหรัฐก็เลย"ยุ"ให้โง"ล้มโต๊ะ"ด้วยการไม่ยอมให้เกิดการเลือกตั้ง เพราะรู้ว่าเลือกไปทัก.. เอ้ย ลุงโฮก็ชนะ เวียดนามก็กลายเป็นคอมมิวนิสต์อะดิ คือไม่ร่วมการเลือกตั้งแบบที่บางพรรคในบางประเทศทำนั้นแหละ (นั้นวกมาบ้านเราได้ไงฟะ เปลี่ยนๆ) เวียดนามจึงถูกแบ่งแยกโดยถาวรนับตั้งแต่นั้นมา สิ่งที่จะทำให้รวมชาติกันได้จึงหลีกไม่พ้นการใช้"กำลัง" จึงกลายเป็นชนวนเหตุการเกิดของสงครามเวียดนาม

ซึ่งผลสุดท้ายเวียดนามก็รวมชาติได้ เมื่อเวียดนามเหนือตีไซง่อนเมืองหลวงของเวียดนามใต้แตก ในเดือนเมษายน ปี1975 โดยมะกันเองก็แทบจะเผ่นไม่ทัน (บางคนเผ่นไม่ทันจริงๆ เพราะมันเล่นทิ้งกันหมด) ชาวเวียดนามที่กลัวคอมมิวนิสต์ได้หลบหนีไปอยู่ในประเทศที่สาม ส่วนพวกผู้ดีก็หนีไปอยู่สหรัฐฯ

อวสานซะที เหนื่อยนะเนี่ย 55

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 21/07/2009 06:47:38


ความคิดเห็นที่ 3


ขอคำนับ คุณ tan02 หนึ่งจอกครับ อิอิ
โดยคุณ Zepia เมื่อวันที่ 21/07/2009 17:06:41


ความคิดเห็นที่ 4


ขอบคุณพี่ tan02 มากๆๆเลยครับ แฮะๆๆ

 

กระจ่างเลย ^__^

โดยคุณ paveway เมื่อวันที่ 21/07/2009 20:34:40


ความคิดเห็นที่ 5


ขอบคุณครับ คุณtan02 สำหรับข้อมูล

แต่ผมชอบประโยคนี้มากครับ โดนใจจริงครับ>>>>>>ขอมาตอบเฉพาะข้อแรกนะครับ เพราะข้อหลังนี่ไม่รู้เรื่องจริงๆ 555
โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 22/07/2009 00:01:16


ความคิดเห็นที่ 6


ดีใจครับที่ชอบ แต่ผมว่าผมร่ายยาวไปหน่อยกว่าจะเข้าเรื่องได้เล่นซะนาน 555

แล้วจะไม่มีใครมาตอบคำถามข้อสองให้ท่าน paveway   บ้างเหรอครับ?

ข้อมูลเชิงลึกแบบนี้คงต้องรอแฟนพันธุ์แท้ตระกูลซูคอยแล้วละครับ

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 22/07/2009 05:26:16


ความคิดเห็นที่ 7


ski jump จะมีมุมลาดเอียงประมาณ 7-10องศา แล้วส่วนปลายสุดจะมีองศามากกว่านี้อีกนิดนึง
การออกแบบ SU-33 กับการออกแบบเรือบรรทุกเครื่องบินของรัสเซีย เน้นความง่ายเข้าว่า
เพราะถ้าใส่ระบบ catapult เข้าไปมันจะทั้งเปลืองเนื้อที่และงบประมาณ แถมทำให้โครงสร้างเครื่องบินเสียหายได้ง่าย
และด้วยการออกแบบของตัว SU-33 เอง ที่มีไอพ่นที่ให้กำลังขับสูงอยู่ถึง 2เครื่อง + ปีก canard ด้านหน้าเครื่อง ทำให้ SU-33 สามารถทะยานออกไปจากดาดฟ้าเรือได้โดยไม่ต้องพึ่ง Catapult
แต่มันก็มีข้อเสียอันใหญ่หลวง นั่นคือ SU-33 จะไม่สามารถโหลดอาวุธและน้ำมันไปได้เต็มที่
ตามที่ศึกษามา ถ้า SU-33 จะบินขึ้นจากเรือด้วยน้ำมันเต็มถัง ก็จะไม่สามารถโหลดอาวุธไปได้เลย หรือ อาจพกไปได้บ้างนิดหน่อย
กลับกัน ถ้าต้องการโหลดอาวุธเต็มพิกัด ก็ต้องเสียสละน้ำมันไปเกือบครึ่งถัง เพื่อชดเชยกับโหลดที่เพิ่มมา
แต่ปัญหานี้ก็สามารถแก้ได้ด้วยการขึ้นไปเติมน้ำมันกลางอากาศแทน
โดยคุณ beam408 เมื่อวันที่ 22/07/2009 12:01:08


ความคิดเห็นที่ 8


"ซึ่งผลสุดท้ายเวียดนามก็รวมชาติได้ เมื่อเวียดนามเหนือตีไซง่อนเมืองหลวงของเวียดนามใต้แตก ในเดือนเมษายน ปี1975 โดยมะกันเองก็แทบจะเผ่นไม่ทัน (บางคนเผ่นไม่ทันจริงๆ เพราะมันเล่นทิ้งกันหมด) ชาวเวียดนามที่กลัวคอมมิวนิสต์ได้หลบหนีไปอยู่ในประเทศที่สาม ส่วนพวกผู้ดีก็หนีไปอยู่สหรัฐฯ"


ของถามพี่tan02 ช่วยเล่าเหตุการณ์ตอนนี้ กรุงไซง่อนแตกอย่างละเอียดหน่อยครับ เกิดไม่ทันจริงๆ

แล้วพวกมะกันที่หนีไม่ทันมันแก้ปัญหายังไงครับ
โดยคุณ A-mark เมื่อวันที่ 22/07/2009 13:18:10


