หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ยังจำเหตุการณ์นี้กันได้ไหม

โดยคุณ : ohho เมื่อวันที่ : 24/05/2009 23:53:58

เมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว  (ผมอาจจำคลาดเคลื่อนหน่อย)  เหตุการณ์ที่มีกลุ่มทหารพม่าหรือใครไม่แน่ใจ  ที่แหกคุกแล้วจับตัวประกันประมาณ 4-5 คนไว้  แล้วได้ใช้รถยนต์เดินทางเพื่อหลบหนีออกนอกประเทศ  ทาง อ.ไทรโยค   จ.กาญจนบุรี  แล้วทางไทยได้ออกอุบายโรยตะปูเรือใบให้ยางรถรั่ว  แล้วได้ใช้  คอมมานโด (ไม่แน่ใจ) ยิงโจรทั้งหมดตาย  (ตอนยิงนี่สุดยอดมาก)  คือผมอยากรู้ข้อมูลเหตุการณ์นั่นมาก  หรือภาพด้วยก็จะดีมาก  ขอบคุณครับ




ความคิดเห็นที่ 1


เสียงอาวุธปืนสงครามรัวหลายชุดดังก้องไปทั่ว แยกทับศิลา ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

เพียงไม่ถึง 5 นาที

นักโทษชายชาวพม่า 9 นายก็แน่นิ่ง ร่างไร้วิญญาณกองทับในรถปิคอัพสีน้ำเงิน

จบภารกิจปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกันที่ยาวนานกว่า 21 ชั่วโมง?!



10.05 น. วันที่ 22 พฤศจิกายน 2543 ชายในชุดนักโทษควงปืนยิงขู่ขึ้นฟ้า 1 นัด

เสียงคำรามจากปลายกระบอกปืน ทำให้วงสัมมนาธรรมกลางเรือนจำสมุทรสาคร หยุดกึก

ความโกลาหลเริ่มขึ้น!!

"เฮ้ยๆ เฮ้ยๆ จับมัน จับมัน"

"ปัง ปัง ปัง ปัง" เสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด ในจังหวะที่ผู้คุมและนักโทษมะรุมมะตุ้มเข้าแย่งปืนจากนักโทษชายชาวพม่า

สิ้นเสียงปืน ร่าง ของ "ดม ชิดทองปาน" อนุศาสนาจารย์ กรมราชทัณฑ์ ครูสอนธรรมของนักโทษในเรือนจำล้มลงเลือดอาบร่าง

ผู้ต้องขังชายชาวพม่าจำนวนหนึ่งปฏิบัติการจี้นายสมวงศ์ ศิริเวช ผู้บัญชาการเรือนจำสมุทรสาคร นายเสมา กุมนานนท์ หัวหน้าฝ่ายควบคุมและรักษาการณ์ นายบุญเสริม มีชัย หัวหน้าฝ่ายการศึกษา และเจ้าหน้าที่กับวิทยากร รวม 7 คน เป็นตัวประกัน

เพื่อแลกกับรถปิคอัพพร้อมน้ำมันเต็มถังสำหรับหลบหนีกลับพม่า..?!



"
หลีกหน่อย หลบหน่อยคร้าบ... ปี๊ด ปี๊ด ปี๊ด" เสียงเจ้าหน้าที่ตำรวจเคลียร์เส้นทาง ปากประตูเรือนจำที่เต็มไปด้วยสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่และผู้สนใจเหตุการณ์ เพื่อเปิดทางให้รถตราโล่ของผู้บังคับบัญชาเข้าไปข้างใน

โดยภายในรถตราโล่ "พล.ต.ต.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา" ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจ ภาค 7 นั่งหลังตรง สีหน้าแววตาเหมือนคนใช้ความคิดอย่างหนัก

หลังรับคำสั่งตรงจาก พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ธีรวุฒิ บุตรศรีภูมิ ผู้บัญชาการตำรวจภูร ภาค 7 ให้รับหน้าที่ผู้บัญชาการเหตุการณ์ ควบคุมสั่งการคุมปฏิบัติการช่วยชีวิตตัวประกันทั้งหมด

โดยคำสั่งยังก้องในโสตประสาท
"นักโทษจะหลบหนีไม่ได้ และตัวประกันทั้งหมดต้องปลอดภัย"

สิ่งที่ "พล.ต.ต.ภาณุพงศ์" ครุ่นคิดประมวลเหตุการณ์วางแผนการปฏิบัติขณะนั้นก็คือ คนร้ายกระทำความเสียหายให้กับประเทศของเรา แต่คนร้ายมีตัวประกัน ดังนั้น ต้องอดทนและประการสำคัญที่สุดคือ การตัดสินใจว่า ทำอย่างไร ช่วงไหน ถึงจะเสี่ยงน้อยที่สุด..?!

