ผมก็คิดว่า BTR-3E1 ครับ...
เพราะ ทบ. มี V-150 นย. ก็มี
ทบ.มี T-69 นย. ก็ยืมใช้
และตามความเห็น ที่เหมือนกันครับ คือ ราคาถูก เป็น รถแบบเดียวกัน สามารถสับเปลี่ยนกันได้....
และอีกข้อหนึ่ง ในภาระกิจ ร่วม ระหว่าง ทบ. กับ ทร. ในการขนย้าย กำลังพล และยุทโธปกรณ์ ของ ทบ.
การที่ นย. มีรถรบ แบบ และ รุ่น เดียวกับ ทบ. ในแง่ เทคนิคการเคลื่อนย้าย การคำนวณบรรจุลงเรือ จะไม่มีปัญหากับ ทร. ในอนาคต กรณีเกิดสงครามเต็มรูปแบบ และต้องขนเคลื่อนย้าย รถรบ สนับสนุนของ ทบ. ทางเรือ...ก็จะทำได้ สะดวก เช่นเดียวกับ การเคลื่อนย้าย รถรบ ของ นย. เพราะเป็น แบบ และ รุ่น ที่เหมือนกัน...
คำตอบมีอยู่แล้วครับท่าน Ronin ในเมื่อทบ. ถอย BTR-3 มาแล้ว นย.คงต้องตามน้ำไปละครับ แต่เท่าที่ดูใน...................
กองทัพเรือประกาศคัดเลือกแบบยุทโธปกรณ์หลัก |
1. ประกาศคณะกรรมการคัดเลือกแบบสำหรับโครงการจัดหายานเกราะล้อยาง ๑/๒๕๕๑ **** นย.จะจัดหาแค่ 12 คันเท่านั้น ผมว่าน้อยมากน่ะครับ 12 คันวางกำลังรักษาสนามบินอู่ตะเภาก็ไม่น่าจะพอแล้ว............หวังว่า คงจะเป็นการจัดหา 12 คัน ต่อ ปีน่ะครับ อย่างน้อยผมว่า นย. ควรจัดหาขั้นต่ำ 1 กองพัน ครับ |
......ตามน้ำด้วยอีกคนน่ะครับ บีทีอาร์-3อี1 มานอนแน่ล่ะครับ อย่างน้อยๆก็คงจะประหยัดงบประมาณสนับสนุนได้อีกมาก ยกเว้นแต่ ท.บ.เลือก บีทีอาร์-80 หรือ 90 นั้นก็คงจะเลือกเหมือนๆกัน ของรัสเซียก็คือๆที่ว่าเป็นต้นตำหรับแถมรถใหม่ผู้ใช้เยอะ และปรับปรุงติดอาวุธได้อีกบาน อาจจะติดเรื่องระบบกระสุนที่ใช้ร่วมกันน่ะครับ ส่วนราคาก็แพงกว่าแต่คงถูกกว่านาโต้อ่ะนะ
....แต่จะรถอะไรก็ช่างเถอะ ผมไม่อยากใหเป็นเพียงรถหุ้มเกราะติดป้อมปืนกล.50หรือ 23-30 อย่างเดียว มีจรวดต่อสู้รถถังมาด้วยก็จะดีน่ะครับ ไว้เพิ่มอำนาจเชิงรุกและป้องกันตนเอง แต่อย่างที่พี่สมาชิคบอกไว้ข้างต้น คือ ของมันใหม่ อาจจะต่างคนต่างจัดหาก็เป็นได้
...แต่ต้องรอดูกันต่อไป
ใจจริงแล้วเชียร์ BTR-90 ครับ แต่ก็ด้วยเหตุผลที่หลายๆท่านได้กล่าวมาแล้ว งานนี้ BTR-3E1 มาแน่นอน คอนเฟิร์ม
วี-150 มีสมรรถนะโดยรวมดีอยู่แล้ว ถ้าซ่อมทำปรับปรุงให้ดีขึ้นน่าคุ้มค่าในเรื่องของเครื่องยนต์ ชุดขับเคลื่อน เกราะป้องกัน ระบบสื่อสาร และอำนาจการยิง ซึ่งเป็นการส่งเสริมการพึ่งพาตนเองและประหยัดงบฯ รถเกราะเป็นเทคโนโลยีกลางๆที่อุตสาหกรรมไทยทำได้เอง ถ้าไม่ได้ชนแรงๆหรือตัวถังผุหนักๆนี่โครงรถมันแทบไม่มีข้อจำกัดเรื่องอายุ ดูอย่างอิสราเอล ใช้งานรถถังเซนจูเรี่ยนมาเกือบ60ปี เอาโครงรถถังที-54/55มาปรับเป็นยานเกราะหนัก
โหหวยล็อคแฮะ BRT-3E มาโลด
ในใจผมคิดว่าของ รัสเซีย เข้าป้าย
- ถ้าเลือกที่ราคา น.ย. ไม่รอมาถึงตอนนี้หรอก
