หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ถ้าให้เลือกระหว่าง C-130 J กับ Jas-39 C/D

โดยคุณ : nok เมื่อวันที่ : 11/06/2009 21:29:29

มาอีกครั้งกับคำถามแนวนี้ครับ

ลองคิดดู(คราวนี้เพ้อฝันน้อยๆ  เอาหลักความที่เกือบเป็นจริงมาถาม)

สมมุตินะครับ สมมุตินะครับ(ว่าน้องพลับ ขอ 2 )

รัฐบาลเกิดจัดเก็บรายได้เกินดุลจากการขึ้นภาษีทั้งหลาย(สมยุคภาษีอาน ตามคำทำนาย) และอาจออกหวยบนดินผสมกับสลากออนไลน์

ทำให้รายได้ของประเทศ มั่งคั่งเงินเหลือเยอะ (ตามคำขวัญ ไทยจะเรืองอำนาจ เพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม) หุหุ

และจัดสรรเงินให้กองทัพมาก้อนนึง ประมาณว่าจะเอาไปซื้อเครื่องบินอะไรก็ตามใจท่าน  เราลองมานึงกันเล่น(แต่เอาจริง)ว่าถ้าเกิดเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินใน โครงการนี้เราจะซื้อเครื่องบินอะไรดี

มี 2แบบให้เลือกตามหัวข้อครับ คือ

1. Jas-39 C/D  ไหนๆได้เงินมาแล้ว มาเติมให้เต็มฝูง อีก 6 ลำให้ครบ 18 ลำไปเลย  ดีไม่ดี อาจได้ บ.เอแวคส์ มาเพิ่มอีก 1 ลำ  6ลำที่เพิ่มมา อาจไปเสริมเติมเต็มให้ฝูง 211 ได้อีกด้วย เป็นการเพิ่มศักยภาพในการครองอากาศ
ของทอ.เพิ่มขึิ้น เพราะประะเทศรอบข้างก็มีการซื้อ บ.ขับไล่เพิ่มขึ้น จะได้เป็นดุลในการต่อรองของประเทศไทยด้วยในการมี บ.ขับไล่โจมตีจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม



2. C-130 J  สัก 6-8 ลำ  เพราะเอามาเพิ่มเติม รองรับภารกิจอันล้นมือ ของ C-130 H ที่มีอยู่ 12 ลำ เพราะเท่าที่เห็นวันหยุดราชการยังบินอยู่ อย่างที่ทราบๆกันอยู่ ว่า 12 ลำที่มีอยู่บางครั้งไม่เพียง ไหนจะทำการขนส่ง ไหนจะทำการฝึก ฯลฯ (เคยมีข่าวเมื่อ 3-4 ปีก่อนแต่เงียบหายไป ในการจัดซื้อเพราะราคาสูงพอสมควร)



ถ้าเป็นความคิดผม  ควรจะเป็น C-130 J มากกว่า  เพราะนำมาเสริมกับภาระอันมากมาย ของC-130 H ครับ ตรงนี้น่าจะจำเป็นและสำคัญกว่าครับการเพิ่มเติม Jas-39 C/Dครับ

ท่านอื่นคิดยังเห็นยังไงบ้างครับ




ความคิดเห็นที่ 1


ขอตามคุณ  nok   ครับ

เป็นผม ผมก็เลือก C-130J ครับ

แล้วเอา C-130H มาทำเป็นแทงเกอร์ ซักลำ สองลำ  แจ่ม!!!

โดยคุณ shifty เมื่อวันที่ 18/05/2009 01:26:51


ความคิดเห็นที่ 2


เห็นด้วยกับ (ว่าที๋) น้องเขยอีกครั้งครับ C-130J น่าจะช่วยภารกิจทั้งส่วนของ ทอ. และของส่วนรวมได้ดี และจำเป็นสำหรับการบรรเทาทุกข์ต่าง ๆ เพราะ บข. นั้น ทอ. มองไปที่ F-35 อยู่แล้ว เจ้า กริพเพน-39 12 ตัวน่าจะพอรับภาระไหว แล้วก็บรรดาเจ้าเหยี่ยวประจัญบานสารพัดรุ่นของเรา ถ้าอัพอีกนิดก็น่าจะทันสมัย (พอสมควร)

