หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


เสนอ ครม.ศก. อนุมัติโครงการเหล็กต้นน้ำ

โดยคุณ : Skyman เมื่อวันที่ : 23/01/2009 10:57:53

ท่านที่ลุ้นโครงการพัฒนาเทคโนโลยีต้นน้ำต่าง ๆ อาจจะดีใจครับที่ได้ยินข่าวนี้ สหวิริยาก็ประกาศแล้วว่าจะลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีเป็นของตนเองในแผนระยะยาว 10 ปี คงต้องดูกันต่อไปว่าจะสำเร็จหรือไม่กับการตั้งโรงงานเหล็กในไทย - -


เสนอ ครม.ศก. อนุมัติโครงการเหล็กต้นน้ำ – ข่าว 12.00 น.

Posted on Wednesday, January 21, 2009

นายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม บอกว่า ภายใน 2 สัปดาห์นี้กระทรวงอุตสาหกรรมจะนำโครงการพัฒนาเหล็กต้นน้ำ เสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เนื่องจากเห็นว่าโครงการเหล็กต้นน้ำเป็นเรื่องสำคัญและเป็นวาระเร่งด่วนที่รัฐบาลจะต้องรีบดำเนินการ แม้ว่าไทยจะไม่มีแหล่งผลิตสินแร่เหล็ก แต่มีอุตสาหกรรมที่จะต้องใช้เหล็กเป็นจำนวนมาก เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน โดยหากโครงการเหล็กต้นน้ำเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ก็จะสามารถสร้างฐานการผลิตเหล็กให้กับประเทศไทย เพราะประเทศเพื่อนบ้าน เวียดนามและมาเลเซียเริ่มมีการพัฒนาโครงการเหล่านี้แล้ว ซึ่งอาจจะทำให้ไทยเสียเปรียบและเกิดการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นได้

นายสรยุทธ บอกอีกว่า ขณะนี้มีนักลงทุน 4 รายแสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการเหล็กต้นน้ำ โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 2 ราย, ยุโรป 1 ราย, จีน 1 ราย และบมจ. สหวิริยาได้ขอส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แล้ว แต่ได้ชะงักไป เพราะความไปพร้อมด้านการตลาด

นายสรยุทธ เชื่อว่า ครม.เศรษฐกิจจะเห็นชอบการพัฒนาโครงการเหล็กต้นน้ำและยังจะสอดคล้องกับการที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่นวันที่ 6 - 7 กุมภาพันธ์นี้อีกด้วย

http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Moneylinenews/tabid/89/newsid491/77332/Default.aspx





ความคิดเห็นที่ 1


ครับ เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ส่วนตัวเชื่อว่าปัญหาที่เกิดการต่อต้านมาจาก การเสียผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มครับ ก็ย่อมมีบ้างผลกระทบ ซึ่งเกิดขึ้นได้กับทุกโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐต้องเข้าไปควบคุมและการจัดการของผู้ประกอบการ แต่ผลประโยชน์ที่ได้นั้นมันมากกว่าที่เห็นว่าเจ้าของกิจการได้กำไร แต่มันสร้างงาน สร้างรายได้ และลดค่าใช้จ่ายต้นทุนของอุตสาหกรรมอื่นๆที่ต้องใช้เหล็กเป็นส่วนประกอบ หากประเทศไทยต้องการให้อุตสาหกรรมในประเทสก้าวหน้ากว่านี้ ต้องมีโรงงานเหล็กต้นน้ำให้ได้ครับ ซึ่งที่บางสะพานนั้น ปัญหามันมีตั้งแต่เริ่มสร้างโรงงานรีดร้อนแล้ว แต่เมื่อมันสร้างเสร็จและมีโรงงานในเครือไม่ว่ารีดเย็นหรือโรงงานเหล็กอื่นๆมันสร้างรายได้ให้กับผู้คนในพื้นที่ได้อย่างมาก และเห็นว่าที่บางสะพานนั้นเหมาะที่สุดครับที่จะสร้างโรงงานเหล็กต้นน้ำ เพราะหลายอย่างมันพร้อมอยู่แล้ว
โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 21/01/2009 05:55:07