ขณะเดียวกันนั้นเอง หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 คอมมานโดจากกองปราบปราม และหน่วยนเรศวร 261 ตรึงกำลังพร้อมในเรือนจำสมุทรสาคร ตามคำสั่งของหัวหน้าชุดปฏิบัติการ

พร้อมๆ กับนายตำรวจนักปฏิบัติการมือดี ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถูกระดมมายังที่เกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บังคับการกองปราบปราม พ.ต.อ.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร พ.ต.อ.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ฯลฯ

ปฏิบัติการแรก
"พล.ต.ต.ภาณุพงศ์"
หัวหน้าทีม ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการเจรจาเข้าเจรจากับกลุ่มนักโทษ แต่การเจรจาครั้งแรกไม่เป็นผล

คนร้ายยืนกรานจะหลบหนีพร้อมตัวประกัน

นั่นคือสิ่งเดียวที่คนร้ายต้องการ โดยมีชีวิตตัวประกันเป็นอำนาจเหนือในการต่อรอง

ระหว่างนั้น ทีมช่วยเหลือตัวประกันพยายามหาข่าวและข้อมูลให้ได้มากที่สุด เพราะยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าคนร้ายมีกี่คน และตัวประกันมีทั้งหมดกี่คน

โดยผู้ปฏิบัติงานทุกคนต้องรอรับคำสั่งจากผู้บัญชาการเหตุการณ์เพียงคนเดียว ผ่านทางวิทยุสื่อสารช่องพิเศษ


เวลาผ่านไปร่วม 6 ชั่วโมง บรรยากาศภายในเรือนจำเริ่มทวีความตึงครียด

"มึงไปเปิดประตูเหล็ก เร็ว ให้เร็ว"
นายหม่องวิน นักโทษพม่าหัวโจก ตัววางแผน สั่งไอ้เล็ก โพธิ์ทอง นักโทษคนไทยให้ใช้แก๊สตัดประตูเหล็กชั้นนอกและชั้นในเพื่อหลบหนี

9 นักโทษอยู่ในอาการเครียด ตัวประกันก็ขวัญหนี ตื่นตระหนกไม่แพ้กัน!!

เมื่อการเจรจาไม่สามารถเปลี่ยนใจคนร้ายได้ กระทั่งนักโทษใช้แก๊สตัดประตูเหล็กหนาทั้ง 2 ชั้น นำรถออกมาได้สำเร็จ!!

โดยทีมช่วยเหลือตัวประกันคอยคุมเชิงอย่างตาไม่กะพริบ แต่จำยอมปล่อยให้คนร้ายพร้อมตัวประกันขึ้นรถปิคอัพแบบต่อหลังคา สีน้ำเงิน ทะเบียน อย 3710 กรุงเทพมหานคร ขับเคลื่อนออกจากเรือนจำช้าๆ ภายในรถอัดแน่นไปด้วยกลุ่มนักโทษพม่าและตัวประกันที่นั่งเป็นเกราะกำบังให้อย่างดี

ไม่มีคำสั่งปฏิบัติการใดๆ จาก
"พล.ต.ต.ภาณุพงศ์"


"ชุดปฏิบัติการ"
ทำได้เพียง ขับรถตามประกบห่างๆ และใช้วิธีเจรจาต่อรองกับกลุ่มนักโทษไปตลอดทาง

โดยเป้าหมายแรกของกลุ่มนักโทษคือ
ศูนย์มณีลอย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี และพวกเขาก็ขับรถมุ่งหน้าไปยัง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี พร้อมกองทัพตำรวจและสื่อมวลชนที่ติดตามไม่ลดละ

ทีมช่วยเหลือตัวประกันวางแผนพยายามสกัดการหลบหนีตลอดเส้นทาง..!!



