หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ตัวช่วยใหม่ น่าจับตา ลูกซองสู้โจรใต้ แบบไหน ? ที่ใช่เลย

โดยคุณ : Ronin เมื่อวันที่ : 10/04/2009 00:47:15

การ “ออกตัว” ล่าสุด ของรัฐบาลปัจจุบัน โดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับปัญหาความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประมาณว่า...ต่อให้รัฐบาลนี้อยู่ได้ครบวาระ ก็คงยังไม่สามารถทำให้เหตุการณ์สงบลงได้นั้น ก็น่าคิดว่าจะมีผลต่อเหตุการณ์ยิง-ระเบิด-ฆ่ารายวันในพื้นที่ไฟใต้ หรือไม่-อย่างไร ??
 
ที่แน่ ๆ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ก็ยังต้องปฏิบัติภารกิจกันหนัก
   
และเรื่องของ “อาวุธ-ยุทธภัณฑ์” ก็ยังจำเป็นจะต้องใช้ !!
 
นอกเหนือจากกรณี “เรือเหาะ” ที่ค่อนข้างเป็นของใหม่ในความรู้สึกของคนไทย ที่มีข่าวว่าจะมีการสั่งซื้อมาใช้เพื่อการสอดแนมดูความเคลื่อนไหวของผู้ก่อความไม่สงบแล้ว ก็ยังแว่ว ๆ ว่า “ปืนลูกซอง” ที่คนไทยคุ้นเคยมากกว่าเรือเหาะ ก็จะถูกนำไปให้เจ้าหน้าที่ทหารใช้สู้กับผู้ก่อความไม่สงบ เสริมจากอาวุธประจำกาย
 
แว่ว ๆ ว่าเมื่อประมาณเดือน พ.ย. 2551 หน่วยกำลังในพื้นที่ได้เสนอขอ “ปืนลูกซองระบบกึ่งอัตโนมัติ” จำนวน 2,000 กระบอก เพื่อใช้เสริมอาวุธปืนประจำการ คือ M16 และ HK-33 เพื่อความเหมาะสมกับกำลังพลในภารกิจการลาดตระเวนทางยุทธวิธี ในพื้นที่ที่อาจถูกซุ่มโจมตีในระยะประชิด เพื่อให้กำลังพลสามารถยิงโต้ตอบหยุดยั้งได้ผลอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
 
ปืนลูกซอง “สโตเกอร์ 2000” คือปืนที่ในพื้นที่เสนอขอ
 
แต่ภายหลัง “เรมิงตัน 1100” ก็แทรกมาเป็นตัวเลือก ??
 
ทั้งนี้ ปืนลูกซองยี่ห้อ “สโตเกอร์ รุ่น 2000” ราคากระบอกละประมาณ 22,000 บาท ส่วนยี่ห้อ “เรมิงตัน รุ่น 1100” ราคาจะสูงกว่า ซึ่งแหล่งข่าวในวงการปืนบอกกับ “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า... ทั้ง 2 ยี่ห้อต่างก็มีประสิทธิภาพ และมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ประเด็นจึง “อยู่ที่ความเหมาะสมในการใช้งาน !!”
 
คุณสมบัติปืนลูกซอง 2 ยี่ห้อ 2 รุ่นนี้ สำหรับ “สโตเกอร์ 2000” เป็นปืนลูกซองระบบกึ่งอัตโนมัติ ใช้ซองกระสุนแบบหลอดใต้ลำกล้อง บรรจุกระสุนเพิ่มเติมในระหว่างการยิงได้ ระบบการทำงานเป็นแบบลูกเลื่อนหมุนตัวขัดกลอนกับท้ายลำกล้องปืนโดยตรง ปลดกลอนด้วยแรงเฉื่อย ไม่ใช้ลูกสูบหรือท่อก๊าซ ขนาดของกระสุน แบบปลอกยาว 23/4 นิ้ว และ 3 นิ้ว ใช้ได้ทั้งกระสุนแรงขับมาตรฐานและกระสุนแรงสูงโดยไม่ต้องปรับแต่งหรือบริหารกลไกที่ตัวปืน ระยะยิงหวังผลลูกโดด 150 เมตร ลูกปรายระยะ 50 เมตร
 