ความคิดเห็นที่ 2


เห็นเริ่มต้นก็ประท้วงกันตั้งแต่ยังไม่ตั้งโรงงานเลยครับ จนเกิดความบาดหมางรุนแรง

คุณอักษร เจริญทัศน์ โดนยิงเมื่อหลายปีก่อนจนตอนนี้คดีก็อยู่ในชั้นศาล แต่ด้วยเหตุหลายปัจจัย มือปืนที่ยิงและพยานอื่นๆโดนตัดตอนเรียบร้อยในเรือนจำแล้วครับ

อันนี้คือความสุดยอดของการแก้ปัญหาระหว่างนายทุนและชาวบ้านในพื้นที่ฮะ

   ผมก็ยอมรับนะว่าการสร้างงานในพื้นที่มันดีแต่ว่ามีปัญหาตั้งแต่ยังไม่สร้างนี่ไม่ค่อยโสภาสำหรับนักลงทุนเท่าไรเลย

  

ใจจริงอยากให้สหวิริยาไปตั้งโรงงานในพื้นที่อาเซียนมากกว่า เพราะอุตสาหกรรมขั้นปฐมภูมิ ส่วนใหญ่จะสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาลให้กับพื้นที่รอบๆเลยครับยิ่งเหล็กนี่ แค่ Start เครื่องหลอมก็ต้องดึงไฟฟ้าทั้งจังหวัดมาแชร์ให้กับโรงงานแล้วครับ ส่วนของเสียจากเหล็กไม่ต้องพูดถึง ก็เหมือนเอาสุสานรถยนต์เหมือนในหนังไปตั้งไว้ในอ.บางสะพานนี่ละครับ

   ไม่รู้ว่าตั้งแล้วมันดีหรือไม่ดีกันแน่ อยากสร้างโมเดลงีร้มากกว่า

   บริษัทแม่อยู่ ในกรุงเทพส่วนโรงงานทำเหล็กหล่อเหล็กก็อยู่ในต่างประเทศที่ใกล้วัตถุดิบมากที่สุด เพราะยังไงเสียประเทศอื่นก็สนใจจะรับการลงทุนเรื่องอุตสาหกรรมหนักอยู่แล้ว 

        ผมพะวงปัญหาสิ่งแวดล้อมเท่านั้นละครับเพราะมันหนักหนาสาหัสเหลือเกินไม่อยากให้ อ.บางสะพานเป็นแบบ อ.พระสมุทเจดีย์เลย น้ำเน่า เละซะแทบไม่เหลือแล้ว

โดยคุณ siamman18 เมื่อวันที่ 21/01/2009 08:16:16


ความคิดเห็นที่ 3


ตอนนี้โรงงานเหล็กต้นน้ำ (เตาถลุงเหล็ก) ของบริษัทจากประเทศจีนรู้สึกว่าทำรายงานวิเคราะห์ฯ สวล. ผ่านไปแล้วครับ (อันนี้เป็นเตาถลุงขนาดเล็ก)

ส่วนสหวิริยาบริษัทคนไทยนั้นมีปัญหาเรื่องการประท้วงอยู่ครับเพราะดันไปบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนฯ และไปดำเนินการปรับพื้นที่ ถมดิน ตัดต้นไม้ก่อนที่โครงการจะได้รับอนุญาติ (จากรายงานข่าวทางทีวีน่ะครับ) ทั้งๆ ที่รายงานวิเคราะห์ฯ สวล. เกือบจะได้อนุมัติแล้ว ตอนนี้เลยถูกสั่งถอนรายงานฯ แล้วค่อยยื่นพิจารณากันใหม่ครับ

โรงงานเหล็กต้นน้ำเป็นโรงงานที่ก่อมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูงมากๆ ดังนั้นจึงต้องใช้เวลานานหน่อยกว่าจะขออนุญาติได้ จากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยงข้องครับ ซึ่งเยอะมากๆ

โดยคุณ aek_eng10 เมื่อวันที่ 21/01/2009 08:40:15


ความคิดเห็นที่ 4


ต้องยอมรับว่าโรงงานถลุงเหล็กก่อมลพิษทั้งทางอากาศและน้ำสูงมาก ถ้าไปดูที่ญี่ปุ่นเขาจะเป็นแบบโรงงานระบบปิดและมีการควบคุมที่ดี การทำงานที่อยู่ในสภาพแวดล้อมอุณหภูมิสูงที่มีความอันตรายทั้งชุดป้องกันหน้ากากป้องกัน แว่นตานิรภัย และกฎระเบียบด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม ต้องศึกษาให้รอบคอบถ้าทางบริษัทผ่านเกณฑ์ในด้านสิ่งแวดล้อมและด้านความปลอดภัยก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ
โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 21/01/2009 09:30:09