ความคิดเห็นที่ 9


ของถามพี่tan02 ช่วยเล่าเหตุการณ์ตอนนี้ กรุงไซง่อนแตกอย่างละเอียดหน่อยครับ เกิดไม่ทันจริงๆ

แล้วพวกมะกันที่หนีไม่ทันมันแก้ปัญหายังไงครับ

ตอบ ผมเองก็เกิดไม่ทันเหมือนกันครับท่าน A-mark  แต่ก็เคยอ่านจากหนังสือ3เล่มที่ผมชอบมาก (แต่ก็เก่ามากเช่นกัน)เลยได้อ่านจากห้องสมุดที่ม.อย่างเดียว โดยครั้งแรกที่ผมทราบเรื่องไซง่อนแตกนั้นอ่านจากคอลัมน์ของนิตยสารสมรภูมิครับ

ขอแนะนำหนังสือที่จะทำให้ท่านรู้ลึกเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ครับ

1. 55วันก่อนญวนแตก เขียนโดย อาลัน ดอว์สัน นักข่าวชาวสหรัฐฯผู้มีสำนักข่าวอยู่ในเมืองไทยเรานี่เอง อย่าพึ่งแอนตี้ว่านักเขียนเป็นคนมะกันแล้วจะเขียนออกไปในทางเชียร์ประเทศตัวเอง แต่ไม่ครับ หนังสือนี้เป็นหนังสือที่เขียนได้เป็นกลางมาก คุณจะเห็นเหตุการณ์ใน55วันก่อนที่เวียดนามใต้จะแตก สหรัฐทำอย่างไรบ้าง? เวียดนามใต้ทำอย่างไรบ้าง? เวียดนามเหนือทำอย่างไรบ้าง? เป็นหนังสืออีกเล่มที่คอสงครามเวียดนามไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

http://www.toulo.com/product/ProductDetail.asp?ProductID=16674&CategoryID=12000

2.สิ้นชาติ เขียนโดยนายพลเหงียน เกา กี ผู้เคยเป็นประธานาธิบดีของเวียดนามใต้ และต่อมาได้เป็นนายกคู่กับปธน.เหงียน วัน เทียว เนื้อเรื่องเริ่มจากชีวประวัติของเขา จากนั้นเหตุการณ์ต่างๆในสงครามเวียดนาม ก็จะนำเสนอให้แก่คุณตั้งแต่ต้นจนจบ โดยอาจจะเขียนถึงชีวิตของเขาควบคู่หรือออกจะเข้าข้างตัวเขาเองมากไปหน่อย ในเล่มยังประกอบด้วยภาพหายากมากมาย(แต่ดันไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ในหนังสือซะงั้น 55) ดังนั้นก็ไม่ควรพลาดครับ

http://www.toulo.com/product/ProductDetail.asp?ProductID=17073&CategoryID=3010

3. แผนชิงชาติ เขียนโดยนายพล เทียน วัน ดุง ผู้บัญชาการกองทัพเวียดนามเหนือในยุทธการ"โฮจิมินห์" ต้นตำรับยุทธวิธี"ดอกบัวบาน"ที่ใช้ยึดกรุงพนมเปญในยุคเขมรแดงในเวลาต่อมา หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นมาหลังสงคราม เนื่องจากท่านนายพลทนเห็นพวกฝรั่ง ตอกไข่ไส่สีหรือเขียนมั่วซั่วไม่ได้ เลยเขียนมันเองซะเลย เนื้อในหนังสือกล่าวถึงเหตุการณ์ในเวียดนามใต้ตั้งแต่ปี 1974-1975 นับว่าเป็นหนังสือที่ดีอีกเล่มหนึ่ง เป็นการฟังคนเวียดนาม(เหนือ)เขียนบ้าง ในเล่มยังประกอบด้วยภาพหายากมากมาย(แต่ดันไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ในหนังสือซะงั้น 55) ดังนั้นก็ไม่ควรพลาดครับ


โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 23/07/2009 03:30:05


ความคิดเห็นที่ 10


คราวนี้ถึงคิวผมเล่าเองแล้วครับคือจะเกริ่นสักเล็กน้อย(มั้ง)แล้วก็ไปจบตรงไซง่อนแตกครับ เพราะถ้าเกิดไม่เล่าเหตุการณ์ที่นำไปสู่การล่มสลายของเวียดนามใต้เดี๋ยวจะมาถามกันยาวอีก

พร้อมกันนี้ผมขอ(ยึด)กระทู้นี้เพื่อโพสรูปเกี่ยวกับเหตุการณ์ไซง่อนแตกไปด้วยครับ เพราะจริงๆแล้ววันนี้ว่าจะโพสกระทู้"ภาพรำลึกสงครามเวียดนาม" แต่เอาแค่ไซง่อนแตกก่อนละกัน

ตรุษญวน ปี1968

เล่าสั้นๆ(มั้ง)หลังจากเทศกาลตรุษญวนเลือดปี 1968 ที่เวียดกงและเวียดนามเหนือ พร้อมใจกันฉลองเทศกาลตรุษญวน ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์(ตรุษญวนจะช้ากว่าตรุษจีนไปประมาณเดือนหนึ่ง) ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้พวกเวียดนามเหนือ/เวียดกง(ซึ่งต่อไปนี้ขอเรียกสั้นๆว่า NVA/VC) ได้มาเจรจาตกลงกับพวกมะกันและเวียดนามใต้ว่า เราจะหยุดยิงกันเพื่อให้ชาวเวียดนามใต้ได้มีโอกาสฉลองเทศกาลตรุษญวน และไหว้เจ้าบรรพบุรุษกันอย่างปลอดภัยไร้สารตะกั่ว(ลูกตะกั่วน่ะ) พวกมะกันกับเวียดนามใต้ก็เลยนอนใจ ปล่อยให้ทหารลาพักกลับบ้านไปฉลองกับญาติได้ พวกจีไอก็ไปเที่ยวฉลองกะเค้าด้วย

