หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


สื่อนอกตีข่าวทหารไทยผลักไสชาวโรฮิงยาสู่ทะเลอย่างทารุณ

โดยคุณ : m1 เมื่อวันที่ : 27/01/2009 17:10:35

เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 51 ที่ผ่านมา สำนักข่าว BBC รายงานว่า ทหารไทยได้ควบคุมตัวผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายจากบังกลาเทศและพม่า แล้วบังคับให้ขึ้นเรือกลับประเทศของตนทั้งที่เรือไม่มีเครื่องยนต์ ปล่อยให้ลอยอยู่กลางทะเลด้วยอาหารและน้ำประทังชีวิตเพียงน้อยนิด เชื่อว่าต้องการปล่อยให้ตายกลางทะเล


รายงานของบีบีซีอ้างการเปิดเผยของผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวระบุว่า กลุ่มผู้อพยพได้จ่ายเงินให้กับนายหน้าเพื่อให้พาขึ้นเรือมาที่ประเทศไทย เพราะต้องการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่กลับมาถูกทหารไทยควบคุมตัวไว้ที่เกาะทรายแดง แล้วจับมัดมือพาขึ้นเรือออกทะเลไปโดยมีอาหารและน้ำเพียงน้อยนิดเท่านั้น


ผู้รอดชีวิตที่ได้รับการช่วยเหลือจากยามชายฝั่งอินเดีย ที่เกาะอันดามัน เปิดเผยว่า ยังมีผู้ที่ต้องการขอลี้ภัยอีกหลายร้อยคนหายสาบสูญ หลังจากเดินทางออกจากบังกลาเทศและพม่าตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา� นายซอว์ วิน หนึ่งในผู้รอดชีวิตที่ได้รับการช่วยเหลือจากยามชายฝั่งอินเดีย เปิดเผยหลังจากถูกปล่อยให้ลอยอยู่ในทะเลนานถึง 12 วัน ว่าทหารไทยได้มัดมือของทุกคนเอาไว้แล้วนำตัวขึ้นเรือที่ไม่มีเครื่องยนต์ ก่อนจะใช้เรือยนต์ลากเรือผู้อพยพลงทะเลไปแล้วปล่อยให้ลอยอยู่กลางทะเล ทั้งๆ ที่ไม่มีอาหารและน้ำ โดยนายวินเชื่อว่าทหารไทยต้องการให้พวกผู้อพยพเหล่านี้ตายบนเรือ�


ส่วนผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ เปิดเผยว่า มีผู้อพยพราว 400 คน ถูกทหารนำตัวขึ้นเรือลำใหญ่ ที่มีเพียงข้าว 2 ถุง และน้ำอีก 2 ถัง สำหรับดื่ม หลังจากผ่านไป 2 วัน อาหารและน้ำก็หมดลง ผู้อพยพบนเรือต้องอยู่โดยไม่มีอาหารและน้ำนานเกือบ 15 วัน ก่อนจะเห็นประภาคารจึงได้พากันกระโดดลงทะเลแล้วว่ายน้ำขึ้นฝั่ง และได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ชายฝั่งของอินเดียพาไปพักยังที่พักชั่วคราว�

นายออน โรฮิงยา หนึ่งในชาวพม่าที่อพยพครั้งนี้ เปิดเผยว่า ตนและลูกชายพร้อมเพื่อนๆ อีก 7 คน ถูกทหารไทยจับตัวและบังคับให้ขึ้นเรือลำใหญ่ที่ไม่มีเครื่องยนต์ แต่ปรากฏว่าลูกชายและเพื่อนของตนอีก 3 คน รอดชีวิตมาได้ ส่วนอีก 4 คน เสียชีวิต เนื่องจากขาดน้ำและอาหาร หลายคนได้กระโดดลงทะเลเพื่อไปตายเอาดาบหน้า เมื่อเรือลอยไปใกล้กับเกาะอันดามันแล้ว เหลือคนอยู่บนเรือเพียงกว่าร้อยคนเท่านั้น�


