เนื่องจากช่วงนี้ผมสังเกตุว่าบอร์ดเรา ซึม เศร้า เหงา แฮงค์ ยังไงๆ พิกลอย่างที่ไม่เป็นมาก่อน เหอะๆๆๆๆ ก็เลยหาอะไรสนุกๆมาให้เล่นกันซักหน่อย วันนี้เป็นวันดี วันนี้เป็นวันว่าง ไม่มีโปรแกรมจะทำอะไรซักอย่าง เอ้ย ไม่ใช้ดาจิม อิอิอิอิอิอิ
วันนี้เรามีนักมวยมาให้เปรียบหลายคู่ ใครจะอยู่ใครจะไป ใครจะแทง เอ้ย ใครจะเป็นเจ้ามือ เอ้ยใครจะมีชัยเหนือคู่แข่งในความคิดของพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักเชิญเข้ามา
คู่แรก F16 A/B 2 เครื่องกับ F16 C/D เวอร์ชั่นพี่โปร์ ของเรา 1เครื่อง คู่นี้ใครจะอยู่ใครจะไป เหตุผล
คู่ที่สอง F16 ADF 2 เครื่อง กับ SU30 MKM 1 เครื่อง (รุมอีกแล้ว)ใครจะอยู่ใครจะไป (โหลดอาวุธทุกอย่างที่มีทั้งสองฝ่าย)
คู่ที่3 F16 ADF 1 ครื่อง กับ MIG 29 ของหม่อง (โหลดอาวุธทุกอย่างที่มีทั้งสองฝ่าย) ใครจะอยู่ใครจะไป
คู่ที่4. F16 A/B 3 เครื่อง กับ F15 SG1เครื่อง ใครจะอยู่ใครจะไป (โหลดอาวุธทุกอย่างที่มีทั้งสองฝ่าย) และถ้าเป็นF16 ADF 2 เครื่องใครจะอยู่ใครจะไป
คู่ที่5 F5 T 2 เครื่องกับ F18 1เครื่อง ใครจะอยู่ใครจะไป (โหลดอาวูธทุกอย่างที่มีทั้งสองฝ่าย)
คู่ที่6. Jas 39 4 เครื่อง + อีรี่อาย กับ Su30 2 เครื่อง(โหลดอาวุธทุกอย่างที่มีทั้งสองฝ่าย)ใครจะอยู่ใครจะไป
คู่ที่7 Jas 39 12 เครื่อง+อีรี่อาย+ F16 ADF 10เครื่อง กับ SU30 MKM 18 เครื่อง (โหลดอาวุธทุกอย่างที่มีทั้งสองฝ่าย)(ไทยไม่มีเมทิเออร์)ใครจะอยู่ใครจะไป
คู่ที่8.ALPHAJET ติดระเบิดนำวิถีที่ไทยพัฒนา 4 เครื่อง กับ S300 1 ระบบ ใครจะอยู่ใครจะไป(วิเคราห์หน่อยนะครับ)
คู่ที่9 L39 กับ IGLA และอาวุธประทับบ่ายิงระยะไกล้ ใครจะอยู่ใครจะไป.
