หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ยัง..ยังไม่จบ "ฮุนเซน" สำทับบินล้ำน่านฟ้าสอยแน่!!

โดยคุณ : Zicmainter เมื่อวันที่ : 09/08/2009 10:46:29

ยัง..ยังไม่จบ "ฮุนเซน" สำทับบินล้ำน่านฟ้าสอยแน่!!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 กรกฎาคม 2552 13:50 น.

เสืออากาศของไทยกับฝูงเอฟ-16 ที่ฐานทัพนครราชสีมา (เข้าไปชมภาพและอ่านเรื่องราวต่างๆ ได้ตามลิงค์ในภาพ) สงสัยจะต้องระวังมากขึ้น สมเด็จฯ ฮุนเซนสำทับขู่ข้ามแดนมา ห้ามล้ำน่านฟ้าเด็ดขาด ไม่งั้นโดนสอยแน่ด้วยขีปนาวุธต่อสู่อากาศยานทันสมัยที่ยังไม่เปิดเผย
       
ASTVผู้จัดการออนไลน์-- สื่อในกัมพูชายังคงรายงานรายละเอียดบางส่วนจากการพบปะ ระหว่างสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งล่าสุดผู้นำกัมพูชาได้แจ้งเตือนรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงกับ รมว.กลาโหมของไทย ให้ระวังเครื่องบินบินล้ำน่านฟ้า ซึ่งอาจจะถูกทหารยิงตก
       
       นรม.กัมพูชาเปิดเผยเรื่องนี้ระหว่างไปทำพิธีประทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตใหม่มหาวิทยาลัยนอร์ตัน (Norton University) ในกรุงพนมเปญ วันอังคาร (30 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เรียนสำเร็จในปีนี้ 975 คน หนังสือพิมพ์รัศมีกัมพูชา (Reasmei Kampuchea) รายงาน
       
       สมเด็จฯ ฮุนเซนยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันยันยังมีขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานเหลืออยู่จำนวนมากรวมทั้งแบบที่ใช้ประทับไหล่ยิงด้วย ซึ่งตนเองไม่สามารถไปบัญชาคนที่ใช้อาวุธทันสมัยเหล่านี้ที่ชายแดนได้
       
       ผู้นำกัมพูชากล่าวเลยไปถึงเรื่องนี้ ขณะที่เล่าเกี่ยวกับเหตุระเบิดที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งเมื่อวันอาทิตย์ (28 มิ.ย.) โดยระบุว่านั่นเป็นเพียงจรวด 122 มม. ธรรมดาๆ ซึ่งมีใช้งานมานานหลายปีแล้ว แต่กองทัพกัมพูชายังมีจรวดและขีปนาวุธที่มีประสิทธิภาพสูงและขนาดใหญ่กว่านั้นอีกจำนวนมาก
       
       ผู้นำที่มีอำนาจมากที่สุดในกัมพูชากล่าวว่า สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้บอกกับ รมว.กลาโหมกับรองนายกฯ ของไทยอย่างจริงใจ ให้ระวังมิให้เครื่องบินของไทยบินช้ำเข้าไปในน่านฟ้ากัมพูชา แม้ก่อนหน้านี้กัมพูชาได้ทำลายขีปนาวุธ (ต่อสู้อากาศยาน) แบบประทับบนบ่ายิงไปแล้ว รวม 270 ลูก แต่ก็ได้จัดซื้อใหม่มาแทนด้วยรุ่นที่ใหม่กว่า และตนเองไม่สามารถสั่งการ "บรรดาผู้ที่สอดนิ้วอยู่ในโกร่งไก" ได้ เพราะฉะนั้น "ประเทศไทยจะต้องดูแผนที่ให้ดี ไม่ให้บินล้ำน่านฟ้าของผู้อื่น"


ภาพแฟ้มเอเอฟพี วันที่ 18 พ.ย.2548 กองทัพกัมพูชาจัดพิธีระเบิดทำลายขีปนาวุธต่อสู้อากาศยาน SA-3 หรือ C125M ที่มีใช้ทั้งหมด 36 ลูก ภายใต้อำนวยการ่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เกรงว่าจะตกไปถึงมือกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติ สมเด็จฯ ฮุนเซนเปิดเผยว่าที่ผ่านมามีการทำลายขีปณาวุธแบบต่างๆ ไปแล้ว 270 ลูก แต่ก็ยังมีเหลืออีกมากมายตั้งแต่ครั้งสงคราม และที่จัดซื้อในยุคใหม่ด้วย
       "ผมได้พูด (กับฝ่ายไทย) อย่างจริงใจว่า แม้ว่าขีปนาวุธแต่ละลูกอาจจะมีราคาถึง 200,000 ดอลลาร์ ผมก็จะต้องซื้อหามา"
       
       "ผมเป็นห่วงว่าพวกเขาจะบินน้ำน่านฟ้าของเราตอนที่มีผู้นำอยู่บนนั้น.. เพราะว่าเราไม่ไม่มีเครื่องบินที่จะบินไปๆ มาๆ ได้ทุกเมื่อ มีแต่ประเทศไทยที่บินขึ้นบินลง หรือบินวนรอบๆ .. จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากพวกที่อยู่เบื้องล่างอดทนไม่ไหว?" สมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าวต่อบัณฑิตใหม่ สำทับคำเตือนถึงฝ่ายไทย
       
       ผู้นำกัมพูชาไม่ได้ให้รายละเอียดว่าเคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นหรือไม่ หรือเกิดขึ้นที่บริเวณไหนของแนวชายแดนและเมื่อไร
       
       แต่ นรม.กัมพูชาเปิดเผยต่อไปอีกว่า ได้บอกกับฝ่ายไทยอย่างตรงไปตรงมา ทหารกัมพูชาที่ประจำตามแนวชายแดนจะมีจำนวนเท่าเดิม และจะไม่มีการถอนทหาร ตราบเท่าที่ทหารไทยราว 30 คนยังไม่ได้ถอนออกไป และ “กระดูกของพวกเขาจะถูกฝังเอาไว้ที่นั่น”


"ฮิวอี้" (AH1F) ติดปืนกลและจรวดของกองทัพบก ก็ไม่ควรจะเฉียดเข้าใกล้ชายแดนมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านพระวิหาร เพราะผู้นำกัมพูชาขู้ข้ามพรมแดนมาว่าคราวนี้เอาจริงแน่
       


เอฟ-16 ของกองทัพอากาศไทย ที่ฐานทัพแห่งหนึ่ง เป็นหนึ่งในประมาณ 60 ลำที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน เครื่องบินรบเอนกประสงค์ "ยุคที่ 4" นี้ ประจำการในกองทัพสหรัฐฯ มาประมาณ 20 ปี ไทยยังมี เอฟ-18 "ฮอร์เน็ต" ประจำการอีก 1 ฝูง แต่ข้างบ้านก็มีขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานที่น่าเกรงขาม?
       


เครื่องบินขับไล่/โจมตี/ทิ้งระเบิด "กริพเพน" (JAS39 Gripen) มีแผนการจัดซื้อเพิ่มเติมเพื่อเสริมเขี้ยวเล็บ พร้อมระบบขีปนาวุธจากสวีเดน หรือว่าถึงคราวจะต้องหันมาสำรวจความพร้อมรบอย่างจริงจังอีกสักครั้ง?
       


เครื่องบินรบ MIG-21 กองทัพกัมพูชาที่ยังใช้การได้จำนวน 4 ลำ จอดที่สนามบินทหารโปเจินตงในกรุงพนมเปญ อีกนับสิบลำจอดตายอยู่บนลานในอาณาบริเวณใกล้กัน เขี้ยวเล็บอาจจะผุ แต่ผู้นำกัมพูชาโอ้อวดว่ามีขีปนาวุธมากมายพร้อมสอยเครื่องบินไทยที่ล้ำแดน
       ในคราวเดียวกันนี้ สมเด็จฯ ฮุนเซน ได้เตือนรองนายกฯ กับ รมว.กลาโหมของไทย เกี่ยวกับสงครามชายแดน ที่จะเกิดขึ้นได้ถ้าหากไทยหวังส่งทหารบุกเข้ายึดปราสาทพระวิหาร โดยได้เตือนว่า ไทยจะต้องใช้ทหารระหว่าง 35,000-50,000 คน ในการสู้รบกับทหารกัมพูชาราว 10,000 คน ซึ่งประจำที่นั่น เนื่องจากทหารกัมพูชาล้วนแต่กรำศึกมานาน
       
       "ประเทศไทยมีอาวุธที่ทันสมัยกว่าและมีกำลังพลมากกว่ากัมพูชา ไทยมีกำลังพล 3000,000 นาย ขณะที่กัมพูชามีเพียง 100,000 นาย แต่ในการป้องกันประเทศ กัมพูชาพร้อมและยินดีที่จะต้อกรกับไทยจนวาระสุดท้าย"
       
       "เราไม่ต้องการทำสงครามกับเพื่อนบ้าน แต่มันเป็นสิทธิโดยอัตโนมัติที่จะป้องกันตนเอง ต่ออะไรก็ตามที่ชายแดน" สมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าว.
จาก : http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9520000074901&#Comment




ความคิดเห็นที่ 1


นักข่าวเค้าบอกไทยมี เอฟ-18 "ฮอร์เน็ต" ประจำการอีก 1 ฝูงด้วย และ "ฮิวอี้" (AH1F) ติดปืนกลและจรวดของกองทัพบก ด้วย มั่วจิงๆๆเลย นั่นมัน ฮ.คอปบร้า

 

555+

โดยคุณ Zicmainter เมื่อวันที่ 02/07/2009 04:13:58


ความคิดเห็นที่ 2


ฮึฮึฮึฮึฮึฮึ ก๊ากๆๆๆๆๆ ไทยมี F18 ด้วยหรอเนี่ย บ๊ะแล้ว บ๊ะแล้ว ไปเก็บไว้ส่วนไหนของประเทศเนี่ย บ๊ะแล้ว บ๊ะแล้ว ก๊ากๆๆๆ แล้วกรีเป้น เหอะๆๆ ฟังเหมือนจะพอไปได้ไปๆมาๆ พูดเหมือนกับว่าเรามีใช้มานานแล้วอย่างไงอย่างงั้นนั่นแหละ เหอะๆๆๆ สังเกตุจากทำที่ว่า หรือว่าถึงคราวจะต้องหันมาสำรวจความพร้อมรบอย่างจริงจังอีกสักครั้ง?

