สวัสดีครับ ผมตามสิงอยู่บอร์ดแห่งนี้เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วครับ เผอิญ วันนี้ผมได้ฟังเพื่อนชาวต่างชาติคนหนึ่ง (เค้าเป็นคนอินเดียครับ) พรีเซ้นงานเกี่ยวกับคลองไทยขึ้นมา เค้าพูดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของคลองไทยกับสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทยครับ ฟังดุเค้าจะจริงจังมากเลย... ผมเลยคิดว่า นี่ขนาดคนต่างชาติเค้ารู้ดีเกี่ยวกับคลองไทยขนาดนี้แล้วหรือ? มันก็เลยมาสะกิตต่อมความอยากรู้ขึ้นมากอะครับ เลยอยากจะมาถามความคิดเห็นจากเพื่อนๆพี่ๆในบอร์ดดูครับ
1. เป็นไปได้ไหมครับ ที่จะใช้ Mega Project ระดับคลองไทย กระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เพิ่มการจ้างงาน และ เพิ่มเงินหมุนเวียนภายในประเทศ? (ผมไม่ค่อยมีความรู้ในด้านเศรษฐศาสตร์น่ะครับ คำถามอาจแปลกๆ)
2. ถ้าหากมีวันหนึ่งที่คลองไทยเกิดขึ้นมาจริง โดยที่ไม่มีการล๊อบบี้อะไรจากประเทศผู้เสียผลประโยชน์ (ถ้าสมมุติ นักการเมืองสมัยนั้นสะอาดกันหมด...-*-) เพื่อนๆพี่ๆคิดว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับ เพื่อนบ้านทางใต้ที่เสียผลประโยชน์จะเป็นเช่นไรครับ? ทั้งด้าน เศรษฐกิจ, การเมือง และ การทหาร ?
สุดท้ายขอพูดตรงๆเลยนะครับ ผมก็เป็นคนไทยคนหนึ่งล่ะครับที่อยากจะเห็นคลองไทยเกิดขึ้นมาจริงๆ เพราะเชื่อว่าโครงการนี้จะทำให้ลูกหลานเรามีงานทำ ยั่งยืน เป็นบ่อทองย่อมๆเลยละครับ
ผิดพลาดยังไงก็ขออภัยด้วยนะครับ ^^
ในฐานะที่ผมเคยเรียนเศรษฐศาสตร์มาในระดับปใทและสนใจเรื่องคลองกระมานานก็จะขอตอบซ้ำอีกเป็นครั้งที่ 3 หรือ 4 อีกรอบละกันครับ
1. เป็นไปได้ไหมครับ ที่จะใช้ Mega Project ระดับคลองไทย กระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เพิ่มการจ้างงาน และ เพิ่มเงินหมุนเวียนภายในประเทศ? (ผมไม่ค่อยมีความรู้ในด้านเศรษฐศาสตร์น่ะครับ คำถามอาจแปลกๆ)
ญี่ปุ่นเคยพยากรไว้ว่าถ้ามีการขุดครองกระแล้วจะสามารถทำให้ไทยมีขนาดเศรษบกิจใหญ่กว่าตอนนี้หลายเท่า รายได้ไม่ใช่มาจากแค่ค่าผ่านคลองที่เก็บจากเรือที่ผ่านเท่านั้น(ส่วนนี้จิ๊บๆ) รายได้จริงๆมาจากโอกาสที่เราเป็นศูนย์กลางการเดินเรือครับ เพราะจะต้อง
- มีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มาก(ใหญ่กว่าภาคตะวันออก)ขึ้นทั้งสองฝากฝั่งคลอง นิคมอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ (ต่อจากที่เรากำลังเป็นศูนย์กลางการบินที่ต้องมีเครื่องบินผ่าน 2 ล้านเที่ยวบินต่อปีเมื่อครบทั้ง 4 เฟส หรือมีผู้โดยสารผ่านเข้าออกกว่า 100 ล้านคนต่อปี ซึ่งต้องมีอู่ซ่อมเครื่องบินขนาดใหญ่ ซึ่งการบินไทยกำลังจะจัดสร้างดอนเมืองให้เป็นอู่ซ่อมที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในอาเซียนและทันสมัยแห่งหนึ่งในเอเซีย แค่เครื่องบินที่ต้องมาซ่อมที่เราเผลอๆปีหนึ่งอาจจะเป็นพันเครื่อง และถ้าจะจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมผลิตเครื่องบินแล้วล่ะก็ ประเทศเราก็จะกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตเครื่องบินและเครื่องยนต์เครื่องบินในเอเซียจ้าวหนึ่งเลยที่เดียว เอาง่ายๆได้ข่าวว่า Honda jet สนใจที่จะตั้งศูนย์การผลิตเครื่องเจ็ตพานิชย์ขึ้นที่นี่ครับ เครื่องไซด์เดียวกับตระกูลฟีนอม100ของเอ็มบราเออร์ เห็นว่ากำลังการผลิต 5000 เครื่องภายใน 5 หรือ 10 ปี ผมจำได้ แต่การเมืองเราต้อง OK ก่อนนะครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นรัฐบาลทุกรัฐบาลต้องจริงจังกับเรื่องนี้จริงๆ) เอาง่ายๆต้องมีเรือนับแสนผ่านคลองกระ อู่ซ่อมที่สร้างใหม่งานล้านมือ และอู่สร้างจะได้เปรียบเรื่องต้นทุนการผลิตเพราะเราถลุงเหล็กได้เองแล้ว ค่าใช้จ่ายในการถลุงต่ำเพราะแหล่งแร่เหล็กก็อยู่ไม่ไกล มีโรงงานถลุงอูมิเนียมแล้ว ค่าแรงต่ำกว่า ตำแหน่งลอจิสติคก็ดีกว่า เฉพาะส่วนงานนิคมอุตสาหกรรมต่อเรือคงจะสามารถสร้างงานได้นับล้านตำแหน่งและรายได้ให้แก่ประเทศมหาศาล ผมว่าสามารถแข่งกับจีนและเกาหลีใต้ได้แน่นอน แต่ก็อย่างว่า "รัฐบาลทุกรัฐบาลต้องจริงจังเรื่องนี้"
- ต้องมีการสร้างมหานครที่มีประชากรเป็นสิบล้านคนขึ้นที่ปากคลองกระทั้งสองข้าง เอาง่ายๆนึกภาพว่ามี กทม. ขึ้นสองฝากฝั่งสิครับ GDP ของกทม.และปริมณฑลก็มีขนาด 20 -30 % ของGDP ประเทศเราทั้งหมดแล้ว 2 เมืองก็มี GDP ราวๆ 50% ของประเทศ ภาคอสังหาริมทรัพย์จะต้องเติบโตแบบก้าวกระโดด ต้องใช้อิฐหินปูนทราบ เหล็ก ปริมาณมหาศาลต่อเนื่องนับเป็นสิบๆปี อาจจะต้องใช้เวลากว่า 50 ปีในการส้างมหานครขึ้นที่นี่ก็ได้ โรงงานอุตสาหกรรมทั้งหมดที่มีในประเทศก็แทบไม่ต้องส่งออกสินค้าแล้วล่ะครับ แค่ป้อนสินค้าเข้าสู่เขตนิคมอุตสาหกรรมและมหานครก็พอแล้ว
