คือ ผมส่งสัยมานานแล้วครับว่าเวลาที่เครื่องบินถูกล็อคเป้าหรือมีจรวดวิ่งเข้าหาจะมีการแจ้งเตือนจากนั้นนักบินก็จะเร่งความเร็วหนีหากไม่พ้นก็จะปล่อยระบบเป้าลวงต่างๆ แต่ตามที่เห็นในหนังหรือเกมจะเห็นว่า นักบินจะทำการหักหลบอย่างลวดเร็วตาม ซอกเขา ตึก หรือแม้แต่สันเขาผมเลยสงสัยครับว่าเรื่องจริงทำได้ไหม นักบินเองจะเกิดอาการ G-LOCK ไหมครับ
ขอบคุณครับ
อ๋อครับ....แฮ่ๆ สรุปว่าไม่ได้ใช่ไหมครับ ก็คือได้แค่ระบบเป้าลวงต่างๆ
ขอบคุณครับ อ๋อลืมอย่างนึงแล้วถ้าทำอย่างที่ว่าโอกาศเกิด G-LOCK จะสูงไหมครับ
สามารถทำได้ครับ แต่ต้องไม่เกินข้อจำกัดของเครื่องบินครับ
วินาทีนั้นเป็นเรื่องของการหนีตายครับ นักบินต้องทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อมีชีวิตครับ
การเลี้ยวหลบอย่างรวดเร็ว เป็นการลดโอกาสที่จรวดจะระเบิดใก้ลกับจุดสำคัญของเครื่องบิน จรวดบางรุ่นถูกออกแบบมาเพื่อฆ่านักบินโดยเฉพาะ(ตระกูลไพธอน) ถ้าไม่หลบและปล่อยเป้าล่วงรับรองว่าตายครับ หรือแม้แต่การบินสวนกับลูกจรวดตรง ๆ และเร็ว ๆ อาจจะทำให้ระบบฉนวนเฉี่ยดระเบิดของจรวดทำงานผิดผลาดหรือไม่ทำงานได้ครับ เพราะในมุม Head on ของเครื่องบินทุกแบบมี RCS ต่ำสุด และมีอัตราการปล่อยรังสี IR ต่ำกว่ามุมอื่น ๆ ครับ
แต่หมดทั้งบวงเป็นเรื่องของโอกาส และประสบการณ์ซึ่งต้องแลกมาด้วยชีวิตครับ ในปัจจุบันจรวดรุ่นใหม่ ๆ หลาย ๆ แบบยังไม่มีใครรู้ว่าจะหลบยังไง มีแต่ความน่าจะเป็น และน่าจะหลบได้ แต่เมื่อเกิดสงครามไปซักระยะ ผมเชื่อครับว่าสุดท้ายมนุษย์จะสามารถเอาชนะ Computer ได้ครับ คล้าย ๆ กับสมัยสงครามเวียดนามที่ Mig-21 สามารถเอาชนะ AIM-7 และเข้ามายิง F-4 ด้วยปืนได้ครับ แต่นั้นก็ตอนที่มีนักบินเวียดนามเก่ง ๆ ลองผิดลองถูกต้องตายไปหลายคนแล้วครับ สมัยนี้ก็เช่นกันผมเชื่ออย่างนั้นไม่ว่า AIM-120 หรือ AA-12 เองก็ต้องมีจุดอ่อนด้วยกันทั้งนั้นครับ เพียงแต่ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนเท่านั้นเองครับ
แล้วมันมีวีธีจัดการกับเครื่องบินอย่างไรบ้างครับ
อย่างในหนังเรื่อง behind enemy line 1 ตอนที่พระเอกหนีตอนแรฟๆน่ะครับ
จรวดก่อนที่มันจะถึงตัวเครื่องบิน..รุสึกมันจะยิงอะไรเข้าไปที่ท้ายเครื่องก่อนที่ตัวมันจะพุ่งชนเป้าหมาย..แล้วรุ่นอื่นๆมันระเบิดใส่เวลากระทบ..หรือยังไงครับ
เนื่องจากถ้าให้ตอบจริง ๆ จะมีเนื้อหาและรายละเอียดเยอะมากครับ งั้นผมขออนุญาตส่งเป็น Link ให้ลองเข้าไปอ่านกันดู แล้วถ้าสงสัยอะไรถามได้นะครับ
บินต่ำ ๆ ลดระยะยิงของจรวดนะ (หลักการของงานพลังงาน)