 

แล้วผมไม่ขำตรงไหนเท่ากับที่เขาบอกว่า Mig 21 ยังบินได้ โอ้มายก๊อต สงสัยจะบินด้วยปลวกซะละมั๊ง เห็นว่ามันเข้าไปทำรังในห้องนักบิน เหอะๆๆๆๆ อย่าให้เปิดประทุนนักบินเลย เดี๋ยวจะเห็นว่าสาระแหน่ มันเต็มไปหมด ก๊ากๆๆๆๆๆๆ

 

ผมคิดว่าคงไม่มีหรอกครับ ไอ้จรวดอ่ะไรที่ว่าน่ะ อย่างน้อยก็แค่ sa7 หรือจรวดประทับบ่ายิงเก่าๆ สนิมเขระ กว่าจะเล็งกว่าจะยิง เจอเอฟ 16 ทิ้งระเบิดที่ระยะ 60 กิโล พวกมันก็ไปเฟ้าพระเจ้าสุริยะวรมันกันแล้ว

และผมขำที่สุดก็ที่มานบอกว่า ถ้าทหารไทยจะยึดพระวิหาร ต้องใช้ทหาร50000 คน ถึงจะเอาชนะทหารขแมร์ 10000 คน สงสัยทหารเขมรมันเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ หรือไม่ก็พวกทรานฟรอเมอร์แน่ๆเลย เหอะๆๆ ถึงได้ยอดมนุษย์ซะขนาดนั้น 555+ และไอกระดูกที่จะต้องฝังลงดินอ่ะ กระดูกพวกขแมร์มัน เพราะเราถ้าเสียชีวิต เขาเผาเฟ้ยท่านฮุนเซ็ง ท่านนี่ดีแต่ปากจิงๆ เหมือนกับประชาชนท่านเลย ถ้าท่านจะรบกับเรานะ ท่านช่วยมารับ ขอทาน เขมรแถวสะพานลอยกลับไปเลี้ยงที่ประเทศท่านก่อนดีกว่า แล้วค่อยมารบ 5555+



โดยคุณ champ thai army เมื่อวันที่ 02/07/2009 04:37:12


ความคิดเห็นที่ 3


พวก นักรบหน้าคอมฯ  เวลาวิจารณ์อะไรขอให้ระวังปาก มั่งนะครับ

 

ผมไม่อยากมานั่งลบความเห็นเกรียนๆ ครับ

 

 

ขอให้อยู่ในขอบเขตกันหน่อยนะครับ

 

เข้าใจว่ารักชาติแต่อะไรที่มันมากเกินไปก็ไม่ดีนะครับ

 

เกรงใจ webmasterและเคารพกติกามารยาทด้วยครับ

 

 

ป.ล. แต่จากเว็ปนี้ก็มั่วได้ใจจริงๆ

 

 

 

โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 02/07/2009 05:16:36


ความคิดเห็นที่ 4


เห็นด้วยกับคุณนกครับ เพราะแม้ข่าวจะผิดจะถูกบ้าง ก็เพราะนักข่าวเขาไม่มีพื้นความรู้เรื่องนี้ อ่านแล้วคิด เพราะไม่มีอะไรแน่นอนเวลารบกันจริงตัวแปลเยอะ  ต่างคนต่างคิด ส่วนผมว่าแต่ตามหลักการรบแล้วฝ่ายเข้าตีก็ต้องมีกำลังมากว่า 3 ต่อ 1 เป็นอย่างน้อยถึงเจ้าเข้าตีน่ะ แล้วเข้าอยู่ที่สูงก็น่าจะใกล้ 1ต่อ5นะ แต่ไอ้เรื่องอาวุธนี่ผมก็ไม่เข้าใจว่าไอ้เวปเอเอสทีวีทำไม่มันผิดทุกที่ หรือแหล่งข่าวเขาไม่ได้เป็นทหาร หรือเป็นทหารแต่เป็นชั้นผู้น้อยหว่า ผิดตลอด แต่ก็ขอบคุณคุณ : Zicmainter ด้วยเพราะก็ได้ข้อมูลมาให้ทุกคนอ่าน

โดยคุณ heart2319 เมื่อวันที่ 02/07/2009 06:32:22


ความคิดเห็นที่ 5


อยากจะรู้จังเลยว่า

สากในรูป วิ่งตามความร้อน หรือว่า ควบคุมด้วนเรดาร์?

 

โดยคุณ viper เมื่อวันที่ 02/07/2009 06:42:28


ความคิดเห็นที่ 6


มันมาอีกแล้วครับสำนักข่าวมั่ว...

ยัง..ยังไม่จบ "ฮุนเซน" สำทับบินล้ำน่านฟ้าสอยแน่!!

ถามจริงๆเหอะ บ.ของเราเคยไปล้ำน่านฟ้าเค้าสักลำไหมเนี่ย? ทำไมถึงชอบพูดยุแยงอยู่ทุกวี่ทุกวันเลยนะตาคนนี้

     ส่วนผู้จัดการจนมาเป็นเอเอสทีวีนี่ผมก็ติดตามข่าวของเค้าเกี่ยวกับเรื่องการทหารมานานละ มาอ่านทีไรเป็นผิดทุกที คราวนี้ยิ่งแย่ใหญ่บอกไทยมีเอฟ18??? บอกฮ.เอเอช-1มีฉายาว่า"ฮิวอี้"???(ความจริงมันต้องคอบร้าสิถึงจะถูก ส่วนฮิวอี้มันยูเอช-1เฟ้ยคนละตัวกันแล้ว) ข่าวที่สำนักนี้เขียนผมไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าชอบดิสเครดิตอาวุธไทยจัง ล่าสุดกริพเพนก็โดนเหน็บแหนบอีกลำละ

....ไม่เอาละเดี๋ยวจะหาว่าไปว่าเค้ามากเกินไป

 

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 02/07/2009 06:48:56


ความคิดเห็นที่ 7


    "เราไม่ต้องการทำสงครามกับเพื่อนบ้าน แต่มันเป็นสิทธิโดยอัตโนมัติที่จะป้องกันตนเอง ต่ออะไรก็ตามที่ชายแดน" สมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าว.

 

นี่แหละอาวุธสำคัญ  สำคัญกว่าเครื่องบินอีก เกิดสงครามจริงๆ

เทปคำพูดนายกเราเองเมื่อปีที่แล้ว  เทปคำพูดรมต.ต่างประเทศ คลิปในASTV  คลิปต่างๆเกี่ยวกับเขาพระวิหารเมื่อปีที่แล้วจะกลับมาทิ่มเราทันที   ปีที่แล้วนี่จะเอาตัวปราสาทคืนกันเลยนะไม่ใช่แค่พื้นที่ทับซ้อน ธรรมยาตราบุกเข้าถึงตัวปราสาท หลักฐานยังคาอยู่ในYOUTUBE

 

เราจะกลายเป็นอีรักบุกคูเวตในสายตานานาชาติ  เขาถึงขู่ฟอดๆไม่กลัวเรา 

 

ย้อนกลับไปรำลึกอดีตปีที่แล้วซะนะ ใครพูดอะไรไว้บ้าง  

โดยคุณ wap เมื่อวันที่ 02/07/2009 06:50:50


ความคิดเห็นที่ 8


SA-3 ควบคุมด้วยเรดาร์ครับ

 

รายละเอียดเกี่ยวกับ SA-3 เพิ่มเติม : http://www.thaifighterclub.org/webboard.php?action=detailQuestion&questionid=7708&topic=Cambodian%20SA-3%20anti-aircraft%20missiles&PHPSESSID=7e1448f7f70ee58b30e927a8caa2aa37

 

ขอบคุณ คุณ heart2319  มากครับ


โดยคุณ Zicmainter เมื่อวันที่ 02/07/2009 07:25:00


ความคิดเห็นที่ 9


คอบร้า หรือครับ ผมนึกว่าอาปาเช่ วันเด็กซะอีก...

