อาวุธประจำกายนั้นจะมีการจัดหาและแจกจ่ายให้กับหน่วยต่างๆตามลำดับความสำคัญครับ ซึ่งก็แน่นอนว่าปืนรุ่นใหม่ๆนั้นมีการจัดหามาก็จะต้องถูกแจกจ่ายให้บรรจุในหน่วยที่ความสำคัญระดับต้นๆก่อน ซึ่งหน่วยทหารที่เป็นกำลังประจำในส่วนห่างไกล โดยเฉพาะที่ไม่ใช่กำลังประจำการหลักอย่างทหารพรานนั้นก็จะใช้ปืนรุ่นเก่าอย่าง AK-47 หรือ HK33 ครับ
อย่างไรก็ตามในพื้นที่ชายแดนภาคใต้นั้นก็มีกำลังหลายหน่วยที่ลงไปปฏิบัติประจำสับเปลี่ยนกันอยู่ครับ เฉพาะในส่วนของกองทัพบกเองนั้นก็มีหน่วยรบพิเศษซึ่งได้รับมอบอาวุธประจำกายและอุปกรณ์ที่ทันสมัยเช่น ปืน M4 ติดกล้องเล็ง เป็นต้น รวมถึงในปัจจุบันน่าจะมีการนำอาวุธใหม่ๆเช่น Tavor และ Negev มาใช้บ้างแล้วครับ
แต่จริงๆแล้ว "ปืนรุ่นใหม่ๆ" ไม่ใช่ส่วนสำคัญครับ สิ่งที่สำคัญคือ "ผู้ที่ปฏิบัติการกับปืน" มากกว่าครับ ปืนรุ่นเก่าแต่คนใช้งานทำการฝึกมาอย่างดีย่อมจะมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติมากกว่า ปืนรุ่นใหม่แต่คนใช้ยังไม่ได้รับการฝึกให้ชำนาญพอครับ
คำตอบก็คือปืนไม่พอครับผม
เพราะว่าปืนใหม่ๆมันแพงแล้วก็ซื้อมาจำนวนไม่พอแจกทหารที่ส่งไปทุกท่านหรอกครับ
M4 นี่เราก็มีเยอะแต่เห็นใช้แต่เอ็ม16เอ2
HK G36 แพงไปปะครับ ที่ผมเห็นมีแต่หน่วยซีลกับหน่วยรบพิเศษเค้าละมั้ง
SAR-21 ปืนสิงคโปร์นี่ครับ? ผมไม่ทราบข่าวว่าเราจัดหามาหรือไม่
HK 416 แพงไปปะครับ?
AK 47 อันนี้ต้องดูที่ความเข้ากันของกระสุน เรายึด5.56นาโต้เป็นหลักนี่ครับ เดี๋ยวก็มีปัญหาส่งกำลังบำรุงหรอก
M 468 ไอ้นี่..ของมะกันนี่แพ๊ง
SIG 550 อันนี้เกินไปปะครับ
ผมว่าตอนนี้กองทัพเราเรื่องอาวุธดีพร้อมอยู่แล้วละครับ แต่ก็อย่างที่ท่าน AAG_th1 ว่าละครับ ของอย่างงี้ไม่ได้อยู่ที่ปืนใหม่หรือเก่ากว่า แต่อยู่ที่ผู้ยิงครับ ปืนจะดีหรือไม่ดี หากคนใช้ชำนาญกับปืนรุ่นนั้น มันก็จะกลายเป็นอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพ แม้จะเก่ากว่าโลว์เทคกว่าก็ตาม ในขณะเดียวกันถึงปืนจะวิเศษวิโสยังไง แต่คนใช้ไม่ชำนาญ ใช้ไม่เป็น มันก็ไม่ต่างกับมีท่อนเหล็กดอกครับ ตัวอย่างมีให้เห็นทั่วโลกเยอะแยะ
เอชเค 33เราผลิตเองมีอยู่เยอะแยะก็ต้องใช้ไปละครับ
สุดท้ายนี้ย่อavatar หน่อยก็ดีนะครับ มันใหญ่เกิ๊น
จริงๆผมว่า เอชเคข-๓๓ เป็นปืนที่ดีครับ ...................... มีข้อเสียอยู่นิสนึง ตรงที่ปืนใช้ระบบดีเลย์โบแบ็ค คือกลไกทำงานส่วนที่เคลื่อนที่ โดยใช้แรงถอยจากแรงส่งกระสุน (เหมือนปืนสั้นออโต้ที่เราใช้กันอยู๋) ........................ ระบบนี้มีข้อเสียตรงที่การขึ้นลำนัดแรกต้องใช้แรงมากสักหน่อย มีเสียงดัง(เสียงขึ้นลำ) ..............................