คู่สุดท้าย และท้ายสุด Jas 39 4 เครื่อง ติด RBS 15 กับ เรือฟริเกตุชั้น ลิเครียว หรือเปล่า 1ลำ แต่มี F18 คุ้มกัน2 เครื่องใครจะอยู่ใครจะไป
เอ้าเร่เข้ามาพี่น้องทั้งหลายทั้งลูกเด็กเล็กแดง เอ้าก้าวเข้ามาก้าวเข้ามา สองมือล้วงกระเป๋าสองเท้าก้าวเข้ามาเร็ว เชิญวิเคราะห์เปรียบมวยในแต่ละคู่ ให้มันหยดติ๋งๆไปเลย โดยใช้ข้อมูลในปัจจุบันเท่านั้นยังไม่รวมอนาคต ว่าใครจะอยู่ใครจะไป
ป.ล.กระทู้นี้เพื่อความสนุกนะครับ เพื่อการเปรียบเทียบกันเฉยๆ เพื่อความบันเทิงในบ้านเท่านั้น คริ คริ คริ คริ
S300 หน้าตายังไง แบบนี้
คู่แรก ABแพ้ครับ ถ้าไม่มี ECM CD lock ได้หลายเครื่อง
สอง ADF ตาย 1 SU ตาย 1
สาม ADF sure
ที่เหลือวันหลังมาตอบใหม่
คือก่อนอื่น อยากจะบอกกะเพื่อนๆว่า ในยุคที่เทคโนโลยี่เรดาร์พัฒนาไปมาก การรบทางอากาศสามารถทำได้ไกลเกินกว่าสายตามองเห็น ........................... การสัปยุทธกันระหว่าเครื่องบิน จึงเป็นไปได้สองแบบ แบบแรกคือแบบคลาสสิค เป็นการรบในระยะสายตา รูปแบบการรบคือการพยายามบินตามท้ายข้าศึกและสังหารด้วยอาวุธยิง ..............................ภายหลังมีการพัฒนาจรวดตามความร้อนที่มีประสิทธิภาพมาก สามารถขยายมุมยิงได้กว้างกว่า จึงไม่จำเป็นต้องจ่อจี้ ขอเห็นก้นแพลมๆเป็นซัดตูมได้.................... จนที่สุดวิวัฒนาการทำได้ถึงขนาดยิงแสกหน้า ซึ่งตรงนี้ทำให้ความคลาสสิคหายไป เครื่องบินไม่จำเป็นต้องบินสวนและตีวงเลี้ยวแข่งกันเหมือนที่เคยทำ เห็นหน้าโผล่เป็นยิงผ่ากระหมอมไปเลย...................................
แบบที่สองคือการรบเกินสายตา ในยุคแรกๆของการรบทางอากาศแบบนี้ มิได้หวังผลต่อความเสียหายของข้าศึก เป็นเพียงการยิงขู่เพื่อให้ข้าศึกเสียรูปกระบวนการบิน.....................อาวุธที่ใช้ในช่วงนั้นได้แก่ บีวีอาร์ เซมิแอคถีฟ เช่น สแปรโร่ว์ สกายแฝรช อาลาโม่ เป็นต้น ................................ เป็นที่ทราบว่า การบินรบทางอากาศ ส่วนใหญ่จะจัดเป็นหมู่บิน อย่างน้อยที่สุดเป็นหมู่สอง เพื่อระวังป้องกันให้แก่กัน................................ เมื่อหมู่บินสองฝ่ายบินเข้าหากัน ในเฟสแรก ฝ่ายใดที่มีอาวุธลูกยาวก็จะปล่อยออกไปก่อน แต่อัตราสังหารอยู่ในเกณฑ์ต่ำมาก ไอ้เรื่องจะให้จรวดชนแสกหน้าข้าศึกลุกระเบิดตูมกลางฟ้าเป็นได้ยาก หากแต่อีกฝ่ายเมื่อมีลูกจรวดวิ่งเข้าหา ก็มีอันแตกกระเจิง กระจัดกระจายคนละทิศ กว่าจะจัดกระบวนทัพรวมอำนาจการยิงเข้ากันได้ใหม่ อีกฝ่ายก็เข้าถึงตัว แถมช่วงชิงเอาช่วงนาทีทองสร้างความได้เปรียบ จัดรวมอำนาจกระบวนรบ ใช้ลูกสั้นยิงแสกหน้า ตามด้วยม้วนตัวตลบหลัง ซัดเข้าบั้นท้าย ตูมตาม................... เหมือนกรณี หมู่บิน เอฟ-15 ซี ของไอ้กัน ซดกับหมู่บิน มิก-29 ของอิรัค ในสงครามอ่าวครั้งแรก.................................