โดยคุณ Tasurahings เมื่อวันที่ 02/07/2009 07:45:12


ความคิดเห็นที่ 10


สงสัย...ทอ...ซื้อเครื่องบินรบใหม่ 5555+
โดยคุณ kittikornbf1 เมื่อวันที่ 02/07/2009 12:12:24


ความคิดเห็นที่ 11


F18 ... ทัพฟ้าแอบซุกเงินไปซื้อตอนไหนเนี่ย คริ ๆ

เอาน่าสำนักข่าวนี้ มันผิดประจำ

ขนาดนักข่าว ของกองทัพเองยังเคยพูดผิดเลย จำได้ว่า ทอจะปลด F15 (ที่จิง F5) แล้วเอาJAs มาประจำการ 
โดยคุณ u3616234 เมื่อวันที่ 02/07/2009 12:24:38


ความคิดเห็นที่ 12


มีข่าวมาให้อัพเดทครับ

 

โคราชตื่น“รถถัง”ทัพภาค 2 เคลื่อนย้าย – ทหารแจงไม่เกี่ยวเสริมกำลัง“เขาวิหาร”

อ่านละเอียดได้ที่ http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000075091

 

โดยคุณ Zicmainter เมื่อวันที่ 02/07/2009 08:23:04


ความคิดเห็นที่ 13


ไถเอาปราสาทคืนเขาไป เอาเขาเรามา ว่าแต่ M-42 Duster ยังใช้ได้หรอเนี่ย ไม่เห็นซะนานเลยนึกว่าปลดไปแล้ว สภาพดีกว่า M-41 จมเลย สีสวยจัง สงสัยไม่ค่อยได้ออกมาวิ่ง 

โดยคุณ Tawporn เมื่อวันที่ 02/07/2009 11:03:24


ความคิดเห็นที่ 14


ชายแดนเครียดเขมรขนจรวด-รถถัง-ปืนใหญ่พร้อมรบ

Bookmark and Share

คมชัดลึก : ชายแดนไทย-เขมรเครียด รองมทภ.2 เผยกัมพูชาขน “จรวด-รถถัง-ปืนใหญ่" พร้อมรบ หากทหารไทยรุกล้ำอธิปไตย ด้านผบ.กกล.สุรนารี เผย “อนุพงษ์” สั่งตรึงกำลังพร้อมป้องอธิปไตย เตรียมซ้อมแผนอพยพประชาชน ขณะที่ “ประวิตร”เชื่อมือ มทภ.2 จัดการได้ เผยมทภ.2 สายตรงรายงาน “ผบ.ทบ.” ฮุนเซน กร้าวให้ไทยถอนทหารออก “อนุพงษ์” กำชับข้ามประเทศ จาก “เวียดนาม” ให้ทหารในพื้นที่อดทนถึงที่สุด อย่ายิงก่อน ย้ำใช้วิธีเจรจา

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย และผู้บัญชาการทหารภาคที่ 4 ของกัมพูชาเจรจาเรื่องการถอนกำลังในพื้นที่พิพาทบริเวณปราสาทเขาพระวิหารล้ม เหลวว่า ก่อนเดินทางไปประเทศเวียดนาม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้ พล.ท. วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 ดูแลสถานการณ์อยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาทหารในพื้นที่ได้พูดคุยกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งไม่ต้องห่วงสถานการณ์ชายแดนไทย –กัมพูชา เพราะเชื่อว่าทางแม่ทัพภาคที่ 2 คงจัดการได้ คิดว่าเหตุการณ์ไม่น่าตึงเครียด เพราะมีการพูดคุยกันตลอด

 รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่คณะของ พล.อ.ประวิตร พร้อมด้วยผบ.หล่าทัพ ยังอยู่ในภารกิจเยือนประเทศเวียดนามระหว่างวันที่ 1-3 ก.ค.นี้นั้น ทางแม่ทัพภาคที่ 2 ได้โทรศัพท์รายงานสถานการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชาให้ พล.อ.อนุพงษ์ รับทราบว่า ท่าทีของ ผบ.ทหารภาคที่ 4 ของกัมพูชาได้แจ้งให้ทหารไทยถอนออกจากพื้นที่ทั้งหมด เพราะเป็นคำสั่งของ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรี ซึ่งทางแม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำจุดยืนที่จะขอพูดคุยกับผู้นำทางทหารในพื้นที่อย่างสันติ ทั้งนี้พล.อ.อนุพงษ์ สั่งการ และกำชับผ่านทางโทรศัพท์ว่า ให้ แม่ทัพภาคที่ 2 พูดคุยกับทางกัมพูชาอย่างอดทน และ กำชับให้ทหารในพื้นที่อดทนอย่างถึงที่สุด และ ตรึงพื้นที่ไว้ตามคำสั่งแม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมทั้งให้ไทยย้ำเจตนารมณ์ว่า จะไม่เป็นฝ่ายเริ่ม หรือ ยิงก่อน ขอให้ทุกอย่างแก้ไขปัญหาในกลไกของคณะกรรมการที่จะเจรจาแก้ไขปัญหาทุกระดับ และให้การเจรจาของผู้นำทหารในพื้นที่ดำเนินการต่อไปเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะ หน้า

 พล.ต. กนก เนตระคเวสนะ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาภายหลังที่ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศพร้อมรบกับกองทัพไทยหากมีการรุกล้ำอธิปไตยว่า หลังจากที่สมเด็จฮุน เซน ประกาศ ได้มีการเคลื่อนไหวอาวุธหนักเข้ามาในพื้นที่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมาโดยเฉพาะจรวด ได้เคลื่อนย้ายมาไว้ที่บริเวณปราสาทเขาพระวิหารแล้ว รวมถึงรถถัง และ ปืนใหญ่ ก็เข้ามาเสริมในพื้นที่

 "เท่าที่ติดตามสถานการณ์ตอนนี้สถานการณ์เริ่มตึงเครียดมากขึ้น หลังจากที่สมเด็จฮุนเซน ประกาศว่าจะยิงจรวดหากฝ่ายกำลังทหารไทยรุกล้ำอธิปไตย ทั้งนี้ฝ่ายกำลังทหารไทยได้มีการเตรียมความพร้อมตลอดเวลา ทั้งนี้ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 พยายามเจรจากับกัมพูชา โดยเฉพาะเรื่องการปรับกำลังทหารของทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม เห็นว่าหากกำลังอยู่เยอะโอกาสที่จะเกิดปัญหาก็มีอยู่เยอะเช่นกัน แต่หากกำลังมีน้อยโอกาสที่จะเกิดปัญหาก็น้อยลงไปด้วย" พล.ต.กนก กล่าว

 พล.ต.กนก กล่าวว่า ในวันที่ 3 มิ.ย.นี้ ทางกองกำลังสุรนารีจะมีการซักซ้อมแผนอพยพประชาชนในพื้นที่ แต่เห็นว่าประชาชนในพื้นที่ไม่ได้วิตกกังวลใจอะไร เพราะสถานการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ด้วยความไม่ประมาททางกองกำลังสุรนารีจึงได้มีการเตรียมแผนรองรับเรื่องนี้ เอาไว้ อย่างไรก็ตามตนทราบข่าวว่า ทางกัมพูชา เริ่มมีการบอยคอตสินค้าไทยบางส่วนแล้ว

 ทางด้าน พล.ต.ชวลิต ชุนประสาร ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เปิดเผยว่า ขณะนี้กองกำลังทหารไทย และ กองกำลังทหารกัมพูชา ยังคงตรึงกำลังเผชิญหน้ากันอยู่เพื่อดูแลอธิปไตยของแต่ละประเทศเอาไว้ ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้แม่ทัพภาคที่ 2 ติดตามสถานการณ์ และเตรียมความพร้อมตลอดเวลา อย่างไรก็ตามเชื่อว่า สถานการณ์ในพื้นที่จะไม่ลุกลาม และไม่เกิดปัญหาเนื่องจากกำลังทหารของทั้งสองประเทศมีความเข้าใจกันดี และเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้กำลังทหารของทั้งสองประเทศได้มีการวางกันตามปกติ ไม่ได้เพิ่ม หรือลดกำลังลง ทั้งนี้การจะลดกำลังลงหรือไม่ขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้บังคับบัญชาเท่านั้น

สุรินทร์เตรียมซ้อมอพยพชาวบ้าน

          เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 2 ก.ค.2552 นายพงษ์ศักดิ์ นาคประดา รอง ผวจ.สุรินทร์ ได้เดินทางมารับฟังบรรยายสรุป ถึงการวางแผนซ้อมอพยพราษฎรไทย ที่พักอาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ของบริเวณ “ช่องตาเล็ง” ต.โคกตะเคียน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ โดยมี พ.ท.บุญเสริม บุญบำรุง รอง ผบ.ทพ. กรมทหารพรานที่ 26 ได้บรรยายสรุป พร้อมตอบข้อซักถามจาก รอง ผวจ.สุรินทร์ โดยมีประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ด้วย

          ทั้งนี้ สืบเนื่องจากสถานการณ์ด้านชายแดน ในพื้นที่ชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ ที่มีกรณีเรื่องพื้นที่ชายแดนที่เขาพระวิหาร ต.ปักธงชัย อ.กันทลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และเกรงว่า หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้น จะมีผลกระทบต่อราษฎรที่พักอาศัยอยู่ตามแนวชายแดน และเพื่อความไม่ประมาท ทางจังหวัดสุรินทร์ จึงได้วางแผนซ้อมการอพยพ ราษฎรที่พักอาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่อยู่จากแนวชายแดนประมาณ 8 ก.ม.