- น.ย.มักไม่ค่อยเลือกของราคาถูกให้ถูกด่า คนซื้อไม่ได้ใช้ คนออกไปเสี่ยงตายวัดดวงเอา
ในรูป
BTR-90 with a 100 mm gun
มาลงชื่อไว้เพื่อความเป็นศิริมงคล อิ อิ
ถ้าผมทำงาน นย.และเป็นกรรมการ
ผู้ที่นำไปใช้คือผู้เสี่ยงภัย แพงหน่อย แต่ดี ทยอยซื้อ ให้ทหารหาร ที่ใช้อุ่นใจ ปรับปรุงอัพเกรดในอนาคตได้ดีกว่า
ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องซื้อของถูก ขึ้นกับหน่วยงานที่ใช้
ทรรศนคติ ที่รองรับในเทคโนใหม่ๆที่จะเข้ามาเป็นตัวเสริม
ถึงแพงแต่ถ้ารองรับอนาคตได้ ซื้อ BTR-90 เถอะครับ
ซื้อของถ้าไม่มองระยะยาว ก็เหมือนซื้อรถถังจากจีนชุดนั้นครับ
BTR-90 SWIMได้ 9KM/H มันเป็นภาระกิจตรงกับ น.ย ใช่หรือเปล่าครับ และ SPEED 100 KM/H เรื่องที่ต้องใช้ความเหนือกว่าของเครื่องยนตร์ ก็เป็นเหตุผลที่เหมาะสมในสนามรบ
ที่ได้เปรียบเครื่องยนตร์ BTR-3
ยกตัวอย่าง พลขับเก่ง แต่ SPEED ไม่ได้ ในพื้นที่ลาดชัน ต้องใช้สมรรถนะเครื่องยนตร์ล้วนๆครับ ความเห็นส่วนตัวเด้อครับเด้อ.....
ไม่ได้มาเชียร์ ถ้ามีแค่สองรุ้นนี้ ผมว่าBTR-90 มาครับ โครงการของทบ.ต้องการจำนวนและอาวุธที่ติดมาให้ ของ นย.ถ้าจะเอาแค่12คัน หวยออกที่BTR-90แน่นอน และที่สำคัญโครงการของ ทบ.ได้มาไม่สวย....
บทเรียนจากการซื้อของจากประเทศยูเครนมีดังนี้
1.ปากีสถานซื้อt80จากยูเครน ต่อมาใช้แล้วไม่ได้ตามมาตรฐานและขาดอะไหล่ จึงได้ไปซื้อจากรัสเซียที่เป็นต้นกำเนิดและยังใช้t80อยู่ แต่รัสเซียไม่ขายให้และให้ไปซื้อที่ยูเครนเอง(คงโกรธที่ยูเครนไม่ซื้อt80จากรัสเซีย แต่ไปซื้อของยูเครนแทน) ปากีสถานจึงยังคงใช้t80ส่วนที่เหลืออยู่ต่อไป
2.ยูเออีซื้อbtr3จากยูเครน แต่ภายหลังยกเลิกยอดที่สั่งซื้อทั้งหมด เพราะbtr3มีปัญหาในการใช้และการซ่อมบำรุง ภายหลังโอนให้อิรักไปใช้แทน(คาดว่าอิรักคงมีปัญหาเดียวกับยูเออีแน่)(ส่วนรายละเอียดเพิ่มเต็มของเรื่องนี้ไปดูจากกระทู้เก่าๆในเว็บนี้ได้)
นาวิกโยธินน่าจะเอาbtr90มากกว่าbtr3แน่(เพราะ btr3มีชื่อเสียมากกว่าชื่อเสียงไปทั่วแล้ว) เพราะนาวิกโยธินเอาของดีราคาแพงมากกว่าของพอใช้ได้ราคาถูกอยู่แล้ว ไม่งั้นนาวิกโยธินคงเอาm113หรือltva5มาทำรถสายพานลำเลียงสะเทินน้ำสะเทินบกแทนltva7 หรือจะเอาปืนใหญ่m198มาแทนgc45แน่
ผมเองก็คิดเหมือนหลายๆ ท่านครับคืออยากได้ BTR-3E1 ให้เหมือนทบ.เพื่อลดหลายๆ ปัญหาแต่ก็เสียดาย BTR-90 ดูข้อมูลเปรียบเทียบสองยี่ห้อจากวิกิให้ไว้โดยท่านน่าคิด พบว่า 90 ใหญ่กว่านิดหน่อยแต่ก็ถือว่าบัง 3E1 ได้มิด
