เป็นการรวบรวมข้อมูล เพื่อเก็บไว้สะสมนะครับ...
ข้อมูลตรงไหน ผิดพลาด แจ้งได้ครับ...จะได้แก้ไขให้ถูกต้อง...เพราะล่าสุด ผมเพิ่งจะ อัพเดท ภาพของ ร.ล.พาลี ก็พบว่า ภาพเรือกับข้อมูลประกอบภาพของ หนังสือที่ผลิตจากกองทัพเรือเอง...ก็ยังคลาดเคลื่อน ไม่ตรงครับ...แล้วจะนำมาเสนอต่อไปครับ
เรื่องความลับทางราชการ...ผมพิจารณาแล้ว...ไม่น่าจะมีอะไรครับ...พวกแขนแดง...ผมไม่กลัวครับ...เพราะผม พวกเสื้อแดงครับ...กั๊ก กั๊ก กั๊ก...
เพราะเป็นข้อมูลที่หาได้จาก อินเตอร์เนต และหนังสือต่างประเทศที่มีการจำหน่ายตั้งแต่ปี 1985-86 ครั้งกระโน้นแล้วครับ...
แผ่นที่ 1
เรียนคุณ juldas
ก่อนอื่นต้องขอบคุณครับที่นำข้อมูลมาให้อ่านกัน
ผมขอเรียนเพื่อทำความเข้าใจให้ถูกต้องตรงกันนะครับ เนื่องจากบอร์ดเราขณะนี้มีสมาชิกมากขึ้น หน้าใหม่วัยละอ่อนก็เยอะ
ระเบิดที่ใช้กดดันและทำลายเรือดำน้ำ ชื่อเรียกที่ถูกต้องคือ
"ระเบิดลึก" ครับ ในข้อมูลใส่มาเป็นระเบิดน้ำลึก
ภาษาอังกฤษใช้คำว่า "Depth Charge"
ขอบพระคุณ ท่านจุลดาส ครับ...............................
ผมต้องขออภัยท่านอีกเรื่องนึง ...........คือผมจะขอความกรุณาท่าน..................เรื่อง มีอยู่ว่า. เดิมทีผมเข้าใจมาตลอดว่า เรือสองลำนี้ ไม่ได้ติดตั้งระบบยิงเป้าลวง ครับ..................... ดังนั้นจึงอยากจะเห็นภาพบริเวณจุดติดตั้งดังกล่าว มิทราบว่าท่านจุลดาส ได้ถ่ายภาพบริเวณนั้นไว้ไหมครับ.................... ขอความกรุณาด้วย จักเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ...........................
ขอบคุณท่านน่าคิดครับ...แหมมม...ผมก็หลงเป็น ระเบิดน้ำลึก ซะนาน...
แล้วจะแก้ไขให้ใหม่ครับ....
สำหรับคำขอ ท่านกบ ครับ...ผมมีถ่ายไว้ครับ...เดี๋ยวกลับบ้านแล้วจะโพสให้ครับ...เป้าลวงจะติดตั้งไว้ตรงหน้า สะพานเดินเรือครับ...
อืมมมม...เกือบลืมไปครับ...
ตรงตำแหน่ง ระบบพิสูจน์ฝ่าย IFF....ไม่รับรองความถูกต้องนะครับ...เพราะในหนังสือแต่ละฉบับก็ไม่ค่อยเหมือนกัน
กับเรดาร์ตรวจการณ์อากาศ กับ พื้นน้ำ...ตามข้อมูลในหนังสือหลาย ๆ เล่ม...ในระยะแรกของเรือ จะเป็นข้อมูล คือ AN/SPS-6C ซึ่งคงรับรองได้ว่าข้อมูลถูกต้อง...แต่ต่อมาช่วงที่มีการปรับปรุงเรือ ตามข้อมูลในหนังสือ เช่น สมรภูมิ ได้ระบุเป็น LW-04...และในหนังสือต่างประเทศ ในช่วงปี 1993 ก็ระบุเป็น LW-04...
