หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ไทยเหมือนฝรั่งเศสในปี 1939 หรือเป่า

โดยคุณ : porgripen เมื่อวันที่ : 06/05/2009 08:37:47

จากการที่ติดตามข่าวคราวต่าง ๆ มาทั้งจากเว็บบอร์ด และจาก อื่น ๆ ที่ผ่านมา กองทัพไทยเราไม่ค่อยมีการอัพเกรดขึ้นเลย ไม่เหมือนกับประเทศเพื่อนบ้านที่เพิ่มงบประมาณทางทหารขึ้น จัดหาอาวุธที่ทันสมัยมาประจำการทั้ง 3 เหล่าทัพ อาจจะจัดหาบ้างแต่คิดแล้วก็ไม่น่าเพียงพอ ทั้งมาเลย์เซีย สิงคโปร รู้สึกว่านำหน้าประเทศไทยไปหลายก้าวแล้ว 

 1. มาเลย์เซีย เขาก็จัดหา เครื่องบินรบใหม่พิสัยทำการใกล Su-30mkm  เรือฟรีเกตที่ทันสมัยมาตรฐานยุโรป ( จำชั้นไม่ได้คับ ) เรือดำน้ำชัน Scorpene รถถังแบบ PT-91  ระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบ jernas  ปืนใหญ่อัตราจร ซีซาร์ ( เท่าที่นึกออก )

2. สิงคโปร เขาก็จัดหา เฮลีคอบเตอร์ต่อสู้รถถังแบบ AH-64 D Longbow รถถังแบบ Leopard 2a4 ( เก่าแต่เจ๋ง ) เรือฟรีเกตล่องหน lafayet ( ใช่ปะม่ายรู้ ) เครื่องบินรบ F-16CD , F-15ST  เรือดำน้ำจากสวีเดน ( ชั้นอะไรจำไม่ได้คับ ) และที่ชอบ ก็ปืน ไรเฟิลมาตรฐาน Sar-21 สวยดี ( เท่าที่นึกออก )

ผมว่าในภุมิภาคอาเซียน 2 ประเทศนี้ดูจะไปใกลกว่าเพื่อน  และถ้าวิตกจริตหน่อย อาจเป็นภัยคุกคามที่อันตรายมาก เนื่องจากมีพรมแดนติดกัน  อย่าง กัมพุชา กับ พม่า เรายังรับมือได้

ส่วนที่บอกว่าทำไม ไทย เหมือน ฝรั่งเศส เมื่อปี 1939 เพราะ ไทยก็เคยเหมือน ฝรั่งเศส ที่เคยมีกองทัพที่ดีกว่าเพื่อนบ้าน ซึ่งเหมือน ฝรั่งเศสปี 1914-1918 ที่มีกองทัพที่แข็งแรงมั่นคง แต่พอปี 1939 กลับด้อยกว่าเพื่อนบ้านซะงั้น เลยโดนเยอรมันยำซะเละ เพราะเอาแต่สร้างขวัญให้ทหารแต่ไม่พัฒนากองทัพ ของไทยเราผมก้รู้สึกว่าเน้นขวัญกำลังใจไปหน่อยที่ว่าสามารถรับมือภัยคุกคามได้ แต่อาวุธที่มีอยู่ก็ เก่าล้าสมัย อยู่มาก และไม่ได้อัพเกรด ถึงจะอัพเกรดก็ดูว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพได้ไม่มากนัก

ผมว่าควรตระหนักใจไว้บ้างอย่าเชื่อมั่นอะไรมากนัก ควรที่จะหันกลับมาพัฒนาส่วนของกองทัพให้ทันสมัยให้เพียงพอเพื่อรับมือภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดก็ได้ในอนาคต

เราอาจจะค่อย ๆ พัฒนา การสร้างอาวุธขึ้นมาใช้เองบ้างแทนที่จะซื้อจากต่างประเทศ น่าจะเริ่มที่ปืนประจำกาย อย่าง M-16 เขาพัฒนาเพื่อตอบสนองทหารของอเมริกา สรีระของคนเอเชียอาจจะเล็กกว่า น่าจะเอาอย่างสิงคโปรที่พัฒนาปืนไรเฟิลขึ้นมาเองโดยพัฒนาตามความต้องการของทหารสิงคโปรจริง ๆ กองทัพเราน่าจะทำได้เพราะก็มีพื้นฐานการผลิตปืน HK-33 มาแล้ว ภาครัฐน่าจะเข้ามาสนับสนุน เหมือนที่รัฐบาลสนับสนุนการพัฒนาขึ้นมาเอง ใช้เอง ขายได้ด้วย เห็นพอกองทัพจะเริ่มต้นพัฒนาอะไรบ้างทีนาน ๆ ไปก็เห็น เงียบหายไปเลย อิอิอิ สมัยก่อนยังเคยจัดการแข่งขันการสร้างจรวดนำวิถีเลย เอามหาลัยมาแข่งขันกัน แต่ก็เงียบปายไม่มีการต่อยอด เท่านี้ก่อนครับ เหนื่อแล้ว ช่วย เสนอความคิดมาหน่อย ผมอาจจะวิตกมากไปก็ได้





ความคิดเห็นที่ 1


บางครั้งในการรบอาวุธที่ทันสมัยก็ไม่สำคัญนะคับ

มันขึ้นอยู่กะขวัญกำลังจัยทหาร แผนการรบ ฝีมือมากกว่า

กูยังในสงคราม 6 วันสิครับ

 

อิสราเอล รบชนชาติอาหรับตั้งหลายชาติ

 

