สวัสดีครับ ทุกท่าน
พอดี ได้ซื้อหนังสือเก่ามา เล่มหนึ่ง ซึ่ง ขายดีมาก กว่า สองล้านเล่ม เกี่ยวกับเหตุการณ์ สมมุติของ สงครามเกาหลี ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 1990
ที่ขายดีเพราะว่า เขียนได้สมจริงมากๆ ครับ ทั้งในแง่ของรายละเอียด อาวุธ ขั้นตอนการจัดการของกองทัพ สหรัฐฯ ขั้นตอนการทำศึก รายละเอียดของสถานการณ์
มีครบทุกอย่างทั้งบทบาทภาค การเมือง ภาคการทหาร ภาคการทูต ถ้าได้อ่านแล้วจะเข้าใจระบบต่างๆของ กองทัพ ได้อย่างดี
ผมจะทำการค่อยๆ แปล ที่ละตอน (วันละตอน) ทั้งหมด ประมาณ ๓๐ ตอน และนำ มาโพส ให้อ่านกันน่ะครับ ถ้าชอบกันก็จะทำให้จนจบครับ
มีผิดพลาดอะไร ต้องขออภัยด้วยครับ อย่างที่ทราบ ศัพท์ทหาร เป็น ศัพท์ ที่ปราบเซียนมาก ผู้แปล ถึงมีโอกาสเรียน
ทั้ง ร ด ของไทย และ J ROTC ของอเมริกา แต่ก็นาน แล้ว พอมีความรู้เรื่องการทหารบ้าง เล็กน้อย ถ้ามีผิดพลาด กรุณา อย่าเกรงใจครับ แจ้งได้ ทันที
credit
Red Phoenix by Larry Bond
ขอเริ่มที่บทที่ ๕ ก่อนน่ะครับ
เท้าความ
ต้นปี ๙๐ เกาหลีเหนือ เริ่มมีการเตรียมการอย่างลับๆ ในการทำสงครามกับ เกาหลีใต้มีการ ส่งมือสังหารผ่านทางเรือดำน้ำขนาดเล็กเพือลอบฆ่าผู้นำของเกาหลีใต้ มีการสนับสนุนการประท้วงต่างๆ และที่สำคัญมีการ ขุดอุโมงค์ขนาดใหญ่หลาย แห่ง ลอด DMZ (Demilitarized Zone) ในขณะที่ เกาหลีใต้และอเมริกาไม่ระคายเรื่องดังกล่าวเลย
Chapter 5
Night Flyers
๙ กันยายน ---ฐานทัพ อากาศ คูนซาน เกาหลีใต้
นาวาอากาศเอก โทนี่ คริสโตเฟอร์ กองทัพอากาศสหรัฐ ยืนดูบรรยากาศอาทิตย์ตกหน้าตึกกองบัญชาการ มือหนึ่งถือหมวกนักบินสีเทาซึ่งติดอยู่กับหน้ากากออกซิเจน อีกมือหนึ่งก็ถือแผนการบิน เขตจำกัดการทิ้งระเบิด แผนที่ และแผนที่การทิ้งระเบิดสำรอง ปึกหนา ซึ่งข้อมูลทุกอย่างที่การฝึกครั้งนี้ ต้องใช้ เขาอยากให้ห้องนักบินของเครื่องบิน เอฟ ๑๖ ใหญ่กว่านี้อีกซักนิดเพราะแค่จะเอาตัวเค้าซึ่งสูงเกือบร้อยแปดสิบเซ็นเข้าไป ก็ลำบากเต็มที
เขามองดู พระอาทิตย์ ที่กำลังจะตกลับทะเลเหลือง สีแดงอมส้ม พร้อมกับคิดในใจว่า วิงแมนของเขามันหายหัวไปไหนทันใดนั้น ก็มีมือปริศนาตีลงบนบ่าเค้าอย่างแรง โทนี่สะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็พยายามควบคุมเสียงของตัวเองไม่ให้สั่น
ไง ฮูดเตอร์
โถ เซนต์ ไม่สนุกเลย เมื่อวานก็แกล้งอย่างนี้ นายยังตกใจตัวสั่นเลย เสียงของวิงแมน นาวาโท จอร์น ฮูดเตอร์ เกรสแฮม พูด
แน่หละ ประสาทกูเริ่มซักจะชาด้านเกือบหมดแล้ว มีเหลือหน่อยก็เก็บไว้ใช้กับมิชชั้นนี้แหละว่ะ เออ มึงยังมี ๔๙๔ อีกน่ะ