ความคิดเห็นที่ 5


มันมีมาตฐานอยู่ครับ เพี่ยงแต่มันจะเพิ่มต้นทุนในการผลิต เหมือนในประเทศจีน ที่มาตฐานทางสิ่งแวดล้อมตึ่า
โดยคุณ sherlork เมื่อวันที่ 21/01/2009 10:18:03


ความคิดเห็นที่ 6


เข้าใจทั้งสองฝ่ายครับ

โดยเฉพาะ ฝ่ายประท้วง �เข้าใจถึงเหตุผล มาก

ส่วนตัว หากไทยมีโรงถลุงเหล็ก ได้ก็ดีครับต้นทุนจะถูกลง

แต่ขณะเดียวกัน เคยคิดว่า ไทยควร เน้น กิจกรรมบริการ ด้านการท่องเที่ยวดีกว่า � พวก อุตส่าหกรรมหนัก อย่างนี้ ไหนๆ เวียดนามอยากได้ก็เอาไป �เราแค่ต่่อ รางรถไฟ ไปเอาวัตถุดิบมาใช้ก็ได้

��เพราะพวกนี้ แม้จะบอกว่า ป้องกันเรื่องมลภาวะเต็มที่ แต่ ยังไงก็หลุดลอดออกมาแน่นอน � �จริงๆ ชายหาด ทางประจวบ ตั้งแต่ปราณบุรี ลงไป เรียกว่า ยังบริสุทธิ์ อยู่มาก �และก็ หากทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว ผมว่า อาจจะนำรายได้ท่องเที่ยวได้มากกว่า การถลุงเหล็กซะด้วยซ้ำไป

��ซึ่งคนละอย่างกับโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซิ่ง อยากให้สร้างในไทย มากกว่า
โดยคุณ ericson เมื่อวันที่ 21/01/2009 21:35:54


ความคิดเห็นที่ 7


ที่คุณ siam กล่าวมา หมายถึง คุณเจริญ วัดอักษร กระมังครับ แกนนำกลุ่มอนุรักษ์บ่อนอก

ถ้าใช่ตอนนี้ คดีก็กำลังทำอยู่กับ โดย กรมสอบสวนคดีพิเศษ

---------------------------------------------------------

สำหรับเรื่อง โรงถลุงเหล็ก ผมอยากจะให้ไปอยู่ ในบริเวณที่เหมาะสมกว่าหนะครับ เพราะ บ่อนอก-บ้านกรูด ปะการัง ยังสมบูรณ์อยู่เยอะมาก ถ้าทำเป็นการท่องเที่ยวมันก็จะสามารถทำให้ชุมชนอยู่ได้

ไหน ๆ มาบตาพุด ก็เละไปแล้ว แหลมฉบังก็เละไปแล้ว ก็เอา โรงงานถลุงเหล็ก อีกสักโรงไปอยู่จะเป็นอะไรไปหละครับ มันคงไม่เละไปกว่านี้หรอกกระมังครับ

ท่าเรือของ บริษัทหนึ่ง ยังสร้างรุกล้ำลงไปในทะเลได้เลย มันก็น่าจะต่อยอดความเละเทะกันต่อไปที่นี่จะดีกว่ากระมังครับ

เห็นด้วยนะ ถ้าจะให้มีโรงงานอุตสาหกรรมหนักในของการผลิตเหล็กกล้า แต่ไม่เห็นด้วยที่จะเอาไปอยู่ในที่ไม่เหมาะสมครับ

 

 

 