ซึ่งผมดูรูปทรงแล้ว ก็เหมือนเดิม จึงน่าจะเป็นการปรับปรุงปรับเปลี่ยน อุปกรณ์เรดาร์ภายในเรือ โดยใช้เสาเรดาร์อันเดิม...และได้ค้นหาใน กูเกิ้ล ก็เหมือนว่า เรดาร์ LW-04 ได้พัฒนามาจาก AN/SPS-6...ดังนั้น ข้อมูลในเรดาร์ตรวจการณ์อากาศ ข้อมูลยัง 99 % อยู่....
ระบบโซนาร์ ในเว๊ปไซด์ และในหนังสือต่างประเทศ จะระบุเป็น DSQS-21 แต่ในหนังสือ สมรภูมิ ฉบับเรือฟริเกต ระบุเป็น SPJ-5 (รุ่นเดียวกับ ร.ล.เจ้าพระยา) และระบุว่า มีรางปล่อยระเบิดลึก 2 ราง...ซึ่งในส่วนของรางปล่อยระเบิดลึก เป็นข้อมูลที่ผิดแน่นอน...ดังนั้น ผมจึงให้ความเชื่อถือ ข้อมูลว่าเป็น ระบบโซนาร์ DSQS-21 มากกว่า....ซึ่งเป็น ระบบโซนาร์เดียวกับ เรือชั้น รัตนโกสินทร์...
โดย ทั้ง ร.ล.มกุฎ และเรือชั้น ตาปี ทั้ง 2 ลำ และ เรือชั้น รัตนโกสินทร์ ทั้ง 2 ลำ...ได้ติดตั้งระบบอำนวยการรบ แบบเดียวกัน คือ SEWACO - 4C
ท่าน Ronin เมื่อไร มีที่ฝากไฟล์ แจ้งด้วยเด้อออออ....เพราะผมใช้โปรแกรม Open Office มันมีให้ save file เป็น PDF...จะทำให้ สมาชิก สามารถเก็บไฟล์ และพิมพ์ ออกมาได้คมชัดครับ...
ฝากท่านกบ และทุก ๆ ท่าน ครับ...สำหรับ เป้าลวง
ขอบพระคุณ ท่านจูลดาส อย่างยิ่งครับ แจ่มแจ๋วชัดแจ้งหายสงสัยแล้ว......................
เป็นอันว่า เพิ่มทำเนียบเรือซึ่งมีเป้าลวงของทร.ไทยอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งที่มีได้แก่ ชั้นน็อกซ์ ชั้นนเรศวร ชั้นเจ้าพระยา ชั้นรัตนโกสินทร์ รล.มกุฏฯ ชุดชลบุรี และล่าสุด ชั้นตาปี โง่มาเกือบ ยี่สิบปี .................... มิทราบยังมีชั้นใดอีกหมัยครับ ท่านใดทราบบ้าง ?????
สงสัยมานานแล้วครับว่า ปืน 76mm ที่ติดบนเรือรบนี่ สามารถยิงทะลุเกราะรถถังหลักอย่าง Type-69II ได้ไหม
คิดแบบเล่นๆว่า ถ้า ถ.หลักสัก 3-4 คัน ยิงแลกหมัดกับเรือรบที่ติดตั้งแต่ปืน 76mm (อยู่ในระยะยิงทั้งคู่)
เข้าใจว่าเรื่องจริง คงไม่มีใครทำ แต่คิดกันเล่นๆว่าถ้ามันมีล่ะใครจะได้เปรียบเสียเปรียบครับ
เรื่องกระสุน แม้กว้างปากลำกล้องเท่ากัน แต่กระสุนอาจใช้ยิงด้วยกันไม่ได้ครับ เหมือน อาการ์ และ เอ็ม-60 กว้างปากลำกล้องเท่ากันคือ 7.62 มม. แต่กระสุนยาวไม่เท่ากัน อันแรก 39 อย่างสอง 51 ก็ใส่กันไม่ได้ หยั่งกรณี 3 นิ้วของรถถังเอ็ม-41 กะปืนเรือ ก็คงเช่นเดียวกัน............