รู้แล้ว ฮูดเตอร์ยิ้ม เนื่องจากเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ควบคุมการฝึก ผมเน้นเลยที่จะได้รับการรายงานอย่างทันต่อเหตุการ์ณตลอด
นักบินทุกคนของฝูงบิน ๓๕ มีหน้าที่มากกว่าการฝึกบินไปบินมา แต่ยังต้องอีกหน้าที่นึงคือการจัดการเพื่อให้ฝูงบินคงศักย์ภาพ พร้อมรบอยูตลอดเวลา เพราะฉะนั้นหมวกอีกใบของฮูดเตอร์ที่จะต้องใส่คือ การที่ต้องควบคุมให้การฝึกของนักบินทุกคนเป็นไปตามกำหนดของกองทัพอากาศ
ฮูดเตอร์ ดีดนิ้ว พูดถึงเรื่องนี้ก็ดีแล้ว นึกขึ้นได้ว่านายต้องนัดและกำหนดวัน การฝึกบินทำการสงครามเชื่อโรคครั้งต่อไปแล้วน่ะ
โทนี้ บ่น อะไรว่ะ อย่างแกล้งกันได้ไหม ก็พึ่งจะฝึกไปเมื่อสองเดือนก่อนเอง
ฮูดเตอร์ ยิ้มสะใจ อาไรรรรรรรรรรรรรร กัน หัวหน้า ก็รู้อยู่แล้วว่าเราเริ่มนับใหม่ทุกกรกฎา แล้วทุกคนต้องฝึกอย่างน้อยหนึ่งครั้งทุกครึ่งปีไง
เออๆ รู้แล้ว อย่างน้อยก็ขอให้อากาศมันเริ่มเย็นกว่านี้นิดหนึ่งแล้วกัน ก็รู้อยู้แล้วว่าชุดยางที่ต้องใส่มันร้อนนรกแค่ไหน ตอนนี้ขอ โฟกัสเรื่องฝึงบินเที่ยวนี้ก่อนได้ไหม (ว่ะ)
โอเค ได้
การฝึงครั้งนี้จะเป็นการ ฝึกโจมตีในเวลากลางคืน ถึงแม้ว่าเอฟ ๑๖ สามารถบินในเวลากลางคืนได้ แต่มันก็ไม่ได้ติดระบบตรวจการณ์ขั้นสูงเหมือนเครื่องบิน โจมตี โดยเฉพาะเหมือนเครื่องบินชนิด อื่นของกองทัพ
เพื่อที่จะตรวจจับเป้าหมาย โทนี้และฮูดเตอร์ ต้อง ร่วมมือกัน โดยที่เครื่องหนึ่งต้องคอยปล่อย แฟร ในขณะที่อีกเครื่อง ทิ้งระเบิด ไม่ค่อยง่ายนักที่แต่หละคนบินที่ความเร็ว ๔๐๐ น็อต และบินต่ำจนแทบจะกอดพื้น เพียงแค่มือกระตุกโดยไม่ได้ตั้งใจ นักบินที่ใช้เวลาเรียนและงบประมาณมากมายสามารถกลายร่างเป็นลูกไฟภายในพริบตา
ทั้งคู่ต้องใช้ทีมเวิร์กที่จะบินและสู้ โทนี้และฮูดเตอร์ วิงค์แมนผมสีทองของเค้า ถึงจะทำงานเหมือนกัน ใส่เครื่องแบบเดียวกัน คุยเรื่องเดียวกัน แต่สำคัญที่สุดคือ ห้ามที่จะลืมความเป็นตัวของตัวเอง และสิ่งนี้เหมือนจะเป็นสิ่งที่กองทัพมองหาและต้องการ
โทนี้ จะดูเหมือนว่าช่างพูดน้อยกว่าแต่ สำหรับนักบินขับไล่แล้วไม่มีใครเป็นคนเงียบโดยธรรมชาติหรอก แต่เค้าดูเหมือนว่าจะเป็นคนคิดก่อนพูดมากกว่าพูดก่อนคิด ในขณะที่อีกคนจะเหมือนอยู่ไม่สุขนัก และยุกยิกตลอดเวลา