ด้านเจ้าหน้าที่ของเกาะอันดามันที่ช่วยเหลือกลุ่มคนเหล่านี้เอาไว้ เปิดเผยว่า แต่ละคนอยู่ในสภาพขาดน้ำอย่างรุนแรง และสามารถช่วยเหลือได้เกือบทั้งหมด ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้ออกมาประณามไทยต่อการกระทำอันไร้ซึ่งมนุษยธรรมต่อผู้อพยพผิดกฎหมายในครั้งนี้�


"อภิสิทธิ์" ระบุกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงข่าวทหารไทยทารุณผู้ลี้ภัย จากนั้นเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 51�


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ กล่าวกรณีที่บีบีซีเสนอข่าว ทหารเรือทารุณกรรมผู้หลบหนีเข้าเมืองผิด กม. ว่า เรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ไปแล้ว เราพยายามดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และก็ยินดีจะร่วมมือกับต่างประเทศในการแก้ปัญหาคนเข้าเมืองที่ผิดกฎหมาย เพราะว่าเรื่องนี้กระทบความมั่นคงของเรา แต่หลักของเราก็ชัดเจนว่า การทำอะไร ต้องยึดหลักสิทธิมนุษยชน และเรื่องนี้ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ตนได้นัดกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆมาคุยด้วยโดยกำลังประสานเวลากันอยู่ ซึ่งขณะนี้ได้ตัวผู้ประสานงานและบุคคลที่จะมาคุยแล้วและรอเวลาที่สะดวก โดยจะพยายามให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ทราบว่า มีข้อเท็จจริงที่ลักลั่นกันอยู่อย่างไรและมีอะไรที่เขาสงสัย ก็จะได้ช่วยกันแก้ เขากล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามในส่วนนโยบายของเรื่องนี้ชัดเจนอยู่แล้วซึ่งเรื่องผู้ลักลอบเข้าเมืองผิด กม. ได้มีการประชุม ไปตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อนและในนโยบายก็เขียนชัดว่า ต้องยึดหลักสิทธิมนุษยชน ทหารยืนยันไม่ทรมาน แต่ชาว “โรฮิงยา” ถือเป็นปัญหาความมั่นคงของประเทศ


ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่า ทหารไทยกระทำทารุณกับผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองชาวโรฮิงยาว่า ยืนยันว่า ไม่มีการทรมาน ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ ทั้งนี้ในการจับกุมผู้หลบหนีเข้าเมืองนั้น เรามีมาตรการอยู่แล้ว และการดำเนินการจะเป็นไปตามลำดับตั้งแต่การสกัดกั้นและการจับกุม ซึ่งยืนยันว่า มีการดำเนินการอยู่แล้วในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามตนมีแนวความคิดที่จะหารือกับประเทศพม่า เพื่อประสานในการแก้ไขปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมือง แต่ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้หารือและดำเนินการ�


พล.ร.อกำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ ยืนยันว่า ข่าวทหารเรือไทยกระทำการทารุณโหดร้ายกับผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองชาวโรฮิงยา ด้วยการปล่อยลอยลำกลางทะเลให้เสียชีวิต ถือเป็นข่าวที่ไม่เป็นความจริง และเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ เพราะตนมีหลักฐานว่า ทหารเรือได้ดำเนินการอย่างมีมนุษยธรรม และเราไม่ใช่ทหารที่ป่าเถื่อน�


ส่วนภาพถ่ายที่สื่อมวลชนต่างประเทศนำมาแสดง อาจเป็นภาพจากนักท่องเที่ยวที่ไม่รู้ขั้นตอนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ “ภาพตอนที่เราจับกุม คงนึกภาพออกว่า คน 200 คนหลบหนีเข้าเมืองมา ผิดกฎหมาย กำลังทหารเรามีเพียง 18 คน เราจำเป็นจะต้องให้เขาถอดเสื้อออก เพื่อดูว่ามีอาวุธหรือไม่ จำเป็นต้องให้เขานอนคว่ำแล้วเอามือไว้บนศีรษะ มิเช่นนั้น คน 18 คน จะคุมคน 200 คนได้อย่างไร อันนี้เป็นวิธีปฏิบัติของเรา เป็นการป้องกันตัวไม่ให้คน 200 คนมาทำร้ายคนของเรา 18 คน”�


พล.ร.อกำธร กล่าว ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวโรฮิงยาถือเป็นปัญหาความมั่นคงของประเทศ เพราะเข้ามาครั้งละ 100-200 คน ทำให้เกิดปัญหาด้านสังคมและสาธารณสุขตามมา ดังนั้น เชื่อว่าคงไม่มีคนไทยคนไหน ต้องการให้ผู้หลบหนีเข้าเมือง 200 คนบุกเข้ามาในประเทศไทยอย่างเสรีทุกวัน�


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้นำภาพถ่ายการจับกุมชาวโรฮิงยามาแสดงให้สื่อมวลชนดูด้วยว่าทหารเรือได้มีการดูแลผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองตามหลักมนุษยธรรม มีการเลี้ยงข้าวและจัดให้อยู่ในที่ร่มไม้ ก่อนที่จะส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องผลักดันออกนอกประเทศ เพราะทหารเรือได้รักษากฎหมายตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองด้วย ที่มา: สำนักข่าว BBC, เว็บไซต์มติชน, เว็บไซต์คมชัดลึก


http://talk.mthai.com/topic/44786






ความคิดเห็นที่ 1


หลักฐานมี ครับ พวกหลบหนีเข้าเมืองนั่งหันหน้าเข้าหากัน กินข้าว

อยากไห้  AFP มาแหกตาดู เอ้ย ซูมกล้องดู

แล้ว แบบนี้ กองทัพ ฟ้อง AFP ได้ มั้ย ครับ

อยากให้ โดน บ้าง สื่อ ปากพร่อย

โดยคุณ AnuBis เมื่อวันที่ 21/01/2009 11:51:30


ความคิดเห็นที่ 2


เพื่อนผมเป็นหัวหน้าชุดจับกุม(รล.สงขลา)
รูปถ่ายขณะควบคุมตัวก็มี  
ทหารเรือเรา 18 คน  พวกนั้น เกือบ 200  ถ้ามันกรูกันมา เรามีปืน ยังไงก็ไม่รอดครับ

จับกุม ตรวจค้นแล้ว ก้อให้มันหุงข้าวกินกันเอง (ขืนเราทำให้มัน แล้วใครจะคอยคุมหล่ะ??)

สื่อก็นะ  เหอๆ
โดยคุณ Hollow เมื่อวันที่ 21/01/2009 22:02:38


ความคิดเห็นที่ 3


การโจมตีเช่นนี้ผมว่าดีครับ

เราจะได้ถือโอกาส ชี้แจง และแก้ต่าง แต่้ต้องทำให้ดี ประชาสัมพันธ์ให้ดี


เป็นโอกาสที่พอเขาสาดโคลนมา ก็ล้างน้ำซะให้เห็นเลยว่า เพชรเอกมันเป็นเช่นไร
โดยคุณ BloodRoyal เมื่อวันที่ 21/01/2009 22:26:40


ความคิดเห็นที่ 4


การปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัย ย่อมแตกต่างจากพวกลักลอบเข้าเมือง ผมเห็นด้วยกับวิธีการของทร.

โดยคุณ terdkiet เมื่อวันที่ 21/01/2009 22:37:40


ความคิดเห็นที่ 5


ตะวันตกก็แบบนี้หละครับ ชอบหาเรื่องชาวบ้านประจำ บ้านตัวเองยังดูแลไม่ดีเลย

นึกถึงตอน ประธานาธิบดีจีน (ไม่แน่ใจว่า หู จิ่น เถา หรือ เจียง เจ๋อ หมิน ) ที่ไปเยือนอเมริกา แล้ว ตอกกลับสื่ออเมริกา เรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างเจ็บแสบ จนต้องเงียบไปเอง นั่นหละครับ โดน คนจีนด่าแบบผู้ดีกลับไปจ๋อยเลย