เรื่องแลกหมัด เรือ กะ รถถัง อาจเป็นไปได้ครับ หยั่งสงครามโลกครั้งที่สอง สมัยนั้นการยกพลขึ้นบกจะอลังการมาก มีเรือใหญ่ทอดสมออยู่ไกลๆ ระดมปืน 5 นิ้ว 8 นิ้ว หรือ 16 นิ้ว ปูพรมบริเวณหาด ขณะที่เรือยกพลจะเป็นพวก เอสเอสที วิ่งเข้าใกล้หาดเพื่อปล่อยพล เรือบางลำติดปืนสามนิ้ว เรียกว่า ดวลกับปืนข้าศึกที่วางอยู่ตามหาด ซัดกันมันหยดติ๋งๆเลยครับ.........................
ในสมัยนี้การป้องกันหัวหาดยังไม่เป็นเรื่องล้าสมัย หรือแม้แต่การยิงใส่ฝั่งก็ยังทันสมัยตลอด จะเห็นได้จากเรือรบเกือบทุกลำต้องมีปืนใหญ่ ซึ่งวัตถุประสงค์ลำดับต้นๆคือ เอาไว้ยิงระดมฝั่ง............................
เพื่อนๆบางท่านอาจยังไม่ทราบว่า หน่วยป้องกันฝั่งของเรายกระดับขึ้นเป็นหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งมานานแล้ว (ห้ามจำสับสนกับหน่วยต่อสู้อากาศยาน และกรมปืนใหญ่ของ นย.) งานหลักคือ การเฝ้าระวังภัยทางอากาศ และป้องกันหัวหาดไม่ให้ใครมายกพลขึ้นง่ายๆ อาวุธหลักป้องกันภัยทางอาศคือ ปตอ.40/70 ควบคุมการยิงด้วยระบบควบคุม ฟลายแค้ชเช่อร์(ตัวจับแมงวัน) , ปตอ.37มม.จีน คู่กับไดเร็คเตอร์ และที่สร้างความฮือฮาคือ จรวด พีแอล-5(หรือ 7 ขออภัย) ของจีนด้วย........................... ในขณะที่ไม้เด็ดในการป้องกันฝั่งเรามี จีเฮชเอ็น-45 กะ กระสุนดาวกระจาย อันนี้หล่ะที่เด็ดพี่น้อง ลองนึกถึงกองเรือประชิดฝั่ง ตั้งขบวนอยู่ห่างฝั่ง 30 กิโล 155 มิล 18 กระบอกซัลโวกระสุนดาวกระจายซักกระบอกละสองโหล ข้าศึกคิดแล้วก็คงแหยงเหมียนกัล...................................
จรวดนำวิถีต่อสู้อากาศยานของ สอรฝ. เป็นจรวด PL-9 ครับ คุณกบ ^_^
คือผมอยากทราบว่า ถ้าเรือรบที่มีอาวุธเป็นปืน 76mm ลำเดียว
ถ้าเจอรักษาฝั่ง มี ถ.หลัก อย่าง Type-69II สัก 3-4 คัน ใครเป็นฝ่ายเสียเปรียบครับ
ปืนเรือ 76mm สามารถยิงทะลุเกราะของ Type-69II ได้ไหม
อ่า.............ก่อนอื่น ขออนุญาต ท่าน จขกท ก่อนครับ คือกำลังเปลี่ยนจากเรื่องเรือตาปีเป็น ดวลระหว่างเรือกับรถถัง................................
คือเท่าที่ทราบนะครับ.................ปืนเรือเองก็มีลูกเจาะเกราะหมือนกัน แต่นั่นจะเป็นจำพวกเรือ ลว.หนัก ลว. ประจัญบาน โดยเฉพาะเรือประจัญบานสายพันธุ์แท้นั้น เกราะหนาว่ากันเป็นเมตรเลยทีเดียว................