- ต้องมีนิคมอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก เพราะมาถึงขนาดนี้แล้วรับรองว่าเมืองไทยมีมหานครขนาดบิ๊กก็ต้อง 3 เมืองล่ะ อาจจะถึง 5-6 เมือง ถ้านับรวมเชียงใหม่ โคราช นคร ชลบุรี(พัทยา) แค่ผู้บริโภคภายในประเทศก็ทำให้โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมีสเกลมากพอแล้วล่ะครับ ด้วยตำแหน่งโลจิสติคที่ดีมากื้งทางเรือและทางอากาศ รวมทั้งทางบกด้วย เราสามารถกลายเป็นชาติส่งออกยักษ์ใหญ่ได้ชาติหนึ่งในเอเซียได้ รายได้จากการส่งออกปัจจุบันบูมเพราะนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก ยังสามารถพลักดันประเทเราก้าวมาขนาดนนี้ได้ ถ้ามีนิคมอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกขนาดมหึมาที่คลองกระล่ะครับ จะขนาดไหน
2. ถ้าหากมีวันหนึ่งที่คลองไทยเกิดขึ้นมาจริง โดยที่ไม่มีการล๊อบบี้อะไรจากประเทศผู้เสียผลประโยชน์ (ถ้าสมมุติ นักการเมืองสมัยนั้นสะอาดกันหมด...-*-) เพื่อนๆพี่ๆคิดว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับ เพื่อนบ้านทางใต้ที่เสียผลประโยชน์จะเป็นเช่นไรครับ? ทั้งด้าน เศรษฐกิจ, การเมือง และ การทหาร ?
แก้ได้ง่ายมากครับ กรณีสิงคโปร์ ก็ให้ประเทศนั้นได้สัมปะทานเพียงส่วนหนึ่งของนิคมอุตสาหกรรมที่คลองกระสิครับ เอาแค่สัก 10-20% ของพื้นที่นิคมทั้งหมด สิงคโปร์มันก็เนื้อเต้นแล้วล่ะครับ ให้มันออกตังค์ในการพัฒนานิคอุตสาหกรรม อาจลงทุนแบบเทรินคีย์เอาก็ได้ อาจให้มันสัก 20-30 ปี แล้วมีข้อตกลงอาจต่อสัญญาอีก 20 ปีเพิ่มในภายหลัง(แต่ขูดรีดมันให้แสบสุดๆไปเลย) ปริมาณตลาดภายในอย่างเดียวสิงคโปร์ก็ตาลุกวาวแล้ว
ส่วนมาเลย์นี่ก็ให้สิทธฺพิเศษเรื่องการลงทุนไปแทนก็ได้ครับ แบบว่าให้ BOI ง่านสุดเป็นกรณีพิเศษ และอาจมีข้อตกลงพิเศษในเรื่องระบบพิกัดศุลกากรก็ได้ รับรองว่ามันเต้นดิ๊กๆแน่ เพราะตลาดมีขนาดใหญ่กว่าประเทศมันซะอีก
ในเมื่อประเทศเราคุมหมดทั้งทางบกทางทะเลและทางอากาศ(เส้นทางบกจากท่าเรือดานังไปจรดพม่า คือ ผ่านทางหลวงหมายเลข 9 จากเวียตนามมาตลอดข้ามฝั่งโขงที่สะพานไทย-ลาวแห่งที่สอง ไปออกพม่าที่ด่านอะไรหวาจำไม่ได้ ส่วนจากเหนือจรดใต้ คือ ทางจากยูนานของจีนผ่านลาวเหนือ พม่าในส่วนรัฐฉาน โผล่ที่เชียงราย ไล่มาจนถึงกทม.และนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก) เท่ากับว่าเราควบคุมเส้นทางคมนาคมที่สำคัญของโลกเลยครับ (คลองกระคงสามารถรองรับเรือพานิชย์ผ่านเข้าออกได้ราวๆ 30% ของเรือที่เดินทะเลทั้งหมดทั้งโลก) ทางอากาศ สนามบินหนองงูเหารองรับได้สูงสุด 100 ล้านคนต่อปี ถ้ารวมสนามบินนานาชาติอื่นๆที่สำคัญทั่วประเทศ กว่ากว่า 120 ล้านคนแน่ๆ รับรองว่าจะเป็นจุดศูนย์กลางการบินที่หนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเส้นทางบกก็คงคับคั่งไม่ด้อยกว่ากันแน่ๆ แบบนั้นประเทศเราก็จะมีอิทธิพลทางการเมืองต่อประเทศเพื่อนบ้านและประเทศสำคัญในเอเซียใต้และเอเซียตะวันออกไกล แบบว่าเราปิดเส้นทางทั้งหมด อ๊วกแตกกันเป็นแถบ....... ต่อรองได้สุดๆครับ