            หลังจากรับฟังบรรยายสรุป รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้เข้าพบปะกับประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน พร้อมกับให้กำลังใจ มอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนใน 9 หมู่บ้าน ที่อาศัยอยู่ที่บริเวณ “ช่องตาเล็ง” พร้อมกับจะนำเศรษฐกิจพอเพียงเข้ามาสู่หมู่บ้านแห่งนี้ ทั้ง 9 หมู่บ้านให้เป็นหมู่บ้านเกษตรอินทรีย์ และ เศรษฐกิจพอเพียงด้วย นอกจากนี้ ทางจังหวัดทหารบก ได้นำคณะแพทย์ทหารเสนารักษ์ มาบริการตรวจสุขภาพร่างกาย และทำฟันให้กับประชาชน และทางวิทยาลัยสารพัดช่าง ได้นำคณะมาบริการตัดผม และนวดฝ่าเท้าให้ฟรี ทางปศุสัตว์อำเภอได้มาให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าด้วย

            รอง ผวจ.สุรินทร์ เผยที่เดินทางมารับฟังบรรยายสรุปการซ้อมแผนอบยพในครั้งนี้ว่า ประชาชนทั้ง 9 หมู่บ้านมีขวัญกำลังใจดี นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ทุกคนมีความเข้มแข็ง และการซ้อมแผนครั้งนี้ไม่ใช่จะถอย แต่เตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ถ้ามีเหตุการณ์เกิดขึ้น โดยสถานการณ์ปัจจุบันยังไม่น่าเป็นห่วง

 สำหรับที่บริเวณ “ช่องตาเล็ง” จ.สุรินทร์ มีประชาชนพักอาศัยอยูทั้งสิ้น 14 หมู่บ้าน ส่วนหมู่บ้านที่อยู่ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 8 กิโลเมตร ที่กระสุนปืนใหญ่สามารถเข้ามาถึงได้  9 หมู่บ้าน คือ หมู่ 1,หมู่4,หมู่ 5,6,7, หมู่ 9,10, หมู่ 12, และหมู่ 14, ส่วนหมู่ 2,3,8,11,13 อยู่ห่าง ซึ่งชาวบ้านทุกหลังคาเรือนจะมีอาชีพเกษตรกร ทำนา ทำไร่ และหาของป่า ซึ่งทุกคนมีความพร้อมถ้ามีเหตุการณ์เกิดขึ้น ก็จะใช้รถไถนาเดินตาม มีรถพ่วงขนย้ายสิ่งของที่มีค่าออกไปอาศัยอยู่ที่โรงเรียนโคกตะเคียน ซึ่งมีความปลอดภัย เนื่องจากกระสุนปืนใหญ่เข้ามาไม่ถึง

 

โดยคุณ kot เมื่อวันที่ 02/07/2009 12:35:47


ความคิดเห็นที่ 15


SA-3 เก่ามากแล้ว JAM ได้แน่นอน ไม่น่ากลัวเท่าไร

ประเภท IR ก็ยังพอ โอเค แต่กลัว เค้ามี พวก

LASER หรือว่า SA-8,SA-10 น่าจะแย่

ใครพอจะรู้บ้างครับ ที่เค้าบอกว่ามี ใหญ่ๆ คืออะไร

โดยคุณ O.B. เมื่อวันที่ 02/07/2009 14:00:58


ความคิดเห็นที่ 16


เขมรขนรถถัง รถหุ้มเกราะ ปืนใหญ่ จรวด เพียบ

BTR-60

Type59 / T-54/55

 

โดยคุณ Zicmainter เมื่อวันที่ 02/07/2009 20:54:15


ความคิดเห็นที่ 17


ปืนใหญ่เขมรเล็งมาที่ผามออีแดง ฝั่งไทย

 

โดยคุณ Zicmainter เมื่อวันที่ 02/07/2009 21:06:13


ความคิดเห็นที่ 18


ปืนใหญ่ ทำไมสนิมเขรอะอย่างนั้นเนื่ย....

เรื่องบินล้ำน่านฟ้าเรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า  

มี บ. ลำหนึ่ง ไปบินป้วนเปี้ยนแถวๆเกาะกูด... ต่อมาวันหนึ่ง เพื่อนบ้านบอกว่า นี่แก เมื่อวันนั้น มีเครื่องบินเล็กบินล้ำแดนชั้นเข้ามาที่เกาะกงนะ (ทั้งๆที่วันที่ว่า ไม่มีเครื่องบินแถวนั้นซักกะหน่อย)  แล้วขู่ว่า ถ้าล้ำมาอีก ชั้นจะยิงทันทีนะ...

เออ  ตรูบินของตรูอยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะกูด มาหาว่าตรูล้ำแดนซะงั้น

หาเรื่องจริงเชียว
โดยคุณ Hollow เมื่อวันที่ 02/07/2009 21:35:51


ความคิดเห็นที่ 19


สงสัยว่าพี่ไทยจะทำไง

หรือว่า ปล่อยเข้าโม้ ต่อไป

 

โดยคุณ viper เมื่อวันที่ 02/07/2009 22:09:23


ความคิดเห็นที่ 20


ถึงคุณ Zicmainter  

(AH1F)

 นี่มัน คอบบร้า ไม่ไช่เหรอครับ


โดยคุณ มหา_ธรรมโม เมื่อวันที่ 02/07/2009 22:18:45


ความคิดเห็นที่ 21


เตรียม พร้อม ตั้งแต่ต้นปีแล้ว ครับ
แต่ จริง ๆ ก็ อยาก จะรบกับ มัน ตั้ง
แต่ มันเผาสถานทูต แล้ว ครับ
 
" นายไม่สั่ง ทำ อะไร ไม่ได้ "
 
เรื่อง เขา พระวิหาร จะ จบลง
ก็ ตรง ที่ ประเทศไทย มี การเลือกตั้ง
ที่ ถูก ต้องก่อน ครับ(เขาการเมือง นิส ๆ )
 
เมื่อเลือกตั้ง เสร็จ ไอ้ ที่ มัน เห่า ๆ ก็ จะเงียบ
กลับมา ค้า ขาย เหมือน เดิม ครับ
 
^_^  กลับมา มี ฟายสุข กัน ทั้ง ประเทศ
 
------------------
ทา หาน ราบ
โดยคุณ wanwa เมื่อวันที่ 02/07/2009 22:28:59


ความคิดเห็นที่ 22




130มม.กระบอกนี้เล็งมาที่ค่ายทหารพรานมาเกือบ30ปีแล้วมั้งครับผมเคยไปหมุนเล่นอยู่ตอนไปเที่ยวตรงที่ปรับศูนย์เล็งเป็นภาษาจีน
คาดว่าคงจะใช้การไม่ได้แล้ว
โดยคุณ Akula เมื่อวันที่ 02/07/2009 22:36:41


ความคิดเห็นที่ 23


ไทยมี AH-1F จำนวน 3 ลำ อยู่ระหว่างจัดหาเพิ่มอีก 6-7 ลำ

 

 

โดยคุณ Zicmainter เมื่อวันที่ 02/07/2009 22:37:12


ความคิดเห็นที่ 24


มีข่าวมาให้อัพเดทอีกแล้วครับ

 

ขนจรวดไปพระวิหารตูมสนั่น "ฮุนเซน" หวิดดับทั้งบ้าน!!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 กรกฎาคม 2552 09:12 น.

ภาพแฟ้มวันที่ 18 ต.ค.2551 สองวันหลังการปะทะที่ชายแดนด้านภูมะเขือใกล้ปราสาทพระวิหาร ทหารกัมพูชานั่งไปกับรถติดตั้งจรวด BM-21 (GRAD) ขนาด 122 มม.ขณะแล่นผ่านบริเวณบ้านสะแรม (Srem) จรวดแบบเดียวกันนี้เกิดระเบิดขึ้นใกล้บ้านพักสมเด็จฯ ฮุนเซน ตอนค่ำวันอาทิตย์ (28 มิ.ย.) หวิดเละกันทั้งครอบครัว โชคดีที่หัวรบไม่ระเบิด -ผู่นำกัมพูชากล่าว
       
ASTVผู้จัดการออนไลน์— สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน ได้เปิดเผยเรื่องราวอันน่าระทึกใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดในค่ำวันอาทิตย์ (28 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ระบุว่าจรวดหลายลูกกระเด็นกระดอนเข้าไปในบริเวณบ้าน และมีอีกลูกหนึ่งปักทะลุคาต้นมะพร้าว แต่เคราะห์ดีที่หัวรบไม่ระเบิด
       
       นั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาตกเย็น เกิดจากสาเหตุที่เป็นทั้งอุบัติเหตุและความประมาทของบุคคลที่เกี่ยวข้อง นั่นคือทหารหน่วยองครักษ์ผู้นำ ไปขอจุดบุหรี่กับทหารพลขับรถบรรทุกจรวดใกล้ถังน้ำมันที่เกิดรั่ว ทำให้เกิดไฟไหม้ขึ้นมาและลามไปถึงจรวดที่ติดตั้งบนรถ ผู้นำกัมพูชาเล่าเรื่องนี้ระหว่างเป็นประธานพิธีประศาสน์ปริญญาบัตรแก่บัณฑิตใหม่ มหาวิทยาลัยนอร์ตัน (Norton University) ในวันอังคาร (30 มิ.ย.) หรือ สองวันหลังเกิดเหตุ
       
       นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดของจรวด 29 ลูก ในค่ายตวลกระแซง (Tuol Krasaing) ซึ่งตั้งอยู่ในเขต อ.ตาเขมา (Takhmao) จ.กันดาล (Kandal) อยู่ห่างกรุงพนมเปญราว 20 กม. ผู้นำกัมพูชาและครอบครัวพำนักในค่ายทหารแห่งนั้น
       