ทีนี้ เรามาดูหลักและวิธีการ การเจาะเกราะรถถังกันหน่อย.................. โดยปกติ วิธีการกำหราบรถถังด้วยกระสุนปืนใหญ่จะมี 3 วิธีครับ.....................
แบบแรกคือ การเจาะทะลวงโดยใช้ความร้อนเผา แบบนี้จะเป็นพวกกระสุนดินโพรง อย่างพวก ปรส. หรือ อาพีจี
แบบสองคือ แบบใช้หัวแข็งวิ่งทะลุผ่านด้วยความเร็ว พวกนี้จะเป็นพวกสลัดครอบ คือเมื่อยิงผ่านลำกล้องออกไป หัวกระสุนจะแยกออกเหลือแต่แกนโลหะซิ่งมีความแข็ง เช่นพวกทังสเตน บางสูตรใช้ยูเรเนี่ยม พวกนี้เหมือนเข็มแข็งๆ ที่วิ่งด้วยความเร็วสูง เมื่อชนเกราะจะทะลุเนื้อเกราะเข้าไปสร้างความเสียหายในรถถัง
แบบสามคือพวก กระเทาะเกราะ ใช้หลักการวิ่งชนด้วยความเร็วสูงเหมือนกัน แต่หัวกระสุนไม่ทะลุผ่านเกราะ มันจะหยุดกึ่กแปะที่เกราะเหมือนโยนดินน้ำมันใส่กระจกยังไงยังงั้น .............. แต่จะส่งพลังงานจลย์ ผ่านด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง ผลคือ ผิวอีกด้านของเกราะจะหลุดเป็นกระบิ กระเด็นไปด้วยความแรง สร้างความเสียหายแก่อุปกรณ์ข้างใน...................มีต่อ
ทีนี้มาว่ากันต่อ ด้วยเรื่องการดวล............................ โดยปกติปืนเรือขนาด 3 นิ้ว จะมีระยะยิงหวังผลทางราบราว 4-6 กม. แต่นั่นเป็นระยะหวังผลเป็นพื้นที่ คือเป็นการยิงแบบโปรเจ้คไตล์(เปิดมุมเล็กๆ) ในสไตล์แบบปืนใหญ่วิถีราบ (ปืน 155 เห่าวิซเซอร์ ระยะยิงหวังผลไกลถึง 30 กม. เมื่อเปิดมุม 45 องศา แต่เป็นความแม่นในแบบการยิงสนับสนุนเป็นบริเวณพื้นที่)
ในขณะที่เป้าเป็นจุดลักษณะรถถัง ระยะยิงหวังผลได้ของ 105 ในเอ็ม-48เอ5 จะอยู่ที่ไม่เกิน 2 กม. นั่นหมายความว่า ถ้าท่านอยู่ห่างไปกว่านี้ แม้จะมีระบบวัดระยะและคำนวนทางขีปณดีแค่ไหน โอกาสที่จะสังหารเต่าเหล็กคันเล็กก็เป็นไปได้น้อยลง (ที่ 6 กม. ข้าศึกอาจโผล่มายืนบนป้อมถอดกางเกงหันหลังก้งโค้งแหกตู..ล่อเป้าให้ด้วย)......................
