ตามที่มีการเสนอข่าวเกี่ยวกับการพบซาก เครื่องบิน บี 52 สมัยสงครามเวียดนาม ที่ บริเวณบ้านน้ำบ่อ อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร
โดย...ในเนื้อข่าวระบุว่า..ผู้ประสบเหตุเคยจำได้ว่าเมื่อปื 2508 มีเครื่องบิน B-52 ตกบริเวณนี้..แต่สมัยก่อนไม่มีใครกล้าเข้าไป เนื่องจากเป็นป่าทึบ
เนื้อข่าว...จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ .....ดังนี้ครับ
นายอำเภอดงหลวง เผย เบื้องต้นได้แจ้งไปทางจังหวัดได้รับทราบแล้วพร้อมกับรายงานไปที่กระทรวง มหาดไทยเพื่อหาผู้เชี่ยวชาญด้านนี้มาตรวจสอบว่าเป็นซากของเครื่องบินจาก ประเทศใด
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (15 พ.ค.) นายบุญจันทร์ จิตอามาตย์ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 หมู่ 1 ต.หนองบัว อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร อดีต สจ.อำเภอดงหลวงกล่าวว่า ขณะที่ตนนำรถแม็คโครไปขุดบริเวณทุ่งนาบ้านหนองบัว หมู่ 3 เพื่อทำการขุดลอกลำห้วยเปิดทางน้ำรับเหมาตามโครงการของอำเภอดงหลวง แก้ไขปัญหาภัยแล้งแก่ราษฎร ขณะขุดลึกลงไปในชั้นดินประมาณ 4-5 เมตร พบแข็งคล้ายเหล็ก ตนจึงสั่งให้ลูกน้องขุดลงไปดูเพื่อทราบว่าวัตถุที่อยู่ข้างล่างนั้น เป็นอะไร พบว่าเป็นเหล็กสแตนเลสขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายหัวเครื่องบินมีน้ำหนักมาก จึงได้เอารถแม็คโครตักขึ้นมาพ จึงทราบว่าเป็นซากเครื่องบินขนาดใหญ่คาดว่าเป็น เครื่องบิน B-52 สมัยสงครามเวียดนามที่ตกเมื่อปี พ.ศ.2508 ขณะนั้นตนอายุเพียง 13 ปี เคยเห็นเครื่องบินของสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดและตกในบริเวณดังกล่าว เป็นป่าทึบ แต่ก็ไม่มีใครได้พบซากเนื่องจากบริเวณนั้นเป็นป่ารกทึบและมีหนองน้ำ อำเภอดงหลวงเคยเป็นเส้นทางผ่านของเครื่องบินรบสหรัฐอเมริกา จนเวลาผ่านมา 44 ปี จึงได้ไปขุดพบซากเครื่องบินเข้าโดยบังเอิญดังกล่าว
ด้าน นายอติชาติ อุณหะเลขกะ นายอำเภอดงหลวงกล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งไปทางจังหวัดได้รับทราบแล้วพร้อมกับรายงานไปที่กระทรวง มหาดไทยเพื่อหาผู้เชี่ยวชาญด้านนี้มาตรวจสอบว่าเป็นซากของเครื่องบินจาก ประเทศใด เพื่อจะติดต่อและแจ้งไปประเทศที่เป็นเจ้าของซากเครื่องบินดังกล่าวให้มาเก็บกู้เอาคืนไป หากประเทศที่เป็นเจ้าของไม่ประสงค์จะเอากลับคืนทางอำเภอดงหลวงจะเก็บกู้ ซากเครื่องบินไว้ และจะทำเป็นพิพิธภัณฐ์สงคราม เพื่อให้ประชาชนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป
....อันนี้เนื้อข่าวจาก.ช่อง 7 สี ครับ
พบซาก เครื่องบิน บี 52 สมัยสงครามเวียดนาม
ซากเครื่องบินเหล่านี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่ชาวบ้านไปพบโดยบังเอิญ ขณะใช้รถแบคโฮทำการขุดเปิดทางน้ำ บริเวณบ้านน้ำบ่อ อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร
โดยชาวบ้านที่เข้าไปพบบอกว่า เป็นซากเครื่องบินไอพ่นขนาดใหญ่มีทั้งเครื่องยนต์ และใบพัดของไอพ่นที่แต่หัก เชื่อว่า น่าจะเป็นเครื่องบินของสหรัฐอเมริกา ที่ประสบอุบัติเหตุตก ตั้งแต่ในสมัยสงครามเวียดนาม เมื่อปื 2508 แต่สมัยก่อนไม่มีใครกล้าเข้าไป เนื่องจากเป็นป่าทึบ และรอการพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศยาน....สำหรับซากเครื่องบินดังกล่าว ถึงแม้จะยังไม่มีการพิสูจน์ แต่เมื่อสอบถามกับทางกองทัพอากาศและผู้มีความรู้เรื่องสงครามเวียดนามระบุว่า จ.มุกดาหาร เป็นเส้นทางผ่านของเครื่องสหรัฐอเมริกา ในสมัยสงครามเวียดนามและเครื่องบินที่ใช้เครื่องไอพ่นขนาดใหญ่แบบนี้ น่าจะเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ บี 52
ภาพซากเครื่องบินที่พบ...