ถ้าจะให้ดี มี บล.ตัวเล็ก ๆ มาเสริมช่องว่างแทนที่เจ้า G-222 ที่ไปโชว์หุ่นที่พิพิธภัณฑ์ซะแล้ว
โดยคุณ Ake31 เมื่อวันที่ 18/05/2009 04:50:34


ความคิดเห็นที่ 3


jas-39 c/d อยู่แล้วครับ ในอนาคตอาจใช้รุ่น jas-39 e/f ไม่ก็ f-18e/f  ส่วน f-16 อย่างน้อยควร upgrade สัก 1 ฝูง แล้วก็ c-130 upgrade ห้องนักบินเต็มฝูงบิน จัดหาเครื่องบินขนส่งขนาดกลางอย่าง c-27j ก็น่าสนใจ คิดว่าราคาน่าจะถูกกว่า c-130j  มากนะครับ 

ps.เศษฐกิจแบบนี้ควรคำนึงถึงภารกิจที่จำเป็นเช่นการลาดตระเวณป้องกันป้องปราม ผลประโยชน์ทางทะเล เป็นหลัก

โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 18/05/2009 05:23:10


ความคิดเห็นที่ 4


ในแง่การเมือง C-130 J น่าจะมามากกว่า Jas-39...และเมื่อดูอายุของ C-130 รุ่นแรก...ก็อายุเกือบจะ 30 ปีแล้ว...โอกาสของ บล.8 จะมีมากกว่า แต่ผมว่าคงจะไม่น่าถึง 12 ลำ เพราะเดี๋ยวนี้ C-130 J ก็ราคาไม่ถูก ถ้าจำไม่ผิด ราคาน่าจะใกล้เคียง Jas-39 หรืออาจจะแพงกว่า..อาจจะได้สัก 3 ลำ...(ใช้ในอัตราจำนวนทดแทน G-222) และเป็นวงเงินนอกงบประมาณ คงพอมีลุ้น....เพราะทั้งนักการเมือง และประชาชน ก็มีการขอใช้งานกันอยู่ทั่วไป เป็นประจำ...

ว่าแต่ ความฝันของท่าน nok จะเป็นความฝัน ที่สอดแทรกความฝันร้าย ดั่งนรกบนดิน...เพราะมันย่อมหมายถึง...กรมสรรพากร ปูพรม เก็บภาษี

1. ร้านขายก๋วยเตี๋ยว ร้านขายข้าวแกง ร้านขายเสื้อผ้า ห้องว่างให้เช่า

2. ภาษีที่อยู่อาศัย ที่ต่อไป บ้านทุกหลังในประเทศไทย จะต้องเสียภาษีที่ดิน และภาษีที่พักอาศัย (รวมถึง เจ้าของที่ดิน ที่ถูกบุกรุกจนเป็น สลัม...ก็จะเกิดการเผาไล่ที่เกิดขึ้น)

3. อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ปรับเป็น 10%

4. สวัสดิการพนักงาน ที่ได้รับจากบริษัทฯ จะถูกคำนวณเป็นรายได้บุคคลธรรมดา (พนักงาน) แม้แต่ ค่าบริการรถรับ-ส่งพนักงาน รวมถึง น้ำชา - กาแฟ (เพราะเป็นรายจ่ายเกินความจำเป็น) สรรพากร คงจะขอความร่วมมือ บวกกลับเป็นรายได้ เพื่อบริษัทฯ จะได้มีภาษีที่ต้องชำระเพิ่มขึ้น และ พนักงาน ที่รายได้คาบลูกคาบดอกไม่เข้าเกณฑ์การเสียภาษี ก็จะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น จนต้องเข้าเกณฑ์เสียภาษี

เป็นต้น ( ยังมีอีกเย๊ออออออออะ )

 

 