ด้วยดังนี้ หากเรือรบหมายสังหาญรถถังด้วยการยิงแบบ ไดเร็คอิท (ทำลายด้วยการยิงชนเป้า) ท่านผบ. ต้องสั่งฝีพายแจวเข้ามาที่ระยะ 2 กม.ห่างจากหาด จากนั้นก็เริ่มบรรเลงเพลงหมัด ฟัดกันตูมๆ ผมไม่เชื่อว่า ลูกปืนของ 3 นิ้วออโตเมลลาร่า จะมีลูกเจาะเกราะสลัดครอบ(ยกเว้นอาจจะมีบางรุ่นที่ดัดแปลงไปติดบนฐานรถถังเอ็ม-48 แต่นั่นวัตถุประสงค์หลักก็ใช้เป็นปตอ.) ............. เอาเป็นว่าเป็นลูกเจาะเกราะธรรมดา บวกกับอัตราเร็วยิง 80 นัดต่อนาที น่าจะเป็นมหากาฬถล่มรถถังได้ แต่ด้วยขนาดเรือนร่างใหญ่เป็นภูเขา รับรองได้ว่า รถถัง ที-69-2 สามคัน เจาะยางรวบหัวรวบหางน้องนางได้เรียบวุธ..............................
เป็นเช่นนี้นี่เอง ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ (^^)
กระสุนเจาะเกราะที่ใช้ยิงทำลายยานเกราะ มี อยู่ 2 ประเภทใหญ่ๆครับ คือ 1 เจาะเกราะด้วยพลังงานเคมี และ 2 เจาะเกราะด้วยพลังงานจลน์
เจาะเกราะพลังงานเคมี อธิบายง่ายๆ ก็จำพวกที่เวลาหัวกระสุนต่อตีเป้าแล้วจะเกิดปฏิกิริยาเคมี เพื่อหวังผลในการเจาะผ่านเนื้อเกราะเข้าไป หรือง่ายกว่านั้น ก็จำพวก เจาะด้วยแรงระเบิดทั้งหลายนั้นแหละครับ แต่จะมีลูกเล่นแบบไหนก็ว่ากันไป หลักๆ ก็มี HEAT (High explosive Anti Tank) และ HESH(High explosive squash head) ครับ เจ้า HESH คือ กระสุนที่เราเรียกกันว่ากระสุนกะเทาะเกราะครับ มีแรงระเบิดครับ
เจาะเกราะพลังงานจลน์ พวกนี้จะไม่มีแรงระเบิด แต่จะอาศัย อัตราเร่งและมวลของหัวกระสุนในการพุ่งกระแทกเจาะผ่านเนื้อเกราะเข้าไป กระสุนพลังงานจลน์ยุคแรกๆ ถ้าจำไม่ผิด เยอรมันนำมาใช้ในสมัย WW II สังเกตง่ายๆ ไอ้ที่หัวกระสุนแหลมๆ นั้นแหละครับ ใช้ความเร่งพุ่งอัดกระแทกเข้าไป และเริ่มพัฒนามาเรื่อยๆ โดยลดขนาดของตัวกระสุนที่ใช้พุ่งอัดกระแทกลง(แต่ขนาดกว้างปากลำกล้องเท่าเดิมหรือเพิ่มขนาดขึ้น) จนมาเป็นรูปร่างลูกดอกในปัจจุบัน เพื่อ เพิ่มความเร่งและลดแรงเสียดทานลง และสิ่งที่มันตามมาด้วย(เนื่องจากลูกดอกมีขนาดเล็กกว่าลำกล้อง) ก็คือ ครอบกระสุนที่ใช้ยึดลูกดอกกับปลอกกระสุนครับ จนกลายเป็นที่มาของคำว่า สลัดครอบ ครับ หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า ซาบอต(SABOT) ซาบอตก็คือ ครอบกระสุน ครับ ในหนังเรื่อง ทรานส์ฟอร์เมอร์ มีการพูดถึงกระสุนชนิดหนึ่งที่ใช้ยิงแล้วมีผลกับหุ่นในเรื่อง ก็คือ เจ้า ซาบอต นี่แหละครับ(กระสุนเจาะเกราะสลัดครอบทิ้ง) แต่รู้สึกในหนังมันจะแปลว่าอะไรสักอย่าง ซึ่งผิดความหมายไปเลย
เจ้าซาบอต ที่ใช้อยู่ปัจจุบันหลักๆ จะมี สองแบบคือ APDS(Armour-piercing discarding sabot) กระสุนเจาะเกราะสลัดครอบทิ้ง และ APDSFS (Armour Piercing Discarding Sabot Fin Stabilized) กระสุนเจาะเกราะสลัดครอบทิ้งทรงตัวด้วยครีบหาง ความแตกต่างก็ตามชื่อครับ ตัวหลังจะมีครีบหางสำหรับทรงตัว ทหารม้าบ้านเราจะเรียกกระสุนตัวหลังว่า เจาะเกราะพิเศษ ครับ
เจ้ากระสุน ซาบอต นี่ไม่ได้มีใช้เฉพาะใน ปืนใหญ่รถถังเท่านั้นนะครับ พวกปืนใหญ่อัตโนมัติ เช่น เจ้า ฟาลังซ์ ก็มีกระสุนซาบอต ด้วยเช่นกัน
ทำไมจากเรื่องเรือ ดันกลายเป็นกระสุนเจาะเกราะ ได้หว่า 555
ตามสบายครับทุกท่าน...เพราะกระทู้เรือ มันย่อมออกทะเลเป็นธรรมดาครับ...5 5 5 5 แต่เป็นเรื่องที่มีสาระมาก ๆ ครับ...ขอบคุณครับ...