นอกจากนั้น โทนี้ยังมีประสบการ์ณมากกว่าฮูดเตอร์ หลังจากจบหลักสูตรของกองทัพแล้ว โทนี้เข้ารับการฝึกเป็นนักบิน เอฟ ๑๖ ทันที และก็บินกับมันมาโดยตลอด จากนั้นก็รับการฝึกจากโรงเรียนสอนการใช้อาวุธ ที่ เนรริส ในเนวาด้า ที่สอนเกี่ยวกับการใช้อาวุธทุกชนิด ทั้ง อากาศสู่พื้นและอากาศสู่อากาศ และรับเฉพาะมือหนึ่งเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากเรด แฟรค ที่สอนแต่เรื่องเกี่ยวกับการรบในอากาศ และรับนักบินทั่วไป คนที่จบจากโปรแกรมยากๆ อย่างนี้จะเป็นผู้ที่คอยสอนคนอื่นๆ ในฝูง เกี่ยวกับบทเรียนใหม่ๆ ตลอดเวลา การทำอย่างนี้ทำให้ผู้นั้นได้รับโอกาสการเลื่อนยศไปสู่ตำแหน่งจัดการที่สูงขึ้น
หลังจากโรงเรียน โทนีแทบจะอาสาออกภารกิจแทบจะทุกพลัด และทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้สนิมเกาะ ทำให้ตอนนี้ เค้าเป็นคนที่มีประสบการ์ณมากที่สุดในการโจมตี
ตรงข้ามกับฮูดเตอร์ ที่เพิ่งเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในพลัดแรก และจบจาก ROTC และอยู่ที่เกาหลี แค่สองสามเดือน เขายังอยู่ในขั้นตอน เรียนรู้ข้อดี และข้อเด่นของ เอฟ ๑๖
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
(Recruit officer training corp.) :เป็นหลักสูตรสำหรับ นักศึกษาทั่วไปเรียนเป็นนายทหาร ส่วนใหญ่จะเรียนในเวลาที่ว่างจากการเรียนปกติ อย่างเช่น ทุกวันศุกข์ หรือเสาร์ มีแรงจูงใจคือ ได้ student load เป็นการแลกเปลี่ยน -----ผู้แปล
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอโทษครับ
student loan not student load
โทนี้ชอบในความสด ขี้เล่น และช่างพลิกแพลงของ ฮูดเตอร์ เพราะรู้ว่าเขาให้สิ่งเหล่านั้นตอนบินเช่นกัน แต่กับกิจกรรมช่วงหลังเที่ยวเล่นการปฏิบัติงาน ถึงแม้ว่าอายุจะไม่ต่างกันมาก โทนี้กลับเกือบที่จะตาม ฮูดเตอร์แทบไม่ไหว ถึงจะเคยพูดออกมา ต่เขาทราบดีว่าตัวเองไม่เจ๋งและมีพรสรรค์ที่สุด แต่เขาดีพอตัวมีครบทุกอย่างทั้งประสบการณ์ การวางแผนและมองข้าสึกทะลุแบจะทุกครั้ง เค้าเคยได้ยินวิงแมนของเค้าชมลับหลังในบาร์ ว่า ถึง เซนต์ จะไม่ได้บินเครื่องที่เจ๋งที่สุดน่ะ แต่มันสามารถบินได้ มหัสจรรณ์ สุดๆ
ในขณะที่ ฮูดเตอร์ มีพรสรรค์ และ ฉกาจฉกรรจ์ ในการบินแต่การกระทำของเขา บางครั้ง ดูขาดการตัดสินใจที่ดี แต่เนื่องจาก ความสามารถและความมุ่งมั่น ก็ทำให้หลุดพ้นจาก สถานการณ์ ที่เป็นรองได้เกือบทุกครั้ง แต่ เกือบ ดีไม่พอสำหรับเซ็นต์ และเค้าก็พยายามฝึกอย่างหนักให้ ฮูดเตอร์ เข้าใจความแตกต่าง ของคำว่า ความเสี่ยงที่รับได้ กับ ความเสี่ยงที่โง่บัดซบ ถึงกระนั้น โทนี้ ก็ยอมรับว่าทั้งคู่เป็นทีมที่ดี ทีม หนึ่ง แตกต่างด้วย สไตล์ แต่รวมกันแล้วกล่มกลอมเป็นที่สุด