       "แต่มัน (หัวรบ) ไม่ระเบิด มีเพียงลำจรวดเท่านั้นที่ลุกไหม้และเกิดระเบิด" หนังสือพิมพ์กัมโบดจ์ซวาร์ (Cambodge Soir Hebdo) อ้างคำกล่าวของสมเด็จฯ ฮุนเซน ซึ่งยังกล่าวเป็นนัยด้วยว่า จรวดทั้งหมดกำลังจะขนไปยังชายแดนด้านเขาพระวิหาร


ภาพแฟ้มวันที่ 16 ต.ค.2551 หรือเพียง 1 วันหลังจากการปะทะที่ชายแดนด้านภูมะเขือใกล้ปราสาทพระวิหาร รถจรวด GRAD อีกคันหนึ่งจอดอยู่ที่บ้านสะแรมใกล้ชายแดนด้านนั้น หลังเพิ่งเดินทางไปถึง ในวันนี้จรวดหมู่แบบนี้คงประจำการเต็มแนวชายแดน อย่างที่สมเด็จฯ ฮุนเซนว่า
       


ภาพแฟ้มรอยเตอร์วันที่ 16 ต.ค.2551 หนึ่งวันหลังการปะทะ ทหารกัมพูชาโบกไม้โบกมือทำท่าห้ามถ่ายรูป ขณะที่รถลำเลียงพลแล่นผ่านบ้านสะแรมใกล้ชายแดนด้านพระวิหาร ปีที่แล้วทหารกัมพูชารีบร้อนจนสวมรองเท้าคอมแบ็ตไม่ทัน แต่วันนี้พวกเขาพร้อมยิ่งกว่า..
       


ภาพ BM-21 (GRAD) จากเว็บ ต้นฉบับจากรัสเซีย หน้าตาเหมือนๆ กันต่างกันที่พาหนะสำหรับติดตั้ง สมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าวว่า กองทัพกัมพูชามีจรวดแบบนี้มากมาย ที่ระเบิดไป 29 ลูกเมื่อวันอาทิตย์ คิดเป็นประมาณ 1% เท่านั้น
       จรวดกระเด็นข้ามหลังคาบ้านไปหลายนัด ต้นมะพร้าวเสียหายไปหลายต้น และ มีอยู่หนึ่งต้นที่มีจรวดฝังอยู่ แต่ไม่ระเบิด ไม่เช่นนั้นจะสร้างความเสียหายมากกว่านี้หลายเท่า และอาจจะทำให้บ้านพังทั้งหลัง ผู้นำกัมพูชากล่าว
       
       สมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าวอีกว่า ตอนเกิดเหตุกำลังเล่นหมากรุกอยู่นอกบ้าน หลานร้องไห้ด้วยความตกใจ วิ่งเข้าไปหา ตนจึงได้กอดหลานเอาไว้ หลังจากเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม ทหารองครักษ์จึงได้บอกว่า ห้ามเข้าไปในบ้าน "แต่ผมไม่กลัว เพราะผมเป็นนักรบ"
       
       เสียงระเบิดได้ทำให้ผู้คนในละแวกนั้นแตกตื่นตกใจ และ ในคืนนั้นรัฐบาลได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่งทางวิทยุและโทรทัศน์ของรัฐ แจ้งให้ทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์ และ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขออภัยต่อบรรดาเพื่อนบ้านใกล้เคียงเกี่ยวกับ "ความอลหม่าน" ที่เกิดขึ้น
       
       ผู้นำกัมพูชากล่าวว่า จรวดเหล่านั้นกำลังจะถูกนำไปประจำการที่ชายแดนด้านรพระวิหาร ซึ่ง "มันเป็นเรื่องปกติอย่างยิ่งที่ประเทศหนึ่งที่กำลังมีปัญหาที่ชายแดนกับเพื่อนบ้านแห่งหนึ่งจะต้องเตรียมพร้อมในการป้องกันเขตแดนของตน"
       
       "เรามีจรวดแบบนี้ตั้งแต่นานแล้ว ไม่ใช่ของใหม่" หนังสือพิมพ์รัศมีกัมพูชา (Reasmei Kampuchea) อ้างคำกล่าวของผู้นำ ซึ่งหมายถึงจรวดอเนกประสงค์ที่ใช้ในการโจมตีทำลายทั้งกำลังพลรถลำเลียงพล รถถัง หรือ กระทั่งอากาศยานข้าศึก
       
       ตามรายงานของรัศมีกัมพูชา สมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าวว่า ไม่อยากจะโอ้อวด แต่จรวด BM-21 (GRAD) ขนาด 122 มม. ของรัสเซีย แต่ละลูกราคาตก 3,000 ดอลลาร์ เป็นเพียงจรวดขนาดกลางๆ เท่านั้น
       
       "เรายังมีใหญ่กว่านี้" และ จรวดที่เสียหายไปเนื่องจากอุบัติเหตุครั้งนี้ก็เป็นเพียงประมาณ 1% ของจำนวนที่กองทัพมีอยู่ทั้งหมด นรม.กัมพูชากล่าว
       
       สมเด็จฯ ฮุนเซนยังได้วิจารณ์โทรทัศน์ออนไลน์ "แชนแนลนิวส์เอเชีย" ของสิงคโปร์ที่รายงานว่า มีการหารือเกี่ยวกับปราสาทพระวิหารระหว่างนายสุเทพ กับ พล.อ.ประวิตรไปเยือน ซึ่งไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่าได้มีการหารือเรื่องอื่นๆ อีกมาก เช่นเกี่ยวกับเขตน่านน้ำที่เหลื่อมล้ำกันในอ่าวไทย เอหาทางร่วมกันพัฒนา รวม ทั้ง ปัญหาตามแนวชายแดนสองประเทศ ซึ่งจะต้องลดความตึงเครียดและการเผชิญหน้าลง


ภาพที่พอจะหาได้จากเว็บ แสดงอำนาจการยิงของจรวดหมู่ BM21 GRAD "ห่าลูกเห็บสังหาร" ที่ผลิตในรัสเซีย
       


ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ GRAD พัฒนาขึ้นมาในยุคสงครามเย็น มีการลอกเลียบนแบบ-ออกแบบใช้กันทั่วโลก ปัจจุบันหลายประเทศพัฒนาขึ้นมาเป็นขนาดใหญ่ขึ้นคือ 220 กระทั่ง 300 มม. ให้มีอำนาจการยิงสูงขึ้น การทำลายล้างหนักหน่วงขึ้น และในช่วงหนึ่งมีการกล่าวหากันว่า สหภาพโซเวียตในอดีตได้ใช้ติดหัวรบเคมี

       "ผมไม่ยอมเสียเวลาแม้สักนาทีเดียวที่จะบอกให้ไทยถอนทหารออกจากกัมพูชา เป็นเรื่องจริงผมได้บอกกับพวกเขาจริงๆ ถ้าหากผมลืมประเด็นสำคัญนี้ก็เท่ากับว่าผมลืมประเทศกัมพูชา" รัศมีกัมพูชาอ้างคำกล่าวของผู้นำที่มีอำนาจสูงสุดในประเทศ
       
       สมเด็จฯ ฮุนเซนเปิดเผยในคราวเดียวกันนี้ว่า ได้เตือนนายสุเทพ เมือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีกลาโหมของไทยระหว่างพบหารือที่บ้านพักตาเขมาในวันเสาร์ (ก่อนเหตุการณ์ระเบิด 1 วัน) ให้ระวังเครื่องบินของไทยล้ำแดน ซึ่งอาจจะถูกทหารในท้องถิ่นยิงตก
       
       นอกจากนั้นในคราวเดียวกันยังได้แจ้งให้ฝ่ายไทยทราบว่า ถ้าหากคิดจะบุกยึดครองปราสาทพระวิหาร ก็จะต้องใช้ทหาร 35,000-50,000 นายสู้รบกับทหารกัมพูชาเพียง 10,000 นายแต่เป็นทหารที่กรำศึกมาโชกโชน.

 

จาก : http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9520000075227


 

โดยคุณ Zicmainter เมื่อวันที่ 02/07/2009 22:58:23


ความคิดเห็นที่ 25


http://th.wikipedia.org/wiki/อำเภอเกาะกูด วิกิ พีเดีย

ประวัติ

เกาะกูดเริ่มปรากฏหลักฐานตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อองเชียงสือ เจ้าเมืองญวนที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระองค์ หนีออกจากกรุงเทพมหานครมาลงเรือที่เกาะสีชัง จากนั้นแล่นเรือชักใบในอ่าวไทยมา 7 วันจึงถึงเกาะกูดที่ไม่มีคนอยู่เลย

ชนพื้นถิ่นดั้งเดิมของเกาะกูดส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่อพยพมาจากเมืองปัจจันตคีรีเขตร์ (เกาะกง) ที่ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสเมื่อปี พ.ศ. 2447 มีหมู่บ้านหลองมาดเป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ที่สุด

เดิมเกาะกูดเป็นหมู่บ้านขึ้นกับตำบลเกาะหมาก อำเภอแหลมงอบ ต่อมาได้ยกฐานะขึ้นเป็นตำบลเกาะกูด ในปี พ.ศ. 2523 ตัวเกาะกูดมีระยะทางห่างจากอำเภอคลองใหญ่ประมาณ 40 กิโลเมตร ประชาชนชาวเกาะกูดมีความยากลำบากในการเดินทางไปติดต่อราชการ ประกอบกับเกาะกูดอยู่ใกล้ดินแดนประเทศกัมพูชาด้านเกาะกงมากกว่าฝั่งไทย ทางราชการจึงมีนโยบายเพื่อความมั่นคงและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยได้ยกฐานะเกาะกูดและเกาะข้างเคียงขึ้นเป็น กิ่งอำเภอเกาะกูด ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2533 โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ปีเดียวกัน[1] และต่อมาได้มีพระราชกฤษฎีกาลงวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ยกฐานะขึ้นเป็น อำเภอเกาะกูด โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน ปีเดียวกัน[2]