สุดท้าย......ผลกระทบทางด้านทางทหาร อันนี้แหล่ะครับทำให้มันไม่ได้เกิดสักทีน่ะคลองกระ ต้องเรียกได้ว่าเป็นคลองมหาอำมตะนิรันด์กาลจริงๆครับ เพราะกว่า 200 ปีขุดไม่ได้ด้วยปัญหานี้มาโดยตลอด
ถ้าจะตัดปัญหาเรื่องการตัดคลองกระได้ เราคงต้องมีกองทัพระดับชาติมหาอำนาจ โดยมีขนาดกองทัพสักครึ่งหนึ่งหรือหนึงในสามของกองทัพอเมริกาล่ะครับ ถึงจะรับประกันได้ว่าเราจะสามารถรักษามันเอาไว้ได้ แต่ถ้าเศรษฐกิจมีขนาดมหาหึมาได้จากผลประโยชน์อันมหาศาลจากคลองกระ ก็คงจะสามารถเลี้ยงดูกองทัพขนาดนั้นได้ครับ
แต่ถามกลับคำถามหนึ่งครับว่า "ใครจะกล้าลงมือทำเรื่องนี้" เพราะผู้นำทางการเมืองหลายคนของเราก็มีอันต้องเป็นไปแทบทุกคนที่จะพยายามขุดคลองต้องสาปนี้
สุดท้ายขอฝากถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมครับ บอกได้ว่าการขุดคลองกระ คงจะตามมาด้วยผลกระทบในด้านสิ่งแวดล้อมมหาศาลในบริเวณนั้นทั้งหมดเลยทีเดียว เป็นค่าชดเชยราคาแพงอันหนึ่งครับ
ประเทศเรานั้นมีทำเลที่เรียกได้ว่าทำเลเพชรครับ ไม่ใช่ทำเลทองเพราะมันกระจอกไป ใครๆก็อิจฉา แต่เสียเรื่องเดียวครับ คนของเราในทุกวงการ(เน้นว่าทุกวงการ) มีคุณภาพต่ำกว่าชาวบ้านเขาครับ
ไอ้ตัวกระผมก็อยากจะภูมิใจสักครั้งก่อนตายว่าได้เกิดมาเป็นคนของประเทศร่ำรวย พัฒนาแล้ว และเป็นชาติมหาอำนาจหน้าใหม่แบบเกาหลีใต้(ถ้าทำได้รับรองรวยกว่ามัน 2-3 เท่าครับ) อยากเห็นทร.มีเรือบรรทุกบ.ขนาดกลางสัก 3 -4 ลำ มีกองเรือฟรีเกต เรือพิฆาตสัก 60 - 70 ลำ เรือดำน้ำสัก 20 -30 ลำ ทอ.มีเครื่องบินรบเฉียดพันแบบทอ.อินเดีย ทบ. มีรถถังสัก 3000 -4000 คัน ยานเกราะ 5000- 6000 คัน ถ้าคลองนี้ถูกขุดและมีการพัฒนาอย่างถูกต้อง เราก็คงได้เห็น แต่อย่างว่าล่ะครับ ใครจะกล้า บางทีหลานผมโตแล้วอาจจะต้องมานั่งเถียงกันแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆครับจนวันสิ้นโลก
ส่วนตัวมีความรู้จำกัดครับเรื่องคลองกระ
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับประเด็นที่สำคัญหลายข้อ เศรษฐกิจทั้งจุลภาคและมหาภาคและระหว่างประเทศ
สังคมและวัฒนธรรม โครงสร้างประชากร การเมืองภายในและระหว่างประเทศ สิ่งแวดล้อม ความมั่นคงและผลประโยชน์ประเทศชาติ
