หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ถึงเวลาหรือยัง กับการปรับปรุงอุปกรณ์ควบคุมฝูงชน

โดยคุณ : nok เมื่อวันที่ : 22/04/2009 22:53:21

อย่างที่ทราบกันนะครับ  ว่าหน่วยงานของไทยนั้นมีการพูดถึงเรื่องการควบคุมฝูงชน และการปราบจลาจลกันมาหลายครั้งแล้ว ว่าต้องปรับปรุงทั้งอุปกรณ์และวิธีการควบคุมฝูงชน

เรื่องนี้พูดกันมาตั้งแต่หลังเหตุการณ์ พ.ค. 35 แล้ว ตอนนั้นพูดถึงกระทั่งต้องหางบมาใช้ สำหรับรถที่ใช้ ปราบม็อบ,ควบคุมฝูงชน  แบบอารยประเทศทำกัน เพราะตอนนั้นพูดกันมากเรื่องที่เอา รถสายพานลำเลียงมาปราบม็อบ  จนต้องชี้แจงกันภายหลังว่าเราไม่มี และไม่มีงบสำหรับซื้อ  เท่าที่จำได้ มีกาีรออกข่าวมาเป็นระยะ รวมทั้งการทดสอบ ในที่สุดก็เงียบหายไปกับกาลเวลา

จนกระทั่งในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา  ประเทศไทยก็มีม็อบเกิดขึ้นหลายครั้ง แต่ชุดที่ควบคุมฝูงชนกับไม่ีมีการเปลี่ยนแปลง  ตั้งแต่ ปี 35 ก็เหมือนเดิมครับ มีปรับปรงขึ้นมาหน่อยก็คือชุดของกองปราบ  กองร้อยควบคุมฝูงชน มีสนับแข้ง สนับเข่าเข้ามาเพิ่มเติมดังในภาพ


แต่อุปกรณ์ป้องกันผมว่ายังไม่ดีพอครับสำหรับเจ้าหน้าที่ ที่เป็นด่านหน้า  ย้อนกับไปเมื่อพ.ค. 35 นั้น การป้องกันม็อบในชั้นแรกที่ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น  เป็นตำรวจประจำอยู่ตามโรงพักต่างๆ  ระดมมาเพื่อปราบม็อบ 

โดยที่เครื่องแบบก็เป็นเครื่องแบบสีกากีปกติ  สิ่งที่ป้องกันคือโล่ห์และกระบองเ่ท่านั้น   เวลาผ่านไป  ก็กลับเข้าสู่แบบเดิม  หลายครั้งที่เห็นแถวตำรวจ ที่เป็นด่านหน้าที่ชนกับฝูงชนจะเป็นแบบเดิมแบบในภาพ  ก่อนที่ชุดควบคุมฝูงชนของกองปราบ หรือ ตชด.จะเข้ามา

ภาพแบบนี้มันย้อนไปถึง พ.ค. 35 ได้ครับที่ตำรวจชุดแรกเข้าปะทะกับผู้ชุมนุน ที่สะพาน ผ่านฟ้าลีลาศ  เครื่องป้องกันไม่ครบ  และตำรวจพวกนี้ไม่ได้ผ่านการฝึกควบคุมฝูงชน มาโดยตรง  ซึ่งเรื่องนี้จะถ้าจำไม่ผิด ชุดควบคุมฝูงชนจะขึ้นตรงกับกองปราบ  ซึ่งถ้าอ้างกำลังไม่พอ กำลังจากตำรวจนครบาลและและตำรวจภูธร  น่าจะเป็นชุดสนับสนุนมากกว่า

ถ้ามองไปถึงกองทัพ  ผมเห็นข่าวเรื่องการฝึกแบบนี้หลายครั้งแล้ว ครับ  รวมถึงการใช้ม้าเข้ามาสลายม็อบ  ไม่เคยเห็นฝึกแบบที่ใช้กำลังสลาบม็อบเหมือนช่วงสงกรานต์  หรือผมอาจจะตกข่าว ครับ  เพราะที่เห็นมา ก็เป็นรูปแบบปกติ ใช้โล่ห์,กระบอง,แก็สน้ำตา,รถดับเพลิง,และม้า  จะมีส่วนที่ใช้อาวุธ คือเป็นเหมือนพลแม่นปืน คนหรือสองคนเท่านั้น ที่จะอยู่ในที่มิดชิด บริเวณส่วนบังคับบัญชา  เพื่อคอยสอดส่องดูว่่าผู้ชุมนุมคนไหน มีที่ท่าจะใ้ช้อาวุธ และแจ้ง ไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อการตัดใจระงับเหตุ ซึ่งในระยะขนาดนั้น แก็สน้ำตากับกระสุนยางน่าจะพอยั้บยั้งได้

