หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ศักยภาพเหนือขอบฟ้า ( เรื่องแต่ง โดย ปัณณธร ค้าผล )

โดยคุณ : ~(Justice)~ เมื่อวันที่ : 05/03/2009 01:48:17

อันนี้เป็นเรื่องที่ผมแต่งขึ้นเองนะครับ

พอดีอ่านเรื่องล่าฝัน สักวันฉันจะบินของพี่ไอพ่น

แล้วเกิดอารมณ์อยากแต่งเรื่องแนวนี้ขึ้นมานะครับ

เนื้อเรื่องตอนต้นอาจจะคุ้น ๆ กันหน่อยนะครับ

เพราะว่าก็อปมา แต่ตั้งแต่ส่วนการรบในอากาศนั้นผมแต่งเองหมดเลยครับ

บางฉากอาจจะเกินความจริงไปหน่อยนะครับ

ยังไงก็ขอรับคำติชมของทุกท่านครับผม





ความคิดเห็นที่ 1


ศักยภาพเหนือขอบฟ้า

            ดวงอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลง แสงแดดเริ่มอ่อนแสงลงเรื่อย ๆ ความมืดเริ่มคืบคลานมา อันเป็นเวลาที่สัตว์น้อยใหญ่ถึงเวลาพักผ่อน แต่ทันใดนั้นเอง

                “วี๊ว..วี๊ว....ว บึ้มมมม! เฟี้ยว ว ๆๆ” เสียงกึกก้องกัมปนาท ประดุทดั่งฟ้าฟาดจากนกเหล็ก 2 ตัว ที่บินผ่านมาในระดับต่ำ ทำให้สัตว์ต่าง ๆ ตกใจ วิ่งหนีเข้าหาที่หลบภัย ตามสัญชาติญาณ

                เมื่อบินถึงเช็ค พอยท์ สุดท้าย ผมทำการอาร์มอาวุธ (ปลดชนวนระเบิด) ตามแผนที่ได้ตกลงกันเอาไว้ก่อนบิน แล้วเชิดหัวบินขึ้นเพื่อเพิ่มระยะสูง เริ่มกำลังเครื่องสูงสุด เจ้านกเหล็กก็คำรามสนองตอบอย่างทันใจ ไม่มีการส่งวิทยุติดต่อกัน เพื่อรักษาความลับจากการดักฟังทางวิทยุของข้าศึก

                ผมเรืออากาศเอกปัณณธร ค้าผล ได้รับคำสั่งจากกองทัพอากาศไทย ให้ทำการโจมตีและทำลายโรงงานผลิตยาเสพติด ที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนของประเทศไทย ซึ่งโรงงานแห่งนี้ได้ส่งยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศไทยอย่างมากมายมหาศาล รัฐบาลจึงมีคำสั่งให้กองทัพอากาศเข้าทำลายโรงงานแห่งนี้ ก่อนที่ยาเสพติดชนิดใหม่ ที่มีฤทธิ์อันตรายมากกว่าเดิมจะถูกส่งเข้ามา  ดังนั้นในวันนี้ผมและเพื่อนอีก 3 คน ซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังผม และอยู่ในอีกเครื่อง เมื่อถึงเป้าหมายก็จำทำการโจมตีต่อเป้าหมายอย่างรวดเร็ว แล้วรีบถอนตัวออกมา เนื่องจากทางหน่วยข่าวกรองแจ้งมาว่า มีอาวุธต่อสู้อากาศยานซ่อนอยู่มากมาย รอบโรงงาน ภารกิจนี้จึงเสี่ยงมากแต่เพื่อประเทศชาติผมก็พร้อมจะเสียสละแม้กระทั่งชีวิต

                สำหรับนกเหล็กที่ผมใช้คือ เครื่องบินขับไล่แบบ F-16 B ติดอาวุธระเบิด MK-83

ขนาด 1000 ปอนด์ 2 ลูก และจรวด AIM-9X อีก 2 ลูกที่ปลายปีก ซึ่งนำวิธีด้วยความร้อนอีก 2 ลูก