กระทั่งเวลา 18.45 น. คนร้ายจอดรถแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มบางจาก ริมถนนพระราม 2 แยกบ้านแพ้ว อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

จังหวะนี้การเจรจาเป็นผลเมื่อ
"นายปรีชา ศิริแสงอารัมภีร์ ประธานชมรมแปรรูปอาหารสัตว์ และนายพุทธา พูลฉลอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายการศึกษาเรือนจำสมุทรสาคร"
2 ตัวประกัน ถูกปล่อยตัวออกมา

โดยกลุ่มนักโทษยังคงเคลื่อนรถออกจากปั๊ม มุ่งหน้าไปยัง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ทันที

2 ชั่วโมงต่อมา
"ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี"
นำรถบรรทุกจอดขวางถนน ปิดเส้นทางของคนร้าย บริเวณแยกวังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ตามคำสั่งของ พล.ต.ต.ภาณุพงศ์

คนร้ายจำยอมหยุดรถ?!


การเจรจาเริ่มขึ้นอีกครั้ง

กลุ่มนักโทษยอมปล่อยตัวประกันอีก 2 คน แลกกับการเปิดทางหนี

"ผบ.เรือนจำ ท่าน รองเสมา และคุณบุญเสริม มี 3คน ยังอยู่ในรถ"
หนึ่งในตัวประกันที่เพิ่งถูกปล่อยตัว บอกแก่ทีมช่วยเหลือตัวประกัน

ข้อมูลที่ได้เป็นประโยชน์ แต่ตำรวจก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้

"พล.ต.ต.ภาณุพงศ์"
สั่งการย้ำ ชุดปฏิบัติการ 30 ชีวิต สะกดรอยตามติดคนร้ายอย่าให้คลาดสายตา!!

แผนการช่วงชิงตัวประกัน วนเวียนอยู่ในหัว เพียงแต่มันยังไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสม การตัดสินใจทำอะไรในตอนนี้อาจหมายถึงชีวิตของตัวประกันทั้ง 3 คน



"มันเปลี่ยนเส้นทาง มันคงไปด่านเจดีย์สามองค์"
วิทยุสื่อสารของทีมปฏิบัติการแจ้งเปลี่ยนเส้นทางหลังเชื่อว่า คนร้ายกำลังมุ่งหน้าไปยัง อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี แทนที่จะไป อ.สวนผึ้ง ตามแผนเดิม

ชุดปฏิบัติการตามติดรถปิคอัพสีน้ำเงินของคนร้ายจนเข้าเขตแยกหนองเสือ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี

รถของคนร้ายจำยอม ต้องหยุดอีกครั้ง!!

เมื่อตำรวจนำรถมาจอดขวางทาง เป็นครั้งที่ 2 ตามคำสั่งของหัวหน้าทีมช่วยเหลือตัวประกัน

การเจรจาเริ่มอีกครั้ง ต่อเนื่อง ยาวนาน แต่ไม่เป็นผล ซ้ำยังเพิ่มความตึงเครียด




"ปั้ง ปั้ง"

หนึ่งในนักโทษพม่า ยิงปืนขึ้นฟ้าระบายความเครียด!!

กระทั่งตี 3 ของวันใหม่

ตำรวจต้องปล่อยให้คนร้ายขับรถต่อไป

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ความพยายามสกัดคนร้ายเกิดขึ้นอีกครั้ง เพื่อเปิดฉากเจรจา

"อย่าทำร้ายตัวประกัน"
หัวหน้าชุดเจรจาบอกกับกลุ่มนักโทษ

"ปล่อยพวกผมไป ถึงสังขละบุรีเมื่อไหร่ ผมจะปล่อยตัวประกัน อย่ากดดันพวกเรา เรามีระเบิด ทุกคนในรถอาจตายกันหมด"
คำต่อรองเกมขู่ของคนร้ายที่ทำให้หัวหน้าชุดปฏิบัติการคิดหนัก

ข้อมูลที่มีตอนนี้คือ ยังเหลือตัวประกันอีก 3 คน และกลุ่มนักโทษที่ไม่ทราบแน่ชัดว่ามี 8 หรือ 9 คน กันแน่ เพราะตัวประกันที่ออกมาได้ยังสับสนหวาดผวา

"พล.ต.ต.ภาณุพงศ์"
ตัดสินใจใปล่อยกลุ่มคนร้ายเดินทางต่อไป

จนเวลาประมาณ 04.45 น.