ทั้งคู่ต่างกันที่รูปร่างเช่นกัน ฮูดเตอร์ เตี้ยกว่าประมาณ ๔ นิ้ว ทำให้สบายกว่าตอนอยู่ในห้องนักบิน ซึ่งเป็นการดีทีเดียว เพราะเค้าอยู่ไม่คอยสุขนักตอนบิน แม้กระทั้งในขณะนี้ที่รอรถไปส่งที่เครื่อง ฮูดเตอร์ก็ ยืนไม่สุขอยู่เช่นเดิม
เซ็นต์ หยุดคิด เมื่อ รถจีพ ตีวงเขามาใกล้ พร้อมที่ทั้งคู่กระโดดขึ้นก่อนที่รถจะหยุดนิ่งเสียอีก และพลขับก็พาทั้งคู่วิ่งข้ามทางวิ่งไปที่ เชลล์เตอร์ ฝั่งตรงข้าม เครื่องของเขาสำหรับภารกิจคืนนี้ คือ ๔๙๒ และ ๔๙๔ จอดอยู่ในโรงเก็บ จี กับ เฮจช์ ซึ่งสร้างด้วย คอนกรีท โค้ง แข็งแรงพอที่จะรับการโจมตีของระเบิดขนาด ๑๐๐๐ ปอนด์ ได้ ประตูหุ้มเกราะขนาดใหญ่สร้างอย่างดี ในกรณีที่ระบบเปิดเสีย สามารถใช้มือผลักเปิดได้อย่างสบาย แถมยังสามารถกันแก็สพิษได้ถ้าจำเป็น
หัวหน้าช่าง (นึกหน้าท่านท้าว ไว้ครับ) เบร์น รออยู่ในโรงเก็บ จี เป็นผู้รับผิดชอบ ๔๙๒ ส่วนใหญ่นักบิจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ ช่างไม่เปลี่ยน คิดง่ายๆ ว่าจริงๆ แล้วนักบินมายืมเครื่องช่างบินเป็นครั้งคราวเท่านั้น โรงเก็บใหญ่มาก สามารถจอด เอฟ ๑๕ ได้อย่างสบาย พอเอามาจอด เอฟ ๑๖ เครื่องก็เลยดูเล็กไปถนัดใจ
โทนี้ เริ่มไล่ไปตาม พรีไฟล์ เช็ค ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่เชื่อใจช่างแต่ ช่างก็เป็นมนุษย์มีผิดพลาดได้ เคยมีนักบินบ้างคนเชื่อช่างมากจน โดนดี เดินขึ้นเครื่องโดยไม่เช็ค แม้กระทั้ง เลขประจำเครื่อง เลยโดนช่างแกล้งเอาเครื่องอื่น ที่ไม่มีแม้กระทั้งเครื่องยนต์ติดอยู่ กว่าจะรู้ก็ได้พยายาม สตาร์ทเครื่องไปถึงสามครั้ง
ตอนต่อไป จะสนุกมากครับ เป็นตอนที่ ทั้งคู่ฝึกโจมตีเป้าหมายพื้นดิน
กรุณาติดตาม
เรื่องนี้เขียนโดย Larry Bond ซึ่งเป็นนักออกแบบ Board Games แนวสงครามที่มีชื่อเสียงมากเช่น Harpoon ซึ่งเป็น Wargames สงครามทางเรือที่โรงเรียนนายเรือสหรัฐฯนำไปใช้เป็นสื่อสารสอนครับ
Larry Bond เคยร่วมงานกับ Tom clancy ซึ่งเป็นนักเขียนนวนิยายสงครามชื่อดังมาบ้างเช่นนิยายเรื่อง Red Storm Rising
ผลงานปัจจุบันของ Larry Bond คือเป็นผู้ออกแบบเนื้อเรื่องของ World in Conflict ซึ่งเป็น RTS Game บน PC ครับ
ขอบคุณครับ คุณ AAG_TH1
ผมไม่ใช่เกมเมอร์ แต่ชอบการเขียนขอนายคนนี้มาครับ
ต่อเลย กำลังสนุก
credit
Red Phoenix by Larry Bond
ต่อเลยครับ
เอาหละขั้นตอนต่อไป ตรวจสอบ โลดด์ อันแรกก็เป็น ด็อปแท็งค์ เซ็นเตอร์ไลน์ รูปมวล ซิก้า บรรจุน้ำมันเก็บสามร้อยแกลลอน จากนั้นเป็น ไซด์ไวเดอร์ ปลายปีกตามข้อบังคับ ถึงนี้จะเป็นภารกิจโจมตีอากาศสู่พื้น แต่นักบินต้องพร้อมเสมอสำหรับการต่อสู้กลางอากาศ