                บึ้มบึ้มบึ้ม...บึ้มบึ้ม ผมไม่ได้ยินเสียงหรอกครับเพราะผมนั่งอยู่ในห้องนักบิน (cockpit)

ที่ได้รับการออกแบบเป็นอย่างดีสำหรับป้องกันเสียงจากภายนอก แต่เป็นเพราะกลุ่มควันสีดำ และแรงสั่นสะเทือนของคลื่นอากาศ ที่ทำให้เครื่องของผมโคลงเคลงไปหมด ซึ่งเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าข้าศึกรับรู้ถึงการมาของเราแล้ว ผมมองลงไปด้านล่าง เห็นประกายไฟจากกระบอกปืนต่อสู้อากาศยานมากมาย ผมยิ้มให้กับความตาย เมื่อบินผ่านกลุ่มควันระเบิดออกมา ซึ่ง F-16 ของหมู่บินเฉพาะกิจของผมนี้ทำสีพรางเทา แต่ไร้ซึ่งเครื่องหมายที่บ่งบอกสัญชาติ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อพิพาททางการเมือง ฉะนั้นถ้าผมถูกยิงตกพร้อมกับเครื่องไร้สังกัดลำนี้ ก็จะไม่มีใครทราบเลยว่า ผมเป็นใครและก็จะไม่มีใครไหนประเทศไทยทราบเลยว่าผมหายไปไหน นอกจากผู้บังคับบัญชาไม่กี่คนที่คงจะบอกกับคนที่แวดล้อมผมว่าผมจากไปเพราะอุบิติเหตุจากการฝึก เพราะทุกอย่างต้องเป็นความลับเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อชาติสูงสุด แม้จะต้องถูกยิงตกตายอนาถอย่างเงียบ ๆ บนผืนดินถิ่นต่างแดน แต่เพื่อมาตุภูมิไทย พวกผมก็ยอมทำโดยไม่ลังเล

               

 

นกเหล็กทั้งสองยังคงไต่ระดับเพิ่มความสูงอย่างไม่หวาดหวั่น จนกระทั่งได้ความสูงที่พอเหมาะ ผมจึงผลักคันบังคับไปข้างหน้าแล้วปักหัวลงเพื่อทำมุมทิ้งระเบิด

                 “ตูมม...บึ้ม..บึ้ม...” บ้าจริง ! เราถูกยิงจากปืนต่อสู้อากาศยานมากมาย ผมรู้สึกได้ถึงวีถีกระสุนแตกอากาศที่วิ่งมาระเบิดหน้าเครื่องของผม  แต่ผมไม่มีเวลาคิดอะไรอีกแล้ว ถ้าผมทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จ ประเทศไทยจะต้องเสียหายอย่างใหญ่หลวง ผมจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้ ถึงแม้ต้องบินชนผมก็ยอม

                F-16 ทั้งสองลำยังคงดำดิ่งเขาหาเป้าหมาย อย่างสง่างาม ท่ามกลางสายกระสุนที่พุ่งสวนทางพวกผมไป เมื่อได้ระยะ ผมและเพื่อนอีกลำ ก็ปล่อยมฤตยูขนาด 1000 ปอนด์ จากปีกเครื่องบินทั้งสอง ลอยละลิ่วสู่เป้าหมาย

                “ตูมมมม...บึ้ม..บึ้มมมม..มม” แรงระเบิดมหาศาลจากลูกระเบิดทั้งสี่ซึ่งเข้าเป้าหมายอย่างแม่นยำประกอบกับน้ำยาเคมีซึ่งเป็นวัตถุไวไฟ ทำให้พื้นที่โรงงานแห่งนี้กลายเป็นทะเลเพลิงไปในทันที

 