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 18/05/2009 06:18:42


ความคิดเห็นที่ 5


ในแง่ของโครงการจัดหาอากาศยานเพิ่มแบบต่างๆของกองทัพอากาศนั้น ในส่วนของ บ.ลำเลียง กองทัพอากาศมีความต้องการ บ.ลำเลียงขนาดกลาง 6ลำ ซึ่งสามารถบรรจุผู้โดยสารได้ 40คน บรรทุกสิ่งของได้ 4,000kg ขึ้นไป ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะเป็น บ.ในลักษณะเดียวกับ G222 เพื่อลดภารกิจสำเลียงของ C-130 ที่มากเกินไปในปัจจุบันครับ โดย บ.ขนาดนี้ในตลาดปัจจุบันก็มีหลายแบบครับเช่น CASA C-295 หรือ C-27J เป็นต้นครับ ในส่วนของ C-130H เองซึ่งก็เพิ่มมีการปรับปรุงไปไม่นานนั้นก็คาดว่าน่าจะใช้งานไปอีกไม่ต่ำกว่า 15-20ปีครับ

แต่จริงๆตามความเห็นส่วนตัวนั้นถ้ากองทัพอากาศมีงบประมาณสำหรับจัดหาอากาศยานใหม่เพิ่มเติมจำนวนหนึ่งคิดว่า น่าจะจัดหา ฮ.แทน UH-1H สำหรับภารกิจกู้ภัยทางอากาศและลำเลียงทางยุทธวิธีและธุรการอื่นๆมากว่าครับ เพราะอายุการใช้งานและสภาพเครื่องนั้นมากว่า C-130H ครับ

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 18/05/2009 08:13:17


ความคิดเห็นที่ 6


ถ้าเทียบกับความจำเป็นและภาระกิจของกองทัพอากาศแล้ว ผมขอเลือก ซี 130 ครับ แต่ถ้าความชอบส่วนตัว อยากได้ ยาส 39 ให้เต็มฝูงไปเลยครับ
โดยคุณ Nine เมื่อวันที่ 18/05/2009 09:49:13


ความคิดเห็นที่ 7


เปนกลางครับ...อย่างล่ะ3 อิอิ..

โดยคุณ snake เมื่อวันที่ 18/05/2009 10:04:30


ความคิดเห็นที่ 8


การปรับปรุงที่ท่าน AAG_th1 ว่าไว้...จะเป็นการปรับปรุงเฉพาะ ระบบรึเปล่าครับ...

1. ระบบจอแสดงผล

2. ระบบนักบินกล

3. เรดาร์ตรวจอากาศ

4. ระบบการเดินอากาศ

5. ระบบการติดต่อสื่อสาร

6. ระบบป้องกันการชนกันกับเครื่องบินอื่น

7. ระบบ Interactive Hand Controller

จากหนังสือ สมรภูมิ ฉบับ C-130

แต่ไม่ใช่ในส่วนของโครงสร้างเครื่องบิน...และถ้ามีการปรับปรุงในระบบดังกล่าว ผมว่า น่าจะปรับปรุงในส่วนของเครื่องที่รับมาใหม่ ช่วงปี 2533 - 2535 ก่อน...ในส่วนของเครื่องที่รับมาปี 2523 ไม่ทราบว่ามีการดำเนินการหรือยัง...เพราะโครงการปรับปรุง หยุดชะงักไปช่วงหนึ่ง และเริ่มกลับมาดำเนินการต่อในปี 2551....

และในการปรับปรุงระบบดังกล่าว เนื่องมาจาก

ระบบ Avionics ที่ติดตั้งกับเครื่องบินลำเลียงแบบ 8       มีเทคโนโลยีค่อนข้างล้าสมัย และไม่ได้รับการปรับปรุง

อุปกรณ์ Avionics ส่วนใหญ่หมดอายุการใช้งานแล้ว อุปกรณ์บางรายยกเลิกสายการผลิตไปแล้ว หรือบางรายกำลังจะยกเลิกสายการผลิต  รวมทั้งปฏิบัติภารกิจบินเดินทางระหว่างประเทศของเครื่องบินลำเลียงแบบ   8  มีข้อจำกัดอย่างมากที่ไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดขององค์กรการบินระหว่างประเทศ (ICAO : International Civil Aviation Organization) ในการติดตั้งอุปกรณ์สำคัญบางประเภท

จากข่าวการงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ครับ...