รางอันในด้านซ้ายติด กระเปาะแฟร์ ส่วนด้านขวาติด ระเบิด ฝึกประเภทคลัสเตอร์ ซึ่งหนักแค่ ๒๕ ปอนด์ เท่านั้น เล็กมากถ้าเทียบกับระเบิดจริง ที่หนักกว่า หนึ่งตัน เวลาสงคราม อาวุธชิ้นสุดท้ายคือ ๒๐ ม ม ปืนกลอากาศ ใส่กระสุนเต็ม อัตตรา
ขั้นต่อไป ตรวจสอบว่า แท็ค นิรภัย ทุกอันได้รับการถอดออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มิฉะนั้นอาวุธจะไม่หลุดออกเมื่อ โทนี้ ใช้อาวุธ จากนั้น เขาค่อยเดินรอบๆ เครื่องตรวจดู ผิวเครื่อง จุดเติมน้ำมัน ท่อต่างๆ เป็นกิจกรรมที่ เค้าต้องทำเป็นพันครั้ง เสร็จแล้วก็หยุดที่บันไดและลงชื่อในฟอร์มที่ช่างยืนให้ก่อนเข้าไป นั้งภายในค็อกพิท
ต่อจากนี้เครื่องจะอยู่ในความรับผิดชอบของเขาจนกระทั้งล้อได้แตะพื้นอีกครับหนึ่งหลังฝึกเสร็จ
จากนั้นเขาค่อยๆ รัดเข็มขัดเข้ากับที่นั้ง ซึ่งจะช่วยรัดเขาไว้กับที่นั้งตอนที่ เด้งออกจากเครื่องเมื่อจำเป็น
ต่อไปก็ต่อสายอากาศ สายจีซุท และ สายไมท์ เป็นอันดับสุดท้าย
ตอนนี้เพิ่ง ๑๙๕๕ น เท่านั้น เหลือเวลาอีกเกือบ ห้านาที ก่อนที่จะ สตาร์ทเครื่อง ซึ่งเพียงแค่กดปุ่ม INS เท่านั้น
เขาเริ่มเปิดพลังงานหลัก และเริ่มเปิด ระบบนำร่อง เป็นอย่างแรกเพราะมันต้องใช้เวลาเกือบ สามนาที ที่จะให้มันหมุนได้ระดับความเร็วที่เหมาะสม (ระบบไจโร ใช้ในการแสดงเส้นขอบฟ้าและระดับของเครื่อง ทำงานเหมือนลูกข่าง ----ผู้แปล)
เมื่อทุกอย่างเสร็จแล้วโทนี้ ว. วิงแมนเพื่อตรวจสอบ
ฮูดเตอร์ พร้อมไหม
รับทราบ พร้อมแล้ว
ต่อจากจุดนี้ เป็นต้นไป ท้งคู่ต้องใช้ คอไซย์ อย่างเดียว เพราะมันง่ายกว่าที่จะเรียกชื่อ
และ ไม่ซ้ำกับคนอื่นในวิทยุ แน่นอน (นักบินรบทุกคนต้องตั้ง คอไซย์ และส่งให้ คณะกรรมาธิการตรวจสอบว่าซ้ำกับคนอื่นหรือไม่ก่อนอนุมัติ----ผู้แปล)
โทนี้ดูเวลาอีกครั้ง ตอนนี้ ๒๐๐๐ น แล้ว
ไป
โทนี้ ส่งสัญญาณให้ ช่าง เปิดประตู จากนั้นเขาก็กฎปุ่มสตาร์ท เสียงเครื่องค่อยๆ ดัง ตอนแรกคล้ายๆ เครื่องดูฝุ่น จากนั้นก็ดังลั่น เพิ่มกำลังเป็น ๖๕ เปอร์เซ็นต์ เพียงพอที่จะพอเครื่องแล่นไปตามทางวิ่ง
บลูเจ พร้อมแล้วเข้าทางวิ่งตอนเหนือ
เสียงตอบในหมวกพูดว่า บลูเจ เคลียร
จากนั้น เขาก็ปล่อยเบรก และเริ่ม วิ่งไปตามทางวิ่ง
บลูเจ แท็คซี่ เปลี่ยน
ทราบแล้ว บลูเจ คุณอันดับที่สาม ลม ๑๕๐
ตอนนี้เครื่องได้มาถึงทางวิ่งด้านเหนือแล้ว พร้อมๆ กันนั้น ก็ได้ยินเสียงเครื่องขับไล่สองเครื่อง เทคออฟ พร้อมกันวิ่งออกไป