โดยคุณ lordsri เมื่อวันที่ 21/01/2009 23:38:12


ความคิดเห็นที่ 8


หากมองให้ดี พื้นที่ที่สหวิริยาก่อตั้งโรงรีดร้อนและบริษัทในเครือนั้น ทางเข้าจะเป็นป่าใหญ่ร่มรื่น คนพื้นที่เรียกกันว่า ป่ายาง เมื่อเข้าไปถึงบริเวณโรงงานจะพบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าชายเลนเสื่อมโทรม และไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ ส่วนที่มีน้ำและยังเป็นป่าชายเลนสมบูรณ์นั้นยังเห็นสมบูรณ์อยู่ ผมไม่แน่ใจว่าจุดที่ทางสหวิริยาจะสร้างโรงงานเหล็กต้นน้ำนั้นอยู่ตรงไหน จึงออกความเห็นไม่ได้ว่าเขาตั้งในที่สมควรหรือไม่ แต่บอกว่าที่บางสะพานเหมาะสมนั้นเพราะเป็นพื้นที่ทีมีโรงงานเหล็กของเขาอยู่แล้ว ซึ่งลดค่าใช้จ่ายได้มากในการขนส่งเหล็กที่ถลุงแล้วเข้าโรงงานรีด อีกทั้งไม่ต้องไปเพิ่มพื้นที่ก่อมลภาวะในส่วนพื้นที่อื่นด้วย แต่หากว่าไม่สามารถที่จะตั้งโรงงานเหล็กต้นน้ำได้ ทางสหวิริยาจะไปตั้งโรงงานที่เวียดนามแทน ซึ่งทางเวียดนามมีการสนับสนุนและวางรากฐานไว้แล้ว ในขณะที่กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ระบุว่า หากไทยไม่สามารถตั้งโรงงานเหล็กต้นน้ำได้ ก็อาจจะมีการย้ายฐานผลิตรถยนต์ไปประเทศเพื่อนบ้านที่มีโรงงานเหล็กที่พร้อมและต้นทุนต่ำกว่า นี่คือสิ่งที่เขาแจ้งออกมาแล้วและอาจจะไม่ใช่แค่นี้ครับ หาก เวียดนาม และ มาเลเซีย สร้างโรงงานเหล็กต้นน้ำสำเร็จ อาจจะมีอุสาหกรรมอื่นๆที่ใช้เหล็กเป็นส่วนประกอบจะคิดในแบบเดียวกัน
โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 22/01/2009 01:26:16


ความคิดเห็นที่ 9


อ้อ ลืมบอกไปครับ บ่อนอก นั้นอยู่ที่อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ครับจะอยู่เลยกุยบุรีไปประมาณ 20 กิโลเมตรก่อนถึงประจวบครับ ส่วน บ้านกรูด นั้นอยู่ในอำเภอทับสะแกครับ ปัจจุบัน บ้านกรูดก็ยังมีความสมบูรณ์อยู่ และมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่าง พระธาตุทางสาย ครับ และไม่ได้สร้างโรงงานเหล็กต้นน้ำบริเวณนั้นครับ
โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 22/01/2009 01:34:20


ความคิดเห็นที่ 10


�อยากจะเสริมอีกนิดครับ�
จะว่าไปที่แถวนั้น โดนพวกฝรั่งซื้อไปหมดแล้ว อย่างแถว บ่อนอก นี่ ริมทะเล ฝรั่ง ใช้นอมินี ซื้อไปหมดแล้ว ต่อไป ไล่ตั้งแต่กุยบุรี �บ่อนอก ห้วยยาง �ไปถึง ทาง หาดแสงอรุณ บ้านกรูด �จะมีที่พักแบบ long stay ให้พวก ฝรั่ง ทางสแกนดิเนเวีย มาพักผ่อนหนีหนาวครับ

��ทางห้วยยาง ก็สร้างที่พัก รองรับ มาหลายปีแล้ว หากเข้าไปด้านใน เจอหัวทองเต็มไปหมด

�ผมเคยคุยกับ เบอร์สอง แกนนำบ่อนอก �เค้าก็บอกเองว่า แทบไม่เหลือที่ของคนไทยแล้ว นอมินีหมด ตัวเ ค้ายังเ ป็นนายหน้าขายที่ซะด้วยซ้ำ แต่ก็ยังต่อต้านโรงไฟฟ้า �(จริงๆเยอะกว่านี้ ครับ ngo ที่ให้ความรู้ผิดๆยังเยอะ กับชาวบ้าน รับเศษเงิน ประท้วงแบบไร้สาระ)

�ส่วน สหวิริยา จริงๆ ก็เข้าใจครับ กับการสร้างเหล็กต้นน้ำ แต่เรื่องมลภาวะ ผม ค่อนข้างกังวลมากกว่า การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินซะอีก


โดยคุณ ericson เมื่อวันที่ 22/01/2009 02:19:58


ความคิดเห็นที่ 11


โรงงานถลุงเหล็กน่าจะมีตั้งนานแล้ว  นอกจากสิ่งแวดล้อมแล้วขาใหญ่ที่คลองตลาดเหล็กของไทยอาจทำให้โคลงการล้าช้าไปอีก ทีจริง สหวิริยาฯควรจะเปิดโรงงานได้แล้ว