[แก้]ลักษณะโดยทั่วไป

เกาะกูดเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศไทย มีเนื้อที่ 105 ตารางกิโลเมตรหรือประมาณ 65,625 ไร่ ความยาวของเกาะ 25 กิโลเมตร ความกว้าง 12 กิโลเมตร เกาะยังมีสภาพความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ โดยมีภูเขาและที่ราบสันเขาซึ่งเป็นต้นกำเนิดลำธาร ทำให้เกาะกูดมีน้ำตกที่ขึ้นชื่อคือน้ำตกคลองเจ้า ที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ทางฝั่งตะวันตกของเกาะ นับตั้งแต่อ่าวยายกี๋ หาดคลองเจ้า หาดอ่าวพร้าว อ่าวง่ามโข่ หาดอ่าวเบ้า หาดคลองหิน อ่าวพร้าวจนสุดปลายแหลมเทียน ล้วนแต่เป็นหาดที่มีทรายสวยงามน้ำทะเลใส ประกอบกับธรรมชาติสงบเงียบ ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าวริมหาด นอกจากนี้บนเกาะกูดยังมีป่าชายเลนที่สมบูรณ์และแนวปะการังหลากชนิด รวมทั้งเกาะแรดและเกาะไม้ชี้ซึ่งอยู่ใกล้กับเกาะกูด

อำเภอเกาะกูดประกอบด้วยเกาะใหญ่น้อยรวม 24 เกาะ โดยแบ่งเป็น 3 หมู่เกาะ

  1. หมู่เกาะกูด มี 3 เกาะ ได้แก่ เกาะกูด เกาะแรด และเกาะไม้ชี้
  2. หมู่เกาะหมาก มี 9 เกาะ ได้แก่ เกาะหมาก เกาะยะรั้งใน เกาะยะรั้งนอก เกาะผี เกาะขาม เกาะกระดาด เกาะนก เกาะนอก และเกาะใน
  3. หมู่เกาะรัง มี 12 เกาะ ได้แก่ เกาะรังใหญ่ เกาะรังเล็ก เกาะตุ๊น เกาะกระ เกาะเทียน เกาะทองหลาง เกาะมะปริง เกาะยักษ์ เกาะกำปั่น เกาะใหญ่ เกาะกลาง และเกาะเล็ก

ปัจจุบันชาวเกาะกูดยังดำรงชีพด้วยการประมงชายฝั่ง เกษตรกรรม ทั้งสวนยางพารา สวนมะพร้าว แซมสวนผลไม้อีกเล็กน้อย

[แก้]การปกครองส่วนภูมิภาค

การปกครองของอำเภอเกาะกูดมี 2 ตำบล 8 หมู่บ้าน ได้แก่

1.เกาะหมาก(Ko Mak)มี 2 หมู่บ้าน
2.เกาะกูด(Ko Kut)มี 6 หมู่บ้าน

[แก้]การปกครองส่วนท้องถิ่น

ท้องที่อำเภอเกาะกูดประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2 แห่ง ได้แก่

  • องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะหมาก ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเกาะหมากทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะกูด ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเกาะกูดทั้งตำบล

[แก้]

โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 02/07/2009 23:26:26


ความคิดเห็นที่ 26


เรียนคุณ wap

คณะธรรมยาตรา ไม่เคยบุกไปถึง ตัวปราสาท พระวิหาร อย่างที่คุณว่า

จุดที่ทหารกัมพูชาจับกุมตัว ก็คือบนสะพานข้ามลำห้วยตานี ติดตลาดชุมชน กัมพูชา ห่างพื้นที่ทับซ้อน 20 เมตร เขตแดนดังกล่าวถ้าถือตามแผนที่ประเทศไทย อยู่บนผืนแผ่นดินไทยหรือไม่ ????????????? การที่ทหารกัมพูชาเข้ามาจับกุมตัวคณะธรรมยาตรา ถือเป็นการล่วงละเมิดอธิปไตยหรือไม่ ???????????????????

แม้แต่วัดแก้วสิขาคีรีสะวารา ทางการไทย ถือชัดเจนว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตแดนประเทศไทย

http://www.mfa.go.th/web/200.php?id=21185

กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการประท้วงรัฐบาลกัมพูชาผ่านบันทึกช่วยจำลงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2551 ถึงกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชาต่อกรณีพิธีทอดกฐินที่ดำเนินการโดยทางการกัมพูชา เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2008 ที่ “วัดแก้วสิขาคีรีสะวารา” ซึ่งมาตั้งอยู่ในดินแดนไทย และฝ่ายไทยเห็นว่าการตั้งอยู่ของวัดและการดำเนินพิธีดังกล่าวเป็นการละเมิดละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย คำแปลอย่างไม่เป็นทางการของบันทึกช่วยจำดังกล่าวมีดังนี้

“บันทึกช่วยจำ


 

            กระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทย ขอถือเป็นเกียรติที่จะนำความสนใจของกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ไปสู่กรณีพิธีทอดกฐินที่ดำเนินการโดยทางการกัมพูชา เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2551 ที่ “วัดแก้วสิขาคีรีสะวารา” ซึ่งมาตั้งอยู่ในดินแดนไทย ทางการไทยในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษได้รายงานว่า มีคนชาติกัมพูชาประมาณ 500 คน กำลังพลทหารกัมพูชา 100 นาย ภิกษุชาวกัมพูชา 30 รูป สามเณรชาวกัมพูชา 37 รูป และยานพาหนะจากกัมพูชา 70 คัน ได้รุกล้ำเข้ามาในดินแดนไทยเพื่อมาร่วมงานพิธีดังกล่าว โดยไม่ได้ขออนุญาตจากทางการไทย
            การที่ “วัดแก้วสิขาคีรีสะวารา” ได้มาตั้งอยู่อย่างผิดกฎหมายในดินแดนของไทย รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ ที่กล่าวถึงนั้น เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทยอย่างอุกอาจและโดยเจตนา ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศจึงขอถือเป็นเกียรติที่จะแจ้งให้ปรากฏเป็นหลักฐานไว้ว่า ฝ่ายไทยขอประท้วงต่อการตั้งอยู่ของวัดและการจัดกิจกรรมดังกล่าวอย่างรุนแรงที่สุด
            กระทรวงการต่างประเทศขอถือเป็นเกียรติที่จะยืนยันถึงความยึดมั่นของประเทศไทยในการทำงานอย่างสร้างสรรค์และใกล้ชิดกับกัมพูชา ภายใต้กรอบคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ที่มีอยู่ เพื่อมุ่งที่จะแก้ไขประเด็นเขตแดนโดยสันติวิธี เป็นธรรม และฉันมิตร โดยสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ 
                         
     กระทรวงการต่างประเทศ
     กรุงเทพฯ
    13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 (ค.ศ. 2008)” 


 

โดยคุณ ลุงหมี เมื่อวันที่ 03/07/2009 12:35:08


ความคิดเห็นที่ 27


ฝ่ายไทยส่งหนังสือไปให้นะ พวกเขมรมันอ่านมั่งมั๊ย
สงสัยว่าพอรู้ว่าเป็นหนังสือประท้วง มันก็โยนลงถังขยะซะ
แต่ถ้าเป็นหนังสือให้เงิน ไม่มีการใช้คืนมันคงรีบอ่าน
โดยคุณ e21cye เมื่อวันที่ 03/07/2009 14:44:11


ความคิดเห็นที่ 28


ช่วยเสริม เรือตรวจการณ์กัมพูชา แถวเกาะกง


โดยคุณ Darksquadron เมื่อวันที่ 04/07/2009 03:00:29


ความคิดเห็นที่ 29


เขมรเขาไม่กล้ารบกับเราหรอก เขาก็พูดปากดีไปงั้น ๆ แหละ เขาก็รู้ว่าสู้กันใครจะเสียหายหนัก ถ้ารบกันจริง ๆ เขมรเขาก็ดึงต่างประเทศให้มาช่วย พวก UN หรืออะไรพวกเนี้ย เข้ามาช่วยจะบอกประมาณว่าประเทศไทยแกล้งประเทศที่เล็กกว่า แล้วอย่างโน้นอย่างนี้

ถ้าประเทศไทยเป็นงานหน่อย ก็เอาอย่างที่พี่รัสเซียเขาทำนะ ปีที่แล้วมั้งที่รบกับ ซีเรีย(มั้ง) ผมจำไม่ได้ รบกันทีมีใครหน้าไหนกล้าเข้ามายุ้งมั้ง ขนาด สหรัฐบอกจะเลือกข้าง ซีเรีย(มั้ง) สุดท้าย สหรัฐ ก็ไม่ได้ทำอะไร จนแล้วจนรอด รัสเซียก็ยึดพื้นที่ได้ แล้วค่อยคุยกัน

 

การเมืองไทยเราอ่อนต้องเข้าใจ

โดยคุณ ทอแสง เมื่อวันที่ 04/07/2009 12:35:49


ความคิดเห็นที่ 30


^
^
^
จอร์เจีย จ้า

ขานั้นเขาพาวเวอร์เยอะครับ ทั้งเรื่องการทหารและการเมือง
ยุโรปก็ไม่กล้าอะไรมาก กลัวพี่เขาตัดแก๊สตัดน้ำมันจะซวยกันทั้งแถบ อิอิ
มีแต่เมกาออกมาเย้วๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เกรงใจอยู่เหมือนกัน
โดยคุณ Zepia เมื่อวันที่ 04/07/2009 13:50:11


ความคิดเห็นที่ 31


เรื่องจริงที่ข่าวไม่ออก คือพี่เทพ เขาไปโดน พี่ฮุนเขายำกลับมา

ในประชาไทยเวปส์บอร์ดเขาช่วยกันลง แต่ไม่มีในหนังสือพิมพ์

พึ่งรู้ว่า ข่าวในเวปส์ดีกว่าข่าวในทีวีเสียอีก

ข่าวในทีวี บอกว่า กลับมา ดีเจ๋ง เขาเข้าใจแล้ว

อีกหลายเรื่อง และล่าสุดมีการประกาศตามหาตัว รมต.

