หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ข่าวพบซาก B-52

โดยคุณ : ท้าวทองไหล เมื่อวันที่ : 23/05/2009 07:17:07

ตามที่มีการเสนอข่าวเกี่ยวกับการพบซาก เครื่องบิน บี 52 สมัยสงครามเวียดนาม ที่ บริเวณบ้านน้ำบ่อ อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร
โดย...ในเนื้อข่าวระบุว่า..ผู้ประสบเหตุเคยจำได้ว่าเมื่อปื 2508  มีเครื่องบิน B-52 ตกบริเวณนี้..แต่สมัยก่อนไม่มีใครกล้าเข้าไป เนื่องจากเป็นป่าทึบ

เนื้อข่าว...จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ .....ดังนี้ครับ
นายอำเภอดงหลวง เผย เบื้องต้นได้แจ้งไปทางจังหวัดได้รับทราบแล้วพร้อมกับรายงานไปที่กระทรวง มหาดไทยเพื่อหาผู้เชี่ยวชาญด้านนี้มาตรวจสอบว่าเป็นซากของเครื่องบินจาก ประเทศใด

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (15 พ.ค.) นายบุญจันทร์ จิตอามาตย์ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 หมู่ 1 ต.หนองบัว อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร อดีต สจ.อำเภอดงหลวงกล่าวว่า ขณะที่ตนนำรถแม็คโครไปขุดบริเวณทุ่งนาบ้านหนองบัว หมู่ 3 เพื่อทำการขุดลอกลำห้วยเปิดทางน้ำรับเหมาตามโครงการของอำเภอดงหลวง  แก้ไขปัญหาภัยแล้งแก่ราษฎร ขณะขุดลึกลงไปในชั้นดินประมาณ  4-5 เมตร  พบแข็งคล้ายเหล็ก ตนจึงสั่งให้ลูกน้องขุดลงไปดูเพื่อทราบว่าวัตถุที่อยู่ข้างล่างนั้น เป็นอะไร พบว่าเป็นเหล็กสแตนเลสขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายหัวเครื่องบินมีน้ำหนักมาก จึงได้เอารถแม็คโครตักขึ้นมาพ จึงทราบว่าเป็นซากเครื่องบินขนาดใหญ่คาดว่าเป็น เครื่องบิน B-52 สมัยสงครามเวียดนามที่ตกเมื่อปี พ.ศ.2508 ขณะนั้นตนอายุเพียง 13 ปี เคยเห็นเครื่องบินของสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดและตกในบริเวณดังกล่าว เป็นป่าทึบ แต่ก็ไม่มีใครได้พบซากเนื่องจากบริเวณนั้นเป็นป่ารกทึบและมีหนองน้ำ อำเภอดงหลวงเคยเป็นเส้นทางผ่านของเครื่องบินรบสหรัฐอเมริกา จนเวลาผ่านมา 44 ปี  จึงได้ไปขุดพบซากเครื่องบินเข้าโดยบังเอิญดังกล่าว 

ด้าน  นายอติชาติ อุณหะเลขกะ นายอำเภอดงหลวงกล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งไปทางจังหวัดได้รับทราบแล้วพร้อมกับรายงานไปที่กระทรวง มหาดไทยเพื่อหาผู้เชี่ยวชาญด้านนี้มาตรวจสอบว่าเป็นซากของเครื่องบินจาก ประเทศใด เพื่อจะติดต่อและแจ้งไปประเทศที่เป็นเจ้าของซากเครื่องบินดังกล่าวให้มาเก็บกู้เอาคืนไป  หากประเทศที่เป็นเจ้าของไม่ประสงค์จะเอากลับคืนทางอำเภอดงหลวงจะเก็บกู้ ซากเครื่องบินไว้ และจะทำเป็นพิพิธภัณฐ์สงคราม เพื่อให้ประชาชนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป


....อันนี้เนื้อข่าวจาก.ช่อง 7 สี ครับ
พบซาก เครื่องบิน บี 52 สมัยสงครามเวียดนาม

ซากเครื่องบินเหล่านี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่ชาวบ้านไปพบโดยบังเอิญ ขณะใช้รถแบคโฮทำการขุดเปิดทางน้ำ บริเวณบ้านน้ำบ่อ อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร

โดยชาวบ้านที่เข้าไปพบบอกว่า เป็นซากเครื่องบินไอพ่นขนาดใหญ่มีทั้งเครื่องยนต์  และใบพัดของไอพ่นที่แต่หัก  เชื่อว่า  น่าจะเป็นเครื่องบินของสหรัฐอเมริกา ที่ประสบอุบัติเหตุตก ตั้งแต่ในสมัยสงครามเวียดนาม เมื่อปื 2508 แต่สมัยก่อนไม่มีใครกล้าเข้าไป เนื่องจากเป็นป่าทึบ และรอการพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศยาน....สำหรับซากเครื่องบินดังกล่าว  ถึงแม้จะยังไม่มีการพิสูจน์  แต่เมื่อสอบถามกับทางกองทัพอากาศและผู้มีความรู้เรื่องสงครามเวียดนามระบุว่า จ.มุกดาหาร เป็นเส้นทางผ่านของเครื่องสหรัฐอเมริกา ในสมัยสงครามเวียดนามและเครื่องบินที่ใช้เครื่องไอพ่นขนาดใหญ่แบบนี้ น่าจะเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ บี 52
ภาพซากเครื่องบินที่พบ...
[img]http://images.temppic.com/19-05-2009/images_vertis/1242696001_79738.png[/img]

ภาพเครื่องบินทิ้งระเบิดB-52
[img]http://images.temppic.com/19-05-2009/images_vertis/1242696087_76107.png[/img]

...............สำหรับการประเมินและวิเคราะห์ที่ผมตรวจสอบแล้วมีดังนี้ครับ........