โดยคุณ u209 เมื่อวันที่ 22/01/2009 08:12:55


ความคิดเห็นที่ 12


 

   เวียตนามเริ่มโครงการขนาด 11 ล้านตันซึ่งคาดว่าไม่เกิน 3 ปีจะสามารถเริ่มต้นได้   รู้สึกว่าญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าแรกเลยมั๊งที่ยื่นเสนอว่าสนใจลงทุนในเวียตนาม

    โครงการเหล็กของสหวิริยามีกำลังผลิตครบทุกเฟส(4เฟส)จะมีกำลังผลิตสูงถึง 30 ล้านตัน    แต่ประเทศไทยใช้ราวๆ 14 - 15 ล้านตันครับ    ดังนั้นยอด 30 ล้านตันนั้นได้มาจากปริมาณเหล็กที่ภูมิภาคอาเซียนใช้ทั้งหมด    จะเห็นว่าไทยชาติเดียวใช้เหล็กถึงเกือบครึ่งของชาติอาเซียนทั้งหมดแล้ว   ใครครองตลาดประเทศเราได้ก่อนคนนั้นได้เปรียบในการดั๊มราคาเพื่อครองตลาดอาเซียนทั้งหมดครับ    

    ราคาเหล็กที่เราถลุงจะถูกกว่าทางญี่ปุ่นและเกาหลีและน่าจะพอๆกับจีน    เนื่องจากแหล่งเหล็กดิบได้มาจากออสเตเรีย    และแหล่งถ่านหินในการถลุงมาจากอินโด   ดังนั้นต้นทุนค่าขนส่งจึงต่ำกว่ามาก    รวมทั้งค่าแรงที่ต่ำกว่าด้วย

   ปัจจุบันเรานำเข้าเหล็กดิบเป็นอันดับ 3 ของโลก!    และเราคือตลาดใหญ่ที่สำคัญขอ

ญี่ปุ่น   ดังนั้นการที่เราเดินโครงการนี้จะกระทบภาคการส่งออกเหล็กดิบของญี่ปุ่นอย่างรุนแรงครับ    ดังนั้นในสมัยยุคทักกี้ตอนจะทำ FTA กับญี่ปุ่น  เรื่องโครงการถลุงเหล็กจึงถูกญี่ปุ่นกดดันอย่างหนักแบบไม่ยอมง่ายๆ  โดยทางญี่ปุ่นเอาอุตสาหกรรมยานยนต์มาต่อรองครับ    และในที่สุดก็ต่อรองกันลงตัวโดยให้ญี่ปุ่นมาเป็นหุ้นส่วนกับสหวิริยาด้วย   ญี่ปุ่นเลยยอมครับ

 

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 22/01/2009 12:19:48


ความคิดเห็นที่ 13


 

    แต่โครงการนี้สหวิริยาให้การสนับสนุนทักกี้ในทางการเมืองอย่างมากครับ    พอทักกี้ถูกยึดอำนาจโครงการของสหวิริยาจึงโดนดองและกลั่นแกล้งจากภาคการเมือง    ในขณะนั้นทาง TATA ก็แอบดอดเข้ามาในยุค คมช. โดยยึดมิลิเนี่ยมสตีลไปแล้วเปลี่ยนเป็นทาทาประเทศไทย   และเริ่มโครงการถลุงเหล็กเฟสแรกที่ 3 ล้านตัน   ปัจจุบันดำเนินการผลิตอยู่ครับ   ก็ถือว่าประเทศเรามีโรงงานถลุงเหล็กต้นน้ำแล้วเป็นเจ้าแรกของอาเซียน    แสดงว่าทาทาใช้เส้นการเมืองตัดหน้าสหวิริยา     ซึ่งตอนนั้นผมได้กำไรจากหุ้นทาทาประเทศไทยกว่า 50%   จากข่าวนี้

     พอเปลี่ยนรัฐบาลเป็น พปช.  สหวิริยาก็ทำท่าจะได้เกิดอีก  แต่ก็โดนเล่นด้วยการประท้วงอย่างหนักต่อเนื่อง(แน่นอนว่าได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายการเมือง)     ทางทาทาก็ประกาศขยายกำลังการผลิตเฟสสองแล้วครับที่ 5 ล้านตัน    พร้อมกับเพิ่งเทคโอเวอร์บริษัทผลิตเหล็กรีดร้อนรีดเย็นที่การเงินท่าทางจะเดี้ยงไปเป็นบริษัทที่สอง(ขอโทษที่จำไม่ได้ครับว่าชื่อบริษัทอะไร)    