ข้างหน้ามี ซี ๑๔๑ กำลังตั้งลำ ค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ วิ่งออกไป
หอบังคับการ บลูเจ for active
รับทราบ บลูเจ แสตนบาย คุณเป็นรายต่อไป
เมื่อสตาร์ทลิฟเตอร์ บินขึ้นเรียบร้อยแล้ว หอออกคำสั่งทันที
บลูเจ เคลีย ทูเทคออฟ
ขออนุญาต ทำ คอมแบท เท็คออฟ
อนุญาต
ทั้งคู่ เร่งเครื่อง ถึง ร้อยเปอร์เซ็นต์ จากนั้น ใช้ อาฟเตอร์เบริน เครื่องทำความเร็วอย่างรวดเร็วจนถึง ๑๕๐ ไมล์/ชม โทนี้สั่ง
โรเทต
ท้งคู่พุ่งสู่อากาศไต่ระดับอย่างรวดเร็ว เก็บล้อ จากนั้นลดเครื่องกลับไปที่ มิริทารีเพาเวอร์
จากนั้น โทนี้ กระชาก เครื่องไปทางซ้ายอย่างแรง พร้อมๆ กับปล่อย แฟร์ ชุดหนึ่ง ฮูดเตอร์ทำตามอย่างติดๆ
ดับอาฟเตอร์เบินเนอร์ กระชากเลี้ยว และ ดร็อป แฟร์ หลอก จรวจ ฮีดซีกกิ้งต่างๆ ที่ ศตรูยิงมาได้แน่นอน
คอมแบท เท็คออฟ อย่างนี้ควรได้ฝึกบ่อยเพราะมันจะกลายเป็นเรื่องจริงเมือไหร่ ก็ไม่รู้ บ่อยๆที่มี เกาหลีเหนือคอมมาโด โผล่มาพร้อมกับ SA 7 ใกล้ๆ สนามบิน
หลังจากบินออกมาจากสนามบิน โดยไม่โดนยิงจากศตรู แล้ว โทนี้ ไต่ ขึ้นไปที่ ห้าพัน ฟุต เลี้ยวไปที่ ทางตะวันออกเฉียงใต้ สนามฝึกอยู่ห่างออกไปเพียงแค่ สิบห้านาที ตอนนี้ กระแสลมเริ่มนิ่งแล้วหลังจากอาทิตย์ตก และพื้นเริ่มเย็น
สนุกดีครับ เป็นกำลังใจให้ท่าน FightingBeaver ครับ
ขอบคุณครับคุณ RRgigman
มาต่อกันเลยครับ
โทนี้เริ่มผ่อนคลายเล็กน้อย เพราะบินที่นี้ต่างกับ ที่ อเมริกา หรือยุโรบ การบังคับใช้กฎการบินมีน้อย มากๆ จะบินต่ำบินดัง ก็ไม่มีใครร้องเรียน เพราะศตรูอยู่ใกล้เหลือเกิน และประชาชนก็เข้าใจเป็นอย่างดี
เอาหละ ใกล้ถึงสนามฝึกแล้ว โทนี้ โคลงปีก เพื่อที่จะเตือน วิงแมนของเค้า พร้อมทั้งเปลี่ยน โมด ของ ฮัท ( (Head up display) เครื่องแสดงข้อมูลการบินและการรบ นักบินสามารถมองได้ โดยไม่ต้องก้มหัว --------------ผู้แปล) เป็น อากาศสู่พื้น จากนั้นทั้งคู่ก็ อาร์ม ระเบิด และลดระดับ ที่ ห้าร้อยฟิต ตามข้อจำกัดของกฎการบินยามสงบ แต่ในความเป็นจริงช่วงสงคราม นักบินอาจจะบินต่ำกว่านี้ถ้าเป็นไปได้
ขณะนี้ เป้าหมาย อยู่ในบริเวณเล็กๆ ของที่ราบข้างล่าง ท่ามกลางหุบเขาในเกาหลี เอฟ ๑๖ ทั้งสอง เครื่อง ลดระดับเพื่อทำการโจมตี และใช้ด้านหนึ่งของหุบเขา เป็นแนวยึด
ฮูเตอร์จะทำการทิ้งระเบิดในการฝึกโจมตีเที่ยวแรกนี้
โทนี้นำเครื่องขึ้นหน้า เลือกโมด แฟร์ บนหน้าจออาวุธ
โทนี้ ลงเข้าสู่เป้าหมายก่อนด้วยความเร็ว เกือบ ๔๐๐ น็อต พร้อมทั้ง ปล่อย แฟร์ ในขณะที่ ฮูดเตอร์ รออยู่ ข้างบน