ท่านหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องชายแดน ว่าถ้าไม่ทำงานต้องตัดเงินเดือนเด้อครับเด้อ

ขำๆนะครับ

โดยคุณ tik เมื่อวันที่ 05/07/2009 04:05:22


ความคิดเห็นที่ 32


....ผมก้อติดตามเรื่องชายแดนมาพอสมควร ก้อขอออกความเห็นเป็นการส่วนตัวนะคับ ไม่ใช่ข้อมูลอ้างอิงจากที่ไหน ก้ออย่ามาด่าว่าผมมั่วแล้วกัน ในเรื่องข่าวสารทางการทหารนี่ บางเรื่องก้อเป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมาย และเป็นคนละเรื่องกับข้อมูลยืนยันก้อมีอยู่มากมาย....

....ทอ.ไทย จริง ๆ แล้วมี เอฟ.18 รึเปล่า? จริง ๆ แล้วมีรึเปล่า? นาทีนี้ลมหายใจนี้ แม่ทัพอากาศก้อยืนยันไม่ได้คับ ผมเป็นคนที่ชอบเล่นเอิร์ธคนหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อนยังเคยส่อง บน.1นครราชสีมา อั๋ยหยา เอฟ.15 จอดเต็มลาน พร้อมด้วยเอแวคส์เบอร์เล็กอีกสามลำ แล้วหมายความว่า ทอ.ไทยมีเอฟ.15 พร้อมเอแวคส์ด้วยหรือ? ก้อเปล่าคับ ทั้งหมดอาจเป็นของสหรัฐ ที่แวะพัก หรือเตรียมพร้อมในการฝึกอะไรสักอย่างก้อได้...

....ไทยอาจจะไม่มีอะไรเลยก้อได้ แต่ถึงเวลาต้องรบจริง กองทัพอาจจะฟูลออพชั่นชนิดที่เราคาดไม่ถึงเลยก้อได้ แม้กระทั่ง เอฟ.117 เอ....

....หน้าฉาก อเมริกาตัดงบทางทหารเรา อ๊อฟแย็กการซื้ออาวุธ งดฝึกคอบบร้าโกลด์ ฯลฯ สาระพัด แต่ถ้าคลังอาวุธที่โคราชไม่ระเบิด เราก้อยังไม่รู้ว่าเรามีคลังอาวุธสำรองร่วมกับสหรัฐมานานแล้ว....

....ถ้าเครื่องบินรบสหรัฐไม่ร่อนลงอู่ตะเภา เราก้อยังคงคิดว่า สหรัฐถอนฐานทัพออกจากประเทศไทยไปนานแล้ว....

....การข่าวทหาร ที่เราคิดว่ารู้แล้ว เป็นกูรูแล้ว นั่นเป็นเพียงที่เขาต้องการให้เรารู้คับ ส่วนที่เขาไม่ต้องการให้ใครรู้ ยากคับที่จะรู้ ถึงรู้ก้อพูดไม่ได้....

....ดังนั้น การที่เขมรออกมาขู่เหย็ง ๆ ผมก้อหัวเราะ และนั่งมองเหมนด้วยความเอ็นดู เหมนยุคฮุนเซ็น เป็นเหมนที่หมดความโหดเหี้ยม และบ้าน้ำลาย ขี้คุย ต่างจากเหมนยุคเหมนสามฝ่ายเมื่อปี 17....

....เหมนยุคนั้น เหี้ยมจริง โหดจริง บ้าจริง อาวุธใหม่จริง ร้ายแรงจริง จนบางอย่างกองทัพไทยทำได้แค่เสมอ ๆ เท่านั้น....

....อาวุธใหม่ของเหมนส่วนใหญ่เป็นอาวุธจากจีน จรวดแซมใหม่ก้อประมาณอิกล่าร์ หรือแซม 5 เท่านั้น สมัยสงครามร่มเกล้า ลองไปดูกะทู้ปักหมุดของท่านท้าวทองไหลดูดิคับ แซม 7 ของน้องลาวซัดขึ้นมาเป็นห่าบั้งไฟ ยังทำร้ายเอฟ.5แค่ตูดถลอก....

....หรือท่านที่สนใจติดตามเรื่องอาวุธต่อสู้อากาศยาน ลองหาสถิติดูดิคับว่า สถิติที่เครื่องบินขับไล่โจมตีไอพ่นเร็วเหนือเสียง ถูกยิงด้วยอาวุธนำวิถีประเภทจรวดพื้นสู่อากาศร่วงโหม่งดินไปกี่ลำ?....

....ในการรบจริงนั้น บข.ไอพ่นยากมากที่จะถูกสอยร่วงด้วยอาวุธจากภาคพื้นดิน ยกเว้นว่าเผลอ หรือถูกซุ่มโจมตีโดยไม่รู้ตัวมาก่อน....

....ในสงครามเวียดนาม เป็นสงครามที่สหรัฐสูญเสียเครื่องบินรบมากที่สุด อันดับแรกคือ ฮ. ซึ่งส่วนใหญ่โดนซุ่มโจมตีขณะร่อนลง ด้วยอาวุธอาร์พีจี.ธรรมดา ๆ นี่แหล่ะ จากนั้นก้อจะเป็นพวกเครื่องบินตรวจการณ์ เครื่องบินทิ้งระเบิด ที่ส่วนใหญ่โดนสอยร่วงด้วย ปตอ.37 มม.เก่า ๆ ไม่นำวิถีนี่แหล่ะคับ ร่วงดีแท้ ๆ จะปล่อยแฟร์ ปล่อยชาร์พ เปิดอีซีเอ็ม.ยังไงก้อร่วง ถ้าหลบลูกปืนไม่พ้น....

....เรื่องที่ เอฟ.4 โดนสอยด้วยแซม 2 ระเบิดกลางอากาศเป็นว่าเล่น ไม่เคยปรากฎในปูมสงครามเวียดนามคับ....

....ถ้าเหมนอยากลองจรวดใหม่กับเอฟ.-16 ก้อน่าให้ลองดู แต่งานนี้ฮุนเซ็นน่าจะเสด็จมาลองเอง จะได้รู้ว่าอิกล่าร์ กับระเบิด 250 ปอนด์แบบเฟพเวย์อันไหนมันจะแน่กว่ากัน....

....ถามทหารเหมนแล้วสั่นหน้า รู้ว่าจรวดมันใหม่ แต่ถ้าจะให้ลอง ต้องขอไปปลุกอ้ายงั่งซัก 30 รอบ กินยาบ้าอีก 30 เม็ด ยังไม่แน่ใจว่าจะกล้าลอง...

....สุดท้ายก้อต้องฮุนเซ็นนั่นแหล่ะต้องมาลองเอง ได้ผลแล้ว ทหารเหมนถึงจะกล้าสอย 555....

....ลำพังมิก 21 สี่เครื่อง คนรักเครื่องบินเค้าก้อรู้กันว่า บข.ตระกูลมิก ไม่มีวันบินถึงกรุงเทพฯ เพราะซดน้ำมันหยั่งกับเทอ่าว และหากรบกันจริง แค่เอฟ.5 อี ก้อเอาอยู่ โดยเฉพาะตัวอัพเกรดยิงไพธ่อน 3 ได้ มิก 21 ตัวพื้นของเหมนเป็นรองพะเรอเกวียน....

....ด้านทะเล หากกองเรือจักรีนฤเบศร์ปิดปากอ่าวสีหนุวิลล์เมื่อไร เหมนเป็นชักดิ้นชักงอแหกปากร้องอย่างเดียว ขนาดรถถังสนิมแดกขนาดนั้น เรือรบเหมนจะมีเรืออะไรมาแหกวงล้อม....

....นักเลงจริงเค้าไม่อวดปืนชาวบ้านดอกคับ แต่ชักแล้วยิงเลย ฮุนเซ็นบังเอิญแกไม่ใช่นักเลงเสียด้วย ก้อเลยคุยมากไปหน่อย ไม่น่าเกลียดดอกคับ ก้อบอกแล้วว่าฮุนเซ็นไม่ใช่นักเลง...