      มาถึงตอนนี้ทางเจ้าของสหวิริยายอมโดดกลับมาฝั่งการเมืองอีกขั้วแล้ว     ดังนั้นรัฐบาลชุดนี้จึงทำการสนับสนุนต่อ(สมัย คมช. ถูกดอง)     แต่ผมว่ากว่าสหวิริยาจะสามารถเดินเฟสแรกได้ก็อีกอย่างน้อย 3 ปี   ถึงเวลานั้นเฟส 2 ของทาทาก็เดินกำลังการผลิตกันแล้ว    และอาจเปิดเฟส 3 ในกำลังการผลิต 10 ล้านตันได้     ดังนั้นถึงตอนนั้นทาทาจะเป็นผู้ครองตลาดเหล็กดิบภายในประเทศเราได้ก่อนครับ       เวลานั้นเวียตนามคงได้กำลังการผลิตสัก 3 - 5 ล้านตันไปแล้ว   

    ถ้าสหวิริยาเดินเครื่องได้ครบก็กว่า 10 ปี   เผลอๆถึงตอนนั้นประเทศเราอาจจะมีกำลังการผลิตรวมกันมากกว่า 40 ล้านตันก็เป็นได้ครับ   ซึ่งมาจากสหวิริยา 30 ล้านตัน และอาจจะมาจากทาทาประเทศไทยอีก 10 ล้านตันก็ได้    กำลังการผลิตขนาดนี้ก็ประมาณครึ่งหนึ่งของกำลังการผลิตของญี่ปุ่นครับ     เราจะกลายเป็นผู้ส่งออกเหล็กดิบและครองตลาดอาเซียนเป็นแน่แท้    

   แหมถ้าขุดครองกระในอีก 15 ปีข้างหน้า    เรามีเหล็กต้นน้ำในอัตราเต็มกำลังที่พร้อมที่สุดในภูมิภาคเลยครับ    จะสามารถขับเคลื่อนโครงการนิคมอุตสาหกรรมต่อเรือครบวงจรได้ทันที

 

 

 

 

    

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 22/01/2009 12:36:22


ความคิดเห็นที่ 14


 

   ด้วยการฉวยจังหวะทางการเมืองของทาทากรุ๊ป  ทำให้ทาทามอเตอร์จึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะเปิดตลาดรถยนต์ในเมืองไทยและมีแผนจะเปิดตัวทาทานาโน  ซุ่งเป็นรถอีโคคาร์และจะสามารถถล่มตลาดรถญี่ปุ่นได้อย่างหนักหน่วงด้วยนโยบายราคา    เพราะแหล่งเหล็กดิบที่ป้อนให้โรงงานผลิตรถของทาทากรุ๊ปในประเทศไทยก็คือ ทาทาสตีลประเทศไทย ครับ

   ส่วนทางญี่ปุ่นจะเป็นหุ้นส่วนกับทางสหวิริยาแน่นอนครับ(หวยล๊อกแน่ๆ)     และทางอตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นจะได้สหวิริยานี่แหล่ะครับที่ป้อนเหล็กดิบต้นทุนต่ำแก่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งหมดของตนในประเทศไทยและอาเซียน   

    นอกจากนี้สมัยยุคทักกี้ทางจีนได้เสนอขอลงทุนโรงงานถลุงเหล็กในไทยด้วยแต่โดนเกมส์การเมืองจากทางฝั่งสหวิริยาตีกันจนทางจีนไม่ผ่าน BOI  

    มาถึงวันนี้ทราบแล้วครับว่าจีนทำไมต้องลงทุนโรงงานถลุงเหล็กในไทย   เพราะตอนนี้จีนกำลังตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในลาวโดยใช้สิทธิพิเศษของอาเซียนในการเจาะตลาดอาเซียนทั้งหมด   โดยเน้นที่รถอีโคคาร์ก่อน   รถยอดนิยมในลาวที่มาจากจีนจะชื่อ  เชอร์รี่    ราคาไม่ถึง 200,000 บาทและมีความประหยัดน้ำมันสูงมากคือ 45 - 50 กิโลต่อลิตรเท่านั้น    ตลาดที่จีนมองจริงๆคือ ไทยและเวียตนาม   