สโตเกอร์ 2000 บรรจุกระสุนได้ 4+1 นัด ดัดแปลงให้บรรจุเพิ่มได้เป็น 5-8 นัด ความยาวตลอดประมาณ 39.75 นิ้ว น้ำหนักปืนเปล่า 2.95 กิโลกรัม ความยาวลำกล้อง 18.5 นิ้ว (ตัดลงได้จนเหลือความยาว 13 นิ้ว โดยระบบบรรจุเองยังทำงานได้ปกติ) ระบบความปลอดภัย 1.ห้ามไก 2.ระบบนิรภัยเข็มแทงชนวน ขัดกลอนสมบูรณ์แล้วเข็มแทงชนวนถึงจะทำงานได้ ซึ่งเป็นแบบเดียวกับปืน M16 น้ำหนักไก 3.5 ปอนด์
 
วัสดุโครงปืน สโตเกอร์ 2000 ทำจากอะลูมินั่มรมดำด้าน พาน ท้ายใช้วัสดุสังเคราะห์ อุปกรณ์ที่เสริมมาด้วยคือ “ด้ามปืนแบบสั้น” เพื่อใช้งานคล่องตัวระยะประชิด ถอดเปลี่ยนได้โดยผู้ใช้เอง
 
ส่วน “เรมิงตัน 1100” ลักษณะทั่วไปคล้ายสโตเกอร์ 2000 แต่ระบบการทำงานเป็นแบบลูกเลื่อนขัดกลอนด้วยแท่งเหล็กแนวดิ่ง ใช้ท่อก๊าซและลูกสูบ ขนาดกระสุนใช้ได้เฉพาะขนาด 23/4 นิ้ว ซึ่งความแรงดินปืนต้องใช้กระสุนที่มีแรงอัดดินปืน 33/4 ดรัมเท่านั้น ถ้าใช้ลูกกระสุนที่มีขนาดปลอกยาวเกินกว่านี้อาจเกิดปัญหาปลอกกระสุนขัดคัดไม่ออก ส่วนความยาวตลอดประมาณ 39.75+ 4 นิ้ว หรือ 43.75 นิ้ว
 
“สโตเกอร์ 2000 เปลี่ยนพานท้ายเหลือเพียงด้ามปืนสั้นอย่างเดียวได้ทันที ทำให้เหมาะกับการใช้งานในสภาพพื้นที่จำกัด ส่วน เรมิงตัน 1100 จะมีสปริงคอยล์ยาวออกมาทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนพานท้ายใส่แต่ด้ามปืนสั้นได้ หรือหากตัดลำกล้องออกก็อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพในการยิงลดน้อยลง และเมื่อดูที่ข้อจำกัดเรื่องกระสุนแล้ว นี่ก็น่าจะเป็นปัจจัยที่ในสภาพพื้นที่จำกัดอย่างภาคใต้ เสนอขอสโตเกอร์ 2000”
 
...แหล่งข่าวผู้สันทัดกรณีเรื่องปืนกล่าว และยังบอกด้วยว่า... ในด้านการบำรุงรักษา การใช้เวลา สโตเกอร์ก็ได้เปรียบกว่า เนื่องจากไม่มีท่อก๊าซ ไม่มีก๊าซรั่วไหลเข้าระบบลูกเลื่อน แค่ถอดลำกล้องออกมาก็ทำความสะอาดได้เลย ส่วนเรมิงตันต้องเริ่มด้วยถอดลำกล้องทำความสะอาดก่อน จากนั้นจึงทำความสะอาดที่ท่อก๊าซ
 
ด้านแหล่งข่าวทางทหารให้ความเห็นผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า... ถ้าถามว่าเพื่อความเหมาะสมในระยะประชิด ทำไมไม่ใช้ปืนพกสั้น ? ก็ต้องบอกว่า...ปัจจุบันใน 1 กองพันน่าจะมีปืนพกสั้นใช้ไม่เกิน 50 กระบอก และอาจไม่ครบทุกกองพันด้วยซ้ำ ดังนั้น ทหารที่ออกลาดตระเวนก็จะมีแต่ปืนยาว M16 หรือ HK-33 เป็นหลัก ซึ่งเมื่อปะทะในระยะประชิดนอกจากจะไม่คล่องตัวแล้ว อานุภาพปืนยาวยังอาจเลยไปถูกผู้บริสุทธิ์จนยิ่งเป็นเงื่อนไขขัดแย้ง หรือถ้ามีปืนพกสั้นใช้ ในระยะประชิดที่กดดันการใช้ปืนพกสั้นก็อาจยิงพลาดเป้าได้ง่าย
 
