อยากทราบว่า เพื่อน ๆ ใช้ กล้องรุ่นใดกันบ้าง
โดยเฉพาะพี่ Skyman นี้ผมอยากรู้มาก ถ่ายรูปมาที่ไร สวยทุกที
นี้ของผม
Panasonic DMC-FZ30
รุ่น DMC-FZ36GC-K
8 ล้านพิกเซล 12*ซูม
ระยะเวลาประจำการ 2 ปี 2550-2552
ปล.ใครมีเทคนิคในการถ่ายภาพเครื่องบินก็บอกกันบ้างนะครับ
Fuji S5600 ครับ
ตอนนี้กำลังถูก DSLR หลอกหลอนอยู่ ระหว่างD90 กะ Sony A350 ชอบตัวแรกแต่ค่าตัวสูงซะ ส่วนตัวหลังนี้ราคารวมคิตก็โอเค แต่กลัวราคาอุปกรณ์เสริม เหอะๆ
ของโยนี้ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น S9600 เห็นร่ำๆจะ DSLR อยู่เหมือนกัน อิอิ คนมีฝีมืออยู่แล้วยิ่งถ้าได้อาวุธดียิ่งดีเข้าไปอีก 555
Effective Pixel |
12.2 million |
---|---|
Sensor Pixel ความละเอียดเซ็นเซอร์ |
12.4 |
Max Res. ความละเอียดสูงสุด |
4272 x 2848 |
Low Res. ความละเอียดต่ำสุด |
3088 x 2056, 2256 x 1504 |
Image Ratio สัดส่วนภาพ |
3:2 |
Sensor เซลรับภาพ |
CMOS 22.2 x 14.8 mm |
Manual mode |
Yes |
Dust Reduction ระบบกำจัดฝุ่นในตัว |
ํำYes |
Image Stabilization ระบบกันสั่น |
n/a |
Face Detection ระบบค้นหาใบหน้า |
No |
Optical Zoom |
n/a |
Digital Zoom |
n/a |
Lens เลนส์ |
n/a |
Aperture Range รูรับแสง |
n/a |
Shutter Speed ความเร็วชัตเตอร์ |
30 sec + Bulb - 1/4000 sec |
ISO Rating ค่าความไวแสง |
Auto, 100, 200, 400, 800, 1600 |
Auto Focus Type ระบบโฟกัส |
Multi-BASIS TTL, 9 focus points |
Normal Focus ระยะโฟกัสปกติ |
n/a |
Macro Focus ระยะมาโคร |
n/a |
White Balance ค่าความสมดุลแสงขาว |
6 positions & manual preset |
Exposure การชดเชยแสง |
-3 to +3 EV in 1/3 EV or 1/2 EV steps |
Metering ระบบวัดแสง |
35 area eval, center weighted, partial, spot |
Self-timer ระบบถ่ายภาพอัตโนมัติ |
10 sec (2 sec with mirror lock-up) |
Continuous Drive ถ่ายภาพต่อเนื่อง |
Yes, 3.5 fps, 53 JPEG or 6 RAW frames |
Movie Clips บันทึกภาพเคลื่อนไหว |
No |
Int Flash แฟลชภายใน |
Yes, pop-up , 13 m (42.6 ft) @ ISO 100 |
Ext Flash ช่องต่อแฟลชภายนอก |
Yes, hot-shoe, E-TTL II |
Flash Mode ระบบแฟลช |
Auto, On, Red-eye reduction, Off |
Compressed Format ไฟล์ภาพ |
JPEG (EXIF 2.21) , RAW |
Quality Levels ระดับคุณภาพ |
Fine, Normal |
LCD จอภาพ |
3.0 |
LCD Pixels ความละเอียดจอภาพ |
230,000 |
Live view |
Yes |
Viewfinder ช่องมองภาพ |