http://www.canit.se/~griffon/aviation/text/missiles/aam.html
A2A missile (มีวิธีการหลบด้วย)
http://www.absoluteastronomy.com/topics/Air-to-air_missile
BVR Tactic (ไปเป็นหมู่ดีกว่า ไปลำเดียว)
http://www.sci.fi/~fta/chap6.htm
http://www.sci.fi/~fta/chap6b.htm
เป้าลวง (ไม่มีใครอยากใช้ถ้าไม่จำเป็น)
http://www.absoluteastronomy.com/topics/Flare_(countermeasure)
http://www.absoluteastronomy.com/topics/Chaff_(radar_countermeasure)
อุปกรณ์เสริม
http://www.vectorsite.net/avcobra_1.html
http://www.fas.org/man/dod-101/sys/ac/equip/an-alq-144.htm
http://www.fas.org/man/dod-101/sys/ac/equip/an-alq-131.htm
ตอบคุณ Snake ครับ
ก็จรวดเดิม ๆ นี้แหละครับ ผมไม่ได้กวนนะครับ ตอบจริง ๆ แต่ต้องใช้ปัญญานิดหน่อย อาจจะยิงแบบ Multi-shot หรือยิงแบบมี Tactic ก็ได้ครับ เป็นหลักการเดียวกับการใช้อาวุธอื่น ๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นมีดหรือปืน ในสมัยก่อนเมื่อมีคนคิดค้นมีดขึ้นมาใช้ก็คง ยังนึกไม่ออกหลอกครับว่าจะป้องกันได้อย่างไร แต่ต่อมาพอผ่านไปซักระยะคนก็คิดออกว่าน่าจะมีเกราะหรือโล่เพื่อป้องกัน แต่ก็นั้นแหละครับมันก็ยังมีคนใช้มีหรือดาบธรรมดาแทงทะลุเกราะหรือโล่ได้ เพราะเค้ารู้จุดอ่อนครับ เช่นเดียวกับปืนครับ สมัยนี้ทหารมีทั้งเสื้อเกราะมีทั้งหมวก (ต่อให้ใส่ทั้งตัวเลยอะ) รบกันที่ไรก็ยังตาย เพราะเมื่อเราพยายามที่จะแก้ไขปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยไม่ใช้ปัญญาวิเคาระห์ให้ดี ๆ ก็จะทำให้กระทบกับอีกสิ่งหนึ่งอย่างแน่นอนครับ(ส่วนใหญ่จะเป็นข้อดีซะด้วย)
>> ส่วนเรื่องการทำงานของจรวดผมจะกลับมาตอบให้ดึก ๆ นะครับ
ALQ-144-IRCM เอาไว้ป้องกันจรวด IR แบบ SAM-7
การเลี้ยวไปมาจะทำให้จรวดเสียพลังงานในการไล่ตามด้วยส่วนนึงครับ เพราะถ้าบินหนีตรงๆ ยังไง บ. ก็ช้ากว่าจรวดอยู่แล้ว (ยกเว้นว่าเราอยู่สูง บ.ของเราเร็วนิดนึง และจรวดถูกยิงมาจากระยะยิงไกลสุดของจรวดแบบนั้น ก็อาจหนีพ้นได้) และเมื่ออยู่ใกล้พื้นดินการจับเป้าของจรวดจะทำได้ยากขึ้น (เพราะ มีการสะท้อนจากพื้นดิน เป็นต้น) โอกาสสลัดหลุดเมื่อปล่อยเป้าลวงออกไปจะมีมากขึ้นด้วย
ทุกวันนี้มีความพยายามในการเอาชนะจรวดมากขึ้นครับ ตัวอย่างของอุปกรณ์ใหม่ๆ คือ เป้าลวงลากท้าย (towed decoy) เช่น ALE-50 AETD, ALE-55 FOTD หรือ BOL-2D เพื่อเอาชนะจรวดนำวิถีด้วยเรดาร์ และอีกตัวนึง คือ มาตรการต่อต้านอินฟราเรด (IRCM) โดยใช้การแจมหัวนำวิถีด้วยแสง UV หรือ laser เพื่อเอาชนะจรวดนำวิถีด้วยอินฟราเรด