โดยคุณ lordsri เมื่อวันที่ 21/01/2009 23:41:10


ความคิดเห็นที่ 6


ผมว่านะ

ถ้าฝรั่งมันชอบด่านัก ก็บอกมันเลยว่า งั้นส่งไปไว้ประเทศยูละกัน ถ้ายูไม่เอาก็อย่าพูดมาก

เห็น UN บอกว่าจะมาช่วย ถ้าคนพวกนั้นอยากได้อะไรจะช่วย
   อยากรู้ถ้ามันบอกว่า อยากอยู่อเมริกา มันจะทำยังไง
โดยคุณ s3644 เมื่อวันที่ 22/01/2009 02:36:10


ความคิดเห็นที่ 7


http://www.thairath.co.th/news.php?section=politics02&content=120141

ม้าอารี [22 ม.ค. 52 - 20:13]

หลายปีก่อน ระหว่างสัมภาษณ์น้องฝึกงานหนังสือพิมพ์ ผมถามเธอว่า รู้จักคำว่า “ม้าอารี” หรือไม่ เธอส่ายหน้าบอกว่าไม่รู้

ค่อนข้างจะแน่ใจ กระบวนการศึกษาของเด็กรุ่นใหม่ ตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงปริญญาตรี ไม่มีนิทานอีสปอยู่ในหลักสูตร

ก่อนเข้าเรียนชั้นประถม เด็กรุ่นผม (พ.ศ.2496) อายุครบ 8 ขวบ ต้องเข้าเรียนชั้น ป.เตรียม เริ่มเรียน ก. อะ กะ ก. อา กา ป้ากับปู่กู้อีจู้ แล้ว ก็ได้อ่านนิทานอีสปเป็นเล่มแรก

ถ้าจำไม่ผิด เรื่องแรก เป็นเรื่องราชสีห์กับหนู มีภาพ ประกอบด้วย เรื่องที่สอง ชาวนากับงูเห่า หรือไม่ก็โคนันทวิศาล ฯลฯ

เรื่องม้าอารี อยู่กลางๆเล่ม มีภาพประกอบใหญ่ วัวยืนอยู่ ในเพิงมุงหลังคา ม้ายืนอยู่ห่างออกไป

เนื้อเรื่องค่อนข้างสั้น

ม้าตัวหนึ่งเจ้าของรักมาก ปลูกเพิงมุงหลังคาให้ได้ หลบแดดหลบฝน ในขณะที่วัวอีกตัว เจ้าของปล่อยทิ้งไว้ตามยถากรรม

วันหนึ่งฝนตกหนัก...ม้ายืนสบายอยู่ในหลังคา วัวเจอฝนกระหน่ำ หนักเข้าก็ทนไม่ไหว เร่เข้าไปเจรจากับม้า

“เพื่อนเอ๋ย...เขยิบให้เราได้อาศัยชายคา พอให้จมูกได้พ้นฝนสักหน่อยเถิด”

ม้าตัวนี้เป็นม้าใจดี สงสารวัว ก็ไม่พูดอะไร เขยิบให้จมูกวัวพ้นฝน

วัวหายใจคล่องขึ้น พักใหญ่ก็เริ่มรู้สึกว่า ยังสบายไม่พอ ขอร้องให้ม้าถอยออกไป ให้ทั้งหัวได้อาศัย ม้าก็ถอยออกไปอีก

ม้า ยิ่งใจดี ยอมให้ทุกครั้งที่วัวขอ วัวก็ได้พื้นที่ในเพิงพัก จนในที่สุด วัวก็ยึดพื้นที่ในเพิงนั้นได้ ส่วนม้า ต้องออกไปตากฝนตอนฝนตก ตากแดดตอนแดดออก

วัน เวลาผ่านไป ม้าเริ่มผ่ายผอมจนผิดตา เจ้าของใช้ความสังเกตก็พบว่า ม้าไม่ได้อยู่ในเพิงที่ปลูกไว้ให้ จึงจัดการลากวัวออกไป และดึงม้ามาอยู่ในเพิงพักเหมือนเดิม

นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า ความใจดีใช้ไม่ได้กับคนที่ไม่รู้คุณ เหมือนม้าอารีที่ช่วยเพื่อนจนตัวเองเดือดร้อน

ผมตั้งใจเล่าเรื่องม้าอารี ให้เด็กๆรุ่นใหม่ได้อ่านนี่คือนิทานอีสปอีกเรื่องที่สอนใจได้ไม่น้อยกว่าเรื่องกบเลือกนาย และอีกหลายๆเรื่อง

ใครเขาจะนินทาว่าร้าย กรณีทหารเรือไทยผลักดันพวกโรฮิงญา พวกยะไข่จากพม่า ออกนอกน่านน้ำไทย

ปล่อยให้เขาว่าไปเถิด

คน ไทยเราด้วยกัน รู้จักกันดี เราเป็นม้าอารีช่วยเพื่อนๆที่บากหน้ามาขอพักพิง ตั้งแต่พม่า มอญ เขมร ลาว ถ้าเป็นฟางก็บรรทุกบนหลังลา หลังลาก็แอ่นเต็มที

กรณีชาวโรฮิงญา ถ้ามีกำลังผมเชื่อว่าช่วยได้ ไทยเราก็คงช่วย แต่มีหลายเหตุปัจจัย โดยเฉพาะปัญหาสามจังหวัดใต้

เห็นใจเพื่อนมนุษย์อยู่เหมือนกัน แต่ก็สงสารตัวเอง อยากช่วยก็คงช่วยไม่ไหว นี่คือฟางเส้นสุดท้ายแล้วนะครับ.

กิเลน ประลองเชิง

โดยคุณ ช้างอ้วน เมื่อวันที่ 22/01/2009 03:21:59


ความคิดเห็นที่ 8


ในอดีตไม่ไกลนัก หวังว่ายังคงจำได้ ประเทศเราเคยเป็นประ้ทศที่แสนดี
รับผู้อพยพทั้ง ลาว เขมร เวียดนาม โดยมีเจ้าหน้าที่ U.N.มาเปิดสำนักงาน
เพื่อดูแลคนพวกนี้ โดยที่ประเทศไทยต้องจัดหาสถานที่ให้อยู่และจัดหาอาหาร ให้ด้วยเจ้าหน้าที่ U.N.ขอให้ไทยดูแลคนพวกนี้จนกว่าจะมีประเทศที่ 3 รับไป ซึ่งตามความเป็นจริงไม่เคยมีประเทศไหนคิดจะรับคนพวกนี้ไปเป็นภาระ
ของตนเอง เราต้องรับเลี้ยงคนพวกนี้กว่าสิบปี แล้วเราได้อะไร มีแต่ปัญหาทั้งนั้น แล้วก็อย่าลืมปัญหาผู้อพยพ พม่า ที่อ้างว่าเป็นนักศึกษาลี้ภัยมาอยู่ที่เมืองไทย ปัญหามากกว่าเก่าอีก ก็ไม่เห็นมีประเทศไหนจะยื่นมือเข้ามาข่วยเราเลย
ฉะนั้นเราควรประกาศไปเลยว่า เรามีนโยบายยังไงเกี่ยวกับเรื่องผู้อพยพ
ไม่ใช่ว่าใครมาเราก็รับหมด คนจนบ้านเรา ยังมีอีกเยอะ ปัญหาของเราเองก็มีมากเกินพอ อย่ามัวแต่คิดเอาหน้ากับต่างชาติ ปัญหาพวกนี้เราไม่ได้ก่อ
มันเริ่มจาก พวกล่าอาณานิคมทั้งนั้น 
โดยคุณ e21cye เมื่อวันที่ 22/01/2009 04:19:02