วัดกันในแง่กำลังต่อน้ำหนักคือ 18.18 kW/t (24.4 hp/t) และ 19.4 kW/t สำหรับ 90 และ 3E1 ตามลำดับ สรุปว่า 3E1 ชนะเล็กน้อย อาจกล่าวได้ว่า 3E1 คล่องกว่าถึงแม้ 90 จะกำลังเยอะกว่าแต่ก็ไม่ได้เปรียบเนื่องจากหนักกว่า การเอาตัวรอดในสนามรบน่าจะดีกว่า จะกล่าวว่าผิวของ 90 หนากว่าก็ไม่ได้เนื่องจากน้ำหนักส่วนที่แตกต่างก็เอาไปชดเชยขนาดที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง ความเร็วบนบกและระยะทำการ 90 กินขาด ต้องทำใจเรื่องกินน้ำมันซึ่งต้องกินมากกว่า 3E1 อย่างแน่นอน (แต่ไม่เป็นไรคิดว่าทั้งสองน่าจะใช้ไบโอดีเซลบี 5 หรือน้ำมันม่วงบ้านเราได้ ประหยัดกว่าตั้ง 1.5 บาท/ลิตร แน่ะ...555) ส่วนความเร็วในน้ำของ 90 ได้ 9 กม./ชม. ส่วน 3E1 ไม่ได้บอกไว้แต่คงไม่หนีกันเท่าไหร่ทั้งนี้และทั้งนั้นทั้งคู่ก็วิ่งในน้ำได้ไม่เร็วเท่า AAV-7 ซึ่งเป็นยานที่ออกแบบมาสำหรับยกพลขึ้นบกโดยเฉพาะของนย. (http://www.fas.org/man/dod-101/sys/land/aavp7a1.htm) ซึ่งมีความเร็วสูงสุดในน้ำได้ 8.2 MPH หรือเท่ากับ 13.12 กม./ชม.
คราวนี้ต้องมาดูที่ภาระกิจละครับ ว่านย.จะเอายานเกราะนี้ไปทำอะไร จะเอาไปช่วย AAV-7 ขนทหารขึ้นบกหรือว่ารักษาสนามบินอุ่ตะเภา แบบที่ทอ.ใช้กับ Condor ถ้าขนทหารขึ้นบกให้เยอะที่สุดภายในเวลาเท่ากันต้องเป็น 90 (มากกว่า 1 คน) ถ้าเอามาลาดตระเวณสนามบินโดยไม่ต้องการระยะทำการมากนัก คล่องกว่านิดหน่อย กินน้ำมันน้อยกว่าเพราะแรงน้อยและเบากว่า ในระยะยาวจะประหยัดก็ต้อง 3E1 การบริการหลังการขายคงไม่หนีกันเท่าไหร่เพราะเป็นครั้งแรกที่เราจะได้ใช้ยานเกราะจากสองค่ายนี้
สุดท้ายก็ต้องมาลงเอยที่ความพอใจและ....เหมือนโตโยต้าวีโก้กับอีซูสุดีแมกซ์ละครับ สุดยอดดีเซลคอมมอนเรล โค-ตะ-ระ-ประหยัดทั้งคู่แต่อย่าเหยียบเกินร้อยยี่สิบ.....ใครชอบแบบใหน....ส่วนผมชอบ 3E1 ตามทบ.ปลอดภัยไว้ก่อนเผื่อจะขอหยิบยืมกรองน้ำมันเครื่อง กรองอากาศ สายพานพัดลม ลูกปืนล้อ และจิปาถะหลายๆอย่าง แต่แหม...ก็ยังเสียดาย 90 เน๊าะ ดูมันจะหล่อกว่ายังไงๆ ไม่รู้
.............เพิ่มเติมจากท่านโต้งว่า ของดีไม่จำเป็นต้องแพง แต่ของแพงมักจะดี ซึ่ง 3E1 อาจจัดอยู่ในของดีไม่แพงก็ได้...........ขอบคุณครับ
ยังไม่รวม การติดตั้งอาวุธเสริม หรือตอบสนองภาระกิจอื่นที่ไม่ใช่อู่ตะเภาครับ คุณเถิดเกียรติ์
และน้ำหนักที่กดทับต่อแรงม้า ก็ยังไม่รวมสมรรถนะเครื่องยนตร์นะครับ
เครื่องยนตร์ได้เปรียบ ก็ยังไม่รวมพลขับเก่งๆ หันกลับมาสอยคนวิ่งไล่ได้นะครับ แบกน้ำหนัก 100 mm. ได้นี่ก็ได้เปรียบแล้วครับ ในเรื่องอำนาจการยิงครับ ลองเปรียบเทียบเผื่ออนาคตด้วยครับ จะเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ
ใครต่อใครก็คิดเหมือนกันหมดว่า
ใช้แบบเดียวกับ ทบ. อะไหล่ยืมกันได้
แต่ลืมความจริงอีกแล้ว ความจริงที่ไม่ใช่ความฝันที่ว่า
กองทัพไทย จนตายห.... เลย (เติมคำในช่องว่างเอาเอง) ขนาดจะหาอะไหล่มาซ่อมของเดิมยังไม่มีเลย...จะยืมอะไหล่กัน เหอ...เหอ...เหอ....