                ผมดีใจกับผลงานของตัวเอง แล้วก็ดึงเครื่องขึ้นหาความสูงอีกครั้ง เพื่อถอนตัวจากพื้นที่ปฏิบัติการ แต่ทันใดนั้นเอง ผมก็ต้องสะดุ้งตัว เมื่อเพื่อนนักบินข้างหลังผมวิทยุบอกว่า

                “แซม 1 ลูกที่ 10 นาฬิกา”

                ผมขนลุกสู่  เหงื่อแตก เมื่อเห็นอาวุธนำวิถีด้วยความร้อนพุ่งมาหาผมจากทางซ้าย ผมตะโกนอย่างสุดเสียง “ฉากออก ฉากออก” พร้อมกับเบนหัวเครื่องหนีการติดตามของจรวดแซม

แล้วก็ปล่อย แฟร์ ซึ่งเป็นลูกไฟซึ่งรบกวนการนำวิธีของจรวด ซึ่งจรวดก็พุ่งเข้ามาแฟร์ที่ผมปล่อยไปผมจึงรอดตัวอย่างหวุดหวิด

                “อีเกิ้ลวัน จาก อีเกิ้ลทู แซม 2 ลูกมาทาง 6 นาฬิกา” แล้วผมก็ต้องตกใจอีกครั้ง เพราะว่าเครื่องผมได้รับความเสียหายจากปืนต่อสู้อากาศยานซึ่งก็ได้รับความเสียหายพอสมควร ผมหันหลังมองหาจรวดนำวิถีทั้งสองลูกนั้นในทันที

                “ตูมมม...มมม” เครื่องของผมสั่นอย่างแรง เนื่องจากสะเก็ดของระเบิดจากกระสุนแตกอากาศทำให้ปีกซ้ายของผมเสียหาย แต่ก็ยังคงบินต่อไปได้ เครื่องผมสั่นมาก                

                ผมดึงเครื่องขึ้นเพื่อหนีจากการติดตามของมฤตยูนำวิถีทั้ง 2 ลูกนั้น แล้วผมก็ปล่อยแฟร์อีกครั้ง ขณะนั้นเครื่องอีกลำก็เร่งกำลังเพื่อบินเข้ามาหาผม  โชคเข้าข้างอีกครั้ง เมื่อ จรวดลูกหนึ่งบินเข้าหาแฟร์ที่ผมปล่อยไป แต่ว่าอีกลูกหนึ่งกลับยังคงวิ่งเข้าหาเครื่องของผม  ตอนนี้เครื่องผมสั่นมาก ผมตรวจดูความเสียหายจากสัญญาณไฟเตือนที่แข่งกันกระพริบแดงโร่เต็มหน้าปัด

 

“อีเกิ้ลทู จาก อีเกิ้ลวัน พวกนายรีบถอนตัวออกจากพื้นที่นี้เร็ว ไม่ต้องห่วงผม เครื่องของผมคงไปไกลมากกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะ” ทั้งที่จริงเครื่องผมยังคงสภาพความพร้อมรบอยู่ แต่ว่าถ้าผมและเพื่อนต้องอยู่ตรงนี้กันต่อไป เราคงมีหวังถูกยิงตกทั้งสองลำแน่ ยังไงถึงตายก็ขอให้ผมและคู่หูของผมได้ตายแค่สองคนก็พอแล้ว

                “เอาเลย เพื่อน เพื่อนกันตายด้วยกัน” เพื่อนที่นั่งอยู่ด้านหลังวิทยุมาบอกผม พวกเราต่างเข้าใจความรู้สึกของกันและกันเป็นอย่างดี ใช่ เพื่อนกันก็ต้องไปตายร่วมกัน

                แต่ว่ามันไม่เป็นอย่างที่ผมคิด เครื่องอีเกิ้ลทูเร่งความเร็วสูงสุด วิ่งเข้าหามฤตยูแซมที่วิ่งตามหลังผมอยู่ เขากำลังจะทำอะไรน่ะ

                “อีเกิ้ลทู นายจะทำอะไร ฉันบอกให้นายออกไป ออกไปซิเว้ย” ผมทั้งโกรธและงงในเวลาเดียวกัน

          “ ม่ายยยยยยยยย !!!...” ผมอุทานอย่างลืมตัว

          “ตูมมมม...มมม..มมมม..”