พอถึงตอนจุดประทัดกับดอกไม้ไฟปุ๊บ อยู่ๆเสียงประทัดก็ดังคล้ายๆเสียงรัวปืนอาก้า เสียงพลุก็ดังอย่างกับเสียงวิ้ดของหัวปลีอาร์พีจี ประชาชน,ทหารทั้งเวียดและมะกันก็คงนึกว่าหลอนหูฟาด(ฮา) แต่พอเห็นชาวเวียดนามถือปืนอาร์ก้ากับแบกอาร์พีจี เท่านั้นแหละเป็นได้วิ่งหนีตายกันยกเมือง VCบุกแล้วโว้ยๆ ยิงกันอุดตะลุด ในเมืองก็VCเต็มบ้านเต็มเมือง นอกเมืองพวกNVAก็บุกเข้ามาเพียบ การบุกแบบสายฟ้าแลบของคอมมิวนิสต์ครั้งนี้ดูเหมือนจะได้รับชัยชนะ มะกันจะแพ้แล้วรึเนี่ย?

แต่ก็เปล่าทีแรกคอมมิวนิสต์ได้เปรียบ กรุงเว้เมืองสำคัญของเวียดนามใต้(หรืออัมนัมเวียดนามกลางในอดีต)ราชธานีของกษัตริย์เวียดนามหลายสมัย ถูกNVA/VCยึดเฉยเลย และยังมีการชักธงอวดไว้บนยอดเสาร์ให้เห็นด้วยนะ อีกที่หนึ่งใกล้ๆDMZ(เขตปลอดทหาร แถวๆเส้นขนานที่17) ฐานทัพแห่งหนึ่งที่มะกันอุตสาห์ทุ่มทุนสร้าง เอาไว้เป็นฐานส่วนหน้าราวกับจะใช้เตรียมบุกเวียดนามเหนือยังไงอย่างนั้น นั้นคือกีซานหรือเคซาน(Khe shan) ที่นายพลเกี้ยปหมายมั่นปั้นให้กลายเป็น "เดียนเบียนฟูแห่งที่สอง" ก็เจอNVA/VCแจกอั๋งเปาตรุษญวนเสียเยอะไม่ว่าจะเป็นปืนใหญ่,จรวด แต่ละอย่างได้รับไปแล้วมะกันต้องหัวเราะ (เพราะสติแตกไปแล้ว)

แต่รบไปได้เดือนกว่าๆ สถานการณ์ก็ชะงักงันทุกด้าน บางเมืองเวียดกงโดนทหารเวียดใต้กับมะกันรุกไล่ออกมา ที่กรุงเว้ทหารมะกันและเวียดใต้ก็บุกตะลุยเข้าไปชิงเมืองคืนสำเร็จ (เมืองเดียวกันกับในเรื่อง Full metaljacket นั้นแหละ) ส่วนเคซานห์ก็ตั้งรับไว้ได้ เพราะไอ้กันมันบ้าเลือด เอาบี52มาบอมบ์ตลอดเวลา แล้วก็ส่งกองทัพมารุดช่วย

หลังจากนั้นเวียดกงก็แทบจะ"สิ้นชื่อ"เพราะใช้คนไปเป็นจำนวนมาก(ตายเยอะ) เวียดนามเหนือเองก็ตายไปเยอะเช่นกัน แต่ก็ทำให้มะกันเริ่มการถอนทหารในปี 1969 ปีที่ปธน.นิกสันเข้ารับตำแหน่งนั้นแหละ

อยากลองสวมบทเป็นมะกันกับเวียดกงในเหตุการณ์นี้แน่ะนำให้หาเกมส์ VIETCONG 2 มาเล่นครับ

น้าน ว่าจะเล่าสั้นๆไหงมาเริ่มตั้งแต่ตรงนี้ได้เนี่ย


โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 23/07/2009 04:00:24


ความคิดเห็นที่ 11


เทศกาลอีสเตอร์ ปี1972

หลังจากเจอแอนตี้ด้วยการประท้วงในบ้านตัวเองอย่างรุนแรง สหรัฐได้เริ่มที่จะถอนตัวออกห่างจากเวียดนาม ก่อนหน้าตรุษญวนก็มีคนประท้วงว่ามากแล้ว พอหลังตรุษญวนนี่ยิ่งมากใหญ่ ส่วนใหญ่มาจากการรับชมทีวีที่เสื้อสี.. เอ้ย ภาพที่อธิบดีกรมตำรวจเวียดนาม ลั่นไกปืนลูกโม่ใส่ศรีษะเวียดกงคนหนึ่งต่อหน้าต่อตาโทรทัศน์ที่กำลังถ่ายภาพอยู่ เป็นการใช้ศาลเตี้ยแต่เวียดกงนั้นก็มีความผิดฐานฆ่ายกครัวชาวเวียดนามใต้ ภาพศพเวียดกงในสถานทูตสหรัฐ ภาพเฮลิคอปเตอร์มะกันยิงจรวดถล่มเมืองในเวียดนามใต้ สิ่งเหล่านี้แหละที่ไปกระตุ้นต่อมความคิดของคนอเมริกันว่า "พระเจ้านี่เค้าเอาเงินภาษีของฉันไปทำอะไร(ฟะ)" เขาส่งลูกของฉันไปรบแล้วถูกฆ่าใส่ถุงกลับมาฝัง เพื่อทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้หรือ? มีอีกมากแต่จะยาวไปเอาสั้นๆคือ มะกันจึงเริ่มโครงการถอนทหารออกจากเวียดนาม(แบบที่จะถอนจากอิรักในตอนนี้ละ ผลจะเป็นไงอยากเห็น หึๆ)