เพราะผมก็จะสนใจแต่เรื่องเรือเป็นส่วนใหญ่ เรื่องรถถัง เรื่องปืนใหญ่ ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่...ทำให้ได้รับข้อมูลความรู้ไปด้วยครับ...เพราะตอนนี้ ปืนใหญ่เรือเอง ก็กำลังพัฒนาเป็น กระสุนพลังงาน...อีกหน่อยคงได้คุยเรื่อง ระบบปืนกระสุนพลังงาน จะต้องทำงานควบคู่กับกระสุนธรรมดา ด้วยหรือไม่อีก ล่ะมั๊งครับ...
แหมมมม...น่าสนนะครับ ท่าน nok กระสุนประหยัดพลังงาน..
โดยพัฒนาให้ ก่อนถึงเป้าหมายประมาณสัก 30 ซ.ม. แล้วพบว่า เป็นเป้าหมายพวกเดียวกัน...หรือมี เด็ก สตรี และคนชรา อยู่ในบริเวณ...กระสุน ก็จะตกลง ดัง ปุ๊ง....สามารถเก็บนำมาใช้ใหม่ได้....โดยกระสุนดังกล่าว จะโปรแกรมให้ใส่หมายเลขบัตรเครดิตไว้...ถ้าเกิดฝ่ายตรงข้าม มาเก็บกระสุนไปใช้...ก็ให้กรอกใส่เลขบัตรเครดิตของใครก็ได้ในประเทศของผู้เก็บ...และถ้ามีการเกิดระเบิดขึ้น...ทางผู้ให้บริการบัตรเครดิต ก็จะส่งใบแจ้งหนี้ไปเรียกเก็บเงินค่ากระสุน และนำมาชำระคืนให้กับ ประเทศต้นทางต่อไป....
แต่ถ้าเกิดเป็น ฝ่ายตรงข้าม ตรงตามเป้าหมาย กระสุนก็จะ ตู๊มมม..ตูมมม..