ผมพลาดอย่างน่าเขกกระโหลกครับคุณติ๊ก.....ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมอัตรากำลังต่อนน.ของ BTR-90 น้อยกว่า BTR-3E1 แต่วิ่งได้เร็วกว่ามันไม่มีเหตุผลเลย ปรากฏว่าหน่วยของกำลังต่อนน.ของ 3E1 ผมผิดครับ แทนที่จะเป็น kW/t จริงแล้วคือ hp/t ซึ่งกลายเป็นว่า 90 มากกว่า ด้วยราคา 24.4 : 19.9 เหนือกว่าตั้ง 23 เปอร์เซนต์ จึงไม่แปลกว่าทำไม 90 จึงวิ่งไวกว่า 3E1 ก็เพราะมีอัตรากำลังต่อนน.มากกว่า (กำลังต่อภาระหรือนน.สามารถพูดรวมๆ ได้ว่าคือสมรรถนะนั่นเอง)
แน่นอนครับว่า BTR-90 สามารถบรรทุกอาวุธหนักได้มากกว่าเนื่องจากสมรรถนะเหนือกว่าจากตัวเลขดังกล่าว เหมือนรถสิบล้อบรรทุกได้มากกว่ารถกระบะหกล้อ...จึงต้องมาดูว่าจะติดอาวุธอะไรเป็นหลัก
ถ้าหวยออกมาเป็น 3E1 อย่างที่คิดกันจริงๆ ผมเองก็ยังเสียดาย 90 เนื่องจากมันหล่อกว่านั่นเอง
แบบหนึ่งมีเกราะกันกระสุน 12.7 มม. ได้รอบคัน ด้านหน้าสามารถกันกระสุน 20 มม. ที่ยิงจากระยะ 1000 เมตร กับอีก 1 แบบ เกราะกันกระสุนได้ 7.62 มม. เท่านั้น ส่วนที่จะกันกระสุน 12.7 มม. ต้องติดตั้งแนเซรามิคเพิ่ม......ติดเพิ่มก็หมายถึง เสียเงินครับ...............คิดไกลๆ มองไกลๆ การค้า การเมือง การต่างประเทศ ผลประโยชน์ในอนาคต การสนับสนุนด้านส่งกำลังบำรุง รัสเซียเหมาะสมกว่า .......ตัวอย่างเร็วๆนี้ รัสเซียปิดท่อก๊าช ยูเครนจบแล้ว
เรื่องใช้อะไหล่ร่วมกับ ทบ. ยังไงก็ทำได้ยากครับ จัดซื้อจัดจ้างแยก
กันอยู่แล้ว ซ่อมซื้ออะไหล่ก็ต้องประกวดราคา ใครอยู่งานด้านนี้จะรู้ดี
ควรให้ นย. เลือกตามความต้องการและคุณภาพจะดีกว่าครับ
ส่วนตัวมั่นใจคุณภาพ BTR-90 มากกว่าเพราะได้ติดตามมาตั้งแต่
ทดสอบรถหุ้มเกราะทั้ง9แบบของ ทบ. ส่วนซ่อมบำรุงเราคงไม่แพ้
เขมรมั้งเค้ายังซื้อมาใช้ตั้งมากมาย