โทนี้หลังจาก ทิ้งแฟร แล้ว ได้ทำ การฝึก การหลบหลีกโดยที่ปล่อย เป้าลวงและแฟร ก่อนจะทำการกระชากเลี้ยวอย่างเร็ว และรุนแรง การบังคับ บ ดังกล่าว ทำให้นักบินแทบจะเชื่อมติดไปกับ ที่นั้ง ที่เดียว
หลังจากนั้น ฮูดเตอร์ ก็นำเครื่องมาเทียบข้างหลังโทนี้ แต่เมื่อเห็นเป้าหมายแล้ว บนพื้นข้างล่าง ขนาดกว้างประมาณ ๑๐ เมตร ทาด้วยสีขาว
ฮูดเตอร์ ก็จิกหัวเครื่องลง พร้อมทั้งเลือกและล็อกเป้าหมาย บนจอมอนิเตอร์ เมื่อเครื่องล็อคเป้าหมาย ฮัททำการโชว์ เส้นทางเข้าโจมตี พร้อมทั้งระยะทางเข้าสู่เป้าหมายทันที เขาเพิ่มความเร็วของเครื่องไปที่ มิลิทารี่ ด้วยความเร็วกว่า ๕๐๐ นอต
ในขณะที่แสงจาก แฟร์ เริ่มจะหายไป ฮูดเตอร์ยังยึดอยู่กับ เวคเตอร์จากเรดาห์ ของเค้าอยู่ ตอนนี้จมูกเครื่องอยู่แนวเดียวกับเส้นบน ฮัท เปะ เมื่อจอเตือนข้อความให้ทิ้งระเบิด เขาก็กดปุ่ม ปล่อยทันที ระเบิดพุ่งเข้าสู่เป้าหมายด้วยแรงเฉื่อยอัน มหาสาน ในเวลาเดียวกันกับที่เครื่อง เลี้ยวเชิด ออก
จากนั้นทั้งคู่ บินมุ่งทิศใต้ ตามเส้นทางการบินที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว
ปล่อย แฟร์ ได้เหมาะเจาะมาก เซนต์ ถ้า เร็วกว่านี้อีกนิดเดียว ล็อคเป้าไม่ทันแน่ ฮูดเตอร์ชม
โทนี้ มองเครื่องบินวิงแมน ทาบอยู่บนเส้นขอบฟ้า คุณก็ทิ้งระเบิดโจมตี ได้ดีเหมือนกัน เอาหละ ตาผมบ้าง คอยดูระยะห่างตอนเข้าโจมตีให้ดีน่ะ
ทั้งคู่ ทำ รีเวิท โรล เพื่อเตรียม โจมตีอีกครั้ง ถ้าเป็นเวลาสงครามจริงๆ เข้าโจมตีเป้าหมายเดียว สองครั้งติดกัน เป็นเรื่องที่โง่ มากๆ แต่นี้เป็นเพียงแค่การฝึก ซึ่งแต่หละเครื่องมี ระเบิดพอสำหรับฝึกการโจมตีถึงสามเที่ยว
การโจมตีเที่ยวแรก ของโทนี้ ออกมาดีมาก แต่มาเสียตอน ฮูดเตอร์ ฝึกบินหลบหลีกการยิงจากพื้นดินตอนขาออก ได้ไม่ดีนัก (ทุกครั้งที่บินเข้าโจมตี นักบินจะใช้โอกาส เดียวกันนี้ ฝึกการบินออกจากเป้าหมาย และฝึกการต่อต้านการโจมตีกลับจากศตรู ไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้เป็นนิสัย-----ผู้แปล)
ทั้งคู่เปลี่ยนหน้าที่อีกครั้งหนึ่ง โทนี้บอกฮูดเตอร์ให้คอยดูวิธการบินที่ถูกต้องจากเขา แต่ปรากฏว่าตอนฮูดเตอร์ ทิ้งแฟร์ แต่ แฟร์เจ้ากรรมดัน ไม่ทำงาน ทั้งคู่จำต้องยกเลิกการโจมตีเที่ยวนั้น ทันที
ขณะที่ทั้งคู่ บินลงใต้เพื่อกลับสู่ ฟอรเมชั่น ทั้งคู่เริ่มรู้สึกร้า
แต่ทั้งคู่ก็พยายามจดจ่ออยู่กับการฝึก ในขณะที่ โทนี้ทำการทิ้งแฟร์ เขาได้ยินเสียง เตือน จากหูฟัง ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ เขาเรียก ฮูดเตอร์ ยกเลิกการโจมตี และบินตามมา อินบาวด์........