"มีอุบัติเหตุรถปิคอัพ ชนกับรถจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิตครับ"
ผกก.เจ้าของท้องที่รายงานหัวหน้าชุดปฏิบัติการ

ทั้งรถของคนร้ายและตำรวจไม่สามารถเดินทางต่อได้ระยะหนึ่ง

แม้จะเป็นช่วงที่คนร้ายหยุดชะงัก แต่เมื่อพิจารณาทุกปัจจัยแล้ว หัวหน้าชุดช่วยเหลือตัวประกันก็ยังไม่ตัดสินใจลงมือในตอนนี้

ไม่นานคนร้ายก็เดินทางต่อไปได้?!

สำหรับ พล.ต.ต.ภาณุพงศ์แม้นจะยังไม่สามารถช่วยตัวประกันที่เหลือได้หมดทุกคนในขณะนี้
แต่ถือว่าได้ทำให้ตัวประกันถูกปล่อยออกมามากที่สุดแล้ว

หลายครั้งหลายหนที่เกือบตัดสินใจลงมือ แต่เมื่อยังไม่เห็นอะไรชัดเจน ข้อมูลที่ไม่มากพอ ประกอบกับความมืดทำให้หัวหน้าชุดปฏิบัติการยังไม่มั่นใจเต็มร้อย เพราะความเสี่ยงยังสูงเกินไป!!



เวลาจวนจะ 20 ชั่วโมงอยู่แล้วที่ตัวประกันอยู่ในมือกลุ่มนักโทษฉกรรจ์แหกคุก ล่วงเข้ารุ่งเช้าวันใหม่

"แยกทับศิลา น่าจะพอทำอะไรได้ ถึงตอนนั้นก็เช้าพอดี เริ่มมองเห็นอะไรแล้ว ถ้าปล่อยไปไกลกว่านั้น ลำบากแล้ว"

"หยุดรถมันให้ได้"
หัวหน้าชุดปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกัน ออกคำสั่งเด็ดขาดหลังจากไตร่ตรองจนมั่นใจ

คนร้ายขับรถมาจนถึงบริเวณเขาสามชั้น อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และพลาดเกิดอุบัติเหตุ ล้อรถทับตะปูเรือใบ..?!

แม้จะหยุดรถของคนร้ายได้

แต่ตำรวจก็ยังไม่พร้อมจะปฏิบัติการใดในจังหวะนี้ ความสว่างยังไม่พอ และคนร้ายมีตัวประกันเป็นเกราะกำบัง

กลุ่มนักโทษขับรถปิคอัพที่ยางแบนมาอย่างช้าๆ ได้เกือบ 5 กิโลเมตร ถึงแยกทับศิลาก็ต้องหยุด

สภาพยางล้อรถแบนจนไม่สามารถขับต่อไปได้แล้ว

จุดนี้สภาพพื้นที่บริเวณด้านข้างเป็นพงหญ้าที่ไม่รกนัก แสงอาทิตย์ยามเช้าทำให้ชุดช่วยเหลือตัวประกันเห็นรายละเอียดมากขึ้น

การเจรจาก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง?!

กลุ่มนักโทษซึ่งอยู่ในสภาพอ่อนเพลียต้องการรถคันใหม่สำหรับใช้หลบหนี

ไม่นานนัก...รถปิคอัพเปิดกระบะโล่งสีขาวถูกนำมาจอดเทียบรถของคนร้าย

ตอนนี้คนร้ายย่ามใจลงมาดูรถคันใหม่

"เราไม่เอาคันนี้ หาคันใหม่ให้เรา"
หนึ่งในกลุ่มคนร้ายบอกกับ พล.ต.ต.ภาณุพงศ์ที่ลงมือขับรถเข้าไปเจรจาด้วยตนเอง

"โอเค... แต่อย่าทำร้ายตัวประกันเด็ดขาด เขาไม่เกี่ยวข้อง"
หัวหน้าชุดปฏิบัติการรับปากและข้อร้องไม่ให้ทำอะไรตัวประกันทั้ง 3 คน