การทดสอบ AIM-9X ลองสักเกตดูนะครับว่า IR AAM นั้นจะไม่ค่อยกระทบเป้าตรง ๆ ส่วนใหญ่จะเฉี่ยดซะมากกว่า
OK งั้นผมขอตอบเรื่องรายละเอียดของตัวจรวดแล้วกันนะครับ โดยแยกเป็นส่วน ๆ ดังนี้ครับ
เรื่องหัวรบของตัวจรวดปัจจุบันนี้มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบครับ
1. Fragment ครับลักษณะเป็นก้อนโลหะเหลี่ยม ๆ ล้อมรอบระเบิดอีกที (คล้ายระเบิดมือ) เมื่อเกิดระเบิดก้อนพวกนี้จะเป็นสะเก็ดระเบิดพุ่งทะลุ ตัวถังของเครื่องบินครับ โดยจะออกแบบให้สะเก็ดระเบิดพุ่งไปรอบ ๆ ตัวแนวรัศมีของจรวดครับ จรวดส่วนใหญ่จะเลือกใช้หัวรบแบบนี้ครับ
2. Blast คล้ายๆ กับ Fragment ทิศทางของสะเก็ดจะพุ่งไปด้านหน้าของจรวดมากกว่าครับ
เรื่อง sensor จุดระเบิด ปัจจุบันมีด้วยกัน 4 แบบดังนี้ครับ
1. Contact เป็นชนวดจุดระเบิดแบบธรรมดาครับ ใช้การสัมผัสของลูกจรวดกับเป้าหมายครับ ความเร็วในการตอบสนองช้าที่สุดในทุกแบบ แต่ความแน่นอนสูงสุดครับ มีใช้ใน MICA ,METEOR, R77,AIM-120
2. Laser เป็น sensor ที่ใช้การส่งแสง laser ออกไปข้างหน้าเพื่อวัดระยะของเป้าหมายครับ เมื่อเข้ามาใกล้พอก็จะจุดระเบิด sensor แบบนี้จะติดตั้งกับ SRAAM รุ่นใหม่ ๆ ทุกแบบครับ เพราะสามารถออกแบบให้รวมอยู่ในหัว IR seeker ได้ครับ ข้อดีทำงานได้รวดเร็ว แม่นยำ แต่ข้อเสียของ Laser แรงต่ำ มีความเข้มไม่สูงพอที่จะทะลุผ่านเมฆหรือควันได้ครับ
3. Radar คงเดาได้ว่าพวกนี้จะมาพร้อมกับ BVRAAM ใช้ครับ ไหน ๆ ก็มี Radar แล้วก็ใช้ Radar นี้วัดระยะแล้วเอามาคำนวณการจุดระเบิดเลย ข้อดี มีของอยู่แล้ว แม่นยำ ข้อเสีย Jamming Radar ได้
4. Proximity แปลว่า ความใกล้เคียง คือ sensor แบบนี้เมื่อเข้าไปใกล้ ๆ วัตถุต่าง ๆ แล้วจะทำงาน ได้โดยไม่ต้องสัมผัสกับตัวจรวด โดยมีรัศมีครอบคลุมรอบตัวจรวดเลย แยกออกเป็น 3 แบบด้วยกัน
a. Inductive Proximity ใช้การเหนี่ยวนำวัตถุที่เป็นโลหะ ซึ่งมีค่าเหนี่ยวนำไฟฟ้าที่มากพอ sensor ก็จะทำงาน เหมาะสำหรับใช้ยิงเครื่องบินที่สร้างจากโลหะ แต่ไม่เหมาะกับเครื่องบินสมัยใหม่
b. Capacity Proximity ใช้ค่าความจุไฟฟ้าของวัตถุชนิดต่าง ๆ มีข้อดีคือสามารถตรวดจับวัตถุทุกชนิดที่เข้ามาใกล้ได้ แม้แต่น้ำก็สามารถตรวจจับได้ เหมาะสำหรับใช้ยิงเครื่องบินที่สร้างจากวัสดุ Composit แต่ก็อาจจะต้องระวังอย่าไปยิงตอนฝนตกนะครับ
c. Magnetic Proximity อาศัยอำนาจแม่เหล็กครับ เหมาะกับเป้าหมายที่เป็นโลหะเช่นกันกับ Induct-prox.