ขอกล่าวถึง
ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ อาจารย์ของผมที่ศึกษาเรื่องนี้ ให้ความเห็นว่า เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีความคุ้มทุนต่ำและเสี่ยงต่อการล้มเหลวสูง
อาจจะนำไปสู่การล้มละลายทางเศรษฐกิจของชาติด้วยซ้ำ ท่านพูดว่า
ประเทศเราควรใช้ความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า
ท่านอธิบายเปรียบเทียบง่ายๆ ว่า เราต้องใช้งบประมาณและเวลาอันมหาศาลกับโครงการเดียว
เราอาจจะมองว่า มันคุ้มค่า เราจะเป็นศูนย์กลางในหลายๆด้าน แต่ด้วยขนาดและมูลค่าทางเศรษฐกิจอันมหาศาล
ประเทศที่ไม่ได้สำคัญมากและยังเปราะบางอย่างไทยเรา สามารถจะจัดการกับรายละเอียดและอุปสรรคหลายๆประเด็นได้หรือไม่
ยกตัวอย่างว่า งบประมาณราวๆ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐกับระยะเวลาโครงการราว 10-15 ปี
แค่งบประมาณบานปลายสัก 3-4 เปอร์เซ็นต์หรือโครงการล่าช้าสัก 2 เดือน
ลองจินตนาการดูครับ ท่านยังกล่าวเสริมว่า ประเทศที่ได้รับผลกระทบอื่นก็มีทรัพยากรเพียงพอที่จัดการกับการแข่งขันนี้
อย่ามองว่าประเทศอื่นหยุดนิ่งนะครับ ประเทศที่พัฒนากว่าเรา มีพลวัติทางเศรษฐกิจที่เร็วกว่าเรา
เขามีปัจจัยภายในที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าเรา สำหรับตัวผมมองว่า
ถึงแม้จะสร้างเสร็จ ถึงเวลานั้น ประเทศคู่ค้าอาจจะเลือกใช้บริการจากประเทศอื่นไปแล้วก็ได้
การดึงดูดนักลงทุนและแผนการตลาดระหว่างประเทศก็เป็นปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งนะครับ
จุดสำคัญคือ แนวคิดพื้นฐานโครงการนี้พึ่งพาผลประโยชน์ต่างๆจากต่างประเทศ หรือถ้าโครงการให้มูลค่าทางเศรษฐกิจทางอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าและบริการระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมอื่น
ทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ แต่ มันก็ต้องมีผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมอื่น เช่น
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว มูลค่าทางเศรษฐกิจส่วนนี้ก็จะสูญเสียไปครับ ไม่มีโครงการใดๆที่ให้ประโยชน์เพียงด้านเดียวครับ
ลองถามใจเราดูจากบทเรียนสนามบินสุวรรณภูมิของเราครับ
ขอบคุณครับ
ผมเคยให้ความเห็นใว้ว่า
เราเป็นประเทศกำลังพัฒนาขั้นกลาง ซึ่งกำลังจะเป็นประเทศกำลังพัฒนาขั้นสูง (GDP
per capita PPP มากกว่า
USD 10,000.-) ในอีกราวๆ