“ถ้าเป็นปืนลูกซอง กระสุนจะเกาะกลุ่ม จะมีประสิทธิภาพมากกว่าแม้ยิงในสภาวะกดดัน และจะไม่ทะลุทะลวงเท่าปืนยาว M16 หรือ HK-33 การเลือกใช้ปืนลูกซองจึงต้องถือว่ามีความถูกต้อง และสำคัญในเชิงยุทธวิธี สำหรับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้” ...แหล่งข่าวทางทหารว่าอย่างนี้
 
“ปืนลูกซองสู้โจรใต้” ก็เป็นอีกกรณีที่คนไทยต้องตามดู
 
จะใช้เมื่อไหร่ ? ผู้ใช้จะได้ใช้รุ่นที่เสนอขอใช้หรือไม่ ??.


ที่มา : http://www.dailynews.co.th



ของดวิจารณ์การเมืองครับ





ความคิดเห็นที่ 1


ตามสนธิสัญญาเจนีวาเค้าห้ามใช้ปืนลูกซองในการรบนี่ครับ?

แต่นี่เป็นการปราบโจรนี่หน่า ไม่เป็นไรใช้ได้

ตอนนี้ท่านวมต.ให้ตัวเลือกมาสองตัวคือ

1.สโตเกอร์ 2000 ไม่ทราบว่าใช่ตัวนี้ไหมครับ? เมดอินตุรกี

http://world.guns.ru/shotgun/sh34-e.htm

2.เรมิงตัน เอ็ม1100

http://en.wikipedia.org/wiki/Remington_1100

     ผมว่าถ้าจะจัดหาปืนลูกซอง ตอนนี้ควรใช้พวกเซมิออโต้เมติคครับ เพราะให้การยิงที่ต่อเนื่องดี เมื่อศัตรูมาเป็นกลุ่มการใช้ปืนลูกซองก็น่าจะเหมาะสม แต่ก็อย่างว่าการยิงใส่ข้าศึกที่อยู่ในป่าอาจจะให้ผลไม่ดีพอ แต่ถ้าเป็นลูกปรายยังไงซะมันก็ต้องโดนละ

แต่ผมว่าสิ่งสำคัญไม่ใส่แค่อาวุธ สิ่งที่ต้องเปลี่ยนก็คือยุทธวิธีด้วยครับ รบกับกองโจรส่งทหารไปเป็นกองทัพมันก็พอๆกับ ขี่ช้างจับตั๊กแตนละครับ

สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้กับทหารที่ต่อสู้อยู่ในสามจังหวัดชายแดนใต้ครับ

 

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 03/04/2009 05:08:55


ความคิดเห็นที่ 2


ตอนนี้ท่านวมต.ให้ตัวเลือกมาสองตัวคือ

>> ผมไม่ได้ให้ตัวเลือกครับ กองทัพ คงเลือกไว้แล้ว
โดยคุณ Ronin เมื่อวันที่ 03/04/2009 06:00:38


ความคิดเห็นที่ 3


มันเป็นป่าข้างทางพูดยาก ยังไม่รวมพวกที่รายงานทีมซุ่ม เข้าสู่จุดสังหารอีก คือดูหนังมากไปหน่อย

แต่ถ้าใช้ลูกปลายแล้วทำให้ สกัดฝ่ายตรงข้ามได้ ก็เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

คนกับปืน ต้องเป็นคนเดียวกัน ลูกซองถ้าชำนาญฝึกมาดี มีความแข็งแรง

ซัลโวลูกซองได้เป็นชุด แบบ 2-3-4นี่  มันส์แน่ครับ

โดยคุณ tik เมื่อวันที่ 03/04/2009 08:22:47


ความคิดเห็นที่ 4


ผมเชียร์สโตกเกอร์ครับใช้อยู่ปืนดีราคาถูกระบบการทำงานเหมือนเบลเนลี่...ทนไม่เลือกลูก


โดยคุณ hong เมื่อวันที่ 03/04/2009 22:11:01


ความคิดเห็นที่ 5


ลืมรูปถ่ายจากสมาชิกกันอินครับ.