ต่อมาระบบนำวิธี คงรู้อยู่แล้วว่ามีด้วยกัน 2 แบบหลัก ๆ คือ
1. IR ส่วนใหญ่จะใช้กับ SRAAM เพราะสามารถใช้ยิงเป้าหมายทางอากาศได้ทุกแบบ แบ่งออกเป็น 3 แบบครับตอนนี้
a. IR InfraRed ธรรมดา เป็นจรวดรุ่นเก่า ๆ หรือพวก Sam เก่า ๆ รวมถึง sam แบบประทับบ่ายิงด้วย จะถูกหลอกได้ง่าย ๆ ด้วย flare
b. IIR หรือ imaging infraRed เริ่มตั้งแต่ยุคของ AIM-9L จนมาถึง AIM-9Xที่สามารถยิงได้ทุกทิศทางครับ
c. IR+ I คือ InfraRed+ Inertial อันนี้ใหม่หน่อย ใช้ sensor วัดความเฉื่อยเข้ามาร่วมด้วย มีใช้ใน R-73M2
2. Radar ส่วนใหญ่จะเอาไว้ใช้ยิงเครื่องบินครับ จริง ๆ แล้วก็สามารถยิง ฮ. ได้ครับแต่ถ้า ฮ. เกิดลอยอยู่นิ่ง ๆ ขึ้นมาจรวดที่นำวิถีด้วย Radar ก็จะมองไม่เห็นครับ มี 2 แบบด้วยกันครับ
a. Semi Active Radar มีใช้ใน AIM-7 แต่ไม่ค่อยแม่นยำ และยิงยากต้องรักษาให้เป้าถูก lock ด้วยเรดาร์อยู่ตลอดเวลาจนกว่าจรวดจะกระทบเป้า
b. Active Radar อันนี้ก็คือ AIM-120 ในปัจจุบัน ยิงและ lock ด้วย Radar ในช่วงแรก เมื่อ Radar ของจรวดทำงานจะพุ่งเข้าหาเป้าหมายโดยอัตโนมัติครับ
โอ้ขอบคุณอีกครั้งครับ 555 บ่อยและนะเรา
เสพความรู้เต็มที่เลย
ภาพ IR ของ A-10
Thermal IR ของ F-18
Thermal IR ของ F-18 เอาใหม่
Thermal IR ของ F-18 เอาใหม่อีกที
ตอบคุณ Champ ในกระทู้ http://www.thaifighterclub.org/webboard.php?action=detailQuestion&questionid=8797
สำหรับผมคิดว่า ระบบ Flare เดิมของ F-16 และ F-5 นั้นสามารถรับมือกับ Sam แบบ MANPAD ได้ครับเพราะพวกนี้ไม่มีระบบป้องกันการล่วง
แต่ก็อย่าประมาทนะครับ ถ้าเกิดศัตรูเราเลือกยิงโดยใช้วิธีเดียวกันกับที่
ใช้ยิง F-5 เราในสมรภูมิบ้านร่มเกล้าซึ่งยิงมาถึง 7 ลูกพร้อม ๆ กัน
โอกาสโดนก็มีมากขึ้นเยอะครับ
Ex ผมเข้าใจว่าเราคงสามารถคำนวณได้ดังนี้ครับ ค่า Pk ของลูกจรวด
SAM แบบ MANPAD จากปกติ 0.3 (30%) ถ้ายิงใส่เครื่องบินพร้อม ๆ
กัน 7 ลูกจะมีค่า Pk เป็นเท่าใด ?
Pk = 1-(1-0.3)^7 ซึ่งได้เท่ากับ 0.917 % หรือ 91.7 % เชียวนะครับ