นายบัณฑูร สุภัควณิช ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า สำนักงบประมาณกำลังพิจารณาดึงงบประมาณจำนวนราว 1.9 แสนล้านบาท ซึ่งค้างท่อรอการอนุมัติเบิกจ่าย เนื่องจากกันไว้เพื่อเบิกจ่ายเหลื่อมปี เป็นเวลาถึง 5 ปี มาใช้ในโครงการที่เร่งด่วนของรัฐบาลก่อน
ทั้งนี้ มีงบอยู่ 4 ยอดที่กันงบเหลื่อมจ่ายข้ามปีไว้จำนวนมาก ประกอบด้วย งบประมาณกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และงบกลาง
แต่โดยรวมแล้วเป็นโครงการจัดซื้ออาวุธของทหารในสัดส่วนที่ค่อน ข้างสูง เนื่องจากที่ผ่านมา สถานการณ์บ้านเมืองไม่นิ่ง อีกทั้งการเสนอของบดังกล่าวจะต้อง ยื่นเรื่องเพื่อให้สภาอนุมัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ก่อน เนื่องจากเป็นงบผูกพันและมีการซื้อสินค้าจากต่างประเทศ จึงทำให้ค้างท่ออยู่ นายบัณฑูร กล่าว
ทั้งนี้ สำนักงบประมาณกำลังเข้าไปตรวจสอบว่า โครงการ ใดมีความคืบหน้าบ้าง ถ้าไม่มี ความคืบหน้าจะได้เจรจาขอพับงบประมาณโครงการดังกล่าวลง เพื่อนำมาใช้ในโครงการที่จำเป็นก่อน ซึ่งต้องให้ผู้ใหญ่มาช่วยเจรจาด้วย
เวลานี้เหมือนท้องกำลังร้อง ฉะนั้นต้องปรับมาแก้ไขปัญหาคนว่างงาน และปัญหาเร่งด่วนอื่นๆ ก่อน นายบัณฑูร กล่าว
นายบัณฑูร ยังระบุด้วยว่า ภายในเดือนเม.ย.นี้ หน่วยงานต่างๆ ต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายงบกลางปีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จำนวน 1.16 แสนล้านบาทเข้าสู่ระบบ โดยเฉพาะโครงการเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งแต่ละหน่วยงานต้องส่งรายละเอียดของแผนให้สำนักงบประมาณพิจารณาภายในวัน ที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงกำหนดมีเพียง 19 หน่วยงานจากทั้งหมด 79 หน่วยงาน เท่านั้นที่ได้ส่งรายละเอียดมา
ข้อดีของบาเตอร์เถรดดิ้ง......................... รัฐ กะ รัฐ นำสินค้ามาแลกกัน ....................... รัฐ นำเงินงบประมาณที่ตั้งไว้ในคลังออกมาซื้อสินค้า(ทางการเกษตร)ซึ่งผลิตได้ในรัฐตัวเอง เพื่อนำไปแลกสินค้าจากอีกรัฐ...................... ข้อดี เงินตรายังไหลเวียนอยู่ในประเทศ ซื้อผลผลิตของประชาชนในรัฐ เงินตราก็ไหลเวียนอยู่ในรัฐ เป็นเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ..............................
ซื้อด้วยเงินสด.........................เงินทอง(หมายถึงดอลลาร์ในคลัง)หมดหายไปนอกประเทศ..................................สิ่งที่เหลืออยู่คือ กุ้ง ไก่ มะเขือยาว ปลาสลิด............................. เหอๆๆ ......................... เงินหมด ก็เอา กุ้ง ไก่ มะเขือยาว นี่แหล่ะ มาแลกกัน............................ ท่านปลูกข้าวได้ ก็เอามาแลกไข่ผม ผมปลูกมะเขือเปาะเอาไว้แลกเนื้อหมู..........................ชอบกันไม่ใช่หรือ แนวทางสันโดษ หน่ะ........................................
จุ๊..จุ๊..ใจเย็น ๆ ครับ...เดี๋ยวก็เดือน พ.ค. แล้วครับ...
บริษัทฯ ต่าง ๆ ก็จะทะยอย จ่ายภาษีแบบต่ำกว่างบประมาณรัฐ ครับ...
แล้วประมาณเดือน ก.ค. - ส.ค. ก็จะปูพรม รีดเลือดจากปู...แบบเร็วที่สุด ในชีวิตการประกอบธุรกิจที่ท่านเคยประสบพบมา...ยื่นแบบภาษีเงินได้ ปี 51 ปุ๊บ...ตรวจภาษีปั๊ป..
และจะเป็นปีแรก ของประเทศไทย...ที่ บริษัทฯ ประกอบธุรกิจในประเทศไทย ที่งบตามบัญชีจะขาดทุน แต่จะ กำไร ทุกบริษัทฯ ตามประมวลรัษฎากร โดยถ้วนหน้า...
ป.ล. ปีนี้ บริษัทฯ ไหน ที่คิดจะขาดทุน จงคิดให้หนัก...กรุณา กำไร (นิดหน่อย ก็ยังดี) แล้วชำระภาษีให้พวกท่าน ๆ ซะ...