ทั้งๆที่ชาติอาหรับได้อาวุธยุโถปกรณ์ที่ทันสมัยจา โซเวียด ซะด้วยซ้ำ

โดยคุณ stamplovia เมื่อวันที่ 19/04/2009 10:12:59


ความคิดเห็นที่ 2


ต่อจาข้างบน

ชาติอาหรับมีรถถัง t 54 t55

มี mig 21

อิสลาเอลมี เชอร์แมน รถเกราะ m3 เซนต์จูเลียน

เครื่องบินก็มี มิราจ 3 ซึ่งออกแบบมาเป็นเครื่องบินสกัดกั้นขั้นสูง

ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรบแบบ Dogfight

แต่นักบินชาวยิวก็อาศัยทักษะการรบ ฝีมือ การฝึกที่ดีกว่า

ทหารราบก็น้อยกว่า อาวุธก็ด้อยกว่า

แต่ด้วยที่อิสลาเอล มีการวางแผนที่ดี โดย พลเอก โมเช่ ดายัน

มีขวyญกำลังใจในการปกป้องประเทศ จึงทำให้รบชนะได้ในเวลา 6 วัน

บางครั้ง อาวุธยุโถปกรณ์ที่ทันสมัยก็ไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวที่จะทำให้ชนะ

การรบได้นะคับ

.................

 

โดยคุณ stamplovia เมื่อวันที่ 19/04/2009 11:13:48


ความคิดเห็นที่ 3


เข้าใจความรู้สึก เจ้าของกระทู้ดีครับ แต่ใช่ว่าเราจะทำได้อย่างเขา เราไม่มีงบมากขนาดนั้นครับ จากที่ดูค่อยๆเป็นค่อยๆไปแบบนี้ก็โอเคแล้วครับ ยังถือว่ายังครอบคลุมด้านภาระกิจได้ดีอยู่ เรื่อง AH-64 นั้นส่วนตัวยังมองไม่เห็นถึงความจำเป็นมากเท่าใดนักครับ ราคาของมันแพงเกินไปครับแล้วภัยคุกคามจากเพื่อนบ้านก็ไม่ได้ร้ายแรงครับ เพราะ มาเล และ สิงคโป คงไม่ขนกองรถถังข้ามน้ำข้ามทะเลข้ามภูเขาบุกป่าฝ่าดงมาหาเราหรอกครับ ก็คงจะมีแต่ พม่า ลาวและเขมร ที่มีโอกาศที่สุดครับ เรื่องรถถัง M-60 ถึงจะดูเก่าไปแต่ภายในกลับไม่เป็นเช่นนั้นครับ มันมีความสามารถมากพอที่จะยันกับรถถัวสมัยใหม่ได้นานพอกันละครับ เรือรบนั้น หากทร.ทำตามแผนทุกอย่างก็จะไม่น่าห่วงมากนักครับ เรามือ ชั้น นเรศวร 2 ลำที่อาจจะรบได้ 3 มิติ ชั้นเจ้าพระยาที่คอยโจมตีด้วยอาวุธนำวิธีและเรือเล็กๆอีกจำนวนหนึ่งคงพอยันไหวครับ แต่เรื่อง SU-30 มาฟัดกับ F-16 และ JAS-39 นี่สิ คิดหนักเลยครับ

ปล.ประเทศที่ฝึกร่วมกันบ่อยๆไม่ค่อยน่าห่วงหรอกครับ เพราะ ก็เห็นเครื่องในกันหมดแล้วว่าเป็นยังไงครับ

โดยคุณ poom1.1 เมื่อวันที่ 19/04/2009 11:56:29


ความคิดเห็นที่ 4


ผมคิดว่า..น่าจะวิจัยให้สำเร็จและใช้ได้จริง..แต่ยังไม่ต้องเปิดสายการผลิต..เมื่อถึงเวลาที่มีงบหรือหลายๆอย่างพร้อมค่อยเปิดสายตั้งโรงงานก้อน่าจะได้นิครับ..

นักวิจัยไทยเก่งๆก้อเยอะในบอร์ดนี้ผมคิดว่าหลายๆท่านความคิดดีมากมายเลยทีเดียว...  พวกวัตถุดิบบ้านเราก้อค่อนข้างจะมีพร้อมน่ะครับ..อาจจะหามาเพิ่มเติมบ้างนิดหน่อย

 

**สมมุติน่ะครับ ..ว่าถ้าผมมีเงินสัก1000ล้าน ผมสามารถเปิดโรงงานผลิตอาวุธปืน เครื่องกระสุน หรือระเบิดได้มั้ยครับ ..โดยอยู่ในการกำกับของรัฐเรื่องการขายให้กับประชาชน  ..เพราะคิดว่าถ้าผลิตออกมาสัก10กระบอก แล้วคุณภาพโอเค การลงทุนด้านหุ้นส่วนมันน่าจะมีมากขึ้นเนื่องจากผลกำไรทางด้านนี้มันค่อนข้างมาก และอีกอย่างคนไทยด้วยกันน่าจะรู้ดีว่าต้องการแบบไหน..