ความคิดเห็นที่ 9


น่าเบื่อพวกองค์กรสิทธิมนุษยชนของต่างประเทศจริงๆ ดีแต่ด่า (ให้เป็นข่าวว่ามี Action แล้วรอรับเงินบริจาค)  แต่ไม่เห็นช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย ไม่ได้คิดเลยว่าพวกนี้เป็นพวกหลบหนีเข้าเมืองนะ ไม่ได้ขอเข้ามาทำงานอย่างถูกต้อง คนละกรณีกับผู้ลี้ภัยสงครามนะครับ ยังไงต้องพลักดันกลับอยู่แล้ว (มาทางไหนกลับไปทางนั้น เมื่อมาเองได้ก็ต้องกลับเองได้สิ) ขนาดคนไทยเองจะไปเที่ยวที่ยุโรปหรืออเมริกายังขอวีซ่ายากจะตาย นี่เราไปเที่ยวนะเอาเงินไปให้แท้ พวกนี้ควรจะไปดูแลเรื่องในประเทศตัวเองมากกว่ายังมีเรื่องเหยียดผิวกันอยู่เลย ชอบติดนิสัยนักล่าอาณานิคมคิดว่าตัวเองเหนือกว่าชาวบ้านโดยเฉพาะกับประเทศกำลังพัฒนา

โดยคุณ ploydaddy เมื่อวันที่ 22/01/2009 21:43:57


ความคิดเห็นที่ 10


สรุปว่า...นายออน โรฮิงยา พูดภาษาอังกฤษได้ ทหารเรือ(ชุดปฏิบัติการ)ของเราพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็เลยสัมภาษณ์แต่ นายออน โรฮิงยา แล้วนักข่าวคนนั้นได้ให้อะไรแก่นายออน โรฮิงยา  บ้าง...? ถ้าหมายถึงทางออกหรือจุดจบของปัญหา ต้องไปบอกนักข่าวแล้วว่า โนๆ ยูมาสัมภาษณ์ผิดที่แล้ว ยูต้องโกทูประเทศของนายออน โรฮิงยา แทน  ...เหอๆๆ อยู่ดีๆ ทหารเรือก็เดือดร้อนเพราะปลายปากกาฝรั่ง ทีหลังถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีกแล้วเห็นฝรั่งลั่นชัตเตอร์ฉับๆๆ ต้องรีบจับไปสอบสวนตั้งเป็นผู้ต้องหาคดี"จารชน"ซะให้เข็ด...

ชอบข้อความของคุณ  s3644 จัง

เห็น UN บอกว่าจะมาช่วย ถ้าคนพวกนั้นอยากได้อะไรจะช่วย
   อยากรู้ถ้ามันบอกว่า อยากอยู่อเมริกา มันจะทำยังไง

โดยคุณ Xmode เมื่อวันที่ 23/01/2009 03:35:54


ความคิดเห็นที่ 11


....ทีหลังจับได้เอาไปส่งที่เรืออังกฤษดิคับ เขาจะได้รับไปส่งที่ลันดั้น รับตัวไปลี้ภัยงัย..Tuye (เห็นสื่ออังกฤษมนุษยธรรมอักเสบเหลือเกิน)...

....ไทยแบกรับภาระมนุษย์ต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมานานตั้งแต่สงครามเวียดนาม ก้อฝีมือหรั่งนั่นแหล่ะคับ หาแต่เรื่องให้ไทย มาจนถึงวันนี้ คนต่างด้าวทั้งลาว มอญ เขมร พม่า กระทั่งจีน และรัสเซียเดินแย่งงานแย่งข้าวคนไทยกินกันเกลื่อนเมืองไปหมด...ไม่เห็น BBC.เสนอข่าวมั่ง...

....เป็นผมอ่ะนะ เอาซีโฟร์แปะใต้ท้องเรือเป็นของแถม ให้แม่นไปจมตายหงส์ตายห่านซะให้หมดก็สิ้นเรื่อง จะได้ไม่มีทรากเหลือไปใส่ร้ายไทยกับอ้ายบักสีดาอีก...

 

โดยคุณ X-1 เมื่อวันที่ 27/01/2009 06:10:37