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 18/05/2009 10:21:37


ความคิดเห็นที่ 9


เป็นผมคิดนอกกรอบ เอาเครื่อง P-3T Orient ดีกว่า เพราะดูประเทศเพื่อนบ้านอย่าง
เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย มีเรือดำน้ำดีเซล เพียบเลย โดยเฉพาะ option
ติด
1. โซโนบุย สามารถปูพรมหาเรือดำน้ำศัตรูได้
2.สามารถติดจรวด Hapoon ทำลายเรือรบได้
3.สามารถติด ตอปิโด ทำลายเรือดำน้ำได้
 เมื่อคิดดูแล้วภาระกิจทางทะเลของเรา ต้องไว้ป้องปรามพวกประเทศเพื่อนบ้านไว้บ้างไม่งั้น
เสร็จโดนขู่ยิงเรือประจำ ในเมื่อเรือดำน้ำเยอะกันจัด ก็จัดหาระบบป้องกันภัยทางทะเลเสียเลย
สบายใจเข้ามาเมื่อไร สอยด้วยตอปิโด ดูซิว่าจะอึดดำได้ขนาดไหน เพาะอ่าวไทยเรา ลึกอย่างมาก 50 เมตร
ส่วนในเรื่องการจัดเก็บภาษี ผมว่านะ ที่ดินไหนรกร้างว่างเปล่า เอาแบบหญ้าขึ้นเพียบต้องโดนปรับเพราะ
ทำให้รก เป็นมลภาวะทางสายตา แบบอเมริกา เก็บแหลกค่าปรับกระจายถ้าคุณไม่ตัดหญ้าให้เกรียน
โดยคุณ siamman18 เมื่อวันที่ 18/05/2009 11:25:35


ความคิดเห็นที่ 10


(ว่าที่)พี่เขยว่าอย่างไรผมในฐานะ(ว่าที่)น้องเขยผู้แสนดีก็ว่าตามนั้นครับ หุหุ



ป๋าJudasค้าบบบบบบบถ้าอย่างนั้น  ป๋าจะมาร่วมเป็นสมาชิกพรรคการเมืองกับผมมั้ยค้าบบบ นโนบายหลักเข้าไปดูได้ที่นี่ครับป๋า

http://www.thaiarmedforce.com/forum/viewtopic.php?f=13&t=354


ส่วนเรื่องการจัดเก็บภาษีถ้าไม่ตามเป้าไม่ต้องห่วงครับป๋า  ผมจะเสนอนโยบายการเก็บภาษี อากาศหายใจและภาษีแสงอาทิตย์เข้าไปด้วยครับ
อาจจะรวมถึงภาษีของปริมาณน้ำฝนมาเพิ่มด้วยนะครับ  จะได้มีงบเยอะครับป๋า  สนใจมั้ยครับ
โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 18/05/2009 11:28:27


ความคิดเห็นที่ 11


ใจจริงอยากได้ JAS นะ
แต่ความจริงคือความจริง คงต้องเป็น C 130
เพราะ
เืพื่อนๆ บ่นกันว่า C130 �ตอนนี้ ใช้งานหนักที่สุด อาจจะมีโอกาศลาโลก สูงมาก�
เรื่อง Tanker มองเป็น เครื่องปลดจาก การบินไทย น่าจะได้
แต่ติดที่ การติดตั้ง บูม สำหรับ F16 ราคา มันแพงนรกแตก

ไม่รู้ว่า ทำไม ระบบ เติมน้ำมันของ เมกา มันถึงต้องมี 2แบบ ด้วย ดูซิ เปลืองเงินแย่
โดยคุณ u3616234 เมื่อวันที่ 18/05/2009 18:34:58


ความคิดเห็นที่ 12


กฎหมายภาษีโรงเรือนใหม่ที่ คาดว่าจะดันให้ออกมา ทันใช้ในปลายปีนี้ คือ บ้านพักอาศัย ก็ถูกจัดเก็บด้วยครับ...ก็คือ บ้านที่ทุกท่านพักอาศัยอยู่ ก็จะถูกจัดเก็บด้วยครับ...แต่เดิม มีข้อยกเว้น บ้านพักอาศัย เนื้อที่ไม่เกิน 100 ตร.วา ไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือน ครับ...