   จะเห็นว่าการครองตลาดยานยนต์ของญี่ปุ่นในไทยไม่ได้มั่นคงอีกต่อไปแล้วครับ    คู่แข่งคือ อินเดียและจีนกำลังจะมาเจาะตลาดนี้    โดยมีอุตสาหกรรมถลุงเหล็กเป็นพื้นฐาน     ดังนั้นญี่ปุ่นจึงบีบเราเรื่องรถอีโคคาร์ไงครับ     เพราะช้าต่อไปไม่ได้แล้ว     ตลาดรถยนต์ในภูมิภาคนี้คงจะดุเดือดสุดๆแน่ในอีก 10 ปี ข้างหน้า  หุหุหุ   ผู้บริโภคได้ประโยชน์สักทีให้ญี่ปุ่นและรถยุโรปมาขุดรีดนับสิบๆปีแล้ว     

    แล้วบริษัทโปรตอนของมาเลย์จะรอดหรือครับ    เพราะตอนนี้โปรตอนพยายามเจาะรถอีโคคาร์ในภูมิภาคนี้อยู่   

 

 

 

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 22/01/2009 12:53:46


ความคิดเห็นที่ 15


 

  ได้ข่าวว่าจีนพยายามจะลงโรงงานถลุงเหล็กในเวียตนามอยู่ครับ   เพื่อบริษัทยานยนต์ของตนเองจะได้รับการสนับสนุนเหล็กราคาถูกจากทางเวียตนามในการต่อสู้กับอินเดียและญี่ปุ่น

 

 

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 22/01/2009 12:57:00


ความคิดเห็นที่ 16


 

   ญี่ปุ่นเองมองข้ามช๊อตไปถึงอุตสาหกรรมผลิตเครื่องบินเรียบร้อยแล้วครับ    

    ทราบหรือไม่ครับว่าโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สามารถปรับกระบวนการผลิตไปผลิตชื้นส่วนอากาศยานได้ไม่ยากนัก    และบริษัทผลิตชิ้นส่วยยานยนต์ทั้งหมดในประเทศเรานั้น   ญี่ปุ่นยึดครองหรือไม่ก็ถือครองหุ้นเพื่อเป็นหุ้นส่วนอยู่(จริงๆคือบีบไม่ให้นอกใจ)    

     วัตถุดิบสำคัญของเครื่องบิน คือ อลูมิเนี่ยมและไททาเนี่ยม  

ปัจจุบันเรามีโรงงานถลุงอลูมิเนี่ยมแล้วมาหลายปี   โดยบริษัทญี่ปุ่นอีกน่ะแหล่ะที่ลงทุน   ใช้แก๊สในการถลุง   มีราคาถูกกว่าซื้อจากต่างประเทศมากครับ    จะขาดก็แต่โรงงานถลุงไททาเนี่ยมนี่แหล่ะครับ    ถ้ามีครบก็พร้อมแล้วที่เราจะเป็นแหล่งผลิตอากาศยานใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเอเซียเลยครับ    แต่บริษัทที่ทำทุกขั้นตอนนั้นไม่ใช่ของคนไทย!   (น่าเศร้าชมัด)   คาดว่าญี่ปุ่นจะสามารถครองตลาดการผลิตเครื่องบินในภูมิภาคนี้แน่ๆครับ    โดยใช้เราเป็นฐานการผลิต

 Honda jet แสดงเจตจำนงค์ที่จะมาลงทุนในไทยแล้วครับ       ได้ยินว่าทางโตโยต้าเองก็กำลังจะเดินเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้ตาม Honda    แน่นอนครับว่าถ้าโตโยต้าลุยด้วยก็คงจะลงฐานการผลิตที่ไทยนี่แหล่ะครับ    

 

  แล้ว TAI เอาไปไว้ไหนหวา....................