เรื่องนี้ผมได้แสดงความคิดเห็นในกระทู้ของคุณ Skyman ที่พันทิปและใน Blog ไปแล้วครับ  วาไม่เห็นด้วยกับการสลายการชุมนุมแบบนี้  เพราะกองทัพก็มีการฝึกมาแล้ว

ทีนี้มาพูดถึงเรื่องอุปกรณ์ที่ใช้  ผมว่าเราน่าจะเลิกอ้างถึงเรื่องงบได้แล้วน่าจะมีการจัดหาให้อย่างพอเพียง รวมถึงรถที่ใช้ควบคุม  เท่าที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นรถหุ้มเกาะ  แต่ดัดแปลงเรื่องอุปกรณ์ต่างๆเข้ามา มีทั้งลำโพง,ที่ฉีดน้ำ,ที่ยิงกระสุนควันหรือยิงแก็สน้ำตา รวมถึงปืนตาข่าย แต่ของเรายังไม่มีใช้ ส่วนเรื่องรถที่ฉีดน้ำ เมื่อก่อนทางตำรวจ สามารถใช้ได้ทันที เพราะกองบังคัญการดับเพลิงขึ้นอยู่กับกรมตำรวจ(ในสมัยนั้น) แต่ตอนนี้ได้โอนมาขึ้นกับทาง กทม.แล้ว  ซึ่งจะใช้ต้องทำเรื่องขอไป แบบในวันที่ 7 ต.ค. ไม่มี  เพราะทางตำรวจบอกว่าขอไปแล้ว ทางกทม.ไม่ให้มา

รวมถึงเครื่องแต่งกายด้วยผมว่า ที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่ทำให้เจ้าหน้าที่ปลอดภัยได้ครับ  เพราะไม่สามารถป้องกันได้เท่าที่ควร  อย่าลืมว่าจุดประสงค์ของการสลายฝูงชนก็คือสูญเสียน้อยที่สุด  รวมทั้งผู้ชุมนุนและเจ้าหน้าที่  ถ้าเจ้าหน้าที่ มีเครื่องป้องกันที่ดี  ผมว่าน่าจะสร้างความอุ่นใจให้กับผุ้ปฏิบัติได้ดีระดับนึง เมื่อผู้ปฏิบัติมีเรื่องป้องกันที่ดีแล้วการควบคุมและการสลายน่าจะปฏิบัติ ได้คล่องตัวขึ้น ไม่ต้องพะวงว่าจะโดนอะไรด้วย แบบนี้ครับ  ในภาพเป็นเครื่องแบบ ตำรวจปราบจลาจลของเปรู


รวมถึงเรื่องของการฝึกด้วย  น่าจะส่งผู้เกี่ยวข้องไปดูงานทีเกาหลีใต้(เหม่งหูผึ่ง)   เพราะที่เกาหลีใต้มีม็อบทั้งปี  ยิงแก็สน้ำตากันตลอด  แต่ไม่เคยมีคนตาย  น่าจะเป็นต้นแบบที่ดีของไทยกับการฝึก  เพราะเจ้าที่ ที่ทำงานตรงนี้ต้องมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ รวมถึงความอดทนอดกลั้น  จิตวิทยาที่ใช้กับผู้ชุมนุม  เพราะที่ผ่านของไทย ที่ปะทะกับทางตำรวจ  บางทีไม่ใช่ตำรวจที่ฝึกมาโดยตรงนานๆฝึกที อาจจะทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น
ถีงตรงนี้แล้วผมว่าผู้เกี่วข้องน่าที่จะต้องคิดและทำแบบจริงจังซะที เพราะพูดมาหลายครั้งหลายรัฐบาลแต่ไม่เคยทำสมบูรณ์  เพราะที่ผ่านมามงบซื้อโล่ห์ พลาสติก,กระบอง,กระสุนแก็สน้ำตา(กระสุนยางไม่รู่มีหรือเปล่า) ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ

ยิ่งภาพที่ออกไปสู่สายตาชาวโลกแล้วผมว่า มันไม่ดีเท่าไหร่ ที่มีทหารแต่งชุดพราง(ทางที่ดีนะจะเป็นแบบเขียวขี้ม้าไม่มีลายพรางจะดีกว่า) พร้อมอาวุธสงคราม(แม้จะอ้างว่ายิงขึ้นฟ้าหรือเป็นลูกแบงค์) เพราะภาพมันย้อนไปถึง พ.ค. 35 อยู่ดี เอาปืน M-16 มาควบคุมและสลายฝูงชนรวมถึงมีรถสายพราลำเลียงพลออกมาอีกเหมือนกับพ.ค.ปี 35 ทั้งๆที่กองทัพก็มีการฝึกมาตลอด ในเรื่องนี้ แ้ม้ภาพที่ออกมาจะมีทั้งโล่ห์และกระบองแบบอารยประเทศที่ทำกัน ในการสลายการชุมนุม  แต่ที่ตามมาคือ อาวุธสงครามครับมันมีผลกระทบแน่นอน  เพราะไม่ต่างอะไรกับประเทศพม่าครับ

ทางออกที่ดีสำหรับเรื่องนี้ผมว่าเราต้องยกเครื่องทั้งหมดทั้งคนและอุปกรณ์ สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกฏหมาย รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วยครับ  เพราะถ้าในอนาคตเกิดเหตุการณ์ชุมนุม และต้องมีการควบคุมและสลายถ้าเราทำแบบอารยะประเทศผมว่าสายตาที่ออกสู่ชาวโลก จะดีขึ้น  เพราะเรามีการเตรียมการและเตรียมพร้อม แบบเมื่อปลายปีที่แล้วที่ประเทศกรีซหรือสเปนผมจำไม่ได้  ที่มีการจลาจล เผาร้านทุบกระจก กันหลายวัน  แต่ใช้กำลังของตำรวจเข้าไปควบคุมและสลาย จนในที่สุดสถานการณ์ก็เข้าสู่สภาวะปกติ




อีกตัวอย่างหนึ่งของเครื่องแบบและอุปกรณ์สำหรับตำรวจปราบจลาจล


แล้วท่านอื่นมีความคิดเห็นเสนอแนะอย่างไรบ้างครับเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ

ขอ2เรื่องคือไม่เอาเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องนะครับและเรื่อง ที่ชอบบอกว่ามีผลประโยชน์และคอมมิชั่นมาเกี่ยวข้อง

อยากให้เป็นไปในหลักการและเหตุผลครับว่าต้องปรับปรุงเเละเปลี่ยนตรงไหนบ้าง สำหรับอุปกรณ์สำหรับควบคุมฝูงชน


 




ความคิดเห็นที่ 1


สั่งตัดโลด... อย่างถาพที่เป็นชุดของตร.เปรู  ชุดที่ใส่เกือบทั้งตัวเป็นพลาสติกแข็งรึป่าวรึวัสดุอย่างอื่นขึ้นรูปเท่านั้นเอง อุตสาหกรรมบ้านเราก้อทำได้..

ด้านการตัดเย็บเสื้อผ้าบ้านเรา ก้อดีมาก ตัดชุดบุนวมให้อ่อนแต่รับแรงกระแทกได้ดี เพื่อให้คนใส่ปลอดภัย  ...

ผมว่าน่าจะอยู่ที่การเปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ๆมากกว่าน่ะครับ..

ถึงแม้ว่าของจะถูกดีแค่ไหน..แต่ผู้ใหญ่หัวโบราณ ยังไงๆเค้าก้อไม่เอารับ

โดยคุณ snake เมื่อวันที่ 20/04/2009 02:12:22


ความคิดเห็นที่ 2


เอา ออกความเห็นเสียหน่อย นานๆจะมีสาระกันบ้างซักที หลังจากที่พากันออกทะเลกันเรื่อยมา

ในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ควบคุมหรือสลายการชุมนุมนั้น สมควรที่จะต้องเป็นสีกากีครับ แต่ว่าชุดที่ทำหน้าที่นี้นั้นควรจะเป็นผู้ที่มีการฝึกอบรมและทำงานด้านนี้โดยเฉพาะ ไม่ใช่เฉพาะกิจ โดยเอาเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านอื่นมาทำหน้าที่ควบคุมฝูงชนซึ่งขาดความรู้ความชำนาญและความอดทน อุปกรณ์นั้นก็ต้องพร้อมที่จะรับมือได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะรับ หรือ รุก รับก็คืออุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลที่เจ้าหน้าที่จะต้องมีและพร้อมที่สุด ส่วน รุก ก็คือ อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับปราบปรามหรือสลายการชุมนุม จะต้องได้มาตรฐานสากลและมีความเสี่ยงต่อชีวิตต่ำ แต่ภาพที่เห็นของเรานั้นคือ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถที่จะกระทำในหลายอย่างได้ อาจด้วย ความไม่พร้อมอย่างที่กล่าวมาและความรู้สึกของผู้คนและประชาคม จนทำให้ต้องใช้เจ้าหน้าที่ส่วนอื่นที่ไม่เหมาะกับหน้าที่ที่ควรจะมาปฏิบัติหน้าที่นี้เข้ามาช่วยในการปราบปรามและสลายการชุมนุม ทำให้ภาพที่ออกมากลายเป็น ชุดลายพรางอาวุธครบมือพร้อมรถหุ้มเกราะเข้ามาทำงานซึ่งเป็นภาพที่ไม่เหมาะสมและดูรุนแรงในสายตาประชาคม จนเป็นที่กล่าวขานกันได้เต็มปากว่า กองทัพเข้ามาแซกแทรงทางการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ในสายตาของประเทศที่พัฒนาแล้วหลายๆประเทศ อีกทั้งทำให้ภาพพจน์ของประเทศดูตกต่ำลงมาก

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ต้นเหตุนั้นมาจากอะไร ทำไมคนไทยจึงเริ่มแตกความสามัคคี ต้องวิเคราะห์และพิจารณาให้ถี่ถ้วนแล้วแก้ปัญหาที่ต้นเหตุจะช่วยลดค่าใช้จ่ายประเทศไปได้มากครับ

โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 20/04/2009 02:37:42


ความคิดเห็นที่ 3


พวกฝรั่งมันถือกระบองยาวๆทั้งนั้นเลย
โดยคุณ RaFale เมื่อวันที่ 20/04/2009 04:08:19


ความคิดเห็นที่ 4


ผมเคยนั่งคุยกับตำรวจท่านหนึ่งที่ดูแลม๊อบอยู่

จริงแล้วชดปราบจราจลมีครบชุดแต่ตร.ไม่ค่อยใส่เต็มยศเพราะร้อนและหนักมากๆ ผมลองใส่หมวกกับโล่แค่นี้ก็หนักอิ๊บอ๋ายแล้วครับ

อ้อ ชุดปราบจราจลของไทยMADE IN CHAINAครับ

โดยคุณ Akula เมื่อวันที่ 20/04/2009 05:36:19


ความคิดเห็นที่ 5


กรณีเดียวกับกองทัพ ต้องให้โดนก่อน...

โดยคุณ smish เมื่อวันที่ 20/04/2009 10:17:21


ความคิดเห็นที่ 6


๑ เรื่องการนำ M-16 ออกมา (อูซี่ และ TAVOR จำนวนหนึ่ง)  มันก็ดูแรงไป ในสายตาผม
๒ ในส่วนของกระสุนยางนั้น ถึงจะเป็น ๑ ในอุปกรณ์สากลที่ใช้ปราบจราจล แต่หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา อาจส่งผลให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้  ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับการใช้กระสุนยาง
๓ ผมคิดว่า สีกากี อาจได้อารมณ์ ของตำรวย ผมว่า สีดำแหละ น่าจะเหมาะแล้ว มันไม่ค่อยบ่งว่า สีกากี หรือ สีเขียวดี 
โดยคุณ Hollow เมื่อวันที่ 21/04/2009 10:13:12


ความคิดเห็นที่ 7


 ตำรวย

 

 

แว๊กก

โดยคุณ TUP2913 เมื่อวันที่ 22/04/2009 06:02:39


ความคิดเห็นที่ 8


ข้างบนผมแซวเล่นนะ

 

 

ส่วนความคิดเห็น ควรแก้เหมือนกัน ในเรื่องชุดปราบ

(ไม่หาท่อ PVC มาทำปืนชีดน้ำล่ะ แรงนะนั้น)