แต่ถ้าท่านเชื่อมั่นว่า เงินในบัญชีบริษัทฯ ไม่มีจริง ๆ ก็จงยืดหน้า และบอกเขาไปตรง ๆ ว่า...เงินไม่มี เงินเดือนพนักงาน ยังไม่รู้ว่าจะออก รึเปล่า...เพื่อตัดปัญหา ที่จะเสียเวลากันทั้ง 2 ฝ่าย....
จงจำไว้ว่า...ไม่มีบริษัทฯ ใด ในปฐพีนี้...ที่บันทึกบัญชี และกรอกแบบ ภงด. ถูกต้องหมด ตามประมวลรัษฎากร...
และ จงจำ ประโยคเด็ด ไว้ว่า...บริษัทฯ ท่าน ใช้ทรัพยากรฯ ประเทศ ปีละไปเท่าไหร่...แค่แบบพิมพ์ ก็เท่าไหร่แล้ว...แล้วจะไม่ช่วยเสียภาษีช่วยประเทศ หน่อยเหรอ...
กั๊ก กั๊ก กั๊ก...โบนัส เจ้าอย่าหวัง...แต่จงเตรียม ค่าปรับ ภาษี ไว้ซะ...มาแน่...
ตกลงแล้ว สำนักงบประมาณ นี่มีหน้าที่และอำนาจ
แค่ไหน/อย่างไรบ้าง
หรือผมเข้าใจผิดไปเองว่า
สำนักงบประมาณมีหน้าที่
ด้านงานธุรการ คือ ดูแลให้การเบิกจ่าย งบฯถูกต้องตามระเบียบ
ราชการ และให้อยู่ใน กรอบของ พ.ร.บ.งบฯของปีนั้นๆ
แต่ผมเห็น หลายครั้งหลายหน ที่ สำนักงบประมาณ(โดยตัว ผอ.)
มักจะทำตัว เสมือนว่า ตัวเอง เป็นเจ้าของ งบ.ประเทศไทย
จะจัดสรรให้หน่วยงาน ไหนเท่าไรก็ได้
หรือ ท่าน ผอ. เข้าใจผิดว่า ท่านเป็น รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ
หรือ รมว.คลัง (บางยุคคำสัมภาษณ์ของ ท่านฯ ถ้าไม่บอกว่า
เป็นของ ท่าน ผอ. คนอ่านอาจจะนึกว่า เป็นคำฯ ของ
นายกรัฐมนตรี ด้วยซ้ำไป)
งบ. ประมาณ ประจำปี เป็น พรบ. เป็น กฎหมาย
ซึ่งจะกำหนด มาว่า กระทรวงใด ใช้เงิน เท่าไรและทำอะไร
ซึ่งหลายฝ่ายได้ กลั่นกรองมาเป็นอย่างดีแล้ว
ท่านฯ มีอำนาจแค่ไหน ที่จะทำได้โดย ไม่ต้องสนใจ กฎหมาย พรบ.งบ
ขออภัย เพื่อนๆด้วยนะครับ ถ้าดูว่า แรงไป
เผอิญ ตัวผมเอง ติดใจมานาน
ตั้งแต่สมัยเรือดำน้ำค็อกคูมส์ แล้วครับ
วันหลังจะเล่าให้ฟัง
ล่าสุด (2128 น.)
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ออกมาปฎิเสธ แนวคิดการดึง(ตัด)งบฯกองทัพมากระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว
โดยบอกว่าไม่สามารถนำใช้/หรือทำอย่างนั้นได้
(หาอ่านรายละเอียดได้ที่โพสต์ทูเดย์ออนไลน์)
แล้วอย่างนี้ เพื่อนๆเห็นหรือยัง ครับว่า
สำนักงบประมาณมีทัศนคติกับกองทัพอย่างไร
มันเป็นหน้าที่ ของ ผอ.สำนักงบ.
หรือว่าจะมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร/ใช้เงินที่ไหน
ผมไม่ได้มีอติใดๆ กับ สำนักงบ. เลย
แต่ผมสังเกตุ/เฝ้าดู มานาน
สำนักงบ.ไม่ว่าสมัยใด(ขอนับจาก สมัยผอ.ชื่อบดี ยุคค็อกคูมส์ ก็แล้วกัน
เพราะเป็นประสบการณ์ตรงของผม)
ทำไมมักทำหน้าที่เป็นไม้เบื่อไม้เมา กับกองทัพ ตลอด อยากรู้จริง
ผันน้ำช่วยเกษตรกรด้วย
เรื่องงบ ทางทหาร แล้วแต่ดุลพินิจ นาย ก ก็แล้วแต่ท่าน
เห็นผู้คนข้องใจกับ ผอ สำนักงบ น่าจะเคลียร์ตัว ผอ ให้ชัดเจนนะ คนเขาจะได้หายแคลงใจ เพราะนี่มันปี 2009 แล้ว ไม่ใช่ยุกต์1960(sixty) ยุกต์นั้นเพลงเพราะมากๆ