 

    สนามบินหนองงูเห่าเมื่อครบ 4 เฟสจะมีผู้โดยสารกว่า 100 ล้านคน   มีเครื่องบินลงจอดเกือบ 2 ล้านเครื่อง    แค่ต้องตรวจเครื่องตามวงรอบแต่ละขั้นตอน   ผมว่าน่าจะมีเครื่องบินนับพันเครื่องแน่ที่จะต้องมาซ่อมทำที่นี่     เพราะได้ข่าวว่าทางการบินไทยเตรียมจะลงทุนทำให้ดอนเมืองการเป็นแหล่งซ่อมเครื่องบินพานิชย์ที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในเอเซียเลยครับ    แบบว่าสามารถซ่อมเครื่องระดับ A380 ได้ถึงระดับ overhull และมีโรงซ่อมขนาดยักษ์ 7 โรงทีเดียว   

   ในยุคทักกี้ผมได้ยินว่ามีการติดต่อกับบริษัทผลิตเครื่องยนต์เครื่องบินของอเมริกา  คือ GE  เพื่อป้อนตลาดเครื่องบินพานิชย์     ถ้าโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนต่อเนื่องต่อไปนะครับ    ประเทศเราจะมีการผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินครบวงจรเลยทีเดียว 

   รับประกันครับว่าอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องบินของเกาหลีใต้ชิดซ้ายแน่ๆครับถ้าเดินได้ครบเครื่องจริงๆ    แต่น่าเศร้าที่ว่า  กว่าครึ่งมันไม่ใช่ของคนไทย! 

 

        ขอโทษครับที่มีการพาดพิงเรื่องการเมืองนิดนึง   เพราะมันเข้ามาเกี่ยวในระบบธุรกิจอย่างไม่อาจที่ผมจะไม่เล่าย้อนหลังได้ครับ   

 

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 22/01/2009 13:14:01


ความคิดเห็นที่ 17


 

    ถ้าวัดศักยภาพในอนาคตเรื่องอุตสาหกรรมผลิตเครื่องบินแล้ว   วันข้างหน้าศักยภาพของเรา (จริงมันเป็นของญี่ปุ่นเกือบ 100%)   จะอยู่ในระดับแนวหน้าของโลกชาติหนึ่งได้เลยครับ     แต่เอ๋......มันน่าภูมใจไหมหว่า.........

     แล้ว  TAI   จะไปอยู่ตรงไหนของตลาดนี้เอ่ย     หรือต้องรับซ่อมเครื่องบินไปตลอดชาติ    แบบว่าทำได้แค่เป็นอู่ซ่อม   แบบอุตสาหกรรมยานยนต์ที่แสนภาคภูมิใจว่าเราอยู่ในอันดับที่ 19 - 20 ของโลก    แต่จริงๆเจ้าของเป็นญี่ปุ่น   เงินญี่ปุ่น    โดยญี่ปุ่น   และเพื่อญี่ปุ่น    ส่วนคนไทยทำได้แค่ซ่อมรถญี่ปุ่น!       

 

 

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 22/01/2009 13:25:44


ความคิดเห็นที่ 18


 

  สุดท้ายนี้   เดาได้เลยว่าโรงงานถลุงผลิตไททาเนี่ยมแห่งแรกของไทยก็สร้างโดยบริษัทญี่ปุ่น!

 

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 22/01/2009 13:28:31


ความคิดเห็นที่ 19


นั่นสิครับคุณ neo ผมยังไม่เห็นเลยว่า จะมีบริษัทคนไทยสักราย คนไทยมีแต่ได้เศษเงินที่เขาโยนมาให้อะ

หรือถ้ามีบริษัทคนไทย ก็เป็น Monopoly ไม่กี่ราย เท่านั้นเอง

โดยคุณ lordsri เมื่อวันที่ 22/01/2009 23:54:34


ความคิดเห็นที่ 20


ที่คุณ Ecrison บอกมาเรื่องที่ดินนี่ก็น่าสนใจครับ ประเด็นมีอยู่ว่า รัฐชอบละเลย หรือ แอบหลับตาเสียหนึ่งข้างประจำ

ยังคิดไม่ออกเลยว่า อนาคตปัญหาที่ดิน และ ปัญหาป่าไม้จะเป็นอย่างไร เพราะ คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่มีจิตสำนึกรักชาติกันอย่างจริงจัง มีเท่าไรก็ขายหมด

แต่จะว่าไปก็น่าเห็นใจอยู่เหมือนกัน เมื่อยังต้องกินต้องใช้ ก็คงจะต้องสนใจแต่เรื่องปัจจุบัน เรื่องอนาคตไว้ไปว่ากันรุ่นต่อไป

แล้วประเทศเรา จะเหมือนกับ เซี่ยงไฮ้ ยุค สงครามโลกครั้งที่ 2 ไหมหนอ

โดยคุณ lordsri เมื่อวันที่ 22/01/2009 23:57:55