                เครื่องอีเกิ้ลทูระเบิดอย่างจังจากการที่วิ่งเข้ามา เพื่อพุ่งชนจรวดแซมที่พุ่งเข้ามาหาผม

“นายยอมตายเพื่อชั้นเหรอ ขอบใจมากเพื่อน นายได้ตายอย่างสมศักดิ์ศรีแล้ว”

                ผมกัดฟันกรอดแล้วรีบเร่งเครื่องยนต์หนีออกจากบริเวณนั้น

                ผมนำเครื่องมาลง ณ กองบิน 21 อุบลราชธานี ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการพิเศษของผม เมื่อเครื่องของผมแตะพื้น ก็มีรถพยาบาลและรถดับเพลิงกรูกันมาหาผม เมื่อเครื่องจอดสนิท ผมดับเครื่องยนต์แล้วเปิดค็อกพิทออกมา ทันทีกับที่เจ้าหน้าที่นำบันได้มาพาดเครื่องเพื่อให้ผมเดินลงได้

เมื่อเท้าผมแตะพื้น ผมถึงกับร้องไห้เหมือนเด็ก เพื่อนที่นั่งอยู่หลังผมเข้ามาปลอบผม เขาก็เข้าใจเช่นกันว่าผมรู้สึกอย่างไร ถึงแม้ว่าทางญาติของเพื่อนทั้งสองคนที่ได้เสียชีวิตไปจะรับทราบว่าเป็นอุบัติเหตุจากการฝึก  แต่ผมและเพื่อนและทางผู้บังคับบัญชาก็ได้จัดพิธีงานศพให้เขาอย่างสมเกียรติ

เพื่อระลึกถึงวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่ของนักบินทั้งสอง ที่ได้สละชีวิตเพื่อมาตุภูมิที่ชื่อว่าไทย เพื่อคงเอกราช สืบไป

โดยคุณ ~(Justice)~ เมื่อวันที่ 02/03/2009 09:58:06


ความคิดเห็นที่ 2


สมชาย สมชาติ นักรบ                   สมภพ มาเช่น ปักษิณ

สมเกียรติ เกริกฟ้า ธานินท์             สมศักดิ์ นักบิน ชาติไทย

                           ขอสดุดีแก่นักบินผู้กล้าหาญของกองทพอากาศทุกนาย

                                                                             ปัณณธร ค้าผล

                                                                                   ผู้แต่ง

CREDIT

- หนังสือล่าฝันสักวันฉันจะบิน โดย ไอพ่น

 

โดยคุณ ~(Justice)~ เมื่อวันที่ 02/03/2009 10:01:44


ความคิดเห็นที่ 3


โดยรวมใช้ได้ครับพี่

แต่ มันเว่อร์นิดๆ นะพี่ 555+

แต่ก็มันครับ  แต่งยาวๆเลย

โดยคุณ bp15 เมื่อวันที่ 02/03/2009 11:31:54


ความคิดเห็นที่ 4


เปนกำลังใจให้ครับ

โดยคุณ rrgigman เมื่อวันที่ 02/03/2009 12:43:23


ความคิดเห็นที่ 5


ตกลงแล้วมีนักบินทั้งหมด 3 หรือ 4 คนกันแน่ครับ ตอนต้นเรื่องบอกว่ามี 3 คน
ใช้เอฟ16 1เอ และ 1บี รวมเป็น 2 เครื่อง เท่ากับมีนักบิน 3คน ถูกต้องครับ แล้วคุณขับเครื่อง บี
แล้วทำไมตอนจบทำถึงมี นักบินเพิ่มขึ้นมาได้ครับ เพราะว่ามีนักบินเสียชีวิต 2 ท่าน
หรือเครื่อง เอ มีนักบิน 2 คนขี่คอกันบินครับ ยังไม่นับรวมถึงยุทธ์วิธีในการ ทิ้งระเบิดอีก