โดยคุณ snake เมื่อวันที่ 19/04/2009 12:25:18


ความคิดเห็นที่ 5


เท่าทีผมอ่านจากเว็บ www.asiafinest.com รู้สึกว่า มาเลเซีย  สิงคโปร์ และประเทศอื่นๆรอบข้างเค้ากลัวกองทัพเราเหมือนกันนะ มีการเอาไปเปรียบเทียบกับกองทัพของเค้า และก็จะมีการตัดพ้อคล้ายๆเราว่า กองทัพของเค้าสู้ประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้(รวมกันทั้งสามเหล่าทัพ) โดยเฉพาะกองทัพบก ผมว่าอุ่นใจได้เลยครับ เพราะจากที่อ่านๆมา ทุกประเทศในอาเซียนต่างยกให้เราเป็นที่หนึ่ง กองทัพเรา่น่าเกรงขามที่สุดอันดับหนึ่ง  กองทัพเรือก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร กองทัพอากาศก็เช่นกัน กองทัพไทยมีศักยภาพมากที่สุดในอาเซียน(นี่ผมไม่ได้พูดเองนะ เพื่อนบ้านเราเข้าให้มา)
โดยคุณ swakoft เมื่อวันที่ 20/04/2009 11:05:58


ความคิดเห็นที่ 6


1) กองทัพบก...ปี 2008 มีข่าวสั่งซื้อ ปลย.TAR-21 ประมาณ 3 หมื่นกระบอก และกำลังทยอยจัดหาเรื่อยๆ...( อาจมี M-16A4 ด้วย )...จัดหาจรวดพื้นสู่พื้น WS-1B...

จัดหาปืนใหญ่ 105 ม.ม. L-119  สั่งซื้อ ยานเกราะBTR-3E1 จากยูเครน และ REVA จากแอฟริกาใต้ จัดหา Sam อิ๊กล่า และ ฮ.MI-17V5 จากรัสเซีย...จัดหาอาวุธต่อสู้รถถัง PG-7 , M-72 และ  Carl Gustaf และ มีข่าวจัดหาฮ. AH-1F แต่ไม่รู้ความคืบหน้า ซ่อมบำรุงฮ.ต่างๆ

ปี2009 มีข่าวปรับปรุงรถถังเบา 21...ประกาศ"คุณลักษณะของรถถังที่พึงประสงค์สำหรับหน่วยทหารม้า"เพื่อจัดหารถถังแทนM-41ที่จะปลด..มีการพบ ปืนใหญ่อัตราจร ซีซาร์ วิ่งอยู่แถว ลพบุรี...


(และอาจ...ซ่อมปรับปรุงรถเกราะ วี 150  (ผูกพันปี 52 - 54)...จัดหาอากาศยานฝึก  (ผูกพันปี 52 - 54)...ปรับปรุงเรดาร์ควบคุมการยิงฟลายแคชเชอร์  (ผูกพันปี 52 - 54)...จัดหา ปก.ขนาด 7.62 มม. ระยะที่ 2  (ผูกพันปี 52 - 54)...จัดหา ปลย.ขนาด 5.56 มม. ระยะที่ 4   (ผูกพันปี 52 - 54)...จัดหา ฮ.ใช้งานทั่วไป  (ผูกพันปี 52 - 54..8 เครื่อง) ..จัดหายานเกราะ  (ผูกพันปี 52 - 54..121 คัน)...ไม่ยืนยันข้อมูล...ไม่อนุญาตให้นำเอาไปอ้างอิงใดๆครับ....


2) กองทัพเรือ...เท่าที่ทราบมีข่าวเรื่อง การปรับปรุง เรือชุดเจ้าพระยา...และนเรศวร และ รัตนโกสินทร์ ต่อเรือ OPV และ LCU...จัดหาเรือ LPD จากสิงคโปร์ และยานเ

กราะล้อยาง สำหรับ นาวิกโยธิน...


ใน"โครงการเสริมสร้างกำลังกองทัพเรือปี 2552-2554มีโครงการปรับปรุงขีดความสามารถเรือหลวงชุด ปัตตานี...จัดหา ฮ. ประจำเรือฟรีเกต จัดหาเรือยกพลขึ้นบก ระยะที่ 2 1ลำ โครงการจัดหาเรือดำน้ำ 2ลำ  ซึ่งทั้งหมดยังเป็นโครงการ...ยังไม่มีข่าวคืบหน้าใดๆ


3) กองทัพอากาศ ปี 2008 โครงการปรับปรุงโครงสร้าง F-16 Falcon UP/STAR ปรับปรุงระบบ C-130 จัดหา บ.ข.Jas-39 และ อิริอาย...


ปี 2009 มี “โครงการ” จัดหา ฮ.ขนาดกลาง และ MLU บ.ข.F-16....

โดยคุณ tow เมื่อวันที่ 20/04/2009 12:54:29


ความคิดเห็นที่ 7


ก็เพราะว่าเรามีประชากรมากกว่า 70 ล้านคนนะสิครับ เราถึงทำอะไรซื้ออะไรอย่างเขาไม่ได้ ทำไมเขาถึงมีกองทัพที่ทันสมัย ทำไมเขามีอาวุธที่ดี ก็เพราะว่าประเทศเขาเล็ก ประชากรเขาน้อย สิงโปร์ประเทศนิดเดียว แต่เศรฐกิจกลับเจริญก็เพราะว่าประชากรเขาน้อยแต่เป็นพวกหัวกะทิ เขาจึงมีเงินเหลือเฟือเพราะประเทศไม่ต้องการการดูแลมาก พลเมืองน้อยจึงไม่ต้องเสียเงินเรื่องสาธารณะสุข ถนนหนทางประเทศเล็กนิดเดียวพัฒนาใช้เงินแค่นิดเดียว เหลือเงินต้องเยอะเขาจึงมีเงินซื้ออะไรต่อมิอะไรได้มากมายครับ มาเลย์ก็เหมือนกันประชากรณ์ไม่ได้เกิน20ล้านคนประเทศก็ไม่ใหญ่แต่เขามีน้ำมัน เงินเขาเยอะ สาธารณะสุข การคมนาคม ความเป็นอยุ่รัฐบาลเขาดูแลดีแล้ว เงินที่เหลือจึงสามารถเอาไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ได้