โดยคุณ TUP2913 เมื่อวันที่ 22/04/2009 06:05:29


ความคิดเห็นที่ 9


ใช้ปืน บีบี เลยครับ   ไม่ตายแต่เจ็บ  ทนได้ทนไป

พูดเล่นนะครับ

โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 22/04/2009 09:15:18


ความคิดเห็นที่ 10


 

  ชุดตำรวจเปรู......ผมนึกว่าชุดแฟนซีหลุดจากเกมส์ออนไลน์?    แบบว่าถ้าถือดาบอัศวินนี่ก็ใช่เลย.....55555555     ชุดแบบนี้เอาไปลุยจิ๊กโก๋ในซอยได้เลยว่าป่ะ

    ในเมื่อเรามีปัญหาม๊อบแบบเกาหลีเสียแล้ว(จำได้ว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อน  พี่แกล่อกันแทบทุกเดือนและรุนแรงแทบทุกครั้ง  ออกโทรทัศน์กันจนชาชิน)      เราควรจะต้องนำหลักการสลายฝูงชนของเกาหลีใต้มาใช้อย่างยิ่งครับ   ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก   และที่สำคัญภาพพจน์ประเทศไม่เสียหายเลย   เสื้อเกราะของเจ้าหน้าที่ควรจะสามารถกันกระสุนปืนสั้นที่ชาวบ้านใช้กันได้ด้วยนะครับ   ไม่ใช้แค่ทนแรงตีของไม้มีดก็พอแล้ว    ผมว่าลดความสูญเสียทั้งสองฝ่ายได้เป็นอย่างดี    ผมก็ไม่ชอบภาพที่เอาทหารแบกอาวุธสงครามออกมาไล่ยิงประชาชนเลย    แต่ถ้าเป็นชุดปราบจราจลครบเครื่องและมีรถสำหรับสลายฝูงชนโดยตรงจะเยี่ยมมากๆ  (แทนที่จะเป็นยานเกราะและรถถัง ดูแล้วยังกะออกมาปฎิวัติเลย)   

   เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องจริงจังกับเรื่องนี้    เพราะมีแนวโน้มว่าบ้านเรากำลังเข้าสู้ยุคที่เกาหลีใต้เคยผ่านมาเมื่อสิบกว่าปีก่อน   ก่อนหน้านั้นญี่ปุ่นก็ผจญกับเรื่องแบบนี้มาก่อนเกาหลีด้วยซ้ำ   แต่เกาหลีสามารถปรับตัวตามญี่ปุ่นได้ทันเมื่อถึงคราวที่ตัวเองเจอปัญหาแบบเดียวกัน    ผมว่าเราควรจะต้องปรับตัวให้ได้เช่นเดียวกันครับ

 

   

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 22/04/2009 11:31:32


ความคิดเห็นที่ 11


อุปกรณ์ก็น่าจะต้องตอบสนองตามระดับความรุนแรงนะครับ เข้าใจว่า จขกท หมายถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ต้องออกแรง ก็ควรหาอุปกรณ์ป้องกันให้เจ้าหน้าที่ มีประสิทธิภาพพอจะทำให้ผู้ชุมนุนยุติการใช้ความรุนแรง และรับประกันว่าผู้ชุมนุมไม่บาดเจ็บล้มตาย 

กรณีการชุมนุนโดยสันติโดยสุภาพ ถึงจะมาซักหลายแสนคนมันก็สงบของมันอยู่เอง เจ้าหน้าที่แค่อำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยเท่านั้นพอ ก็ไม่ต้องการอุปกรณ์พิเศษใดๆ เขามาแสดงความเห็นเสร็จแล้วก็แยกย้ายกลับ บ้านใครบ้านมัน เช่นเสื้อแดงเมื่อช่วงก่อนสงกรานต์ก็ชุนมุนกันหลายครั้งหลักหลายหมื่นก็มาแล้วก็กลับบ้านไม่มีเหตุวุ่นวายใดๆ หรือเสื้อเหลืองหลังปีใหม่ก็มีการชุนนุมตามหัวเมืองหลายครั้งหลักหลายหมื่นก็มากลับบ้านเช่นกัน เจ้าหน้าที่ไม่เหนื่อย