[img]http://images.temppic.com/19-05-2009/images_vertis/1242696001_79738.png[/img]
ภาพเครื่องบินทิ้งระเบิดB-52
[img]http://images.temppic.com/19-05-2009/images_vertis/1242696087_76107.png[/img]
...............สำหรับการประเมินและวิเคราะห์ที่ผมตรวจสอบแล้วมีดังนี้ครับ........
ขอยืนยันว่า ซากเครื่องบินดังกล่าว ไม่ใช่เครื่องบิน B-52 เพราะเครื่องบิน B-52 มีขนาดใหญ่เท่าเครื่องบินโดยสาร และมีเครื่องยนต์ไอพ่นจำนวน 8 เครื่อง...เพราะฉนั้นการตกจะต้องมีชิ้นส่วนกระจายมากกว่าขนาดสนามฟุตบอล..ประกอบกับการยืนยันของคนในท้องถิ่นว่าพบเครื่องบิน ประสบอุบัติเหตุในปี
2508 นั้น กองทัพสหรัฐฯ ยังมิได้นำเครื่องบินแบบนี้เขาสงครามเวียดนาม....โดย B-52 เข้าปฏิบัติภารกิจแรก ในปี 2511 ภายใต้ชื่อรหัสว่า "โรลลิ่ง ธันเดอร์"....เครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 เข้ามาปฏิบัติการในสงครามเวียดนาม โดยสามารถขึ้นลงได้เพียงสนามบินอู่ตะเภา ของทหารเรือ เท่านั้น...โดยสนามบินอู่ตะเภาสร้างเสร็จและเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในปี 2509 ขณะที่ เครื่องบิน B-52 เริ่มบินมาประจำที่สนามบินแห่งนี้ในปี 2510 ซึ่งประเด็นนี้ไม่ใช่ B-52 แน่นอนครับ
แล้วเป็นเครื่องบินอะไรหละ....การจะตรวจหาคำตอบว่าเครื่องบินรบไอพ่นเครื่องยนต์เดียว(ตามที่เห็นในภาพ)แบบใดที่ตกในประเทศไทย...เขามีข้อมูลในอินเตอร์เน็ตระบุไว้นับตั้งแต่เครื่องบินเครื่องแรกตกจนกระทั่งเครื่องล่าสุดครับ...