แต่เราต้องดูตัวเราครับ ประเทศเราใหญ่ขนาดใหนประชากรณ์ต้อง70ล้านคนถนนหนทางเราก็ยังพัฒนาไม่ทั่วถึง ไหนจะสาธารณสุขอีก ประชาชนยากจนเราก็เยอะ เพราะเรามีประชากรเยอะไงครับ รัฐบาลเราจึงต้องจัดสรรเงินให้พอทุกส่วนด้วยภาษีของเราเองประชากรเรา70ล้านคนแต่ไม่ถึง40ล้านคนที่เสียภาษีให้รัฐได้ เผลอๆน้อยกว่า40ล้านคนซะอีก ส่วนใหญ่คือพวกที่ทำงานอยู่ในเมืองหรือมีงานทำแล้วท่านคิดดูว่าประชากรเราตามชนบทอีกเท่าไหร่ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา รัฐก็ต้องเอาเงินภาษีของเราไปพัฒนาชนบทให้เจริญ เพราะว่าเรามีปัญหาหลายด้านครับดังนั้นเงินที่เราได้มาจึงต้องเอาไปพัฒนาด้านอื่นๆความเป็นอยู่ของประชาชนพัฒนาประเทศ งบประมาณในการพัฒนากองทัพจึงถูกตัดไปด้วยครับแต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร เราต้องเข้าใจครับ เราไม่มีเงินถุงเงินถังเหมือนทางใต้ เรายังมีปัญหาหลายอย่างครับ ไหนจะภัยแล้ง น้ำท่วม คมนาคม

ถ้าเราอยากให้เราพัฒนาเหมือนทางใต้ตอนนี้บางทีเราอาจจะเหนือกว่าทางใต้มากครับแต่เราก็ต้องแลกๆที่ว่าเราต้องเหมือนกับพม่าในตอนนี้ ที่กองทัพเอาเงินภาษีไปพัฒนากองทัพอย่างเดียวไม่พัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชน

ถ้าเมื่อไหร่ที่บ้านเมืองเราพัฒนาจนเจริญทุกด้านแล้วกองทัพเราจะเป็นกองทัพที่เกรียงไกรแน่นอนครับ

และผมขอย้ำเหมือนกับ:ท่าน stamplovia   ครับการฝึกยุทธวิธี และทหารเป็นสิ้งที่สำคัญสุดครับ เพราะถึงแม้ประเทศทางใต้จะมีอาวุธที่ทันสมัยเพียงใดแต่เขาก็มีทหารน้อยกว่า และทหารบกเท่านั้นครับที่เป็นหน่วยยึดภูมิประเทศแต่เพียงหน่วยเดียว อาวุธทันสมัยถ้าไม่มีผู้ใช้ก็ไม่ต่างอะไรกับเศษเหล็ก ถ้าไม่มีสนามบินก็ไม่ต่างอะไรกับเป้าบิน ทหารเราเยอะกว่าครับและผมคิดว่าคงไม่มีประเทศไหนแน่ที่ยอมโง่ไปรบกับประเทศที่มีทหารมากกว่าตัวเอง

โดยคุณ champ thai army เมื่อวันที่ 21/04/2009 00:37:09


ความคิดเห็นที่ 8




ประเทศมาเลเซีย  สำรวจจำนวนประชากรเมื่อปี 2549  มีจำนวน 26,920,000 ล้านคน

เนื้อที่ของประเทศ  รวมทั้ง 2 เกาะ 329,758 กม.²

GDP ปี 2549 ประมาณ  $180.7 พันล้าน
                      ประชากรมีรายได้เฉลี่ยต่อคน 12,700 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี 

เศรษฐกิจ

  1. เกษตรกรรม ผลิตยางพาราที่สำคัญของโลก และข้าวเจ้าปลูกมากบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำทั้ง 2 ด้าน
  2. การทำเหมืองแร่ แร่ที่สำคัญ ได้แก่ แร่ดีบุกส่งออกเป็นอันดับหนึ่งของโลกแร่เหล็ก น้ำมัน และแก๊สธรรมชาติ
  3. การทำป่าไม้ ส่วนใหญ่เป็นไม้เนื้อแข็ง ส่งไม้ออกเป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซีย
  4. อุตสาหกรรม ได้ชื่อว่าเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ของเอเชีย (NICs)
ประเทศไทย จำนวนประชากรที่สำรวจปี 2551  63,389,730  คน

เนื้อที่ของประเทศ  513,120 กม.²

GDP ปี 51 $272.1 พันล้าน
ประชากรมีรายได้เฉลี่ยต่อคน 7,906ดอลลาร์สหรัฐ/ปี

เศรษฐกิจหลัก

เกษตรกรรม อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การบริการ และ ทรัพยากรธรรมชาติ ถือเป็นเศรษฐกิจหลักที่ทำรายได้ให้กับคนในประเทศ

ในด้านเกษตรกรรม ข้าว ถือเป็นผลผลิตที่สำคัญที่สุดเป็นผู้ผลิตและส่งออกข้าว เป็นอันดับหนึ่งของโลก ด้วยสัดส่วนการส่งออกคิดเป็นร้อยละ 36 ของโลก พืชผลทางการเกษตรอื่น ๆ ได้แก่ ยางพารา ผักและผลไม้ต่าง ๆ รวมไปถึงมีการเพาะเลี้ยงปศุสัตว์ เช่น วัว สุกร เป็ด ไก่ สัตว์น้ำทั้งปลาน้ำจืด ปลาน้ำเค็มในกระชัง นากุ้ง เลี้ยงหอย รวมถึงการประมงทางทะเล