Yes, Optical (Pentamirror, 95% coverage, 0.87x magnification) |
Video Out ช่องต่อทีวี |
Yes |
Interface การเชื่อมต่อ |
USB |
Memory หน่วยความจำ |
SD/SDHC/MMC card |
Battery แบตเตอรี่ |
Canon LP-E5 1050mAh Li-Ion & Charger |
Size ขนาด |
129 x 98 x 62 mm |
Weight น้ำหนัก |
524 g |
เปรียบเทียบกล้องดิจิตอล Canon 450D VS Nikon D80 ใน Style Digital2home
โดย Mr. D2H
เป็นคำถามที่ผู้ซื้อหลายท่านที่กำลังจะหันมาลองใช้ กล้องดิจิตอล DSLR แทนกล้อง Compact ที่เคยๆใช้กันอยู่ ว่าจะซื้อยี่ห้อไหนและรุ่นไหนดี โดยฉพาะคำถามที่ผมเจอบ่อยมากคือ จะเอา 450D หรือ D80 ให้ผมช่วยเลือกให้หน่อย ช่วงคืนที่ผ่านมาผมเลยมาค้นข้อมูล และ Comment จากผู้ที่ได้ใช้งานจริงของกล้องทั้ง 2 รุ่น นี้จากที่ต่างๆ แล้วเอามาสรุปเป็นประเด็นเพื่อให้ผู้ที่ยังสงสัยได้ลองตั้งคำถามและช่วยกัน ตอบโจทย์ในใจไปพร้อมๆ กันที่ละข้อ เพื่อประโยชน์สุดท้ายที่ว่า จะซื้อกล้องดิจิตอล DSLR ตัวไหนดี
คำถามแรก คุณต้องการ กล้องดิจิตอล DSLR จริงๆ หรือเปล่า ?
สำหรับคำถามนี้ถ้าท่านมีความมั่นใจเกินร้อยว่าจะซื้อกล้อง DSLR แน่นอนก็สามารถข้ามไปอ่านข้อถัดไปได้เลยครับ
ประเด็นนี้ผมถือว่าสำคัญมากเนื่องจากผมเองได้มีโอกาสคุยกับลูกค้าอยู่บ่อยๆ บางท่านมาถึงก็อยากจะซื้อกล้อง DSLR หรือผมขอเรียกว่าในต่อๆ ไปว่า กล้องตัวใหญ่ (เนื่องจากเป็นกล้องที่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้และมีขนาดที่ใหญ่กว่ากล้อง Compact โดยทั่วไป) ผมถามว่ามีพื้นฐานการถ่ายภาพบ้างหรือเปล่า เกินกว่า 80% ไม่ มีพื้นฐานมาก่อน แต่มีความอยากถ่ายภาพให้ดี ถ่ายภาพออกมาแล้วสวยๆ ในประเด็นนี้ไม่มีพื้นไม่เป็นไรครับ ผมถือว่ามีความตั้งใจแล้วถ้าอยากรู้ผมก็พอจะแนะนำหลักการให้ได้อยู่บ้าง คราวนี้ผมผมลงลายละเอียดถึงข้อดี ข้อด้อยของกล้องตัวใหญ่ เมื่อเทียบกับกล้อง Compact กล้อง Pro-sumer และกล้อง DSLR like บางท่านยิ่งลังเลหนักเข้าอีก ไม่แน่ใจว่าจะลดลงมาเป็นกล้อง Pro-sumer หรือ กล้อง DSLR like ดี เพื่อเป็นการเสริมท่านที่ยังไม่แน่ใจว่ากล้อง Pro-sumer และ กล้อง DSLR like ต่างกับกล้องตัวใหญ่ที่เราจพูดถึงต่อไปอย่างไร ผมขอชี้แจงรายละเอียดของกล้อง 2 ประเภทนี้ก่อนนะครับ