ขอยืนยันว่า ซากเครื่องบินดังกล่าว ไม่ใช่เครื่องบิน B-52 เพราะเครื่องบิน B-52 มีขนาดใหญ่เท่าเครื่องบินโดยสาร และมีเครื่องยนต์ไอพ่นจำนวน 8 เครื่อง...เพราะฉนั้นการตกจะต้องมีชิ้นส่วนกระจายมากกว่าขนาดสนามฟุตบอล..ประกอบกับการยืนยันของคนในท้องถิ่นว่าพบเครื่องบิน ประสบอุบัติเหตุในปี
2508 นั้น  กองทัพสหรัฐฯ ยังมิได้นำเครื่องบินแบบนี้เขาสงครามเวียดนาม....โดย B-52 เข้าปฏิบัติภารกิจแรก ในปี 2511 ภายใต้ชื่อรหัสว่า "โรลลิ่ง ธันเดอร์"....เครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 เข้ามาปฏิบัติการในสงครามเวียดนาม โดยสามารถขึ้นลงได้เพียงสนามบินอู่ตะเภา ของทหารเรือ เท่านั้น...โดยสนามบินอู่ตะเภาสร้างเสร็จและเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในปี 2509 ขณะที่ เครื่องบิน B-52 เริ่มบินมาประจำที่สนามบินแห่งนี้ในปี 2510 ซึ่งประเด็นนี้ไม่ใช่ B-52 แน่นอนครับ

แล้วเป็นเครื่องบินอะไรหละ....การจะตรวจหาคำตอบว่าเครื่องบินรบไอพ่นเครื่องยนต์เดียว(ตามที่เห็นในภาพ)แบบใดที่ตกในประเทศไทย...เขามีข้อมูลในอินเตอร์เน็ตระบุไว้นับตั้งแต่เครื่องบินเครื่องแรกตกจนกระทั่งเครื่องล่าสุดครับ...

คำตอบก็คือ เครื่องบินขับไล่แบบ F-105 เครื่องบินแบบนี้ ทอ.สหรัฐฯ นำมาใช้ในช่วงแรกๆ ของสงครามเวียดนาม โดยประจำการอยู่ที่ สนามบินตาคลี จังหวัดนครสวรรค์(ขณะนั้นเรียกว่า กองบินขับไล่ยุทธวิธีที่ 355 ของ ทอ.สหรัฐฯ)  และสนามบินโคราช จังหวัดนครราชสีมา ขณะนั้นเรียกว่า กองบินขับไล่ยุทธวิธีที่ 388 ของ ทอ.สหรัฐฯ)
สำหรับ F-105 เครื่องที่ตก คาดว่าน่าจะเป็นหมายเลข 61-0178 จากกองบินขับไล่ที่ 355 ตาคลี ซึ่งขึ้นบินไปปฏิบัติภารกิจในเวียดนาม เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2509 และถูกอาวุธต่อสู้อากาศยานได้รับความเสียหายก่อนที่จะตกลง...โดยเอกสารในช่วงแรกระบุว่าตกห่างจากจังหวัดนครพนม ราวๆ 10 ไมล์ นักบินสามารถดีดตัวออกมาได้อย่างปลอดภัยครับ

ภาพเครื่องบิน F-105
[img]http://images.temppic.com/19-05-2009/images_vertis/1242696772_25564.png[/img]





ความคิดเห็นที่ 1


ครบ 43 ปี พอดี

โดยคุณ pramoch เมื่อวันที่ 18/05/2009 23:06:43


ความคิดเห็นที่ 2


เครื่องบิน B-52 กับ เครื่องบิน F-105 นั้นมีขนาดและลักษณะที่แตกต่างกันชัดเจน เมื่อมีการขุดขึ้นมามากกว่านี้คงรู้แน่ล่ะครับ ว่าเป็นเครื่องบินอะไร เป็นไปได้ไหมครับว่า B-52 อาจจะบินจากที่อื่นที่ไม่ใช่ประเทศไทยมาทิ้งระเบิดในเวียดนามเพราะว่าเครื่องบินแบบนี้มีพิสัยการบินที่ไกลมากอยู่ ผมเองก็เกิดไม่ทันเสียด้วยสิ(จะบอกว่ายังไม่แก่นะคร้าบ)
โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 19/05/2009 03:54:21