ขอออกทะเลด้วยคน มันเคยมีเรือรบกับรถถังดวลปืนกันจริงๆครับ ที่แม่น้ำเจ้าพระยาณท่าราชวรดิษฐ์ มันคือกรณีกบฏแมนฮันตัน ราวๆปี2492 ครับ ถ้าจำไม่ผิดเป็นเรือหลวงศรีอยุยา ดวลปืนกับรถถังM-24 ผลคือเรือจมครับ แต่ไม่ได้โดนรถถังยิงจมนะครับ โดนเครื่องบินทิ้งระเบิดจมกลางแม่น้ำเลย
สมัยกบฎแมนฮัดตันนั้น นาวาตรี สงัด ชลออยู่ ซึ่งมีตำแหน่งเป็น ผบ.เรือ ร.ล.สุราษฏร์ (เรือตอร์ปิโดใหญ่) นั้นถึงแม้ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ก็จริง แต่ก็มีรถถังของทหารบกเข้ามาใกล้เรือและพยายามโจมตี น.ต.สงัดจึงตัดสินใจสั่งใช้ปืนใหญ่เรือ(76มม.) ยิงสกัด ถ.ของทหารบกจนล่าถอยไป เหตุการณ์นั้นทำให้ น.ท. สงัด ถูกสั่งขัง แต่ก็กลับเข้ารับราชการภายหลังและได้เลื่อนยศเป็น พลเรือเอก ครับ
ร.ล.ศรีอยุธยา นั้นดูเหมือนเท่าที่จำได้จะไม่ได้ยิงกับ ถ.ครับ
ขอบคุณท่าน AAG th มากครับ สำหรับรายละเอียดของเหตุการณ์ ผมเองก็จำมาอีกที เคยอ่านเรื่องกบฏแมนฮัทตันน่านมาแล้ว พยยามหาหนังสือเรืองนี้มันก็ขาดแผงไปนานแล้ว
กบฎแมนฮัตตั้น ........................ เค้าจับนายกซึ่งคือจอมพล ป.ขึ้นไปไว้บนเรือหลวงศรีอยุทธยา (เรือพี่เรือน้องกับเรือหลวงธนบุรี) ..................... ผบ.เรือกะวิ่งเรือผ่านปากน้ำออกทะเล แต่ดั้นมาติดไฟแดง เอ้ย ติดสะพานพุทธ(ยกขึ้นยกลงให้เรือผ่าน) .............................
ระหว่างที่เจรจาต่อรองกันอยู่นั้น ท่านจอมพลอากาศ ฟื้น ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า นายกมีใหม่ได้ แต่อำนาจตูและพวกพ้อง เอ้ย อำนาจรัฐและประชาธิปไตยจะต้องคงอยู่ ว่าแล้วจึงสั่งเครื่องบินทิ้งระเบิดถล่มเรือหลวงศรีอยุทธยา ระเบิดโคตรแม่น เรือหลวงที่น่าเกรงขามที่สุดของ ทร.ไทยสมัยนั้น ระเบิดพินาศจมแอ้งแม้งอยู่กลางเจ้าพระยา เดชะบุ๊ญเดชะบุญ ท่านแปลกว่ายน้ำขึ้นฝั่งรอดได้เส้นยาแดงผ่าแปด.....................
นิทานสอนให้จำไว้สองเรื่อง...............
เรื่องแรก เรือหลวงที่น่าเรกงขามที่สุดของเรา จมเพราะระเบิดเครื่องบินฝ่ายเดียวกัน ๒ ลำ แสดงให้เห็นว่า กองทัพอากาศไม่จำเป็นต้องซื้ออาวุธทำลายเรือประเภทสมาร์ท เพราะการทอยอยู่ในเกณฑ์ยอดเยี่ยม ๑๐๐% (ทอยสองที จมสองลำเลย เก่งโคตร)
ข้อสอง ประชาธิปไตยมันไม่เจริญซักทีหรอก ตราบใดที่มันยังตกอยู่ในวังวน ชนชั้นข้างบนอย่างเนี้ย วัฎจักรจะมีอะรั๊ย ก็แค่รักษาผลประโยชน์ ในระบบทุนของตัวเอง อย่าได้มีทุนอื่นเข้ามาแทรกแซง ท้ายสุดถ้าย่ำแย่ก็ปกป้องด้วยท่าไม้ตาย ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายคือล้มกระดานล้มระบบ ด้วยวิธีปฏิวัตร........................ ตาสีตาสาอย่างพวกมรึง หรือ ไอ้กรรมมาชีพรับจ้างกินเงินเดือนอย่างกรู ก็จงก้มหน้าก้มตาใช้ชีวิตขี้ข้ากันต่อไป.........................
สุดยอดทุกกระทู้เลยครับ