กล้อง Pro-sumer เป็นกล้องที่มีความสามารถในการปรับไปใช้งานในโหมด Manual ได้ในโหมด Speed shutter (ที่กล้องจะเป็นโหมด TV หรือ S) หรือ โหมดการปรับค่ารู้รับแสงเองได้(ที่กล้องจะเป็นโหมด AV หรือ A) ซึ่งการทำงานของโหมดต่างๆ เหล่านี้เหมือนกับการทำงานของกล้องตัวใหญ่ทุกประการ แต่กล้องกลุ่มนี้จะถอดเปลี่ยนเลนส์ไม่ได้ แต่กำลังซูมทำได้ดีมาก บางรุ่นเทียบได้กับคนที่ซื้อกล้องตัวใหญ่แล้วติดเลนส์ 28-400 mm เลยที่เดียว อย่างเช่นกล้อง Panasonic Fz28 กล้อง Fuji S2000
ข้อดี
1. น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
2. ราคาไม่แพงนักประมาณหมื่นต้นๆ
3. ไม่ต้องถอดเปลี่ยนเลนส์บ่อยๆ อย่างเช่นในการถ่ายภาพ Macro (การถ่ายภาพระยะใกล้กับวัตถุมากๆ เช่นการถ่ายภาพแมลงดอกไม้ หรืออาหารเป็นต้น)
4. ถ่ายวีดีโอคลิปได้
5. ปรับรูปแบบได้ใช้งานได้เหมือนกล้องตัวใหญ่ทุกอย่าง
6. สามารถต่ออุปกรณ์เสริมได้ เช่น Filter หรือ External Flash
7. ในกล้องบางยี่ห้อสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ถึง 13.5 ภาพต่อวินาทีในขณะที่กล้องตัวใหญ่เต็มที่ก็ 4 ภาพต่อวินาที (ซึ่งกรณีนี้อาจจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการถ่ายภาพเคลื่อนไหวให้หยุดนิ่งเหมือนกับการดูเฟรมหนังที่ละเฟรม)
ข้อด้อย
1. คุณภาพของภาพที่ได้สู้กล้องตัวใหญ่ได้ไม่ดีนัก เนื่องจากคุณภาพของเลนส์ที่ติดมากับกล้อง และ Sensor ในการประมวลผลภาพ
2. ไม่รองรับการถ่ายภาพ RAW file (เป็น File ภาพที่ไม่ผ่านการบีบอัด file และ กระบวนการใดๆ เลยเหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพของภาพมากๆ และต้องการนำภาพมาผ่านกระบวนการปรับแต่งเพื่อให้ได้ภาพตามที่ต้องการ)
3. ไม่สามารถปรับ Focus แบบ Manual ได้
4. ดูไม่เท่ห์เท่ากับการถือกล้องตัวใหญ่ในการถ่ายภาพ
กล้อง DSLR Like จะมีข้อดีและข้อด้อยคล้ายๆ กับกล้อง Pro-sumer แต่จุดที่แตกต่างเพื่อเติมคือ การปรับการ Zoom ของเลนส์ได้อย่างอิสระกว่า จะปรับเป็น Manual focus ก็ทำได้ จะทำเทคนิดระเบิดซูมก็ทำได้ เนื่องจากลักษณะทางกายภาพของกล้อง DSLR Like นั้นแทบจะเรียกได้ว่าเหมือนกล้องตัวใหญ่ทุกประการ จะต่างก็ตรงมี่เปลี่ยนเลนส์ไม่ได้เช่นกัน กล้องในกลุ่มนี้เช่น Fuji S9600 ครับ
เอาล่ะครับถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผมแนะนำให้ตัดสินใจอย่างนี้ครับ ถ้าไม่ซีเรียสกับความเป็นกล้องตัวใหญ่มากนัก เน้นว่าพอมีฟังก์ชั่นการทำงานได้เหมือนก็ Ok แต่ต้องการความสะดวกในการพกพา และการใช้งานมากกว่า กล้องในกลุ่ม Pro-summer ครับ แต่ถ้าอยากให้ดูดีเทียบไหล่ได้กับกล้องตัวใหญ่ไปอีกนิดก็ต้องกล้องแบบ DSLR Like คือคำตอบครับ ส่วนจะชอบยี่ห้อไหน รุ่นไหนอยากลองจับ ลองเล่นก่อน ก็ไปถามกันได้ที่ร้าน Digital2home ทุกสาขาครับ