เรื่องภาษี ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หรือเป็นภาระมาก...ถ้า ผู้เสียภาษี ได้รับ สวัสดิการสังคม จากภาครัฐบาล อย่างสมดุล กับภาษีที่เสียไป...เช่น การรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลรัฐ การได้รับความปลอดภัย (เช่น สร้างบ้านแบบไม่ต้องมีรั้วรอบ ขอบชิด ติดเหล็กปลายแหลมบนขอบกำแพง อีก 1 ชั้น) การได้รับความสะดวก จากการเดินทางโดยระบบขนส่งมวลชน...เพราะเป็นการช่วยลดรายจ่ายในชีวิตประจำวัน...ผู้เสียภาษี จึงยินดี ที่จะเสียภาษีเพิ่ม ถ้าชีวิตประจำวัน ได้รับความสุขเพิ่มขึ้น...

แต่ปัจจุบัน ผู้ที่มีรายได้ และเสียภาษี ประจำปี...ไม่ได้รับสวัสดิการสังคม จากภาครัฐ...เช่น การรักษาพยาบาลจาก ร.พ.รัฐ...ถ้าไม่จำเป็น จะไม่ไปใช้บริการ เพราะไม่มีเส้น หรือรู้จักใครใน ร.พ....ต้องรอคิวการผ่าตัดเป็นเวลานาน...สาเหตุ เพราะ คุณภาพ ร.พ.รัฐ ไปกระจุกตัว อยู่ตาม ร.พ. ใหญ่ ที่มีชื่อเสียง....ร.พ.สาธารณสุข ตามเขต อำเภอ ยังไม่มีคุณภาพเพียงพอ...โดยเฉพาะ กทม. ไม่มีแล้ว...

การได้รับความปลอดภัย...แค่คิดจะเดินเข้าโรงพัก...ก็ทุกข์ พอ ๆ กับถูกโดนทำร้าย...ก็ไม่ค่อยได้ใช้บริการ ถ้าไม่จำเป็น และไม่มีใครอยากใช้บริการเท่าไหร่...

การเดินทางโดยระบบขนส่งมวลชล...ก็ไม่ได้ใช้บริการ...สำหรับผู้มีรายได้เกือบทุกระดับ จะจัดหา รถยนต์ส่วนตัว เพื่อใช้เดินทางไปทำงาน เพราะ ระบบขนส่งมวลชนไม่ได้รับความสะดวก และปลอดภัย เมื่อนึกถึงว่า ตนเอง มีกำลังสามารถที่จะผ่อนชำระรถยนต์ได้...

จากเหตุดังกล่าวข้างต้น...การถูกจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่เป็นอยู่...จึงเป็นความทุกข์อย่างมหันต์...สำหรับผู้ที่เสียภาษีเงินได้เป็นประจำอยู่ทุกปี...เพราะ ต้องช่วยตัวเองทุกอย่าง แถมยังมาเก็บภาษีเพิ่มอีก....

 

 

 

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 18/05/2009 20:35:42


ความคิดเห็นที่ 13


สำหรับพรรคการเมือง ของท่าน nok ผมว่าก็น่าสนใจนะ...เพราะมีแนวความคิดคล้าย ๆ กัน....5 5 5 5 5

จากประสบการณ์การทำงาน ในฐานะพนักงานเงินเดือนประจำ และรับจ๊อบ เป็นครั้งคราว...

วันที่ทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด ใน 1 อาทิตย์ จะมีประมาณ 4 วัน...