กรณีฝูงชนที่เริ่มใช้อารมณ์หรือเริ่มละเมิดกฎหมาย หรือมีแนวโน้มจะสร้างความเสียหาย ผมก็เสนอว่าปืนเพ้นท์บอล์น่าจะเหมาะสม ระยะยิงได้ราวสิบห้าเมตร ซึ่งปลอดภัยจากระยะของอาวุธพวก มีด ไม้ หนังสติ๊ก อิฐตัวหนอน ระเบิดขวด ซึ่งเป็นอาวุธประจำม๊อบ ใส่กระสุนสีสะท้อนแสงแบบล้างยากๆ สลับกับกระสุนพริกไทย กระสุนเพ้นท์บอลนั้นโดนแล้วเจ็บพอควร บวกกับฤทธิของผงพริกไทยจะทำให้เกิดการระคายเคืองจนต้องหยุดสิ่งที่ทำอยู่ สีจะแยกผู้ชุมนุมที่ทำผิดกฎหมายออกมาจากฝูงชน ทำให้ไล่จับผู้ทำผิดกฎหมายได้ภายหลัง การเข้าจับกุมต้องเข้าประชิดด้วย โล่ห์ กระบอง สนับแข้ง และหมวก ที่มีอยู่แล้วก็น่าจะพอแล้ว อาจจะเพิ่มถุงมือ แว่นกันสะเก็ด ตัวอยางของกรณีนี้คือการบุกโรงแรมโรยัลคลีฟ หรือการบุกสนามบินน่าจะเข้าข่ายนี้ครับ

กรณีที่กลายเป็นการจลาจล เริ่มเผา เริ่มปล้น เริ่มใช้อาวุธ เช่นกรณีเมื่อสงกรานต์เลือดที่ผ่านมา หรือการบุกบ้านป๋าเมื่อปี50 กรณีนี้ก็ต้องใช้กองกำลังติดอาวุธเต็มอัตราศึกออกมาลุยละครับ ทีนี้แก๊สน้ำตาแบบยิง แบบขว้าง ปืนยิงกระสุนยาง ปืนตาข่าย รถฉีดน้ำ หรืออาจจะต้องใช้ทหารออกมา ก็ขนกันมาเถอะครับ เพราะมันต้องเข้มแล้ว ต้องเอาให้อยู่

แต่เหนืออื่นใด การควบคุมฝูงชนหรือการสลายการชุมนุม ต้องนึกถึงความปลอดภัยของทั้งสองฝ่ายเป็นสำคัญ เจ้าหน้าที่ต้องยึดหลักกฎหมาย และ หลักมนุษยธรรม ไม่ว่าฝ่ายใดบาดเจ็บต้องเปิดทางให้ทีมแพทย์พยาบาลเข้าถึงผู้บาดเจ็บโดยเร็วที่สุดอย่างปลอดภัย ดังนั้นนอกจากอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนแล้ว อุปกร์แพทย์สนามในกรณีนี้ก็จำเป็นอย่างยิ่งด้วยเช่นกันครับ เพราะเจ้าหน้าที่เองก็อาจจะต้องพยาบาลตัวเอง พรรคพวก หรือปฐมพยาบาลผู้ชุมนุมที่บาดเจ็บซึ่งหน้าด้วย

และที่ขาดไม่ได้คือการสื่อสารกับสาธารณะชนทั่วไป ต้องอยู่บนพื้นฐานความจริง การบิดเบือนใดๆยิ่งจะซ้ำเติมสถานการณ์ ตัวอย่างกรณีสงกรานต์ที่ผ่านมาถือว่าเปิดอิสระให้สื่อ และชาวบ้าน เป็นพยานโดยตลอด รัฐไม่พยยามปิดช่าว ไม่พยยามบิดเบือนช้อมูล น่าจะเป็นมาตรฐานที่ดีสำหรับการแก้ไขสถานการณืคราวต่อๆไปครับ

การควบคุมฝูงชนใดๆต้องเป็นไปเพื่อยุติความรุนแรง หลีกเลี่ยงการยั่วยุให้เกิดความโกรธแค้นเพิ่มเติม เพื่อให้ฝ่ายที่ขัดแย้งกันหันมาตั้งสติและเจรจาข้อขัดแย้งนั้นอย่างสันติต่อไป จึงต้องยึดหลักกฎหมายและหลักมนุษยธรรมให้มั่น

โดยคุณ oldbot เมื่อวันที่ 22/04/2009 11:53:23