เขมร อีกแล้วครับ
โดยคุณ : CROBRA99 เมื่อวันที่ : 07/07/2009 15:56:27รายงานตัวครับ ผมมีความชอบในเรื่องประวัติศาสตร์ทางทหาร แต่เน้นที่ของไทยนะครับ
แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าเพื่อนบ้านเราทำให้เราเป็นตัวตลกในสายตาชาวโลกนะครับ เป็นเด็กแต่ม้าท้าตีท้าต่อยกับผู้ใหญ่ครับ
ใครเป็นเด็กเป็นผู้ใหญ่ครับ
และถ้ามีประเทศใดประเทศมาเปรียบว่าว่าประเทศไทยเป็นเด็กแล้วคุณจะคิดยังไงครับ
มนุษย์มีศักดิ์ศรีเท่ากัน �ประเทศทุกประเทศก็ต้องมีศักดิ์ศรีเท่ากันครับ
เมื่อวันที่
06/07/2009 11:07:51 คำว่าเด็กและผู้ใหญ่แค่ยกเปรียบเปรยครับ จริงแล้วหัวใจผมอยากให้รบครับ หรือไม่ก็ให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหรือของกองทัพออกมาพูดอะไรที่ทำให้คนไทยทั้งชาติฟังแล้วรู้สึกสบายใจมั่งครับ ไม่ใช่พอเขมรพูดทีก็รีบไปเจรจาดูเขาทำซิครับ เขาอยากจะรบอย่างเดียวเลย และอีกอย่างทุกคนคงรู้ดีประวัติศาสตร์ของเขาเป็นอย่างไรไม่เคยเชื่อใจประเทศนี้ได้เลยครับ
และอีกอย่างไอ้ที่ คุณขำขำ พูดเนี่ยไอ้ที่บอกว่าทุกประเทศมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ถ้าคุณติดตามข่าวเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด คุณจะรู้ว่าเขมรพยายามบอกกับชาวโลกตลอดเวลาว่าประเทศใหญ่กว่ารังแกและรุกล้ำอธิปไตยของเขา ทั้งที่จริงแล้วก็รู้ๆกันดีอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร
ตัวผมเองคนไทย รักชาติเต็มที่เมื่อไหร่ก็ตามที่ประเทศร้องขอ คุณจะเห็นผมอยู่ในแถวหน้าของทหารผู้ซึ่งพร้อมจะทำหน้าที่เฉกเช่นบรรพบุรุษ ครับ
ใครๆก็รักประเทศครับ
แต่รบกันแล้วได้อะไรขึ้นมาครับ
คำพูดของ นายกฯเขมร ก็เหมือนกับคำพูที่ปลุกเร้ากระเเสตลอด �เพราะตัวแกเองก็อยากอยู่ในตำแหน่งไปอีกนานเท่านานครับ
พูดอะไรที่มันอึงกระแสให้ตนเองมีคะแนนดีขึ้น ก็ต้องทำ
ถ้าพยายามว่าทำให้เห็นว่าถูกรังแก แต่ถ้าเราไม่ได้เป็นคนเริ่มละครับ มันจะเกิดอะไรขึ้น
แต่ถ้าเราเป็นคนเริ่มมันจะเกิดอะไรขึ้น �2 อย่างนี้มีความแตกต่างกันครับ
ในเวทีโลก ถ้าเราเต้นตาม เราก็เป็นตามเกมส์เขมรครับ �มีข่าวเรื่องการเจรจาที่เริ่มจากทางเราและไม่มีข่าวความเคลื่อนทางทหารออกสู่สายตาชาวโลกจะดีกว่าครับ
เราไม่ใช่ประเทศมหาอำนาจที่จะมี power แบบสหรัฐ,รัสเซีย,จีน �ที่จะเคลื่อนกำลังโดยไม่สนใจเสียงทักท้วงจากต่างชาติไม่ได้หรอกครับ
หรือเป็นจะเป็นประเทศแบบเกาหลีเหนือหรือพม่า ที่ไม่แคร์ กระแสจากทั่วโลกไม่ได้หรอกครับ