อเมริกาได้เปลี่ยนฐานะไปเป็น"พ่อบุญทุ่ม"แบบตอนแรกๆของสงคราม นั้นคือไม่ส่งคนของตัวเองมา แต่จะทุ่มเงินอัดฉีดให้อย่างเดียว ในโครงการที่เรียกว่า "เวียดนามมิเซชั่น" ความหมายของมันคือการที่จะให้เวียดนามใต้ยืนได้"ด้วยลำแข้ง"ของตนเองแบบรายการของช่อง7(ฮา) ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มันก็ไม่น่าเข้ามายุ่งเองเล้ยจริงๆ (ขนาดอยู่ไม่ถึงสิบปีทหารยังม้วยไปขนาดนี้ ถ้าอยู่ต่อไปอีกคงเป็นแสน) มะกันส่งเงินมามหาศาล แต่ดูเหมือนส่วนใหญ่จะไปตกอยู่ใน"กระเป๋า"ของคนใหญ่คนโตในเวียดนามใต้เสียหมด มีการประเมินกันว่าเงินที่ไปถึงกองทัพจริงๆนั้นมีน้อยจริงๆ ปัญหาคอรัปชั่นอันเรื้อรังก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เวียดนามใต้แพ้ ตัวอย่างเช่นนายทหารเวียดนามใต้ขายปืนและข้าวให้กับเวียดกง(กำ)

 

ทางด้านเวียดนามเหนือหลังจากเจ็บหนักจากการบุกตรุษญวน พวกเขาก็เตรียมที่จะบุกเวียดนามใต้อีกครั้ง โดยคิดไปว่าที่แพ้คราวก่อนสาเหตุหลักมาจากถูกมะกัน"จุ้น" ถ้าเวียดรบกับเวียดจริงๆ ปานนี้รวมชาติไปได้แล้วเฟ้ย ตอนนี้มะกันไม่อยู่แล้ว(เหลือแต่พวกที่ปรึกษาอันน้อยนิด) ก็เข้าตำรา"แมว(มะกัน)ไม่อยู่หนู(เวียดนามเหนือ)ร่าเริง ฮิ้วๆ" คราวนี้ติดเขี้ยวเล็บมาน่ากลัวกว่าคราวที่แล้วไม่ว่าจะเป็นกองทัพรถถัง ปืนใหญ่บานเบอะ กำลังพลเพียบ ฝ่ายคอมมิวนิสต์ก็ฟื้นตัวอีกครั้ง แต่ก็ต้องเลือกก่อนว่าจะบุกช่วงเทศกาลอะไรดี?(ชอบเทศกาลซะจริงๆ) เลยบุกช่วงเทศกาลอีสเตอร์ ที่ชาวคริสต์จะเฉลิมฉลองกัน เหมาะที่จะเป็นวันดับลมหายใจเวียดนามใต้ ด้วยผบ.คนเดิมคือนายพลเกี๊ยปที่หวังจะแก้มือจากคราวที่แล้ว

 

ในขณะที่ชาวมะกันฉลองกันอยู่นั้น ก็ได้รับข่าวอันระทึกขวัญ นั้นคือเวียดนามใต้ถูกเวียดนามเหนือบุก(อีกแล้ว) ปธน.นิกสันเซ็งเป็ด แต่ก็ต้องช่วยพันธมิตรของตนทั้งๆที่ปากก่อนหน้านี้ก็บอกไปว่า"เราไม่ยุ่งแล้วไม่เอาแล้วกับเวียดนาม" แต่ตอนนี้มะกันก็รู้สึกเหมือนเป็นพ่อที่ลูกถูกเด็กข้างบ้านรังแก ก็ย่อมจะทนเฉยไม่ได้ แต่มะกันมาช่วยคราวนี้ไม่ได้ส่งทหารมาครับ แต่ส่งกองทัพเครื่องบินฝูงมหึมา โดยบินขึ้นมาจากกองเรือบรรทุกเครื่องบินภาคพื้นแปซิฟิก และฝูงบินทิ้งระเบิดบี52อีกต่างหาก เข้ามาช่วยถล่มกองทัพNVAในเวียดนามใต้ เท่านั้นยังไม่พอยังทะลึ่งไปทิ้งระเบิดกดดันเวียดนามเหนือต่ออีก (ซึ่งคนรับเคราะห์ก็คงเป็นประชาชนอีกแล้ว)

 

สถานที่เปิดตัวแสนยานุภาพของNVA คือแคมป์คาโรล (Camp Carroll)ซึ่งมะกันทิ้งไว้ให้เวียดนามใต้ในปี 1969 อยู่ๆปืนใหญ่NVAเป็นพันๆกระบอกก็ระดมถล่มค่าย ปืนใหญ่ที่มะกันทิ้งไว้ก็ดันยิงไม่ถึงที่ตั้งปืนใหญ่ของNVA (NVAใช้ปืนใหญ่เอ็ม46 130มม.ยิงไกล30กม. ส่วนเวียดใต้ใช้ปืน105มม.ที่ยิงไกลไม่เกินสิบกิโลกว่าๆ) ยิงเสียจนตายเกือบยกทั้งค่าย ทัพNVAเคลื่อนพลอย่างรวดเร็วเพื่อยึดคอนตูม วันแรกๆก็ยังไฟแรงอยู่ๆ เพราะสามารถรุกไล่พวกเวียดใต้ถอยหลังไม่เป็นขบวน แต่เมื่อมะกันส่งเครื่องบินมาจุ้น(อีกแล้ว) ทั้งรถถังและทหารถูกบอมบ์เสียหายอย่างหนัก ที่ตั้งปืนใหญ่ก็วอดวายไปด้วย การล้อมเมืองอันล็อคของNVAจึงล้มเหลวโดยต้องยอมถอยทัพกลับ ทางด้านอื่นๆสถานการณ์ก็ชักจะคงที่คือบุกไปข้างหน้าไม่ได้แล้ว

ในเหตุการณ์นี้เครื่องบินที่สำคัญก็คือ เอซี130 สเป็กเตอร์ ซี130ที่ติดปืนใหญ่อากาศ ได้ออกทำงานเป็นครั้งแรก สร้างความฉิบหายให้กับNVAมากเสียรถถังที54/55ไปมากโข รวมทั้งอาวุธใหม่อย่างจรวดโทว์(TOW) จรวดต่อสู้รถถังนำวิถีด้วยเส้นลวดก็มาโผล่ในครั้งนี้ด้วย โดยยิงจากฮ.เอเอช 1 คอบร้า ทำลายรถถังNVAไปหลายคัน