คำตอบก็คือ เครื่องบินขับไล่แบบ F-105 เครื่องบินแบบนี้ ทอ.สหรัฐฯ นำมาใช้ในช่วงแรกๆ ของสงครามเวียดนาม โดยประจำการอยู่ที่ สนามบินตาคลี จังหวัดนครสวรรค์(ขณะนั้นเรียกว่า กองบินขับไล่ยุทธวิธีที่ 355 ของ ทอ.สหรัฐฯ) และสนามบินโคราช จังหวัดนครราชสีมา ขณะนั้นเรียกว่า กองบินขับไล่ยุทธวิธีที่ 388 ของ ทอ.สหรัฐฯ)
สำหรับ F-105 เครื่องที่ตก คาดว่าน่าจะเป็นหมายเลข 61-0178 จากกองบินขับไล่ที่ 355 ตาคลี ซึ่งขึ้นบินไปปฏิบัติภารกิจในเวียดนาม เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2509 และถูกอาวุธต่อสู้อากาศยานได้รับความเสียหายก่อนที่จะตกลง...โดยเอกสารในช่วงแรกระบุว่าตกห่างจากจังหวัดนครพนม ราวๆ 10 ไมล์ นักบินสามารถดีดตัวออกมาได้อย่างปลอดภัยครับ
ภาพเครื่องบิน F-105
[img]http://images.temppic.com/19-05-2009/images_vertis/1242696772_25564.png[/img]
ครบ 43 ปี พอดี
เพิ่มเติมครับ
...ความจริง..B-52 เริ่มการปฏิบัติการในเวียดนามเป็นครั้งแรกในปี 2508. ซึ่งผมดูจากสรุปการปฏิบัติการทางอากาศเหนือเวียดนามนั้น..ระบุว่าเป็นเพียง B-52 ที่บินมาจากกวม...มาบินปฏิบัติในเวียดนามใต้..ไม่เข้ามาเวียดนามเหนือและลาว.และการปฏิบัติครั้งนั้นที่ต้องทำการบินนาน ๑๐ กว่าชั่วโมง..จึงเกิดแนวความคิดที่จะสร้างฐานปฏิบัติการในประเทศไทย แทน....
....ส่วนการปฏิบัติการในปลายเดือนมีนาคม 2511 ระหว่างตรุษญวน ภายหลังกองทัพเวียดนามและเวียดกง ละเมิดข้อตกลง...ทำให้กองทัพสหรัฐฯ พิจารณาโจมตีเป้าหมายรอบฮานอยและไฮฟอง....จึงนำ B-52 มาร่วมด้วยเพราะมีการติดอุบกรณ์ที่แม่นย้ำ...โดยเครื่องบินเหล่านี้ส่วนใหญ่ขึ้นบินจากอู่ตะเภา..โดยมีฝูงบิน F-4 และ F-105 ทั้งเข้าไปโจมตีและคุ้มกัน เดินทางออกจากฐานทัพอากาศอุบล อุดร โคราช ตาคลี .การเดินทางไปและกลับจึงผ่านแนวชายแดนบริเวณจังหวัดนครพนม (มุกดาหาร ในปัจจุบัน)...ซึ่งตลอดสงครามมีเครื่องบินรบของสหรัฐแบบต่างๆ ตกที่นครพนม และมุกดาหาร มากกว่า 15 เครื่อง
อย่างไรก็ตาม..ครับ..หากว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ปี 2508 หละ...ตลอดสงครามมี B-52 ตกในประเทศไทยมากกว่า ๕ เครื่อง และมี ๑ เครื่อง ตกทางตะวันออกเฉียงใต้ 85 ไมล์ของนครพนม ในปี 1972 ครับ
.....ที่ผมดูจากในรูป มีความเห็นเดียวกับท่านท้าวเลย คือ น่าจะเป็นเครื่องยนต์ของ บี 52 มากกว่า เพราะถ้าเป็นเครื่องยนต์ของ เอฟ 105 มันเล็กไป และจากภาพ ที่สังเกต เห็นมีประกรับครอบตัวห้องเครื่องยนต์อยู่ ถ้าเป็น เอฟ 105 มันจะเป็นส่วนชุดพวงหาง มันน่าจะมีส่วนของแพนหางอยู่บ้าง ผมว่า
....ขอทายว่าเป็นบี 52 แน่นอนครับ
....คุณพิธีกรครับ เฉลยว่าอะไรดี
ผมเองก็รอคำตอบเช่นกันครับ...แว่วๆว่าวันนี้เจอเครื่องยนต์ อีกหนึ่งเครื่อง....
สรุปว่าเคยมีเครื่องบินตกในพื้นที่ จ.นครพนม มากกว่า 10 เครื่อง ทั้ง B-52 F-4 F-105 T-28 OV-10 A-1 ทั้งหมดของ ทอ.สหรัฐฯ ครับ...คงต้องรอดูหลักฐานที่พบอีกครับ...ไม่มีโอกาสขับรถไปดูเองก็อย่างนี้หละครับ
ถ้าในรูปเป็นท่อไอพ่นชิ้นนึง ก็ลองเทียบในรูปตัวจิงของมันดูว่า ใหญ่พอไหม