วันเวลาผ่าไป (อีกแล้ว) วิวัฒนาการ บีวีอาร์ ไปไกลสุดกู่ ค่าความเชื่อถือได้ในการสังหารมีสูงมากๆ ความเป็นไม้ประดับในสารบาญอาวุธรบถูกลบหายไป เกิดกลายเป็นอาวุธหลักชนิดใหม่ ที่พลิกโฉมรูปแบบการรบบนฟากฟ้า................................. แอดเด้อร์ อำราม ไมค่า กลายเป็นหมัดเด็ดการรบบนฟ้า เริ่มจาก หมู่บินรบบินเข้าหาและจดจ้องกันอยู่ที่ระยะไกล จนที่สุดเมื่อเป้าหมายอยู่ในพิสัยยิงของผู้ใดก่อน ผู้นั้นจะเป็นผู้ปล่อยอาวุธ ................................. การรบยุคนี้กลายเป็นว่า การรบที่ระยะพิสัยไกลเป็นหลัก หากแต่ข้าศึกลำใดรอดพ้นจากคมสะเก็ดระเบิดเข้ามาได้ การสัปยุทธระยะประชิดจึงจะเกิดขึ้น.........................
ด้วยดังนี้การรบยุคต่อไป เครื่องบินลำใดที่มี เรดาร์กำลังแรง สามารถติดตามได้หลายเป้าหมายตั้งแต่หลายสิบหลายร้อยกิโลเมตร มีอาวุธยิงได้ไกลมากๆ มีหน้าตัดเรดาร์ต่ำๆ จะกลายเป็นเครื่องบินที่มีสมรรถนะการรบทางอากาศสูงที่สุด (คอนเสปท เอฟ-22 เด๊ะ)
เพื่อนๆครับ....................ด้วยเทคโนโลยี่ที่พัฒนาไปไกลขนาดนี้ เชื่อว่าอีกไม่นาน ในบรรดา นักบินสามประเภท คือ ขับไล่ ลำเลียง และ คอบเตอร์ แบบสุดท้ายคือคอปเตอร์ จะกลายเป็นนักบินที่มีไอคิวมากที่สุด............................. ส่วนเรื่องความสามารถทำแอโรบาติค นักบินขับไล่จะแพ้ คนขับโมตะไซไต่ถังงานวัด...................................
คงจะเหมือนเมื่อโบราณกาลครับท่านกบ...บางคราวการรบจักเป็นไปเพื่อความเกษมสำราญของจอมทัพที่ใคร่ยลศิลปะของการประชันกันด้วยอาวุธหอก ดาบ แหลน หลาว อันมีชีวิตเป็นเดิมพัน ของเหล่านักรบผู้กล้า.........หลังจากมีการนำเอาปืนไฟ ปืนคาบศิลา นกสับ ทั้งหลายมาใช้ อันสามารถเข่นฆ่าตัดตอนกำลังกันในระยะไกล ก่อนจะตามมาด้วยการตะลุมบอน ทำให้เสน่ห์และรูปแบบของการรบเปลี่ยนไป จากนั้น...การพันตูระยะประชิดก็ได้จากลาไปพร้อมกับการทยอยปิดตัวของสำนักดาบดังๆ จนแทบไม่เหลือหลอ เช่นนั้นแล
กลับมาวิเคราะห์
คู่แรก นอกสายตา F-16 A/B ร่วงก่อน C/D ถ้าระยะใกล้ ความคล่องแคล่วพอกัน แต่ C/D ถูกรุมให้ A/B
คู่สอง ระยะนอกสายตา F-16ADF ร่วงเพราะระบบตรวจจับ SU-30MKM เหนือกว่ามาก ระยะใกล้ 50:50 เหตุผล ความคล่องแคล่วมีกันทั้งคู่ ระบบอาวุธการเล็งยิงผ่านหมวกของ SU-30MKM ทำให้ยิงได้ก่อน แต่ SU-30MKM ก็มีสิทธิ์ถูกยิงด้วย F-16ADF อีกเครื่องได้
คู่สาม F-16ADF เหนือกว่ามาก ให้ F-16ADF มีชัย
คู่สี่ ระยะนอกสายตาให้เหมือนคู่สอง ระยะใกล้ให้ F-16 เพราะคล่องแคล่วเหนือกว่าและมีรุม