 

ความเห็นต่อไปจะถึงตอนใกล้ๆไซง่อนแตกแล้วครับ (เหนื่อยนะเนี่ย)


โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 23/07/2009 04:38:36


ความคิดเห็นที่ 12


เค้าลางก่อนเวียดนามใต้ล่มสลาย มีมาเป็นฉากๆตามที่ได้เห็นไปแล้วในความเห็นบนๆที่โพสไปสรุปง่ายๆแบบเด็กก็เข้าใตคือ
1.มะกันโยนภาระทิ้งด้วยการเผ่นปิ๊กบ้าน

2.การเมืองเวียดนามใต้อ่อนแอมีการกินบ้านกินเมืองไม่เว้นแม้แต่ยุทโธปกรณ์ที่ต้องใช้รบและงบทางทหารยังถูกกิน
3.เวียดนามเหนือได้รับอาวุธอันทันสมัยที่สุดของคอมมิวนิสต์ในยุคนั้น มีปืนใหญ่มากกว่าเวียดนามใต้ มีกำลังพลที่แข็งแกร่งกว่า ขวัญกำลังใจดีกว่า
4.มะกันไม่ยอมเข้ามายุ่งอีกแล้ว แบบตอนปี1972 (เวียดนามเหนือก็คงพูดได้อีกว่าหากมะกันไม่มาจุ้นในปี1972 ปานนี้รวมชาติได้แล้ว(อีกละ)

จุดเริ่มต้นการล้มสลายของเวียดนามใต้

ปี 1973

ปี1973 หลังจากสงครามอันโชกเลือดในปี1972 ได้มีการทำสนธิสัญญา(จำชื่อไม่ได้) ตกลงกันแล้วว่ามะกันต้องห้ามไปจุ้น เอ้ย ยุ่งเกี่ยวใดๆกับเวียดนามใต้อีก ไม่ว่าจะเป็นการส่งทหารหรือเครื่องบินรบเพิ่ม เวียดนามเหนือได้ดินแดนตอนบนของเวียดนามใต้ส่วนหนึ่งไปในสงครามปี1972 เรียกว่าเขตปลดปล่อย มีการตั้งรัฐบาลปฏิวัติเฉพาะกาลของเวียดนามใต้(เวียดกง) ที่สนามบินตัน ซอน นุท(ที่ให้อยู่มีตั้งเยอะดั๊นไม่ไปอยู่) ขอให้ทั้งสองประเทศเลิกแล้วต่อกันรู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย(ฮา) แต่ในทางปฏิบัติหาได้เป็นเช่นนั้น มะกันยังคงส่งเงินอุดหนุนและอาวุธให้กับเวียดใต้เท่าที่จะทำได้ แต่หลังจากอีตานิกสันได้รับเลือกตั้งเป็นปธน.สมัยสองแล้วความแตกว่าซุกหุ้น เอ้ย ชนะเพราะไปขโมยความลับจากฝ่ายตรงข้ามที่ตึกวอเตอร์เกท (เลยเรียกว่าคดีวอเตอร์เกท) เลยต้องมีอันยอมลาออกก่อนจะซวยไปกว่านี้ (นึกว่าจะลี้ภัย 55) แต่ก่อนออกไปดั๊นสัญญาว่าถึงเมกาจะเปลี่ยนปธน.แต่เมกันจะสนับสนุนเวียดใต้ต่อไป

และเมื่อทหารอเมริกันคนสุดท้ายได้นั่งเครื่องบินกลับบ้าน เมกาก็ออก"ลาย"ทันที สส.ในสภาต่างเห็นว่าการช่วยเหลือเวียดใต้เป็นเรื่องที่"เกิน"ความจำเป็น และสหรัฐไม่ควรจะรับผิดชอบแล้ว(กำ) เลยมีการตัดงบที่ส่งไปช่วยด้านการทหารให้เวียดใต้ ลืมบอกไปปธน.คนต่อมาคือ เจอรัล ฟอร์ด ผู้ที่ราวกับไม่อยากจะยุ่งอะไรกับเวียดนามอีกแล้ว เพราะคนที่ยุ่งทุกคนราวกับมีอาภรรพ์ที่ใครยุ่งเป็นต้องหลุดจากเก้าอี้(ฮา)

ทางเวียดใต้พวกคอมมิวฯในประเทศเริ่มถูกกวาดล้างไปหมด เวียดกงง่อยเปลี้ยถึงขีดสุด รัฐบาลเริ่มประกาศกฏหมายที่สุดยอดมากๆคือ ประชาชนที่มีอายุ15ปีขึ้นไป(ไม่รู้จำผิดกับตอนนาซีจะแตกหรือเปล่า) จนถึงแก่หากไม่พิการจะต้องเป็นทหาร! ด้วยกฏบ้ากฏบอแบบนี้ทำให้เวียดใต้มีทหารถึง 1ล้านคน! (ไม่คิดหรือว่าจะเปลืองงบขนาดไหน?) อาวุธก็น่าจะเรียกว่าทันสมัยที่สุดที่มะกันมีให้ไม่ว่าจะเป็น เฮลิคอปเตอร์บานเบอะ ปืนใหญ่บานเบอะ เครื่องบินรบนานาชนิด เช่นเอฟ5 เอ37 ปืนเอ็ม16ครบมือ รถถังเอ็ม48 (ก่อนหน้านี้มะกันให้เวียดใต้ใช้แต่เอ็ม 41) ดูๆเวียดใต้จะแข็งแกร่งมาก

แต่นั้นก็คงเป็นแค่เสือกระดาษ เพราะปัญหาสำคัญอยู่ที่"คน"ต่างหากไม่ใช่"เครื่องมือ" ถึงของจะวิเศษวิโสยังไงคนมันใช้ไม่เป็น ก็ดึงประสิทธิภาพออกมาไม่ได้ เรื่องขวัญกำลังใจของทหารยิ่งตกต่ำเพราะไม่รู้รบไปเพื่ออะไร ประชาธิปไตยเหรอ? ก็ดูราวกับไม่ใช่ หรือว่ารบให้มะกันมันกันแน่ยิ่งคิดยิ่งแย่