ข้อมูลจากวิกิีเดียนะครับ




โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 21/04/2009 03:01:11


ความคิดเห็นที่ 9


อืมผมสงสัยครับ ว่าทำไมเนื้อที่ของมาเลย์เซียมันเยอะจังครับ329,758 ตารางกิโลเมตรแหนะ มันน่าจะเท่ากับด้ามขวานของเราทั้งหมดเลยนะครับน่ะ ในขนาดที่ไทยเรามีเนื้อที่ตั้งใหญ่โตแต่มีพื้นที่แค่513,120 ตารางกิโลเมตรเอง มาเลย์เซียมีเนื่อที่เยอะขนาดนี้เลยครับ โห

โดยคุณ champ thai army เมื่อวันที่ 21/04/2009 04:22:25


ความคิดเห็นที่ 10


ประเทศไทย หรือ ราชอาณาจักรไทย เป็นรัฐที่ตั้งอยู่บนคาบสมุทรอินโดจีน ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพรมแดนทางทิศตะวันออกติดประเทศลาวและประเทศกัมพูชา ทิศใต้ติดอ่าวไทยและประเทศมาเลเซีย ทิศตะวันตกติดทะเลอันดามันและประเทศพม่า และทิศเหนือติดกับประเทศพม่าและประเทศลาว โดยมีแม่น้ำโขงกั้นเป็นบางช่วง

ประเทศไทยมีศูนย์กลางการบริหารราชการแผ่นดินอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ประเทศไทยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 51 ของโลก โดยมีเนื้อที่ 513,000 ตร.กม. และมีประชากรมากเป็นอันดับ 20 ของโลก

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2


ประเทศมาเลเซีย (Malaysia) เป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยมีทะเลจีนใต้กั้น ส่วนแรกคือ คาบสมุทรมลายู มีพรมแดนทิศเหนือติดประเทศไทย และทิศใต้ติดกับสิงคโปร์ ส่วนที่สองคือ ทางเหนือของเกาะบอร์เนียว มีพรมแดนทิศใต้ติดอินโดนีเซีย และมีพรมแดนล้อมรอบประเทศบรูไนมีเนื้อที่ทั้งหมด 329,758 กม.² คิดเป็นอันดับที่ 66 ของโลก

ลักษณะภูมิประเทศ

  1. มาเลเซียตะวันตก มีภูเขาทอดยาวทางตอนกลางเกือบตลอด เป็นอุปสรรคต่อการคมนาคม ทำให้มีที่ราบ 2 ด้าน ที่ราบด้านตะวันตกกว้างกว่า เป็นเขตเศรษฐกิจที่สำคัญ คือ เขตปลูกยางพารา และขุดแร่ดีบุก
  2. มาเลเซียตะวันออก ส่วนใหญ่เป็นภูเขา ที่ราบสูงอยู่ทางตอนใน มีที่ราบย่อม ๆ อยู่ตามชายฝั่งทะเล

ศึกษาเพิ่มเติมไว้ก็ดีนะครับข้อมูลพวกนี้  เดี๋ยวจะเหมือนเมื่อก่อนที่บอกว่าประเทศมาเลเชียมีพื้นที่เล็กนิดเดียว


โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 21/04/2009 11:23:48


ความคิดเห็นที่ 11


อืมหรือครับพี่นก ผมก็เพิ่งรู้นะครับว่ามาเลย์เซียมีเนื้อที่บนเกาะบอเนียวด้วย ผมก็เลยสงสัยนะครับเพราะผมนึกว่ามีแค่สุดปลายด้ามขวานเท่านั่นไม่ทราบว่ามีแผ่นดินบนเกาะบอเนียวด้วยอย่างนั้นก็เสดงว่า สิงคโปร์ กับ บรูไน ก็ถูกล้อมรอบโดยประเทศมาเลย์เซียสิครับใช่หรือไม่ครับ รบกวนตอบด้วยนะครับผมผมก็เพิ่งทราบจริงๆ ขอบคุณข้อมูลมากๆนะครับ

ป.ล.ฝากหวัดดีโมกุลด้วยนะครับ ขอลายเซ็นมาเผื่อผมด้วย อิอิอิอิอิอิ ขอบคุณครับพี่

โดยคุณ champ thai army เมื่อวันที่ 21/04/2009 23:29:05


ความคิดเห็นที่ 12


กำลังเรียนอยู่ไม่ใช่หรือครับ

ข้อมูลเรื่องแบบนี้ผมว่าเด็ก ม.1 ก็น่าจะทราบแล้วครับ

ลองไปค้นคว้าข้อมูลมาก่อนแล้วกันครับ

ข้อมูลง่ายๆแบบนี้คงไม่เกินความสามารถนะครับ

เพราะเห็นใช้ internet เป็น

หรือถ้าใช้ไม่คล่องก็ลองเข้าห้องสมุดก็ได้นะครับ

เข้าใจว่าหลักสูตรการเรียนการสอนสมัยนี้ หัดให้เด็ก ค้นคว้าด้วยตัวเองไม่ใช่เอาแต่ท่องแล้วจำเหมือนสมัยก่อน

เดี๋ยวจะเหมือนกรณี F-16  ออกรบที่ร่มเกล้ากับช่องบกนะครับ


ส่วนลายเซ็นต์โงกุน  คงลำบากหน่อยนะครับ  เพราะตอนนี้แกไปอยู่กับท่านมหาเทพสูงสุดแล้วครับ
โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 21/04/2009 23:42:25


