2 มิถุนายน พ.ศ. 2552 12:10:00 บล็อก Danger room ในว็บไซท์ข่าว HuffingtonPost มีประเด็นน่าสนใจ โดยเขียนถึงวัตถุขนาดเล็กหน้าตาเหมือนหมวก ทำด้วยตะกั่วผสมดีบุก ได้กลายเป็นอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ ที่สามารถชี้เป้าให้เครื่องบินไร้คนขับ พรีเดเตอร์ หรือที่รู้จักกันว่า โดรน ของสำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐ หรือ CIA โจมตีเป้าหมายในพื้นที่ห่างไกลของปากีสถานได้อย่างแม่นยำ แต่พวกชนเผ่าห่างไกลและนักรบตาลีบัน ต่างทราบดีว่า ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในวาซิริสถาน ถูกจ้างให้เอาวัตถุอิเล็คทรอนิคส์ ชนิดนี้ ไปติดตั้งในบริเวณแหล่งกบดานของกลุ่มติดอาวุธ และหลังจากนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมง หรือไม่กี่วัน เครื่องบินพรีเดเตอร์ที่ได้รับสัญญาณจากชิพที่ติดอยู่กับวัตถุชนิดนี้ ก็ถล่มขีปนาวุธเข้าใส่เป้าหมายอย่างไม่ยั้ง ปรากฎการณ์ที่ว่านี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่เกิดเหตุวินาศกรรมโจมตีสหรัฐ เมื่อวันที่ 11 กันยายน เมื่อผู้อยู่อาศัยในเอเชียกลาง และตะวันออกกลาง ต่างเล่าขานกันถึงเรื่องเหลือเชื่อเกี่ยวกับซูเปอร์เทคโนโลยีของอเมริกัน ไม่ว่าจะเป็นแว่นเอ็กซเรย์ของทหาร , ดาวเทียมที่สามารถทำให้มองลึกเข้าไปถึงในตัวบ้าน , กระเป๋าติดถังน้ำมันที่บรรจุแม่เหล็กพลังดูดสูง และเกราะกันระเบิด แต่วิทยุคลื่นความถี่สูงขนาดเล็ก และอุปกรณ์หาพิกัดดาวเทียม ที่เรียกว่า GPS ได้กลายเป็นสินค้าที่หาซื้อได้ทั่วไปมานานหลายปีแล้ว โรเบิร์ต บาวเออร์ อดีตสายลับ CIA เปิดเผยว่า การใช้อุปกรณ์ไฮเท็คเหล่านี้ตามล่าตาลีบัน น่าจะเป็นความจริง
วิธีการตามล่าตาลีบันล่าสุด ไม่จำเป็นต้องฝึกชาวพุชตุน จากวาซิริสถาน ให้ไปยังพื้นที่เป้าหมาย เพื่อกลับมารายงานข่าวกรองที่เปชวาร์ หรือกรุงอิสลามาบัดอีกต่อไป เพียงแต่ส่งพวกเขาไปติดอุปกรณ์ถ่ายทอดสัญญาณไว้กับบ้านของเป้าหมายก็พอแล้ว บริษัทคู่สัญญาของกระทรวง
กลาโหมอย่าง EWA กอฟเวอร์เม้นท์ ซิสเต็มส ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่เมืองเฮอร์นดอน รัฐเวอร์จิเนีย เป็นหนึ่งในหลายบริษัท ที่กำลังผลิตอุปกรณ์ขนาดจิ๋ว ที่จะช่วยในการไล่ล่าและระบุตำแหน่งของเป้าหมาย ซึ่งระบบที่เรียกว่า บิ๊กฟุต รีโมท แท็กกิ้ง ซิสเต็ม เป็นอุปกรณ์ใช้แบตเตอร์รี่ ที่มี
ขนาดเล็กมาก และใช้คลื่นความถี่ของวิทยุในการส่งสัญญาณ ที่ง่ายต่อการติดตามหรือกำหนดตำแหน่งของเป้าหมาย และที่สำคัญคือสามารถอยู่ได้นานหลายเดือน สามารถติดไปกับตัวคน โดยเป้าหมายไม่รู้ตัว หรือติดกับวัตถุ, รถ หรือเรือก็ได้
เรื่องอุปกรณ์ส่งสัญญาณ ได้กลายเป็นเรื่องที่พูดกันในแวดวงทหารมานานหลายเดือนแล้ว เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน มุลเลาะห์ นาซีร์ ผู้นำตาลีบัน กล่าวว่า เขาจับสายลับที่แอบสอดอุปกรณ์ระบุตำแหน่งไว้ในโทรศัพท์ ที่เรียกว่า โมดุล การ์ด ที่ถูกใช้ในการระบุโทรศัพท์มือถือ
ในเครือข่ายเซลลูลาร์ และใน 10 วันหลังจากนั้น ฮาบิเบอร์ เรห์มาน หนุ่มวัย 19 ปี ก็ยอมรับในวีดีโอเทปก่อนถูกสังหารฐานเป็นสายให้อเมริกันว่า เขาติดอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ในโทรศัพท์ของตาลีบันจริง ซึ่งถ้าทำสำเร็จเขาจะได้รับเงินค่าตอบแทนหลายพันดอลล่าร์ นอกจากนี้
เขายังเอาชิพซ่อนไว้ในมวนบุหรี่ ภายในบ้านของอัล ไกดา และตาลีบัน แลกกับเงิน 122 ดอลล่าร์
เรห์มาน บอกด้วยว่า เขาขว้างชิพไปทั่ว เขารู้ว่าจะมีคนตายเพราะการกระทำของเขา แต่เขาต้องการเงิน ซึ่งคำสารภาพนี้ เป็นไปได้ว่า เครื่องบินไร้คนขับที่เป็นอาวุธสำคัญของอเมริกา อาจจะโจมตีเป้าหมายผิด ซึ่งสื่อของทางการปากีสถาน ได้รายงานว่า เครื่องบินไร้คนขับ ได้สังหารพลเรือนไปหลายร้อยคน แต่กลุ่มติดอาวุธถูกสังหารไปไม่กี่คน ความรู้สึกต่อต้านอเมริกัน กำลังเพิ่มขึ้นในปากีสถาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การโจมตีบริเวณชายแดนและข้ามชายแดน พลเอกเดวิด เพตราอุส ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการกลางของสหรัฐ ได้เขียนประเมินลับ และหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ ได้ไป และเอาไปรายงานข่าวว่า มีคน 35 เปอร์เซ็นต์ ไม่สนับสนุนการโจมตีของสหรัฐในปากีสถาน แม้จะมีการประสานงานกับรัฐบาลและกองทัพปากีสถานก่อนก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่ข่าวกรองอเมริกันและปากีสถาน ก็ยังคงเชื่อถือว่า เครื่องบินไร้คนขับยังทำงานโจมตีอย่างไม่พลาดเป้า เพราะมีข่าวกรองที่ดีกว่าทางภาคพื้นดิน | |
|