หน้ากากเริ่มกดลงบนหน้า ในขณะที่เขาเกร็งตัวเพื่อสู้กับ แรงจี ที่เพิ่มขึ้น
เสียงฮูดเตอร์ตอบกลับอย่างตื่นเต้น รับทราบ กำลังเข้าใกล้ทางด้านขวาครับ ในขณะเดียวกันนั้น โทนี้ กดปุ่มบน คันบังคับหน้าจอ ฮัท ก็เปลี่ยนแบบไป และมี คำว่าปืนกลอากาศ ปรากฏขึ้นมาด้านขวาล่างของจอ ในโลดการฝึกนี้ถึง ระเบิดและจรวจจะเป็นแบบฝึก แต่ ปืนกล ๒๐ มม ในปีนแบบ เอ็ม ๖๑ ก็ยังเป็นกระสุนจริง คอมฯ อาวุธเลือกอาวุธ ในเขา อัตโนมัติ เมื่อเขาเลือก โม้ด ดอกไฟร์
ขณะที่จมูกเครื่องของเขา ค่อยๆ เข้สู่ระนาบ เรดาห์ ตรวจจับเป้าหมายได้ สองจุด ห่างออกไปประมาน ๒๐ ไมล์ ทั้งคู่แสดง IFF เป็นมิตร โทนี้ เริ่มรู้สึกสบายใจขึ้น เขาปิดเรดาห์ เพื่อป้องกันการถูกตรวจจับ
เขาเบาเครื่องลงเพื่อให้ ฮูดเตอร์ ตามเขาทัน ตอนนี้วิงแมนของเค้ายังเร่งด้วย อาฟเตอร์เบรินอยู่ และห่างออกไปทางขวาประมาณ หนึ่งไมล์
ฮูดเตอร์ พวกเดียวกัน แต่เรามาสนุกกันดีกว่า ปลดเซฟอาวุธด้วย
ผมจะบินออกไปอีกเก้าไมล์ จากนั้นดึงเครื่องขึ้นฉาก.
โทนี้ ดึงเครื่องลง เพื่อลดความสูง เพราะยิ่งต่ำ ยิ่งทำให้เครื่องโดน ล็อค ยากขึ้น
โอเค ได้เวลา สนุกกันแล้ว ฮูดเตอร์ตอบ
ตอนนี้ระยะห่างเหลือแค่สิบไมล์ แต่ก็ยังมองอะไรไม่เห็นด้วยตาเปล่า โทนี้เปิด เรดาห์อีกครั้งโดยใช้ โมด SLEW วงกลมสองวงปรากฏขึ้นในจอ ลำแรกบินเข้ามาด้วยความเร็วเกือบ ๕๐๐ นอท โทนี้ เลื่อนคันบังคับเพื่อจับเป้าหมายที่อยู่ด้าน ซ้ายของเส้นทางการบินของเขา คงจะยิงไม่ง่ายนัก แต่เนื่องจากเขาเป็น ผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธเข้าต้องจัดการมันให้ได้ และนำวิธีกลับไปสอนคนอื่นๆ
ทันใดนั้น กล่องเล็กก็ปรากฏทาบลงบน เส้นวงกลมบนจอก่อนหน้านี้ เครื่องแรกโดนเรดาห์ ล็อคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาเลือก AIM-9L sidewinder ด้านซ้าย คอมฯ สนองกลับด้วยเสียงเตือนนหูฟัง ไออาร์ ที่จรวจตรวจจับเป้าหมายได้แล้วพร้อมเสียงเตือนผ่านหูฟัง คำสั่งยิง ปรากฏบนหน้าจอ เขากดยิ่งทันที
จรวจเป็นแค่ลูกซ้อม ไม่มีดินขับ และหัวรบ แต่ถ้าเป็นของจริงเป้าหมายคงโดนทำลายเรียบร้อยไปแล้ว โทนี้ ยิ้มคนเดียว ข้อมูลการยิงทุกอย่างได้รับการบันทึกไว้ใน คอมฯ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันจะได้รับการใช้ดูตอนทำ ดีปรีฟ อีกทีหนึ่ง
เขาเริ่มที่จะเห็น เครื่องทั้งสองลำด้วยตาได้แล้ว มันเป็น เอฟ ๑๖ นั้นเอง