 

โดยคุณ X-1 เมื่อวันที่ 05/07/2009 05:41:47


ความคิดเห็นที่ 33


...แถมอีกนิด อ้ายเรื่องว่า 1 ต่อ 5 น่ะ น่าจะหมายว่าเล่นไล่จับคับ เพราะเหมนวิ่งเร็วมาก ต้องเอาลูกปืนกวดเป็นประจำ เรื่องจะวิ่งไล่กวดเอาพานท้าย เอ็ม.16 ตีกะบาล จับมัดมือเป็นเชลยน่ะยาก โดยเฉพาะเหมนที่ชำนาญพื้นที่ และเชี่ยวชาญการรบจะมีความสามารถในการวิ่งเป็นพิเศษ ทหารไทย 5 คนยังไม่แน่คับ ว่าจะไล่กวดจับเหมนคนเดียวได้ทันรึเปล่าเท่านั้นแหล่ะ....
โดยคุณ X-1 เมื่อวันที่ 05/07/2009 05:56:02


ความคิดเห็นที่ 34


5555555555555555 ชอบคุณ x-1
โดยคุณ kot เมื่อวันที่ 05/07/2009 10:20:52


ความคิดเห็นที่ 35


ไม่ใช่ข้อมูลอ้างอิงจากที่ไหน ก้ออย่ามาด่าว่าผมมั่วแล้วกัน>>>> รู้ตัวเหมือนกันหรือครับ �ผมยังรอคำตอบอยู่นะครับ เรื่อง data link ของ Jas-39 ของไทยว่ามีหรือไม่มี �เพราะเห็นรู้ไปทุกเรื่องครับ

อยากให้ตอบมากครับ เพราะไม่อย่างนั้นความน่าเชื่อที่จะไม่ค่อยมีอยู่แล้วของคุณจะไม่เหลืออยู่ครับ �จะหาว่าผมตามจิก ผมก็ยอมครับ

โดยคุณ ขำขำวุ้ย เมื่อวันที่ 05/07/2009 11:45:51


ความคิดเห็นที่ 36


ผม Copy บางส่วนที่ผมไปแสดงความคิดเห็นในเว็ป TAF มานะครับ

"ที่นี้ผมมองอย่างนี้เหตุที่ฮุนเซ็นพูดออกมาแบบนี้ ขอนิดนึงครับ ฟังหูไว้หู (ไม่อยากโทษสื่อ) แต่บางครั้งสำนานที่ใช้ในการพาดหัวมันใส่ไข่มากเกินไป ทำให้ประเด็นข่าวน่าสนใจขึ้นและการแปลจากสำนักข่าว ตปท. อาจมีการคลาดเคลื่อนไปบ้าง

พอบางประโยคคนไทยได้ยินแล้วอาจจึ๊ด ขึ้นมา บางครั้งถ้าดูรายการเล่าข่าว ยิ่งพิธีกรใส่อารมณ์,ความเห็นส่วนตัวเข้าไปอีก ยิ่งขึ้น :mrgreen:

แต่การถ่ายทอดความรู้สึกมาเป็นตัวอักษรนี่ ถ้าเราไม่อยู่ในเหตุการณ์ บางครั้งมันคนละเรื่องเลยครับ พยายามกรองและและคิดไปด้วยครับ

เรื่อง เชื้อชาติความขัดแย้งมันแก้ยากครับ เพราะถูกปลูกฝังมานาน แต่ถ้ามันเกิดอะไรขึ้น การสูญเสียย่อมตามมาครับ ถ้าไม่ใช่ญาติ พี่น้อง เรา เราคงไม่รู้สึกเท่าไหร่ อยากมากก็แสดงความเสียใจผ่านสื่้อต่างๆ อาจจะเจ็บแค้นบ้าง แต่ถ้าเป็นญาติพี่น้อง ของเราที่เป็นผู้สูญเสียละครับ
เรา จะคิดยังไงครับ การเป็นนักรบหน้าคอมนะมันเป็นง่ายครับไม่มีการเสียชีวิต แสดงความรู้สึกออกมาให้สะใจสนองอารมณ์ตัวเอง แต่สิ่งที่มันตามมาบางครั้ง มีผลกระทบหลายๆอย่าง และทำให้คนที่อ่านหลายๆคนเข้าใจถึงวุฒิภาวะของตัวคนที่เขียนข้อความนั้นๆออก มา
ได้ว่าเจ้าตัวเป็นเป็นคนอย่างไร

ที่ีนี้กลับมาในเรื่องของ ฮุนเซ็นเอง ตอนนี้ทุกอย่างที่เขาพูดออกมา คนเขมรค่อนข้างจะเชื่อครับ(เหมือนไทย ในสมัย เชื่อผู้นำชาติจะพ้นภัย) พูดออกมาให้ประชาชนสะใจ แสดงถึงอำนาจของตัวเอง กล้าที่จะต่อกรกับประเทศที่ใหญ่กว่า แค่นี้ก็เป็นขวัญใจของคนเกือบทั้งประเทศแล้วครับ ถ้าสมุติเกิดการปะทะกันขึ้น(พวกนักรบหน้าคอมทั้งหลายคงสะใจ) ไม่ว่าจะเต็มรูปแบบหรือเป็นปะทะย่อย

ส่วนตัวผมคิดว่าไม่เกิน 3 วัน ก็จะมีการเจรจากันเกิดขึ้น ไม่พูดถึงในมุมมองของนานาชาตินะครับ พูดแค่มุมมอง ของ 2ชาตินี้เท่านั้น ผมเชื่อว่าทางฝ่ายนั้ันคงสูญเสียคนเยอะกว่าไทย แต่คะแนนและบารมีของฮุนเซ็นต่อประชาชนชาวเขมรเพิ่มขึ้นแน่ครับ เพราะแสดงให้เห็นถึงความกล้าที่จะต่อกรกับไทย ส่วนไทยเสมอตัวครับ คิดง่ายๆนะครับสมมุติว่าฝ่ายนั้น สูญเสีย 100 คน เราสูญเสีย 20-30 คน แต่เกิดจับพลัดจับพลู เครื่องบินรบไทย ตก 1ลำ แค่นี้ทางนั้นก็เฮแล้วครับเรื่องเขตแดนก็จะเป็นปัญหาอีกต่อไป

สิ่ง ที่ทำได้ในตอนนี้คือ บทบาทในเวทีระหว่างประเทศของไทยครับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ต้องพูด และอย่าไปยึดถือกับคำพูดของฮุนเซ็นให้มากนัก เรายึดหลักเจรจาไว้ก่อนทางทหารไว้กดดันและเป็นส่วนประกอบเท่านั้นครับ มีปัญหาอะไรขึ้นมา ถ้าเรามีหลักฐานที่แสดงให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เริ่มจากฝ่ายเขมรก่อนเราจะได้เปรียบในสายตานานชาติยิ่งขึ้น

และทาง ฮุนเซ็นเองก็ไม่กล้าที่จะคิดเปิดศึกกับไทยเต็มตัวครับ อย่าลืมเรื่องการค้า ถ้าปิดพรมแดนใครเดือนร้อนกว่า สำคัญที่คาสิโนต้องปิดไปด้วย สูญเสียรายได้อีกเท่าไหร่

ที่แกเป็นแบบนี้ก็เพื่อความสนับสนุนจากคน เขมรแหละครับ อำนาจมันหอมหวานยิ่งนัก ยิ่งอยู่นานยิ่งดี คนๆนี้ลงจากหลังเสือลำบากครับ ผมคิดว่าแกคงตายคาเก้าอี้นายกเขมรละครับ ยิ่งได้รับการสนับสนุนเท่าไหร่ แกก็จะอยู่ได้นานเท่านั้นครับ"



อยากให้ช่วยกันคิดและวิเคาระห์ข้อมูลข่าวสารหลายๆทางมาสรุปครับและอย่าเอาความสะใจเป็นที่ตั้ง  ฟังหูไว้หู  ความคิดเห็นของผมอาจจะไม่ถูกก็ได้ครับ 
โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 05/07/2009 11:45:59


ความคิดเห็นที่ 37


ความคิดผมนะครับ ตราบใดที่เขมรยังต้องพึ่งพารายได้จาก คาสิโน  สินค้าจากฝั่งไทย  เขาคงไม่กล้าที่จะรบกะเราเต็มตัวหรอกครับ เพราะรบกันขึ้นมาเราปิดชายแดน คนที่ตายคือประชาชนชาวเขมรครับ ถึงตอนนั้นฮุนเซนเองคงจะต้องคิดเหมือนกันครับ เพราะถ้าไทยปิดชายแดน ประชาชนเค้าลำบากครับ  เอาไม่ต้องมากครับ  แค่จุดผ่อนปรนบ้านสาตระกู แค่เล็กๆนะครับ  ยังมีผลพอ สมควรถ้าปิด  ไม่ต้องพูดถึงโรงเกลือ  ช่องจอม   หรือปิดทางทะเล
โดยคุณ scuba เมื่อวันที่ 05/07/2009 21:07:26


ความคิดเห็นที่ 38


ผมชอบคุณ X-1 จังอ่านแล้วมี กำลังใจขึ้นเยอะ

โดยคุณ O.B. เมื่อวันที่ 06/07/2009 00:57:35


ความคิดเห็นที่ 39


ตราบใดที่เรายังรบกันเองอยู่ ไม่เห็นความมั่นคงของประเทศเป็นหลัก

ยังมองเห็นยุทโธปกรณ์ทางทหารไม่มีความจำเป็น (ซึ่งพูดกันจังว่าตอนนี้ไม่มีสงคราม ไม่มีใครเขารบกันแล้ว)

ก็ไม่มีใครเขาจะมาเกรงกลัวเราหรอกครับ
โดยคุณ Virgin211 เมื่อวันที่ 08/08/2009 23:46:33