ความคิดเห็นที่ 13


ฝรั่งเศสปี1939 อ่อนแอเพราะล้าหลังเรื่องนโยบายการทหารครับ ทำให้ไม่ได้พัฒนาเทคโนโลยีในด้านที่ควรทำ ดันไปทุ่มทุนสร้างแนวป้อมปราการที่เรียกว่า แนวมายิโนต์กั้นพรมแดนเยอรมัน ซึ่งทำเอาฝรั่งเศสเกือบถังแตก ฝรั่งเศสตอนนั้นยังยึดติดกับภาพสงครามโลกครั้งที่1 ซึ่งเป็นสงครามสนามเพลาะ อาศัยทหารราบและทหารปืนใหญ่เป็นหลัก โดยมีรถถังให้การสนันสนุนทหารราบ 

แต่เยอรมันกลับใช้เทคโนโลยีที่เหนือกว่าในด้าน ยานเกราะ อากาศยาน และวิทยุ ในการรบแบบเคลื่อนที่ด้วยยุทธวิธีสายฟ้าฟาด ใช้หน่วยพลร่มคอมมานโดหน่วยเล็กๆถล่มป้อมอีเบน-อีเมลที่พรมแดนเบลเยี่ยม และใช้หน่วยยานเกราะเจาะผ่านป่าอาเดนส์ตรงชองว่างของแนวมายิโนต์ รุกเข้าปารีสได้ในสองสัปดาห์ แนวมายิโนต์ที่ฝรั่งเศสภูมิใจนักหนาและทุ่มเทไปมากมายกลายเป็นสิ่งไร้ค่าไปในบัดดล

กลับมามองไทย กองทัพไทยปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์มาตลอด เราปรับกองทัพจากการรบกับผกคในประเทศ เป็นเตรียมรบใหญ่กับเวียดนามตั้งแต่ปี21 เราน้อยกว่าก็ต้องเน้นเรื่องประสิทธิภาพและการสร้างพันมิตร ต่อมาเราเริ่มปรับหน่วยให้เล็กลงแต่คล่องตัวขึ้นหลังวิกฤติค่าเงิบนาทปี40 จนสามารถไปรับจ๊อบงานรักษาสันติภาพได้เนืองๆ เรื่องสงครามตามแบบกองทัพน่าจะพร้อมครับ และโอกาสปะทะใหญ่มีน้อย แต่ในปัจจุบันมันมีสงครามแบบอื่นๆ ทั้งการก่อความไม่สงบ การก่อการร้าย สงครามข่าวสาร ซึ่งเป็นสงครามที่รบกับหมาลอบกัด บางกรณีไม่รู้วัตถุประสงค์ที่แน่ชัด ตรงนี้น่าจับตาทิศทางของกองทัพ เพราะปัจจัยสำคัญไม่ใช่อาวุธหรือเทคโนโลยีหรือจำนวน แต่เป็นเรื่องของบุคลากร การข่าว และการสนับสนุนจากประชาชน

โดยคุณ oldbot เมื่อวันที่ 22/04/2009 12:55:09


ความคิดเห็นที่ 14


เห็นด้วยกับท่านoldbot แต่ขอแย้งว่า ฝรั่งเศสถึงจะลงทุนสร้างแนวมายีโนต์ แต่เดอโกล์ ก็ยังมีโอกาสสร้างหน่วยรถถังที่ทัดเทียมหรือดีกว่าเยอรมันด้วยซ้ำ เพียงแต่เยอรมันคิดวิธีใช้ วิธีรบ ที่เรียกว่าสงครามสายฟ้า เป็นวิธีการรบและการฝึกที่เหนือกว่าไม่ใช่ที่ตัว หรือปริมาณของอาวุธ
โดยคุณ Oldtimer เมื่อวันที่ 24/04/2009 21:14:14


ความคิดเห็นที่ 15


   ก่อนจะว่าฝรั่งเศสหลังสงครามว่าด้อยกว่าเยอรมัน เราต้องเข้าใจความจิงก่อน

 ฝรั่งเศสพอชนะสงครามโลกครั้งที่1ก้อได้เงินค่าปฎิกรรมสงสงครามมหาศาล ได้ยึดดินแดนหลายที่ของเยอรมันก้อจิง (อังกฤษได้เงิน และบีบให้เยอรมันมีกองทัพเรือให้เล็กลงแค่นั้นก้อพอใจแล้ว)

   แต่สงครามส่วนใหญ่รบในดินแดนฝรั่งเศส ทำให้หลายอย่างพังพินาศ กองทัพ ทรัพยากร ประชาชน บ้านเมือง เละมากๆๆๆ รัฐบาลต้องซ่อมแซมประเทศด้วยเงินมหาศาลไม่พอ ยังมมีค่าดูแลทหารผ่านศึกในฐานะเปงผู้ชนะ แล้วยังต้องสร้างกองทัพขึ้นมาใหม่อีก (ต่างกับเยอรมันถึงแพ้เสียเงิน แต่รัฐบาลไม่ต้องซ่อมบ้านเมืองมากมาย ค่าดูแลทหารผ่านศึกก้อแกล้งไม่จ่าย งบกองทัพก้อโดนสนธิสัญญา บีบให้กองทัพเล็ก เลยประหยัดเงิน ไม่ต้องพัฒนากองทัพ เยอรมันถึงก่อสงครามโลกครั้งที่สองได้อีก) อย่าคิดว่าผู้ชนะจะสบาย เพราะผู้ชนะกลับต้องใช้เงินมากมายกว่า มีเรื่องให้คิดมากกว่า