ปี 1974

ด้วยความ"เหลิง"ในแสนยานุภาพของตน เวียดใต้เริ่มทำการบุกเข้ายึด"เขตปลดปล่อยที่ได้ประกาศตามสนธิสัญญาไว้ เป็นการละเมิดสนธิสัญญาในปี 1973อย่างจงใจ เวียดใต้ประกาศที่จะเอาดินแดนเดิมของตอนคืนมาและเผลอๆจะไปปลดปล่อยเวียนนามเหนือด้วย(ว่าเข้านั้น) ฝ่ายNVAเห็นว่ายังไงก็ไม่ยอมเสียเขตปลดปล่อยแน่ๆ ตามแผนการนั้นว่าจะบุกเวียดใต้ในปี 1976 แต่ไหนๆก็โดนกระตุกหนวดเสือแล้วจะลองให้เร็วกว่ากำหนดมาสักหนึ่งปีจะเป็นไรไปจึงเริ่ม"ยุทธการโฮจิมินห์"ตามชื่อของลุงโฮที่ชาวเวียดทุกคนเคารพ และทำให้พินัยกรรมของลุงโฮเป็นจริง (ลุงโฮมรณกรรมไปเมื่อปี 1969)

ปี 1975

NVAเริ่มบุกแบบทีละน้อยๆโดยเวียดใต้ไม่รู้ตัว เผลอแวบเดียวเวียดเหนือก็มาถึงดานังแล้ว! ดานังซึ่งเป็นเมืองท่าเมืองเอกและเมืองทหาร(สรุปสำคัญมาก) อีกทั้งปธน.เหงียนวันเทียว(หรือเหงียนวันเดียว 555) ได้ประกาศให้ทหารทั้งหมดตอนเหนือของประเทศถอยมาสู่ที่ราบสูงตอนกลาง (ความจริงเป็นแผนการแต่ทหารนึกว่าสถานการณ์แย่เลยเสียขวัญ) เท่านั้นแหละทหารพากันหนีตายยิ่งกว่าประชาชนอีก เกิดเหตุการณ์น่าสลดมากมาย เช่นทหารและประชาชนที่อพยพไปบนถนนสาย13(มั้ง) ถูกNVAยิงปืนใหญ่ถล่ม เพราะแยกทหารออกจากประชาชนไม่ได้เลยถล่มไปในคราวเดียวกันซะเลย(โหดหลาย) คนขับรถหรือเรือหรือแม้แต่เครื่องบินที่จะพาหนี พากันหัวใส่ขึ้นราคารถได้กำไรกันถ้วนหน้า(ดูมัน..) แต่ที่ระทึกขวัญช็อกโลกก็คือ เมื่อคนที่จะหนีไปกับเครื่องบินไม่ทัน วิ่งเกาะล้อเครื่องบินที่เท็คออฟจากรันเวย์ ผลก็คือโดนฝาปิดเก็บล้อเสียชีวิต และยังมีเหตุการณ์ที่ทหารยึดสนามบิน เอ้ย ยึดเครื่องบินหรือจี้เพื่อให้พาหนีอย่างหน้าไม่อาย พอไปลงอีกที่ก็โดนจับอีก(ฮา) ผู้ชายถ้าอยู่ใกล้ๆกองทหารจะถูกจับมาเป็นทหารถือปืนรบทันทีโดยอัตโนมัติ (ถึงว่าทำไมถึงเผ่น)

ทุกคนกลัวคอมมิวนิสต์ กลัวการแก้แค้นของคอมมิวนิสต์ ที่ว่าใครไม่ยอมสวามิภักดิ์จะโดนยิงทิ้ง(ขนาดนั้น) กลัวจากการโฆษณาของรัฐบาลเวียดใต้และมะกัน กลัวสงคราม กลัวตาย หลังจากดานังแตกได้ไม่นาน เมืองเว้เมืองใหญ่อีกเมืองหนึ่งก็ถูกตีแตก เหตุการณ์ก็เป็นไปในทำนองเดียวกันคือขบวนผู้อพยพจำนวนมหาศาล ที่หนีตายอย่างไม่คิดชีวิต บ้างเดินเท้าเปล่าหอบข้าวของที่พอจะติดตัวไปได้ บ้างขับรถซึ่งก็มักจะถูกปล้นหรือมีคนมาขวางเพื่อขอขึ้นไปด้วย อีกพวกหนึ่งที่ฉวยโอกาสนี้คือพวกปล้น(ของที่ไม่มีใครเฝ้า เรียกว่าขโมยมากว่า) ที่มาทุกงานตั้งแต่ปี 1972แล้ว รีบยกเค้าชาวบ้าน ทุกคนต่างหนีโดยไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนหวังแต่ในใจว่า"หนีไปให้ไกลจากคอมมิวนิสต์"

มีต่อ


โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 23/07/2009 05:51:25


ความคิดเห็นที่ 13


เมษายน 1975

คราวนี้ก็เกิดการรบที่สมใจเทียวนั้นคือการรบบนที่ราบสูงภาคกลางที่ซวน ล็อค(ไม่รู้มันจะอยากรบไปทำไมกะที่นี่) กองทัพเวียดนามใต้ต่อต้านการรุกของเวียดนามเหนืออย่างกล้าหาญ แต่ก็ไม่เนิ่นนานอยู่ดี เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าเวียดเหนือเหนือกว่าอย่างมาก คราวนี้แหละที่เหตุการณ์ที่ทุกคนไม่อยากจะคิด แต่ก็ต้องคิดแล้วว่าจะเกิดขึ้นคือ กองทัพเวียดนามเหนือบุกไซง่อน!! เมืองหลวงของเวียดนามใต้ หากที่นี่ถูกยึดได้ก็เป็นอันจบข่าว ถึงจะเป็นอย่างนั้นมะกันก็ยังคงนอนใจ ราวกับจะทิ้งคนมะกันในเวียดนามไว้ การเตรียมการอพยพล่าช้ามาก กว่าจะทำอะไรข้าศึกก็จะมาประชิดสถานทูตอยู่แล้ว