แต่ถ้าให้ดีบวก ไซก้าของรัสเซีย เป็นทางเลือกอีกตัวละก็สุดยอดครับ..ลูกดกทนแบบอาก้า..

รูปจากสมาชิกกันอินครับ.


โดยคุณ hong เมื่อวันที่ 03/04/2009 22:15:03


ความคิดเห็นที่ 6


ไซก้า..จะเอามาตัดสั้นๆยิงนะยะประชิดก็เยี่ยมเลย...ถ้าของเมืองยิงกลได้เลยถ้าเข้ามาบ้านเรายิงแบบเซมิออโต้ครับ..


โดยคุณ hong เมื่อวันที่ 03/04/2009 22:18:26


ความคิดเห็นที่ 7


คุณ hong ครับขอความกรุณา ขอรูปชัดๆของM4 กระบอกนั้นครับทำไมศูนย์หน้ามันอยู่ตรงนั้น หากแต่งปืนมาขอรายละเอียดครับ ขอขอบคุณ

อยากเปิดโอกาสให้ Saika หรือปืนลูกซอง Tacticalไม่ว่าจะชาติไหนๆ�

Saika ลูกซองกึ่งอัตโนมัตินี่มันไม่ผิดกฏหมาย ประชาชนอย่างเราๆมีได้ ตากำลังร้อน แล้ว หรือมันเป็นFull Auto
โดยคุณ Oldtimer เมื่อวันที่ 04/04/2009 21:44:01


ความคิดเห็นที่ 8


คุณ hong ครับขอความกรุณา ขอรูปชัดๆของM4 กระบอกนั้นครับทำไมศูนย์หน้ามันอยู่ตรงนั้น หากแต่งปืนมาขอรายละเอียดครับ ขอขอบคุณ

.......................................
 
หมายถึงลูกซองสโตกเกอร์ใช่ไหมครับ ออกจาก สนอส.เป็นอย่างนี้ทุกตัวครับ เข้าใจว่าเอาไว้เผื่อตัดลำกล้องก็จะเสมอศูนย์หน้าพอดีครับ


โดยคุณ hong เมื่อวันที่ 05/04/2009 06:42:14


ความคิดเห็นที่ 9


ปืนลูกซองส่วนใหญ่ใช้ในทางตั้งรับน่ะคับ โดยเฉพาะยิงแล้ววิ่งหนีเลย คือยิงสกัดเพื่อทำลายจังหวะการเล็งยิงด้วยปืนสงครามในระยะประชิดจากฝ่ายไล่ล่า แล้วอาราธนาหลวงพ่อเผ่น

การเอาลูกซองไปดวลกะโจรซึ่งถืออาก้ากะพาวเวอร์เจลนั้น รู้สึกว่าจะไม่ค่อยลงตัวอ่ะคับ

เหตุผลก้อคือ ปืนลูกซองแบบลูกดกทุกชนิดนั้น โช้คปากลำกล้องมันจะเป็นแบบฟูลโช้คซะส่วนใหญ่ โช้คแบบนี้พอลูกปืนหลุดออกไปก้อบานเป็นหว่านแหอ่ะคับ ระยะ 15-20 เมตรพอทำเนา ไกลกว่านั้นก้อไม่โดนอะไรแล้วคับ ถึงโดนก้อไม่รุนแรงพอจะหยุดคู่ต่อสู้ได้

ความแม่นยำไม่ต้องถามถึง เพราะอาศัยหว่านแหเอาอย่างที่บอกอ่ะคับ

ดังนั้น การเอาลูกซองไปดวลกับโจร ไม่ว่าโจรอะไรที่ถือปืนสงครามอยู่ในมือ ไม่ว่าลูกซองจะยิงกลได้หรือไม่ ก้อไม่ลงตัวด้วยเหตุฉะนี้คับ

 

 

โดยคุณ X-1 เมื่อวันที่ 09/04/2009 13:47:16