"เราไม่ทำอะไร แต่ตำรวจอย่ามาเกี่ยว ปล่อยเราไป ถึงพม่าเมื่อไหร่ ตัวประกันจะปลอดภัย"
คนร้ายตอบโต้ทันควัน

ระหว่างเจรจาสิ่งที่ พล.ต.ต.ภาณุพงศ์ ทำคือการเช็คจำนวนคนร้ายและตำแหน่งของแต่ละคน รวมถึงตำแหน่งของตัวประกันในรถด้วย
หลังจากที่ก่อนหน้านี้คนร้ายพยายามสลับที่นั่งอยู่ตลอดเวลา

และขณะนั้นเอง ตำรวจชุดแม่นปืนจากค่ายนเรศวร 261 ซึ่งคัดจากคนที่มีประสบการณ์และฝึกฝนอยู่เสมอ เคลื่อนเข้าที่ประจำจุด ห่างจากเป้าหมายเพียง 50 เมตร ซึ่งเป็นระยะหวังผล

"อย่าทำร้ายตัวประกันนะ เราจะปล่อยตัวไป"

การเจรจาครั้งสุดท้ายสิ้นสุดลง!!

ระหว่างรอรถสำรองคันใหม่จากตำรวจ คนร้ายที่อยู่ในอาการหัวเสียเล็กน้อยและที่ลงมาปัสสาวะพร้อมสูบบุหรี่ต่างขึ้นรถจนครบอย่างไม่เอะใจ!!

กระทั่งเวลาประมาณ 07.30 น.

พล.ต.ต.ภาณุพงศ์ส่งสัญญาณไปยังชุดแม่นปืน และหน่วยคอมมานโดทันทีที่สามารถสั่งมาร์กตัวคนร้ายทั้ง 9 คนได้

เมื่อมั่นใจว่าชุดแม่นปืนพร้อม ทุกคนรู้หน้าที่ว่าใครมาร์กใคร ใครอยู่จุดไหน ความมั่นใจในทีม และความเสี่ยงเป็นศูนย์!

หัวหน้าชุดปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกันสั่งการทันที

"ยิง"!!!!!!!

"ปัง ปั้ง ปัง ปัง ปั้ง ปั้งปั้ง ปัง"
หน่วยแม่นปืนลั่นไกเจาะกะโหลก 9 นักโทษพม่าอย่างไม่พลาดเป้า

9 ทรชน แน่นิ่งเหลือเพียงร่างไร้วิญญาณ

เสียงรัวของกระสุนนับร้อยนัดจากชุดปฏิบัติการจากกองปราบปราม และ บช.ภ.7 ซึ่งซุ่มอยู่ตรงเข้ายิงซ้ำใส่กลุ่มเดนคุกไม่ยั้งอย่างชำนาญและแม่นยำ

ตัวประกัน 2 คน ถูกช่วยเหลือมาได้โดยบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย มีแต่ผู้บัญชาการเรือนจำสมุทรสาคร เท่านั้น ที่อาการสาหัสปางตายและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

"ผมพยายามทำดีที่สุดแล้ว พยายามให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด แต่นาทีนั้นจำเป็นต้องตัดสินใจ เพื่อหยุดยั้งความบ้าคลั่งโหดเหี้ยมของคนร้ายที่พยายามกดดันเราตลอดเวลา ด้วยการขู่ฆ่าตัวประกัน เราปล่อยไปไม่ได้ มันเดิมพันด้วยชื่อเสียงของประเทศเรา คนร้ายต่างชาติจะมากระทำการอุกอาจเย้ยอำนาจรัฐของเราแบบนี้ยอมไม่ได้"
คำกล่าวทิ้งท้ายของหัวหน้าชุดปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกัน

ปิดฉากปฏิบัติการระทึกที่ยาวนานกว่า 21 ชั่วโมง!?