และที่เป็นข้อเสียที่สุดคือ เมื่อยิงลูกสุดท้ายออกไป ลูกเลื่อนจะไม่ค้าง (เอ็มข๑๖ หรือแม้ สั้นออโตเมติค ยี่ห้อกล็อค ซีแซด หรือไหนๆ เวลาลูกหมดแม็ก เหล็กซองกระสุนจะไปดันสลักขัดโครงลูกเลื่อนให้ค้าง ทีนี้ก็จะรู้ว่าลูกหมด ผู้ยิงเพียงเปลี่ยนแม็กกาซีน แล้วกดปล่อยโครงลูกเลื่อนเป็นอิสระสไล้นำลูกปืนเข้ารังเพลิง) ดังนั้นกรณี เอชเค ผู้ยิงจะแยกไม่ออกว่า ปืนตนเองลูกหมด หรือกระสุนด้าน (กรณียิงและไม่ได้นับ ซึ่งเชื่อว่าเวลายิงจริงคงไม่มีใครนับ) และที่สำคัญ ต้องดึงคันรั้งโครงนำลูกเลื่อนทุกครั้งเมื่อต้องเปลี่ยนแม็กกาซีน
ปืนที่พวกเราได้สัมผัส ดดยเฉพาะตอนเรียน รด. ส่วนใหญ่เป็นปืนหมดสภาพ กองทัพเค้าคัดทิ้งแล้ว ส่วนใหญ่ เอวจะหวาน คือไฟเบอร์ส่วนพานท้ายรูเริ่มบาน เอวหวานแกว่งเป็นระบำฮาวาย และที่เซ็งเป็ดที่สุดคือ คันบังคับการยิงมันหลวม และจะตกจากตำแหน่งทีละนัด มาเป็นยิงชุด (ยช.) เพื่อนเพื่อนได้มาหกลูก นัดแรง เป้ง นัดสองเป้ง นัดสามสีห้าหก เป็นชุด พร่อดๆๆๆ........... โดนครูเขกกะโหลกหนึ่งที กับเป้าที่มีรูอยู่แค่สามรู
เอชเค-๓๓ ไทยทำเองได้ ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าสายผลิตปิดยัง แต่ถึงปิด เมื่อยามสงครามคงเปิดได้ใหม่ครับ.................
สงครามร่มเกล้า เห็นนักรบชุดดำห้อยเอชเครบกะลาวก็มี โดยรวมผมว่า เอช-๓๓ เป็นปืนดีอยู่ในเกณฑ์ รับได้ แต่ที่เป็นเหตุคือ ปืนที่มีขายในปัจจุบันมันดันดีกว่า ...............................
แก้ไขโดย Webmasterเอ้าขออภัย แถมอีกคลิป คัฟ.................... หวนนึกถึงฟามหลัง ใครยิงเอชเค คงเข้าใจความรู้สึกและอารมณ์ดี ใครเอ็มสิบหกก็ว่ากันไป
HK33นี้ผมเคยยิงคับพอดีเรียน รด. ถ้าใส่ซองกระสุนแรงๆลูกมันจะค้างคับ แล้วต้องดึงคันรังเบาๆมันจะยิงได้ลื่นๆคับ
เท่าที่เคยได้สัมผัส HK-33 ก็ดีแบบที่คุรกบว่า แต่ข้อติของผมคือซองกระสุนครับ ซองกระสุนไม่แข็งแรง เสียรุปง่ายเวลากระแทกทำให้กระสุนติดขัดครับ เวลายิง อีกทั้งการประกอบซองกระสุนไม่สนิท ทำให้มีเศษดินเศษทรายเข้าไปครับ
HK-33 ถ้าปรับปรุงหน่อยก็ใช้งานได้ดีครับแต่คันรั้งลูกเลื่อนนี่มือซ้ายไม่แข็งนี่ซวย - - ขึ้นลำโพล๊ะตบคันรั้งป้าบบบ ได้ยินถึงสุไหงโกลก M-16 เงียบกว่าเยอะ จุดด้อยอีกอย่างคือซองกระสุน มันใส่ยาก ถ้าชินก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเลื่อนมาเป็น HK-32 ผมว่าแหล่มกว่าใช้ซองกระสุนAK ลูก7.62-39 มม บ่ารับซองกระสุนปรับใหม่ใส่ง่ายกว่า
เรื่องระบบคันรั้งลูกเลื่อนนี้จะเป็นจุดอ่อนของปืนHKในตระกูลที่พัฒนามาจาก HK G3 ตลอดครับ ร่วมถึง HK PSG-1 และ HK MSG-90 ซึ่งเป็นปืนซุ่งยิง หรือ HK MP-5 ด้วย
ซึ่งในภารกิจที่ต้องการความเงียบเคยอ่านมาว่าทหารที่มีประสบการณ์จะใช้วิธีขึ้นลำโดยผลักคันรั้งลูกเลื่อนอย่างนุ่มนวลและช้าๆแทนการตบคันรั้งให้ลูกเลื่อนเคลื่อนเองครับ ซึ่งจะทำให้มีเสียงไม่ดังมาก (แน่นอนว่าคงต้องมีการฝึกทำให้ชำนาญ)
ลืมรูป HK-32 แอบสวยนะเนี่ย อิ อิ
ดูตรงบ่ารับซองกระสุนครับไม่มีเซาะร่อง คงจะใส่ซองกระสุนง่ายพอดูของเดิมมือสั่นใส่ไม่ลงแน่ ๆ - -
#คุณAAGth1 ถ้าค่อย ๆ ดึงคันรั้งลงท่าจะไม่ทันยิง อิ อิ จริง ๆ คันรั้งมันก็ดังทุกตัวแหละแต่เจ้านี่มันดันดังกว่าชาวบ้านเขาเยอะ
ฝาก HK-32 ไว้ในใจชาว TFC ด้วยครับ