ผมเพียงแค่ชี้ให้เห็น ช่องโหว่เท่านั้นครับ ขอให้ปรับปรุงผลงานให้ดียิ่งๆขึ้นไปนะครับ
โดยคุณ viggen เมื่อวันที่ 02/03/2009 14:56:15


ความคิดเห็นที่ 6


ขอขอบคุณสำหรับคำติชมครับ ( ผมอายุ 17 น่ะ  - -" บอกไว้ก่อนกันไว้ )

สุรปคือ ภารกิจนี้ใช้ F-16 B 2 ลำเลยครับ

แล้วก็ตอนแรกนั้นจะใช้ GBU-12 ที่นำวิถีด้วยเลเซอร์แต่ทำไปทำมา

ผมไม่ทราบว่า GBU-12 มันนำวิธีอย่างไร

ไม่รู้ว่ามันใช้ระบบนำร่องบนเครื่องบิน หรือ ว่าต้องมีหน่วยภาคพื้นอยู่เพื่อชี้เป้านะครับ ก็เลยไปลงที่เจ้า MK-83 แทน

ส่วนเนื้อเรื่องนั้นออกจากเวอร์ไปนิด ๆ (ไม่นิดละมั้ง - -")

แล้วก็ยุทธวิธีในการทิ้งระเบิดนั้นท่านใดมีความรู้ก็ช่วยแบ่งกันบ้างนะครับ

เอาไว้แต่งเรื่องมาให้ชาว TFC อ่านกันอีก

สุดท้าย ก็ขอบคุณมากครับสำหรับคำติชมทุกอย่างครับผม

โดยคุณ ~(Justice)~ เมื่อวันที่ 02/03/2009 21:27:10


ความคิดเห็นที่ 7


เมื่อกี้ถามท่านท้าวทองไหลมาแล้วครับ

บอกว่า จะใช้เครื่องบินลำแรกยิงเลเซอร์ล็อกเป้าไว้ก่อน

หรือไม่ก็ให้ลำที่ทิ้งนั้นละครับ เป็นคนยิงเลเซอร์ล็อกไว้เอง

อย่างนี้ นี้เอง แต่งใหม่เลย 555++

 

โดยคุณ ~(Justice)~ เมื่อวันที่ 02/03/2009 21:32:29


ความคิดเห็นที่ 8


ดีนะครับ   แต่ผมค่องใจตอนท้ายว่าทำไมถึงยอมเสียสละเพื่อ ท่านได้ถึงเพียงนี้
(เอ! เป็นกิ๊กกันป่าว)
โดยคุณ PINJI เมื่อวันที่ 03/03/2009 00:54:51


ความคิดเห็นที่ 9


เยี่ยมมากครับ

อนาคตคงได้อ่านหนังสือ ของน้องน่ะ อิิอิ

โดยคุณ Ronin เมื่อวันที่ 03/03/2009 08:55:19


ความคิดเห็นที่ 10


น่าจะใช้ 84 เนาะ จะได้ระเบิดตูมตาม อิอิอิ

 

รออ่านตอนต่อไปนะครับ

 

แนะนำว่าจรวดแซม ลองเปลี่ยนเป็นพวกลูกโตๆ ยิงไกลๆ อะไรแบบนี้สิครับ จะได้มีฝูงพวกแบบ SEAD อีก เนื้อเรื่องจะได้มีรสชาดมากขึ้นอีก

โดยคุณ helldiver เมื่อวันที่ 04/03/2009 14:48:20