ดังนั้น ผมจึงเสนอนโยบายหาเสียงเป็น ทำงาน 4 วัน หยุด 3 วัน ดังนี้

ทำงาน จันทร์ อังคาร

หยุด พุธ

ทำงาน พฤหัส ศุกร์

หยุด เสาร์ อาทิตย์

ยกเลิก วันหยุดประจำปี 13 วันออกไป

1 ปี มี 365 วัน

เป็นวันเสาร์ อาทิตย์  104 วัน

เป็นวันหยุดกลางอาทิตย์ 52 วัน

รวมวันหยุด 156 วัน เท่ากับ 5 เดือน

จากเดิม พนักงานมีวันหยุด

เป็นวันเสาร์ อาทิตย์ 104 วัน

วันหยุดประจำปี 13 วัน

วันพักร้อน 7 วัน

รวมวันหยุด 124 วัน เท่ากับ 4 เดือน

พนักงานจะมีวันหยุดเพิ่มขึ้น 32 วัน หรือ 1 เดือน

บริษัทฯ จะสามารถลดรายจ่ายเงินเดือนพนักงาน ได้ 1 เดือน...

แต่ประสิทธิภาพงาน จะเท่าเดิม...และ พนักงาน จะไม่ค่อยมีเวลา หวี ผม ปะแป้ง และ เล่นบอล...

สำหรับวันหยุดสงกรานต์ และ วันหยุดปีใหม่ ให้ไปชดเชยใน เดือน กุมภาพันธ์ ของทุกปี คือ เดือน กุมภาพันธ์ จะทำงานเต็มเดือน (เพราะช่วงนั้น เป็นช่วงปิดงบการเงินบริษัทฯ ส่วนใหญ่ในประเทศไทย)

ผมขอเสนอเป็นอีก 1 นโยบาย ครับทั่นนนน... 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 18/05/2009 21:01:18