ประวัติศาสตร์ต่างคนต่างเขียนครับ �ถ้าไปศึกษาจากประวัติศาสตร์ประเทศเขมร �เราก็เหมือนคนไปปล้นชาติเขา เหมือนที่เราเรียนประวัติศาสตร์ที่เราเสียกรุงให้พม่าครับ
เรื่องแบบนี้มันเป็นมานานแล้วครับ เรื่องความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน
การมีบทบาทผ่านทางเวทีแบบเจรจาจะดีที่สุดครับ
ผมก็รักชาติเหมือนคนไทยทุกคนครับ
เมื่อวันที่
06/07/2009 23:32:14 ผมว่าตอนนี้กองทัพเราวางตัวถูกแล้วครับ ไม่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน ถ้าเค้าเกเรมาเราก็ขู่กลับ ทางนั้นจะเงียบไปเอง สังเกตุว่าในสายงานทหารทั้งไทยและกัมพูชา ไม่ค่อยมีประเด็นกัน
แต่ไม่เข้าใจอย่างเดียว ทำไมเวลามีประเด็นกันแต่ละครั้ง ต้องเป็นฝ่ายไทย วิ่งแจ้นไปขอเจรจากับกัมพูชาก่อน แล้วค่อยกลับมาบอกคนไทยว่าผลการเจรจาเรียบร้อยดี พอใจทั้งสองฝ่าย แล้วอีก 2 - 3 วันให้หลัง กัมพูชาก็จะออกมาโวยวายในประเด็นอื่นอีก...เหมือนเค้าไม่เกรงเราเลยแม้แต่น้อย...ไม่เหมือนเมื่อตอนเรายังไม่มีสีเหลือง-แดง
เมื่อวันที่
06/07/2009 23:47:03 ผมก็เห็นด้วยกับคุณ iceman นะครับ
ส่วนของคุณขำขำนะครับ ผมไม่ได้บอกให้รบนะครับ ผมรู้ดีว่ารบแล้วมีแต่เสีย และก็ไม่ได้บอกให้เราเริ่มก่อนด้วย แต่ให้เราออกมาพูดอะไรบ้างเพื่อเป็นการให้ชาวโลกเห็นว่าเรามีศักดิ์ศรี ไม่ใช่ให้เขาพูดอย่างเดียว ผมยอมรับ และผมก็เข้าใจเรื่องประวัติศาสตร์ดี นะครับ
ผมอยากแค่ให้แม่ทัพของเราออกมาพูดหรือแสดงท่าที่ที่ให้เขมรเห็นว่าเราไม่ได้หงอ ครับ
ส่วนการที่ภาพข่าวทหารของเราไม่ออกไปข้างนอกอันนี้เห็นด้วยครับ
ปล.รักชาติยิ่งชีพ
แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่าฝ่ายกัมพูชารายงาน ข่าวลักษณะท้าทายยั่วยุนั้น อยากให้สื่อติดตามว่า เขาท้าท้ายอย่างไร ตนในฐานะแม่ทัพภาคที่ 2 และกำลังพลเราทุกนายทำหน้าที่ของเราไปตามปกติ หากมีลูกกระสุนยิงเข้ามาฝั่งไทย โดยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เราพร้อมอยู่แล้ว
จาก กระทู้ชองคุณอีแอบ
http://www.thaifighterclub.org/webboard.php?action=detailQuestion&questionid=9243&topic=%C7%D1%B9%B9%D5%E9%BF%D1%A7%A4%D3%BE%D9%B4%A2%CD%A7%E1%C1%E8%B7%D1%BE%C0%D2%A4%202%20%E1%C5%E9%C7%C0%D9%C1%D4%E3%A8%A4%C3%D1%BA
เท่านี้ก็พอแล้วครับ �ถ้าทหารเรายิ่งพูดยิ่งเข้าทางครับ ดีไม่ดี ฮุนเซ็นเอาไปเป็นประเด็นได้อีก เหมือนเอาน้ำมันราดไปบนกองเพลิง �
เมื่อวันที่
07/07/2009 00:22:19 รบกันมันไม่มีอะไรดี นักรบหน้าคอมส์ที่รอแต่ความสะใจทั้งหลาย
คนที่ตายคือตำรวจทหารเฝ้าชายแดน เขาก็มีลูกเมียเหมือนกัน
เอาเป็นว่า เราเล่นแบบตีขรึมไว้ก่อน .........อย่าส่งเสียงนะครับ
เมื่อวันที่
07/07/2009 01:49:39 ขงเบ่ง เอาชนะศัตรูที่มีกำลังมหาศาล โดยเปิดเมืองแล้วไปนั่งดีดพิณอยู่บนกำแพงเมือง กองทัพศัตรูนับหมื่นนับแสนไม่กล้าเข้ามาเพราะนึกว่าเป็นอุบาย ขงเบ่งจึงหยุดยั้งกองทัพมหาศาลได้ด้วยสมองเพียงอันเดียว
หนึ่งปัญญาหยุดยั้งได้ทั้งกองทัพ ไม่มีการเสียเลือดเนื้อ ทั้งยังได้ในสิ่งที่ตนต้องการให้เป็น จึงได้ชื่อว่ายอดคน
สิ่งที่ไทยทำก็เช่นกัน....เรียกได้ว่าใจนักเลง
คำว่าใจนักเลงที่ถูกต้องแต่สมัยก่อน หมายถึง คนจริงคำไหนคำนั้นรักษาคำพูด ไม่รังแกคนที่ไม่มีทางสู้หรือคนที่ยังอ่อนเยาว์ แต่ในเวลาที่ต้องสู้ก็ไม่มีถอย ชื่อว่าคนจริงไม่ใช่เก่งแต่พูด คนจริงเมื่อพูดแล้วต้องทำ
หลายคนบอกว่าเราไม่ทำอะไรปล่อยให้ท่านฮุนเซนพูดเอาๆ
ลองให้นึกตามละกัน วัตถุประสงค์ของเราคือรักษาดินแดนไว้การที่เราไปเจรจาแล้วไม่เกิดสงคราม พื้นที่ตรงนั้นเขมรก็ไม่กล้าเข้ายึดครอง และเราก็ยังยืนยันว่าเป็นของเรา สุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม มันได้อย่างที่เราต้องการหรือไม่ เราไปเจรจาก่อนไม่ใช่การแสดงว่าเราอ่อนแอแต่เรากำลังทำสงคราม สงครามที่ใช้สมองไม่ใช่กำลัง
หากตีกันขึ้นมาจริงๆเรื่องไปถึง ยูเอน ก็ยังไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือก้อย
หากเราเจรจาแล้วทุกอย่างสงบ ก็เท่ากับเราชนะไม่ใช่หรือ เป็นการชนะโดยปัญญาเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ
การสงครามในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องของการใช้กำลัง การใช้กำลังถือเป็นวิธีสุดท้ายจะใช้เมื่อหมดปัญญาที่จะทำให้ได้ดังใจปอง การรบในปัจจุบันยั้งมีอยู่และมีมาก เป็นการรบที่มุ่งหวังการกลืนกินชาติ เป็นการรบโดยยึดครองระบบเศรษฐกิจ ยึดครองความคิดและความนิยมของคนในชาตินั้นๆสุดท้ายก็จะถูกกลืนกินโดยไม่รู้ ตัว
การชนะสงครามมีหลายแบบแล้วแต่ว่าจะเลือกใช้แบบใด
มีเรื่องแจ้งเตือนทุกท่าน ไข้หวัด 2009
ที่ประเทศไทยติดเชื้ออยู่อันดับ 8 ของโลก
ตายอันดับ 1 ของเอเชีย
เดินทางไปในฝูงชนหาผ้าปิดจมูกบ้างก็ดี นะครับเด้อ...........
หากปิดข่าวอีก.......ระวังจะเป็นอันดับ 1 ของโลก
เมื่อวันที่
07/07/2009 04:56:29