     งบประมาณที่ได้มา ใช้สร้างกองทัพ จึงเหมือนเปงไปอย่างกำจัด การถกเถียงว่าควรใช้เงินสร้างกองทัพไปในทางไหน อย่าลืมครับ นายพลฝรั่งเศสถือตัวว่าเปงคนทำให้ชนะสงคราม พวกนี้เลยมีบทบาทในรัฐาบาล แต่ประชาชนกับนักการเมือง ต่างดูถูกกองทัพว่าถ้าไม่มีอเมริกา ยังไงก้อไม่มีทางชนะสงคราม และกองทัพก้อไล่เยอรมันกลับบ้านได้ด้วยนายพลฝรั่งเศสเอง ความขัดแย้งอันนี้รุนแรงมากมาย ในรัฐสภา คนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่าขัดแย้งกัน แต่คนรุ่นเก่ามีอำนาจในสภามากกว่า เลยมีแนวคิดทางทหารแบบสงครามสนามเพลาะเหมือนเดิม

โดยคุณ panzer เมื่อวันที่ 05/05/2009 19:10:10


ความคิดเห็นที่ 16


  เมื่อถึงเวลาใช้งบประมาณสร้างกองทัพ แน่นอนรัฐบาลกับฝ่ายค้านก้อขัดขวางกันอย่างรุนแรง นายพลรุ่นเก่าที่ยึดติดตำราเดิมๆเพราะถือตัวว่าชนะสงคราม มีบทบาทมากกว่า ชาลเดอโกนายทหารรุ่นใหม่ ไม่มีอำนาจโน้มแน้วให้สร้างกองทัพรถถังตามที่ตนเองต้องการได้ (ต่างกลับเยอรมันผู้แพ้สงคราม ต่างโทษนายพลรุ่นเก่าว่าล้าหลังทำให้เยอรมันแพ้สงคราม จึงรับฟังแนวทางการทหารแบบใหม่ๆๆ มีความมุ่งมั่นหาทางกลับมายิ่งใหญ่ จนได้ฮิตเลอร ที่รวบอำนาจคนเดียว แนวทางการทหารเลยไปในทางเดียวกันหมด)

   เมื่อไม่ลงตัว การสร้างป้อมมายิโนกลับเปงสิ่งที่ลงตัว เพราะเยอรมันไม่สามารทำลายป้อมของฝรั่งเศสได้เลย แม้จะขนปืนใหญ่นานาชนิด ก้อทำลายไม่ได้ (จำชื่อไม่ได้ ต้องกลับไปอ่านใหม่) จนเปงความภูมิใจของนายพลรุ่นเก่าและประชาชน นายพลรุ่นเก่าๆจึงหนุนการสร้างป้อมมายิโน เพราะหวังโฆษาณาชวนเชื่อ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เหงด้วยจากความภูมิใจในสงคราม ทำให้งบประมาณไปสร้างป้อมอย่างมโหราณ นักวิศวกรถูกว่าจ้างให้ออกแบบป้อมอย่างเมามัน

  ฝรั่งเศสไม่ได้สมองด้อยกว่าเยอรมันอย่างทีเราคิดนะครับ ป้อมมายิโน เปงป้อมที่เทคโนยีทันสมัยที่สุด ด้วยการออกแบบที่ยอดเยี่ยมจนทำให้ทหารสะดวกสบาย อยู่เหมือนโรงแรม 

   ถ้าเยอรมันเลือกเข้าตีป้อมคงต้องแพ้แน่ๆ  นาซีกลัวป้อมมายิโนนะครับ และไม่มีทางชนะ  จนได้วิธีง่ายๆๆคือเลือกตีป้อมเบลเยี่ยมคือป้อมอีเบน อีเมล ของเบลเยี่ยม จึงหาทุกวิถีทาง จนได้พิมพ์เขียวของป้อมทำให้เยอรมันวางแผนถูก ถ้าคุณได้อ่านการรบอย่างละเอียด มันไม่ง่ายเลย เกือบพลาดด้วยซ้ำ รายละเอียดแยะหาอ่านเองครับ

 

โดยคุณ panzer เมื่อวันที่ 05/05/2009 19:45:09


ความคิดเห็นที่ 17


 เมื่อนาซีฝ่าเบลเยี่ยมในสงครามโลกครั้งที่สองมาได้ ทีนี้ฝรั่งเศสต้องรบจิงๆแล้ว ส่วนป้อมมายิโนจบข่าว เยอรมันกลับต้องเสียหายหนัก เพราะฝรั่งเศสแข็งแกร่งมากๆๆ แต่รัฐบาลหัวโบราณ กลับสั่งการอย่างสับสน และเชื่องช้า นายพลหัวโบราณ ไม่เข้าใจการรบแบบใหม่ ที่เน้นยึดเมืองก้อหวัดผลสงคราม ด้วยยรถถัง รถถังฝรั่งเศสมิได้ด้อยกว่านาซีเลย นาซีสิกลับกดดันสุดๆๆ เพราะรถถังนาซีเปงแบบแอบผลิต เกราะเบา รวดเร็ว เพราะเน้นตามยุทธศาสตร์สายฟ้าแลบ การปะทะกัน เยอรมันด้อยทันที (ปี1940 รถถังนาซียังไม่เจ๋งจิง อย่ามองรถถังไทเกอร์สิครับ นั่นมันคนละปีแล้ว)  มีฉากนึงในสงครามฝรั่งเศส รถถังมาทิลด้าของอังกฤษกองร้อยเดียวเข้าดวลกับรถถังนาซี รถถังนาซีสู้ไม่ได้จนแตกขบวน นาซี(รอมเมลคุมพอดีเลย)แก้สถาณการทันควัน โดยใช้ปืนปตอ.88มม.ยิงรถรังเกราะหนาๆอย่างมาทิลด้าอย่างง่ายดาย หลังสงครามฝรั่งเศส นาซีแก้ไขปรับปรุงใหม่หมด 