ตอนนี้มะกันต้องเลือกแล้วว่าจะเอาใครไปบ้านตนเองบ้าง? อย่างแรกก็ต้องเป็นท่านทูตสหรัฐ อย่างที่สองก็คือเจ้าหน้าที่สถานทูตและนาวิกโยธินที่คุ้มกันสถานทูต อย่างที่นอกเหนือความคาดหมายก็คือเหล่าลูกครึ่งอเมริกัน-เวียดนาม ที่ทหารมะกันมาไข่ทิ้งไว้บานเบอะ จึงเป็นการเริ่ม"ปฏิบัติการเบบี้ไลฟ์" (Operation Babylift) คือปฏิบัติการกู้ชีพเด็กๆนั้นเอง อีกอย่างที่พวกมะกันไม่ยอมพาไปด้วยก็คือ คนเวียดนามที่เคยทำให้งานอเมริกัน ไม่ว่าจะเป็นคนสถานทูตหรือกิจการของมะกัน เพราะหากคอมมิวนิสต์ครองแล้วรู้ว่าคนนี้เคยทำงานให้ไอ้กันกลัวจะถูกลงโทษหรือถูกยิงทิ้งได้

ในเมื่อทุกคนในเวียดนามใต้ตอนนี้คิดแต่ว่า "อยากจะหนี หนี หนี ไปให้ไกลห่าง"(แบบเพลงของพริกไทยดำ) เวียดนามใต้ก็มีแต่ต้องล่มสลายท่าเดียว หลังจากซวนล็อคพ่ายแพ้ไปแล้ว เวียดนามเหนือก็เตรียมตัวเต็มที่ๆจะบุกยึดเมืองหลวงไซง่อนให้สมเกียรติ พวกเขาไม่ต้องทำอะไรมากนัก เพราะเวียดใต้แทบจะไม่เตรียมกำลังรบมาสู้เลย ตอนนี้แหละที่คนใหญ่คนโตในเวียดใต้มารวมกันกดดันให้เทียวลาออก เพราะข้อเรียกร้องหนึ่งของเวียดเหนือก็คือ"เทียวต้องลาออก ออกไปๆ"(คล้ายๆบางประเทศเรียกร้องตอนยึดสนาม..)

และแล้วเทียวเขาก็ยอมออกจริงๆ โดยก่อนลาออกได้ออกทีวีว่า"พี่น้องครับ.."เอ้ย ออกทีวีมาสาธยายยาวยืด จนต้องหลังก็เปิดประเด็นอันดุเดือดว่า"อเมริกามันทอดทิ้งเรา"แว้กๆยาวยืดทั้งน้ำตา ไม่รู้นานกี่ชั่วโมง(จะมีใครว่างมานั่งดูเปล่าก็ไม่รุ) ตอนไปเค้าก็ไม่ได้ไปเปล่านะครับ เค้าหอบหุ้น เอ้ย ทรัพย์สมบัติจำนวนมากหนีไปด้วยหนีไปอยู่ที่ไต้หวัน ขนาดปธน.ยังหนีแล้วคนระดับล่างๆจะอยู่ไปทำไม? เหล่านายพลเองก็เริ่มหนีก่อนโดยขึ้นฮ.หนีไปต่อหน้าต่อตาพลทหาร(กำ) ผู้ลากมากดีทั้งหลายก็จองเครื่องบินหนีไปต่างประเทศ ส่วนคนจนเหรอ?คงต้องเดินเท้าหนีออกประเทศไปตามบุญตามกรรม มีบางคนล่องเรืออยู่บนเรือเป็น"มนุษย์เรือ"ที่แม้แต่หลังสงครามก็ยังมีออกมาจากเวียดนามเรื่อยๆ พวกนี้จะไปลอยลำใกล้เรือสหรัฐแล้วกดดันให้มะกันต้องพาขึ้นมา กลายเป็นภาพที่เราเห็นชินตาคือมะกันต้องเอาฮ.ที่บินหนีมาของเวียดใต้ลงทะเล เพื่อให้มีที่พอสำหรับผู้อพยพ

ทางด้านมะกันเองก็กำลังหัวปั่น เพราะชาวเวียดนามใต้ทุกคนต่างหลั่งไหลไปร่วมชุมนุม เอ้ย ไปชุมนุมกันอยู่รอบสถานที่ ที่พวกเขาคิดว่าเป็นที่สุดท้ายที่จะพาพวกเขาหนีไปได้คือ สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำเวียดนามใต้ ที่เดียวกับที่เคยถูกเวียดกงบุกถล่มในปี1968นั้นแหละ  แม้นาวิกโยธินจะถือเอ็ม16 แต่ชาวเวียดใต้ที่กำลังตื่นกลัวก็ไม่สนใจ ไม่กลัวโดนยิงตายเพราะกลัวคอมมิวนิสต์มากกว่า พวกเขาปีนกำแพงสถานทูต ใช้มือเปล่าจับลวดหนามบนกำแพง พยายามจะเข้าไปข้างในให้ได้ ประตูเหล็กสถานทูตหวิดจะพัง (เล่าๆไปทำไมคล้ายๆเสื้อสี...เมื่อเดือนเมษาจังฟะ) ด้านในสถานทูตด้านหลังสนามหญ้าก็กำลังสาละวนกับการนำฮ.มาลงและนำคนอพยพไป สาเหตุที่ต้องอพยพทางฮ.ไปลงที่เรือบรรทุกเครื่องบิน แทนที่จะนั่งเครื่องอย่างสบายๆไปลงประเทศอื่น ก็เป็นเพราะสนามบินใหญ่คือ ตัน ซอน นุท ถูกฝ่ายเหนือยึดไปแล้ว จึงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ส่วนพวกเวียดเหนือเองก็บอกว่าไม่อยากจะไปขัดขวางการอพยพหรอก เพราะยังไงๆก็อยากให้มะกันมันออกไปจากประเทศอยู่แล้ว(ฮา) และไม่อยากลงไม้ลงมือกับชาวเวียดที่ไม่มีอาวุธ(อย่างคราวก่อนๆ)