คำถามที่สอง มีงบประมาณทั้งตอนนี้และในอนาคตเป็นอย่างไร
ประเด็นนี้ก็มีผลสำคัญมากอีกประการครับเนื่องค่ากล้อง และค่าอุปกรณ์ต่อเนื่องของกล้องทั้ง 2 ค่ายนี้ต่างเอาการอยู่ครับ ค่ากล้องและอุปกรณ์ของค่าย Canon หรือหลายท่านอาจเคยได้ยินว่าน้อง หนอน จะมีราคาที่ถูกกว่าค่าย Nikon หรือมักเรียกเล่นๆว่า นิกกอน ประมาณ 5 40% โดยประมาณในสินค้าที่เทียบชื่อเดียวกันครับ เอายังงี้เพื่อให้เห็นภาพ กล้อง 450D body (มีแต่ตัวกล้องไม่รวมเลนส์) ราคาประกันร้านของ Digital2home ณ วันที่ผมเขียนอยู่ที่ 19,900 บาทส่วนของ D80 body อยู่ที่ 23,500 บาท ต่างกันประมาณ 20% อย่างเลนส์ช่วง 50 mm F1.8 ประกันศูนย์ทั้งคู่ของ หนอน ที่ร้าน digital2home ขายอยู่ที่ 3,300 บาทส่วน นิกกอน ขายอยู่ที่ 4,500 บาทต่างกันประมาณ 35% ในประเด็นนี้ผมไม่เทียบเรื่องคุณภาพของภาพที่ได้จากทั้ง 2 ค่ายนะครับดูที่เงินต้องจ่ายเป็นหลักอย่างเดียวครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นในเมืองไทยคือคนที่ใช้กล้อง Canon เยอะกว่าครับ ตรงนี้อาจจะเป็นข้อดีที่ทำให้มือใหม่ที่ใช้น้องหนอนอยู่ จะสามารถขอหยิบยืมเลนส์หรืออุปกรณ์อื่นๆ จากกลุ่มผู้ใช้หนอนด้วยกัน มาลองใช้ก่อนได้ง่ายกว่ากลุ่มนิกกอนหน่อยครับ
ประเด็นนี้ถ้าดูกันที่เรื่องเงินเป็นหลักผมเคาะที่ แคนนอล ครับได้ของ Spec ใกล้กันในราคาที่ถูกว่าหน่อย หรือในกรณีนี้ก็ต้องเป็น 450D ครับ แต่ยังไม่หมดครับยังมีประเด็นอื่นอีก ลองอ่านไปต่ออีกหน่อยนะครับ
คำถามที่สาม ความคล่องตัวในการใช้งานในฟังก์ชั่นและ Short cut ต่างๆ
สำหรับประเด็นนี้จะต้องท้าวความไปในเรื่องฟังก์ชั่นต่างๆ อีกซักหน่อยครับ อย่างเช่นการเปลี่ยนค่า ISO ค่า White balance การชดเชยแสงเฟสซ การปรับจุด Focus และต่างๆ อีกประมาณ 5-6 อย่าง ถ้าใครไม่รู้ว่ารายละเอียดของเรื่องเหล่านี้คืออะไรไว้ผมจะมาบอกอีกที่ละกันนะครับ ในการใช้งานฟังก์ชั่นพื้นฐานที่เหมือนๆ กันของกล้องทั้ง 2 ยี่ห้อนี้ผมและหลายๆ ท่านที่ผมได้ไปอ่าน review พบว่าชอบของ Nikon D80 มากกว่าเนื่องจากปุ่มต่างๆ ที่ทำออกมานั้นสะดวกต่อการใช้งานและการปรับเปลี่ยนเป็นอย่างมาก และมีจอ LCD 2 จุดคือด้านบนและด้านหลัง ในขณะที่ 450D นั้นมีแต่ที่ด้านหลังอย่างเดียว ยกตัวอย่างให้เห็นภาพนะครับ การปรับชดเชย Flash ถ้าเป็น 450D ต้องเข้าไปที่ Menu เพื่อทำการปรับแต่ D80 สามารถทำได้โดยกดที่ปุ่มรูป Flash ที่ด้านหน้าแล้วใช้การหมุนวงแหวนได้ทันทีครับ หรือการยกเลิกการ Set ค่าต่างๆ ที่เราได้เคย Set ไว้ก่อนหน้า ถ้าเป็น D80 ก็ทำได้โดยการกดปุ่มแค่ 2 ปุ่มพร้อมๆ กันค่างๆไว้ซัก 2-3 วินาที่ก็ทำเรากลับมาสู่ค่า Default ของกล้องได้แล้วครับ ในประเด็นนี้จะเหมาะสำหรับ ผู้ที่มีการปรับไปใช้งานในค่าต่างๆ แล้วลืมไปว่าทำอะไรกับกล้องไปบ้าง บวกกับสถานการณ์ที่ต้องรีบถ่ายภาพต่อไป โดยส่วนตัวผมว่าสะดวกดีครับ
ประเด็นนี้ผมยกให้ Nikon D80 ครับ
คำถามที่สี่ คุณภาพของ Body และความเหมาะมือ
Body ของ 450D นั้นเป็นพลาสติกพิเศษที่มีความแข็งแรงในระดับหนึ่งและมีน้ำหนักเบา ส่วนของ D80 นั้นเป็นแม็กนีเซียม อัลลอยด์ มีความแข็งแรงมากกว่าและน้ำหนักที่มากกว่าด้วยครับ ขนาดของ Body ของ D80 ใหญ่กว่า 450D เล็กน้อย เท่าที่ผ่านมามีลูกค้าหลายท่านโดยเฉพาะผู้ชายจะชอบ D80 มากกว่าเนื่องจากความเหมาะมือและน้ำหนักที่กำลังพอดีมือ บางท่านบอกไปถึงว่าจับแล้วรู้สึกถึงรังสีที่ทำให้รู้สึกว่าดีกว่า (อันนี้ผมว่าแต่ละท่านคงต้องไปลองดูเอาเองครับว่ารู้สึกได้ถึงขนาดนั้นจริงหรือเปล่า) แต่คุณผู้หญิงจะชอบ 450D มากกว่าเนื่องจากน้ำหนักที่ไม่หนักมาเกินไป ซึ่งก็มีหลายครั้งครับที่คุณผู้ชายอยากได้ D80 แต่ต้องจบด้วย 450D เนื่องจากคุณผู้หญิงบอกว่าจะเอา 450D เนื่องจากฉันจะใช้ด้วยและไม่อยากได้กล้องที่มันหนักเกินไป อันนี้คงต้องแล้วแต่ตกลงกันในครอบครัวล่ะครับ เห็นที่ประเด็นนี้จะเคาะยากหน่อย
คำถามที่ห้า เรื่อง Live view จำเป็นมั้ย
Live view คือการถ่ายภาพโดยดูได้จากจอ LCD ด้านหลังเครื่องครับเนื่องจากแต่ดังเดิมนั้น กล้องตัวใหญ่เวลาถ่ายจะต้องมองผ่านช่องอย่างเดียวครับ การมองจากจอ LCD แล้วถ่ายได้นั้นจะเห็นแต่ในกล้อง Compact มาก่อนแต่ 450D ได้เอาฟังก์ชั่นนี้มาใส่ให้ด้วย ในขณะที่ D80 ไม่มี ในเรื่องผมมองว่าการมี Live view ก็สะดวกดีครับสำหรับการถ่ายภาพในบางมุมที่เราไม่สามารถมองผ่านช่องก่อนถ่ายได้ เช่นการถ่ายภาพมุมสูงที่ต้องอาศัยการชูมือแล้วถ่าย หรือมุมต่ำมากๆ เช่นการวางกล้องบนพื้นแล้วถ่าย ถ้าเป็นปกติคงต้องลงทุนนอนกับพื้นแล้วถ่ายครับ หรือการถ่ายภาพระยะใกล้ (Macro) บ่อยเช่น การถ่ายงานจิวเวลรี่ หรืออาหาร การมองผ่านจอ LCD นั้นเหมาะกว่าครับ ที่นี้ต้องกลับมาถามตัวเองว่าจะได้ใช้งานที่เป็นสถานการณ์เหล่านี้บ่อยมากมั้ย โดยส่วนตัวที่ได้ถามช่างถ่ายภาพทั่วๆ ไปหลายต่อหลายท่านก็มองว่าไม่จำเป็นนัก และก็ถ้าต้องดูจากจอ LCD แล้วถ่ายก็ดูไม่โปรนัก ทำให้คิดไปว่าไม่ต่างจากใช้กล้อง Compact แล้วถ่าย โดยส่วนตัวผมว่าเสน่ห์ของกล้องตัวใหญ่อยู่ที่การทาบที่ตาแล้วถ่ายเนี่ยละครับมันดูแล้วเท่ห์ดี ใครเห็นด้วยกับผมก็ยกมือขึ้นล่ะกันครับ