5-10 ปีข้างหน้าครับ ควรมองว่า เราจะวางนโยบายแบบใดเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและปรับตัวอย่างไรในสังคมโลก
จะสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริงมากกว่าครับ ส่วนตัวก็อยากเห็นประเทศเราพัฒนาครับ
อาศัยและเรียนต่างประเทศก็หลายปี เรายังต้องพัฒนาอีกหลายด้านครับ โครงการนี้จะพัฒนาประเทศได้รวดเร็วเป็นไปได้ยากครับ
แค่ช่วงเปลี่ยนถ่ายจากประเทศกำลังพัฒนาขั้นกลางเป็นประเทศกำลังพัฒนาขั้นสูงยังใช้เวลาราวหนึ่งศตวรรษ
การเปลี่ยนถ่ายไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่อยากกล่าวถึงครับ ผิดพลาดประการใดน้อมรับคำติชมครับ
ขอบคุณครับ
นี่ขนาด ดีลแรก 6 ลำ เสี่ยโยยังเขิลสื่อแทบจะย้ายรังหนี ถ้าเป็นร้อยลำเสี่ยไม่หนีไปบวชเลยหรอครับ ^^
ถ้าเป็นไปตามที่ ท่าน neosiamese กล่าวไว้ ผมเชื่อว่ากองทัพระดับนั้นคงไม่ถือว่าเว่อร์เกินความเป็นจริงหรอกครับ อุตสาหกรรมทางทหารของเราคงจะพัฒนาไปเยอะพอสมควรเลยครับ แข่งกับ ST Engineering หรือ KAI ได้สบายๆ
ผมด้วยอีกคนที่อยากเห็น ตอนนี้ก็ศึกษาเรื่องนี้อยู่
ถ้าเกิดขึ้นได้เศรษฐกิจเราจะพัฒนาแบบก้าวกระโดด คอนเฟิมส์
อันดับแรกคือการสร้างงานต่อมาก็ระบบลอจิสติก และก็อื่นๆตามมามากมายมหาศาล
ผมชอบคำพูดของท่าน neosiamese ที่ว่า
คนของเราในทุกวงการ(เน้นว่าทุกวงการ) มีคุณภาพต่ำกว่าชาวบ้านเขาครับ
เสริม ประเทศเราจบก็สูง มหาลัยอย่างดังแต่การทำงานระดับกระจอกไม่ได้เรื่อง
ดูอย่างประเทศเพื่อนบ้าน จบไม่สูง มหาลัยไม่ดังแต่ทำงานระดับมืออาชีพ งงจริงๆ
ไม่ต้องขุดหรอกครับ
เด๋วน้ำก็ท่วมโลกแล้วล่ะ
ฮ่าๆ
น่านดิครับตามที่คุณ min_linik ว่าอาจไม่ต้องขุดก็ได้เพราะน้ำกำลังท่วมโลก...5555555 แต่ก็เคยดูภาพในพันทิพย์ที่เขาอ้างว่าเอามาจากนาซาทีดร.เมืองไทยมักจะอ้างถึง มันท่วมซะจนภาคใต้กลายเป็นเกาะแก่งไปเลย มาเลย์เซียกลายเป็นหมู่เกาะ ภาคกลางเราหายไปเลย เวียตนามใต้หายไปเกือบหมด เขมรเหลืออยู่หน่อย ถ้ามันเป็นจริงถึงเวลานั้นคงไม่ต้องขุดจริงๆล่ะครับ
ผมเป็นชาวประจวบเกิดและโตที่นี่ขอค้านเต็มกำลังครับ
เมื่อเราเป็นทางลัดระหว่างมหาสมุทรวันหนึ่งเมื่อเกิดสงครามโลกจุดยุทธศาสตร์ที่จะโดนยึดเป็นจุดแรกๆไม่พ้นเราแน่ และอย่าพูดเลยว่ามันจะไม่เกิดเพราะมันล่อกันมาแล้วสองครั้ง