คู่ห้า ให้ F-18 ยิงโดนตั้งแต่ระยะไกล เรดาร์ระบบตรวจจับ F-5T สู้ F-18 ไม่ได้ แต่ถ้าระยะใกล้ F-5T ก็มีสิทธิ์
คู่หก ยกให้ JAS-39 เป็นต่อหลายขุม เพราะมีพวกเยอะและตัวช่วยมาหนุน บวกกับระบบดาต้าลิงค์ที่ส่งผ่านตัวช่วย SU-30 อาจจถูกยิงก่อนที่จะรู้ตัว ระยะใกล้ ระบบอันทันสมัยของ JAS-39 แถมรุมสองต่อหนึ่ง ยังไงก็วิน
คู่เจ็ด มีทั้งอยู่และไปทั้งสองฝ่าย มวยหมู่แบบนี้เหมือนสาดน้ำใส่กันมันโดนทั้งคู่ วิเคราะห์ยาก ขอบาย(ไม่มีเมเธเออร์ แต่ JAS-39 ใช้ อัมรามได้)
คู่แปด ให้ อัลฟ่าเจ็ต มีชัย เหตุผล ลองช็อตมีระยะปล่อยได้ประมาณ 60 กิโลเมตร การใช้จรวดพื้นสู่อากาศต่อต้านนั้นสามารถหลบหลีกและลวงได้ตลอด ถ้าจะพลาดก็อาจจะโดนเพียงเครื่องเดียว
คู่เก้า ให้ L-39 เหตุผลเดียวกับคู่แปด กรณีต้องเจอกับจรวดพื้นสู่อากาศ
คู่สิบ สามารถให้ JAS-39 สองเครื่องเข้าสกัดกับ F-18 ส่วนอีกสองเครื่อง เข้าจัดการเรือรบ หลังจากจัดการกับเรือรบแล้วเข้าสนับสนุนลำที่กำลังขับเคี่ยวกับ F-18 ได้ จึงยกให้ JAS-39
ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นส่วนตัว อาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริงก็ได้ครับ อย่าถือเป็นสาระ
ถึงท่านกบ ไม่ได้คิดจะปาดหน้า มาตอบตาม ความรู้ที่มีนิดๆ
ตอบต่อดีกว่า
4 f-15 มีโอกาสยิงตกสามเครื่องเลย เหมือนเดิมถ้าไม่มี ECM สู้ไม่ได้
ต่อให้มี ECM ก็ ติด ที่ Config ต่อสู้อีก ถ้ามี ECM A/B รอด 1
5 F-18 ไม่ต้องคิดเลย F-5 ใช้ APG-66 สู้ F-18 ไม่ได้โดนยิงตกหมด อันนี้ต้องถามว่า F-18 รุ่นอะไร ถ้า F-18 NAVY บางฝูงก็อาจจะชนะ
6-7 ไม่ขอตอบ คาดว่ามีผลกับการตอบเยอะ
8 A-jet ตายหมด ไม่ต้อง A-jet หรอกครับ F-16 ยังแย่ RADAR JAM ไม่ได้ด้วย ต้องใช้ HARM ยิง หรือ เครื่องที่มี Cross eye jaming
9 ตอบยากมาก ขึนกับนักบิน และ Tactic ถ้ามา High มากๆ อาจรอด
แต่มองไม่เห็น MAN PAD ถ้า LOW เห็น แต่ก็อยู่ในระยะอาวุธ
10 สุดท้ายไม่ของตอบ
ของปาดท้ายท่านกบ ด้วยความเคารพ
อีกนิดครับ ข้อ 8 ที่บอก A-JET ตายหมดเพราะไม่มี RWR จะทำให้ DEFEAT ไม่ถูก ตามระยะทาง แล้ว RADAR ของ s-300 เป็น
a capability against low altitude targets with small radar cross-sections such as cruise missiles, a capability against tactical ballistic missiles, and possibly a potential to intercept some types of strategic ballistic missiles.
missile ยังโดน แล้วเครื่องจะไปหรืออะไร เท่าทีอ่านจับเครื่องได้ต้อง 70 กว่าเครื่อง ไทยน่าจะมีนะครับ สัก 3-4 ตัว