มุมมองผม ผมว่ามีก็ดีครับในบางครั้งมันก็สะดวกดี
คำถามที่หก Function การใช้งานมีอะไรที่น่าสนใจบ้างระหว่าง 450D กับ Nikon D80
สำหรับเองผมชอบ Function การตั้งเวลาแล้วถ่ายภาพต่อเนื่องได้ อย่าง 450D สามารถตั้งเวลา 10 วินาทีแล้วให้กล้องสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ถึง 10 รูปในขณะที่กล้อง Nikon D80 ยังไม่มีลูกเล่นนี้ให้ แล้วที่ชอบ Function นี้ก็เนื่องจากผมอยากมีรูปตอนกระโดดกับเพื่อนๆ ครับ เอ . งง กันหรือเปล่าครับ ก็ยังงี้ไงปกติการถ่ายภาพตอนกระโดดนั้นต้องอาศัยการถ่ายภาพต่อเนื่องซึ่งต้องมีผู้เสียสละมากดชัตเตอร์ค้างไว้ซึ่งทำให้เวลาไปเที่ยวมักไม่ครบองค์ครับ แต่สำหรับ 450D นนี้ Ok เลยครับผมก็แค่ตั้งกล้องไว้บนขาตั้งกล้องแล้วก็ตั้งเวลาจากนั้นผมก็สามารถไปแจม กับเพื่อนๆ ในท่ากระโดดได้แล้ว! แต่สำหรับ D80 ผมเองกลับชอบที่ระบบ Rear Flash ครับเนื่องจากเวลาผมไปถ่ายภาพการจราจรในยามค่ำคืน ถ้าเป็น Flash ธรรมดาจะเห็นแสงไฟนำหน้ารถครับ แต่ถ้าเป็น Function นี้ของ D80 (ที่จริงก็มีแทบครบใน Nikon ทุกรุ่นครับ) จะเห็นเส้นไฟต่อจากท้ายออกมาครับ ถ้าให้เคาะเรื่อง Function ใหม่ที่น่าสนสำหรับผม การตั้งเวลาแล้วถ่ายภาพต่อเนื่องของ 450D ผมใช้เยอะกว่าครับ โดยเฉพาะที่หาตัวช่วยในการมากดภาพให้ผมนั้นหาได้ยาก แต่ขาตั้งกล้องเนี่ยพกไปได้ทุกที่ครับ
คำถามที่เจ็ด คุณภาพหรือลักษณะของภาพที่ได้
คุยกันมาถึงเรื่องกล้องไม่ถามที่เรื่องคุณภาพของภาพที่ได้คงจะกระไรอยู่มิใช่น้อยครับ ในประเด็นนี้ผมแยกออกเป็น 2 เรื่องที่คนมักถามผมเยอะคือเรื่องสีสันของภาพและเรื่องน๊อยส์ (Noise) ครับ เรื่องสีสันของภาพเอาที่เป็นเลนส์ Kit ที่ติดมากลับกล้องที่เป็น ชุด Kit ล่ะกันครับจะได้คุยกับง่ายหน่อย (แม้ว่าที่ร้านผมชุด Kit ของ D80 กับ 450D จะได้คนละช่วงเลนส์ครับ ของ 450D kit จะเป็น18-55 mm IS แต่ D80 ที่ขายดีจะเป็น 18-135 mm VR ครับ) เรื่องสีสันโดยบ้านๆ แล้วค่ายนิกกอนนั้นจะให้ภาพที่มีสีสันสดกว่าของน้องหนอนครับ แต่ของ 450D เองก็มี Function Picture style ให้สามารถปรับความสดใสของสีได้ครับ จะเอาให้สีเน้นจัดๆ คล้ายนิกกอนนั้นก็ได้อยู่ แต่พื้นเพของหนอนน้อยนั้นจะเป็นสีนุ่มๆ ครับ เอ . แล้วเลนส์ที่ผมกล่าวไว้ก่อนหน้าเกี่ยวไรกับสีสันล่ะก็ การถ่ายภาพนั้นตัวกล้องสำคัญแต่เลนส์อาจจะสำคัญยิ่งกว่าสิครับ ก็ลองคิดอย่างนี้สิเราซื้อกล้องตัวล่ะ 2-3 หมื่นแต่กลับยอมทุมทุน สร้างซื้อเลนส์กันบางที่ตัวหนึ่งเฉียดแสนแน่ะ แล้วจะบอกว่าเลนส์ไม่มีผลได้อย่างไรจริงมั้ยครับ เอาล่ะย้อนกลับมาที่คุณภาพเลนส์ Kit ของที่ Nikon ให้มากับ Nikon D80 ทั้งผมและน้องๆ ในร้านก็ลงความเห็นว่าคุณภาพของเลนส์ Kit ของ Nikon ที่ให้มานั้นคมชัดกว่าเลนส์ Kit ของ 450D ดีครับก็เลยมีผลทำให้ภาพที่ได้ออกมาดูดีกว่านิดๆ แต่เรื่องนี้สำหรับคนที่ซื้อน้องหนอนไปก็แก้ได้ด้วยการซื้อเลนส์ดีๆ สักตัวแทนในภายภาคหน้าก็ได้อยู่ครับ เพราะการซื้อกล้องตัวใหญ่คงไม่จบที่แต่เลนส์ Kit ทีได้มาอย่างแน่นอนครับ ผมกล้าการันตีได้เลย ต่อมาก็เรื่อง Noise ถ้ามีการใช้งานค่า ISO ไปมากกว่าที่ 800 แล้วล่ะก็อันนี้ 450D ทำได้ดีกว่า(ที่จริงก็ทำได้ดีมาตั้งแต่ 400D แล้วครับ: ที่มาในเรื่องนี้มาจาก D-preview ครับ) ถ้าใช้งานกลางคืนบ่อย 450D น่าจะเหมาะสมความครับ
ในเรื่องสีสันของภาพและความคมนั้นทั้ง 2 ค่ายแก้ได้ที่การตั้งค่าสีสันต่างๆ ในกล้องการเปลี่ยนเลนส์ครับ ส่วนเรื่อง Noise 450D ได้ภาษีดีกว่าหน่อยครับ
คำถามสุดท้าย ถือตัวไหนแล้วตัวเองคิดว่าสบายใจครับ
อันนี้ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ มีหลายต่อหลายคนทีผมเคยแนะนำไปแล้วเกิดอาการตะขิดตะข้วงใจ แบบว่ากลุ่มเพื่อนใช้ Canon กันหมดพอเอา Nikon ไปเพื่อนก็บอกว่า Nikon รุ่นนี้ไม่ดีอย่างโน้น อย่างนี้บ้างล่ะทำให้เกิดอาการเซ้งเอา บางทีคิดเอาว่าโดยคนขายเชียร์หลอกขายเอาอีก ซึ่งประเด็นนี้ผมจะบอกน้องๆ ที่ร้าน digital2home เสมอว่าให้ช่วยลูกค้าเลือกกล้องตามความต้องการให้ได้มากที่สุด บางที่แค่ spec ที่บอกมาจ่ายแค่ 5,000 ก็พอแล้วครับไม่ต้องจ่ายเป็น 10,000 แต่ยังไงก็ตามสุดท้ายให้คุณลูกค้าต้องตัดสินใจให้ดีๆ เองว่าตัวลูกค้าเองชอบแบบไหนจะได้ซื้อแล้วสบายใจ เพราะกล้องที่คุณๆ กำลังซื้อไม่ว่าจะเป็น 450D หรือ D80 คุณจะต้องใช้มันและถือมันไปทุกที่ ถ้าถือแล้วรู้สึกดีกับมัน ถือแล้วรู้สึกอยากใช้ อยากเอามันมาศึกษา อยากเอามันมาถ่ายภาพโชว์คนอื่นๆ และต้องใช้งานมันอย่างน้อยก็ปีสองปีล่ะครับ ผมว่าเรื่องนี้สำคัญที่สุดครับ เช่นบางท่านอยากได้ Nikon มากมาย แบบว่าไม่รู้ทำไม แค่รู้สึกว่าถือกล้อง Nikon แล้วดูดีมากกว่าหรือเหมาะกับตัวเองมากกว่า ผมก็แนะนำให้ซื้อ Nikon D80 เลยครับอย่าลังเล ไม่ว่าจะด้วยประการใดๆ หรือถ้าชอบ Canon ก็ซื้อ Canon ครับ เพราะกล้องทุกตัวมีทั้งข้อดีและข้อด้อย ถ้าเราชอบตัวไหนมากกว่า สุดท้ายเราก็จะหาข้อดีมันได้มากกว่าเสมอล่ะครับ ไม่รู้ว่ามีใครเป็นอย่างผมแบบนี้หรือเปล่า หรือถ่าไม่แน่ใจก็ลองคิดถึงการซื้อของครั้งที่ผ่านๆ มาก็ได้ครับว่าเจออาการอย่างนี้บ้างมั้ย