ความคิดเห็นที่ 14


ตามที่ท่านjuldasว่าก็ดีนะครับแต่ผมว่านะทางที่ดีรัฐควรนำหวยบนดิน

กลับมาขายอีกหรอบดีกว่าการขึ้นภาษีเสียอีกเพราะหวยยังงัยก็

เป็นความหวังของคนจนอยู่แล้วภาษีนี้ทุกคนยินดีที่จะจ่ายให้รัฐ

อยู่แล้วโดยที่ไม่ตะขิดตะขวงใจไม่ด่ารัฐด้วยหวยนี้มีมานานมาก

มีมาตั่งแต่รัชกาลที่3หรือที่เรียกว่าหวยกขนั้นแหละจนมา

มีหวยตัวเลขในสมัยรัชกาลที่5หรือ6ไม่แน่ใจสมัยนั้นคนไทย

นิยมเล่นกันมากจนชนิดที่ว่ารัชกาลที่6ต้องสั่งยุติการขายหวย

เพราะว่ารัฐมีรายได้มากพอแล้วมากจนชนิดที่ว่าใช้ไป10ปี

ก็ไม่หมดจนรัชกาลปัจจุบันได้กำเนิดสลากกินแบ่งรัฐบาล

จนถึงทุกวันนี้การขายหวยบนดินรอบใหม่รัฐควรกำหนด

ผู้ซื้อว่าต้องเป็นคนทีมีอายุตั่งแต่20ปีขึ้นไปเด็กห้ามซื้อ

และควรกำหนดราคาเพียงราคาเดียวฉบับละ40บาท

แต่ต้องเขียนด้วยมือหรือกำหนดตัวเลขที่เครื่องซื้อได้

ไม่จำกัดจำนวนตัวเลขไม่ว่าเลขนั้นจะดังแค่ไหนรับหมด

ส่วนเงินรางวัลให้จ่ายเท่ากับหวยบนดินในรอบที่โดนยกเลิก

ไปเมื่อหักลบกลบจากเงินรางวัลที่ต้องจ่ายจะทำให้รัฐ

มีรายได้งวดละ500ล้านเดือนหนึ่งมี2งวดก็1000ล้าน

ปีหนึ่งก็12000ล้านบาทดีกว่าขึ้นภาษีเสียอีกแถมไม่ต้อง

โดนด่าด้วยเงินจำนวนนี้รัฐจะเอาไปใช้ประโยนช์ได้ตั้ง

มากมายก่ายกองแต่การที่รัฐไม่นำเอาหวยบนดินมาขาย

ทำให้ผลประโยนช์ทีรัฐควรจะได้กลับเข้ากระเป๋าเจ้ามือหวยใต้ดิน

รวยสบายไป

โดยคุณ ttrc เมื่อวันที่ 19/05/2009 01:25:46


ความคิดเห็นที่ 15


ถ้าพูดว่าต้องการเครื่องบินอะไร ระหว่าง C-130J กับ JAS-39 ล็อตที่สามใช่ไหม ถ้าจะว่าไปถ้าจัดหา JAS-39 ให้ครบ 18 เครื่องก็จะทำให้ความพร้อมรบของฝูง JAS-39 สูงยิ่งขึ้นและจะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวณทางทะเลหรือสนับสนุนกองเรือให้กองทัพเรือได้ครอบคลุมน่านน้ำทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามันรวมทั้งการป้องกันภัยทางอากาศภาคใต้ แต่การจัดหานั้นสังเกตุว่าจะมีเรื่องทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ ส่วน C-130J นั้นต้องดูว่าภารกิจที่จะใช้งานนั้นสมควรหรือไม่ที่จะจัดหาเครื่องบินลำเลียงขนาดนี้เพิ่มเติมหรือจัดหาขนาดย่อมลงมา ถ้าหากว่า C-130H ที่มีอยู่ยังมีอายุและสามารถที่จะทำภารกิจต่อไปได้อีก ถ้าจัดหาเครื่องขนาดกลางมาเสริมจะเหมาะสมกว่าหรือไม่ แต่ถ้าอายุและโครงสร้างของ C-130H มันมีมากแล้วสมควรที่จะมีการจัดหาทดแทนนั้นถือว่าสมควรอย่างยิ่ง เพราะหากมีการสูญเสียขณะปฏิบัติหน้าที่นั้นเครื่องบินขนาดนี้จัดว่าเป็นข่าวใหญ่โตแน่นอน แต่การจัดหาก็ต้องแจงข้อมูลให้แน่ชัดเหมือนกันว่าหากจัดหาจริง ราคาเท่านี้ เอามาทำอะไรบ้าง และต้องเข้าใจว่าต้องมีภารกิจ VIP เข้ามามีส่วนในการปฏิบัติภารกิจแน่นอนในการจัดซื้อแล้วก็จะมีคนมาต่อว่าต่อขานตรงนี้อีกเช่นกัน
โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 19/05/2009 03:47:56


ความคิดเห็นที่ 16


..ส่วนตัวคิดว่า การจัดหา JAS-39 นั้นคงไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนแต่ว่า การจัดหา บ.ล.ขนาดหนักอย่าง C-130 J นั้นมีความจำเป็นเร่งด่วนหรือไม่ที่ต้องใช้ บ.ล.ขนาดนี้น่ะครับ ถ้าไม่ใช่เร่งด่วนแต่เอามาแบ่งเบาภาระ ควรจะเป็นCASA-259 ครับ เนื่องจากราคาถูกมากกว่า C-130J ครับแถมยังจัดหาได้หลายลำจนถึงแบ่งไปทำภารกิจอื่นเช่น ลาดตระเวณ ทางทะเลเป็นต้น
โดยคุณ MIG31 เมื่อวันที่ 19/05/2009 06:57:33


ความคิดเห็นที่ 17


ดีเลยครับ เครื่องไหนก็ได้ แต่เอาJasน่าจะดีกว่า

โดยคุณ meen เมื่อวันที่ 20/05/2009 03:02:12


ความคิดเห็นที่ 18


ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหลอกครับ แค่ทุกคนเสียภาษีให้ครบทุกบาททุกสตางค์ ก็ได้แล้วครับ กำจัดพวกเลี้ยงภาษีและพวกส่วยออกไปไห้หมด ประเทศชาติต้องได้มากว่าปัจจุบันนี้ไม่น้อยกว่า 20% อย่างแน่นอน และยิ่งถ้ามีการบริหารจัดการงบประมาณที่ดีแล้วจะยังทำไห้เงินเหลือเยอะอีกด้วย

โดยคุณ sherlork เมื่อวันที่ 11/06/2009 10:29:30