   เยอรมันได้เปรียบที่มีแนวคิดทางทหารใหม่ๆๆ ด้วยการหลอกให้รถถังฝรั่งเศสออกมาในที่โล่ง แล้วใช้บ.ดำดิ่งทิ้งระเบิดสตูลก้าถล่มรถถัง ประสานกับปืนใหญ่ จนกองทัพฝรั่งเศสบอบช้ำ แล้วส่งรถรถังนาซีไล่ตีซ้ำอีก ทำแบบนี้เลื่อยๆๆ ฝรั่งเศส ยังไม่รู้ตัวอีก จนอังกฤษรู้แล้วว่ารัฐบาลฝรั่งเศสงี่เง่า เลยหนีกลับเกาะอังกฤษ

โดยคุณ panzer เมื่อวันที่ 05/05/2009 20:05:49


ความคิดเห็นที่ 18


     ภาพรวมของสงครามฝรั่งเศสจิงๆๆ ฝรั่งเศสขายขี้หน้าสุดๆๆ จิงๆๆไม่ช่ายป้อมมายิโนเลย นาซีแค่เลี่ยงอ้อมเฉยๆๆ (เพราะคนเขียนชอบล้อจี้ใจดำ ความภูมิใจของฝรั่งเศส)

   แต่ทหารทั้งประเทศพ่ายแพ้ต่างหาก ที่น่าอาย รัฐบาลที่ขัดแย้งกัน มีนายพลหัวโบราณที่มีอำนาจการเมืองแยะ แก่แล้วยังไม่ยอมศึกษาตำราใหม่ๆๆ หลงภาพตัวเองเดิมๆว่า ถ้าไม่มีนายพลเก่าๆ ประเทศแพ้สงครามโลกครั้งที่1ไปแล้ว การแต่งตั้งก้อเลือกแต่คนที่เหงดีเหงงามกับนายพลเก่าๆๆ นายทหารหัวสมัยใหม่ไม่ได้รับการสนับสนุนเลย ชาร์ลส์ เดอโกลล์ พยายามเสนอ ให้รถถังเปงหัวหอก ให้ทหารราบคอยสนับสนุน แต่นายพลเก่าอยากให้รถถังสนับสนุนทหาราบ คุณคิดว่านายพลเก่าปฏิเสธอย่างสุภาพเหรอ เขาด่าดูถูกเดอโกลมาก ว่าเด็กเมื่อวานซืน มาสอนผู้ใหญ่ (นาซีตั้งชื่อกองพลว่ากองพลรถถัง ฝรั่งเศสไม่เรียกกองพลรถถัง)

  นายพลเก่านั่งอยู่อย่างสบายๆ ห่างจากแนว นายพลนาซีนั่งรถหุ้มเกราะหรือรถถัง ติดตามแนวหน้าตลอดเวลา กินอยู่กับทหารแนวหน้าเสมอๆๆ จึงวางแผนอย่างมีประสิทธิ์ภาพ การวางแผนที่ดีของเสนาธิการ ทำให้ฝรั่งเศสแพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง นาซีโจมตีตามจุดยุทธศาสตร์ที่ถูกต้อง แค่กำลังทางอากาศ ทิ้งระเบิด ศุนย์คมนาคม การสื่อสาร การรบกวนการเคลื่อนกำลังพล  แค่นี้ฝรั่งเศสก้อรบอย่างสับสน โดยเฉพาะนายพลเก่าๆ สั่งการอย่างสับสน ข่าวสารที่ไม่ถุกครบถ้วน ทหารฝรั่งเศสรบอย่างสับสน ไร้การสนับสนุน แต่ก้อ ใจสู้จนนาซีสูญเสียไม่ช่ายน้อย แต่นาซีบอก สูญเสียน้อยกว่าที่คาดการณืไว้เสียอีก

   ภาพที่น่าเจ็บใจ ก้อมีรถถังเยอรมันที่บุกเร็วจนน้ำมันหมด ต้องแวะเติมน้ำมันตามปั้มของฝรั่งเศส เจ็บใจไหมล่ะ เสนาธิการณ์นาซีจงใจด้วย พยายามให้ทหารรีบยึดปั้มน้ำมันไว้ก่อน ทหารฝรั่งเศสก้อถอยจนไม่คิดเลย เพราะนาซีบุกเร็วมาก จนฝ่ายเสบียง ตามไม่ทัน ภาพเก่าๆจะเหงนาซีใช้ม้าส่งเสบียง ถนนก้อติดขัดไปด้วยรถนานาชนิด รถถังนาซีมักจะมีถังน้ำมันติดตัวเสมอๆๆ ทุกภาพ

   ที่เราเหง ความพ่ายแพ้ของฝรั่งเศสมากมาย เพราะเขาต้องการเตือนใจ ว่าเพราะการเมืองที่มัวขัดแย้ง ความลุ่มหลงของนายพลเก่า หัวโบราณ  จนเราไม่ได้เหงว่า ฝรั่งเศสตอบโต้นาซี ได้ไม่เบา คำว่าอาวุธด้อยก้อเปงเพียงประชดถึงเงินที่สร้างป้อมมายิโน ที่สูญเปล่ามากกว่า

  

โดยคุณ panzer เมื่อวันที่ 05/05/2009 21:37:49