เอาล่ะครับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ผมว่า น่าจะได้คำตอบในใจแล้วล่ะว่า พรุ่งนี้จะไปซื้อกล้องดิจิตอล DSLR 450D หรือ D80 ดียังไงก็แวะมาที่ร้าน digital2home หรือที่ digital2home.com ก่อนได้นะครับ ผมและน้องสาขาทุกคนยินดีให้คำแนะนำเพิ่มเติมครับ
ขอให้ความสุข สวัสดี จงมีแด่ท่านผู้อ่านทุกท่านครับ
จาก Mr. D2H
มีตัวนี้ 1 ตัว ชาร์ตแบตอยู่ยังไม่ได้ใช้เลยค่ะ ^^
ซื้อมาให้คนสงสัยว่าซื้อมาทำไม ? ซื้อมาสะพายทำเท่ไปงั้นหล่ะ
ถ่ายไม่เป็นค่ะ - -"
นี่ผมเข้าผิดรูหรือเปล่าเนี่ยมาการโพสการเลือกซื้อกล้อง DSLR ด้วยแฮะ ยังงี้ต้อง
nikonianthailand.com หรือ thaidphoto.com
ซะละมั้ง อ่ามาเข้าเรื่อง
ผมโดนกล้อง SLR และ DSLR หลอกหลอนจนงอตัวไม่ขึ้นก็เพราะมันมีมนต์มาสะกดให้เย้ายวนเท่านั้นเองไม่มีอะไรมากดังนั้น เข้าเรื่อง ผมใช้ D80 และ ฟิล์ม F90 ฮะสองตัว อ้อ TU : 2 - CU : 0 สะใจจริงๆฮะนานๆจะได้ชัยกับเขาสักทีนึง วู้ วู้ วู้
ของผมใช้ sony dsc h 50 แต่กำลังจะเปลื่อนเป็น canon 450 d
แหะ ๆ ^ ^" ...... ผมใช้ S9600 ครับ หน้าตาแบบในรูปของคุณ marineen แหละครับ (หล่อนมี F100S นะยะไม่ใช่หน้าตาแบบนี้ย่ะ -*-) .... ผมใช้ถ่ายเครื่องบินจนรู้ข้อจำกัดของมันหมดแล้วครับ ถ้าในงานถ่ายเครื่องบิน คุณจะพบว่า S9600 โฟกัสช้าเกินไป noise (เรื่องหลักเลย), processor งงง่ายกันไปเลยหลุด focus บ่อย และ noise เยอะไปนิดครับ ส่วนที่ได้เปรียบกว่าชาวบ้านก็คือเล่นมันวิ่งได้ทุกช่วงครับ เครื่องมาใกล้หรือไกลดึงได้หมดไม่ต้องมาเปลี่ยนเลนส์บบ DSLR
จากประสบการณ์ กล้องที่ถ่ายเครื่องบินได้แจ่มที่สุดคือ Canon 1D Mk IV พร้อมเลนส์ 100 - 400 ครับ เพียงแต่ราคาทั้งเซ็ตมันดาวน์บ้านได้แบบนี้ ผมไม่มีปัญญาครับ ...... เลือกกล้องที่ถูกใจและจ่ายไหวดีกว่าครับ ดูว่าเรามีงบเท่าไหร่ แล้วค่อยไปเลือกรุ่นครับ อย่างผมเงินไม่ค่อยมี ก็ได้แต่ DSLR-Like ของ Fuji นี่แหละครับ พอได้มาแล้วก็ค่อย ๆ เรียนรู้ข้อจำกัดของมัน และทำตัวให้ชินครับ ^ ^
พี่โย ได้มา 20000 ล้าน ไม่ใช่เหรอ
ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก
ซื้อแจกให้สมาชิกทั้งเว็บเลยซิ 5555++++
ก็มันเหมือนกันนิ นั่งมองตอนนี้ก็เหมือนกันเด๊ะ
เค้าเลยคิดว่ารุ่นเดียวกัน ^^