ความคิดเห็นที่ 3


เพิ่มเติมครับ

...ความจริง..B-52 เริ่มการปฏิบัติการในเวียดนามเป็นครั้งแรกในปี 2508. ซึ่งผมดูจากสรุปการปฏิบัติการทางอากาศเหนือเวียดนามนั้น..ระบุว่าเป็นเพียง B-52 ที่บินมาจากกวม...มาบินปฏิบัติในเวียดนามใต้..ไม่เข้ามาเวียดนามเหนือและลาว.และการปฏิบัติครั้งนั้นที่ต้องทำการบินนาน ๑๐ กว่าชั่วโมง..จึงเกิดแนวความคิดที่จะสร้างฐานปฏิบัติการในประเทศไทย แทน....
....ส่วนการปฏิบัติการในปลายเดือนมีนาคม 2511 ระหว่างตรุษญวน  ภายหลังกองทัพเวียดนามและเวียดกง  ละเมิดข้อตกลง...ทำให้กองทัพสหรัฐฯ พิจารณาโจมตีเป้าหมายรอบฮานอยและไฮฟอง....จึงนำ B-52 มาร่วมด้วยเพราะมีการติดอุบกรณ์ที่แม่นย้ำ...โดยเครื่องบินเหล่านี้ส่วนใหญ่ขึ้นบินจากอู่ตะเภา..โดยมีฝูงบิน F-4 และ F-105 ทั้งเข้าไปโจมตีและคุ้มกัน เดินทางออกจากฐานทัพอากาศอุบล  อุดร  โคราช ตาคลี .การเดินทางไปและกลับจึงผ่านแนวชายแดนบริเวณจังหวัดนครพนม (มุกดาหาร ในปัจจุบัน)...ซึ่งตลอดสงครามมีเครื่องบินรบของสหรัฐแบบต่างๆ ตกที่นครพนม และมุกดาหาร มากกว่า 15 เครื่อง


อย่างไรก็ตาม..ครับ..หากว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น  ไม่ใช่ปี 2508 หละ...ตลอดสงครามมี B-52 ตกในประเทศไทยมากกว่า ๕ เครื่อง และมี ๑ เครื่อง ตกทางตะวันออกเฉียงใต้ 85 ไมล์ของนครพนม ในปี 1972 ครับ

โดยคุณ ท้าวทองไหล เมื่อวันที่ 19/05/2009 04:28:24


ความคิดเห็นที่ 4


โหไกล้ๆบ้านผม บ้านผมอยู่มุกดาหารอะ แถมตกแถวไกล้ๆนี้เองอะ อยากไปดูจัง
โดยคุณ RaFale เมื่อวันที่ 19/05/2009 06:12:33


ความคิดเห็นที่ 5


.....ที่ผมดูจากในรูป มีความเห็นเดียวกับท่านท้าวเลย คือ น่าจะเป็นเครื่องยนต์ของ บี 52 มากกว่า เพราะถ้าเป็นเครื่องยนต์ของ เอฟ 105 มันเล็กไป และจากภาพ ที่สังเกต เห็นมีประกรับครอบตัวห้องเครื่องยนต์อยู่ ถ้าเป็น เอฟ 105 มันจะเป็นส่วนชุดพวงหาง มันน่าจะมีส่วนของแพนหางอยู่บ้าง ผมว่า

....ขอทายว่าเป็นบี 52 แน่นอนครับ

....คุณพิธีกรครับ เฉลยว่าอะไรดี  

โดยคุณ hume เมื่อวันที่ 19/05/2009 06:44:29


ความคิดเห็นที่ 6


ในปีเดียวกันมีเครื่องอีกแบบที่มีขนาดใหญ่และปฏิบัติงานในไทยด้วย
อาจจะเป็น RB-66 Destroyer ก็ได้นะครับ เห็นใน WIKI
ว่าเคยบินจากตาคลี


http://en.wikipedia.org/wiki/E/RB-66_Destroyer
โดยคุณ vmbn เมื่อวันที่ 19/05/2009 10:15:59


ความคิดเห็นที่ 7


ผมเองก็รอคำตอบเช่นกันครับ...แว่วๆว่าวันนี้เจอเครื่องยนต์ อีกหนึ่งเครื่อง....

สรุปว่าเคยมีเครื่องบินตกในพื้นที่ จ.นครพนม มากกว่า 10 เครื่อง ทั้ง B-52   F-4   F-105  T-28   OV-10   A-1  ทั้งหมดของ ทอ.สหรัฐฯ ครับ...คงต้องรอดูหลักฐานที่พบอีกครับ...ไม่มีโอกาสขับรถไปดูเองก็อย่างนี้หละครับ

โดยคุณ ท้าวทองไหล เมื่อวันที่ 20/05/2009 03:45:06


ความคิดเห็นที่ 8


 ซากนี่ มันดูยากจังว่า เป็นส่วนไหนนะ อิอิ


โดยคุณ panzer เมื่อวันที่ 22/05/2009 19:37:43


ความคิดเห็นที่ 9


   ถ้าในรูปเป็นท่อไอพ่นชิ้นนึง ก็ลองเทียบในรูปตัวจิงของมันดูว่า ใหญ่พอไหม

    


โดยคุณ panzer เมื่อวันที่ 22/05/2009 20:17:08