  เครดิต จาก  http://www.askmedia.co.th/book/writesara_part.php?id=614




โดยคุณ ja_ae เมื่อวันที่ 16/05/2009 18:57:50


ความคิดเห็นที่ 2


^
^
^
1. ไม่ใช่พม่าครับ

2. อ่านภาษาเขียนแล้วปวดหัวมากครับ

โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 16/05/2009 14:50:55


ความคิดเห็นที่ 3


จากคนให้การณ์ของพัสดีที่รอดชีวิตวันนั้นเขาบอกพัศดีตายเพราะหน่วยคอมมานโดเข้าไปช้าเกินไป แถมไปทำให้นักโทษตกใจจนมันแทงพัสดีตาย

 แต่จิงๆตอนนั้นมันระยะก้อไกลไปนิดเปงที่เปิดโล่ง รถกะบะเปงแคปกระจกใส เราเหงมันก้อจิง มันก้อเหงเรา ยิ่งพอมันเหงคอมมานโดจู่โจมแล้วมันก้อก้มหน้าแทงพัสดีแล้ว กว่าจะชาตเข้าไปก้อไม่ทัน อ่านใจพม่าผิดไป น่าจะคิดว่าพม่ามานรู้ตัวว่าวิสามันแน่ พวกนักโทษมันแหกคุกมาแบบนี้ ถือว่าบ้ากล้าตายสุดๆๆพวกนี้พร้อมแลกชีวิต100% แต่ยังดีที่เสียคนเดียว

   ตอนนั้นดูแล้วไม่มีวิธีอื่นนอกจากนั้นแล้ว แต่จิงๆน่าจะเลือกสถานที่จู่โจม ให้ใกล้ๆจะได้ซื้อเวลาสัก2-3วินาที ภาพการจู่โจมสวย แต่จิงๆๆยังช้าไป อืม...เวลาแบบนั้นการเลือกสถานที่ก้อไม่ได้อีก เพราะรถขับเร็ว จะเปลี่ยนเส้นทางได้ทุกเวลา ก้อดีที่สุดแล้วครับ

โดยคุณ panzer เมื่อวันที่ 15/05/2009 21:09:41


ความคิดเห็นที่ 4


เหมือนกันครับ....

** แต่อีกอันที่เกิดใกล้ๆกัน  กะเหรี่ยงก็อดอาร์มี่บุกโรงพยาบาลราชบุรี  รุสึกภาพจะออกทีวีชัดมากเลย..แต่นานแล้วหาดูไม่ได้ใครมีขอหน่อยน่ะครับ..

โดยคุณ snake เมื่อวันที่ 13/05/2009 11:59:28


ความคิดเห็นที่ 5


คอมานโดจากค่ายนเศวรครับ
แหกคุกจากเรือนจำที่สมุทรสงคราม(ถ้าจำไม่ผิด)
จับพัศดีเป็นตัวประกันครับ  ฉวยโอกาสที่ทางพัศดีจัดให้มีงานเลี้ยงภายในเรือนจำ

แต่พัศดีเสียชีวิตด้วยครับในเหตุการณ์ครั้งนั้น
โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 13/05/2009 11:06:10


ความคิดเห็นที่ 6


ที่คุณja_ae ลงไว้ชัดเจนแล้วครับ

ตั้งแต่ผมเกิดมาไม่เคยเห็นปฏิบัติการไหนที่ชัดเจนผ่าน ทีวีเท่าเหตุการณ์ครั้งนี้ครับ�ช่องเก้าบันทึกไว้ตั้งแ่ต่เสียงปื่นนัดแรก จน เหตุการณ์สงบ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที �(ลองไปค้นหาดูครับ) �ชุดปฏิบัติการหลัก น่าจะเป็น นเรศวร 261 ที่้คำว่าน่าจะ เพราะเหตุการณ์นานแล้ว มีหลายหน่วยสนธิกำลังกัน และโดยภารกิจและพื้นที่รับผิดชอบแล้วเป็นของหน่วยนี้ครับ

ผู้เสียชีวิต ที่จำได้มี สอง ท่าน เป็นเ หมือน อนุศาสนาจารย์ที่ทำหน้าที่ในเรือนจำครับ �เ สียชิวิตตั้งแต่ในเรื่อนจำครับ
�� � อีกคนเป็น ผบ.เรือนจำได้รับบาดเจ็บ หลังปฏิบัติการเสร็จสิ้นนำส่ง รพ.และท่านไปเสียชิวิตที่ รพ.ครับ
โดยคุณ Polize เมื่อวันที่ 24/05/2009 12:53:59