ศึกสุดท้ายของไซง่อนมาถึง ทหารเวียดใต้เคลื่อนรถถังเอ็ม41 48 และทหารจำนวนหนึ่งตั้งกระสอบทราย ต้านทานทหารเวียดเหนือและรถถังที55ที่ข้ามสะพานเข้าสู่เมือง ในขณะที่ทหารบางส่วนที่โกรธแค้นมะกันยิงปืนเอ็ม16ไล่ใส่ฮ.มะกันที่บินหนี(กำน่าจะเป็นเวียดกงยิงมากกว่า) ประชาชนบางส่วนแทนที่จะหนีก็เริ่มไม่ยินดียินร้ายอะไรแล้ว อยู่รอพบปะกับทหารเวียดเหนือ บางคนปั่นจักรยานตามรถบรรทุกหรือรถถังเวียดเหนือก็มี(คล้ายๆบางประเทศตอนปฏิวัติ) และแล้วเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ก็เกิดขึ้นคือ ทหารเวียดนามเหนือขับรถถังที54/55พังประตูเหล็กของทำเนียบประธานาธิบดีเข้าไป ตามมาด้วยทหารเวียดเหนือเพียบ โดยมีทหารเวียดใต้นั่งดูอยู่ใต้ร่มไม้ซะงั้น(กำ) ตอนนี้ทหารเวียดใต้เกือบจะทั้งหมดเริ่มทำการ"ลอกคราบ"ด้วยการถอดเครื่องแบบทหารทิ้ง และเปลี่ยนไปใส่ชุดเป็นพลเรือน เพราะกลัวโดนคอมมิวนิสต์ลงโทษ นายพลเวียดใต้คนหนึ่งยิงตัวตายหน้าอนุสาวรีย์สงคราม บางส่วนก็ออกมาจำนนเสียแต่โดยดี ธงเวียดกงถูกชักขึ้นสู่ยอดเสาที่ทำเนียบประธานาธิบดี แทนที่ธงเวียดใต้ นายเดือง วัน มินห์(มินห์ใหญ่)ออกมาพบกับทหารเวียดใต้ในฐานะรักษาการปธน. ทุกอย่างจบลงแล้ว เวียดนามปลดแอกและรวมชาติสำเร็จแล้ว!!

ภาพที่โด่งดังที่สุดแห่งยุคก็คือ ภาพที่ผู้อพยพต้องไปขึ้นฮ.บนหลังคาสถานทูตสหรัฐฯ ข่าวอันอัปยศที่สุดของสหรัฐถูกแพร่กระจายไปทั่วโลก เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในเวียดนาม เช่นการสร้างค่ายล้างสมอง(หรือจะเรียกว่าเปลี่ยนความคิด)ให้ชาวเวียดใต้เข้าใจในคอมมิวนิสต์ เปลี่ยนชื่อเมืองไซง่อนเป็น"กรุงโฮจิมินห์"เพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานโฮจิมินห์ผู้ล่วงลับ มีการเดินสนาม และการฉลองใหญ่โต

สงครามในชีวิตชาวเวียดนามได้สิ้นสุดลงแล้ว อย่างน้อยก็สงครามหนึ่ง


โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 23/07/2009 06:24:42


ความคิดเห็นที่ 14


ตอบเข้าเรื่องเข้าราวบ้างดีกว่า

แล้วพวกมะกันที่หนีไม่ทันมันแก้ปัญหายังไงครับ?

ตอบส่วนใหญ่เป็นพวกนักข่าวครับ ที่อยากอยู่ทำข่าวจนโดนทหารเวียดนามเหนือจับได้ และก็ไม่ได้โดนจับแค่ที่ไซง่อนบางคนโดนจับตั้งแต่ดานังแตกแล้ว แต่โชคดีที่ทหารเวียดนามเหนือได้รับการ"กำชับ"มาว่า"อย่าฆ่าหรือทำร้ายชาวต่างชาติ" เพราะรู้ว่าทำไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา มีแต่ภาพพจน์คอมมิวฯเสียไปเปล่าๆ แบบตอนช่วงตรุษญวนปี1968ที่มีนักข่าวถูกเวียดกงฆ่าไปหลายคน ทั้งๆที่นักข่าวตะโกนว่า"นักข่าวๆ"เป็นภาษาเวียดนามแล้วแต่พวกนั้นก็ยังยิงทิ้ง

คาดว่าคนต่างชาติที่หนีไม่ทันมะกันกับเวียดคงตกลงกันส่งกลับได้เองละครับ

จบบริบูรณ์มั้ง ส่วนรูปไว้มาอัฟให้ดูต่อพรุ่งนี้ครับ เพราะวันนี้ก็ใช้เวลาโพสไปตั้งสามชั่วโมงแล้ว


โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 23/07/2009 06:35:33


ความคิดเห็นที่ 15


ขอคำนับ คุณ tan02 จอกที่สอง
จะเมาไหมเนี้ย เอื๊อกๆ
โดยคุณ Zepia เมื่อวันที่ 23/07/2009 15:04:15


ความคิดเห็นที่ 16


ไม่รู้กระทู้นี้เป็นอะไร ถ้าไม่ล็อกอินจะอ่านไม่ได้ (โพสจนกระทู้พังแล้วมั้งเรา 55)

เอารูปมาฝากตามสัญญาครับ

ขอตั้งชื่อรูปนี้ว่า"หมัดสั่งลาแห่งมิตรภาพ"(ของขวัญชิ้นสุดท้ายของชาวมะกัน 55)


โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 23/07/2009 23:49:19