ด้วยความเชื่อ ศาสนา และวัฒนธรรมระหว่างภาคใต้กับตอนบนแล้ววันหนึ่งถ้าเราโดนแทรกแทรงจากพวกนายทุนเราอาจจะมีสภาพไม่ต่างกับเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ และอย่าพูดว่าไม่มีทางเป็นไปได้เพราะแค่โฟนอินอย่างเดียวแดงกับเหลืองก็จะตีกันตายแล้วถ้าทุนต่างชาติที่เงินหนาๆมันจะขนาดไหน
ทางออกที่ดีคือการสร้างท่าเรือขนาดใหญ่ที่ระนองและเชื่อมทางรถไฟระหว่าง เวียดนาม ลาว และไทย ให้สินค้าที่มาจากจีนเข้าที่เวียดนามแล้วขึ้นรถไฟผ่านลาวมาออกที่ระนองไปอินเดีย สินค้าที่มาจากอินเดียก็เข้าระนองออกไปเวียดนาม ทำอย่างนี้ย่นเวลาที่ไม่ต้องอ้อมมาเลไปได้ หนึ่งถึงสองวัน ซึ่งเราก็กำลังทำอยู่ครับ
เส้นทางที่พิจารณาความเป็นไปได้สูงสุดรู้สึกว่าจะเป็นเส้นทาง A-9 ครับถ้าผมจำไม่ผิด จะตัดผ่านแถวย่านสงขลาโน่นครับ เพราะมีแนวสันเขาน้อย ผิดกับทางด้านประจวบแนวสันเขาสูงชันยากแก่การขุดและยังใกล้ชายแดนพม่ามากเกินไป รวมทั้งต้องอ้อมผ่านภาคตะวันออกของเรา ดังนั้นจึงมีระยะในทะเลไกลกว่า ส่วนแนว A-9 แนวนี้จะอยู่ตรงกลางระหว่างไทย-มาเลย์กัยไทย-พม่าครับ ระยะทางขุดค่อนข้างยาว แต่ด้วยเทคนิคการขุดสมัยใหม่จะใช้เวลาประมาณ 5-6 ปีเท่านั้นโดยไม่มีการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ขุดเลย จะมี 4 เลน โดยเรือขนาด 250,000 ตันสามารถข้ามผ่านคลองได้ เฟสแรกจะขุดแค่ 2 เลนก่อน (เลนละคลอง One way) และระยะทางในทะเลจะสั้นกว่าโดยเดินทางดิ่งไปหาแหลมญวนเลย ม่ต้องผ่านเข้ามาใกล้เขตภาคตะวันออกของเรา และทะเลส่วนนี้ก็มีความลึกมากว่ากันมากด้วย เพราะที่แนวประจวบนั้น ปากทางเข้าออกคลองตื้นมากครับ เรือขนาดใหญ่ระดับ 200,000 ตันจะมีปัญหา
ที่เราถูกญี่ปุ่นโจมตีเป็นประเทศที่สองต่อจากสิงคโปร์ก็เพราะศักยภาพเรื่องคลองกระนี่แหล่ะครับ เพราะญี่ปุ่นกะว่าเมื่อทำการยึดครองเอเซียอาคเนย์ได้หมดแล้วจะทำการขุดคลองเองและทำการควบคุมคลองกระเองโดยตัดประเทศเราออกไป แบบคลองปานามาครับ ถึงเราไม่ขุด แต่ด้วยลักษณะภูมิประเทศแล้ว ชาติมหาอำนาจไม่ว่าชาติไหน ก็ต้องเข้าโจมตีเราเป็นประเทศแรกๆก่อนอยู่ดีครับ เพื่อควบคุมเส้นทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ดังนั้นจะขุดหรือไม่ขุดก็โนแน่ๆ ดังนั้นเมื่อโดนแน่ๆชัวร์ๆก็ขุดไปเลยครับ แล้วเอาเงินที่ได้จากพลังทางเศรษฐกิจมาสร้างกองทัพขนาดใหญ่ แบบว่าใครคิดจะยึดครองจุดยุทธศาสตร์นี้ ก็จะต้องจ่ายค่าผ่านทางแพงระยับเลยทีเดียวครับ
ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ยังไงซะถ้าสงครามระดับโลกเกิดขึ้น เราก็โดนตื๊บเป็นประเทศแรกๆแน่นอนครับ
ผมยังยืนยัน เหมือนทุกครั้ง
ท่าเรือ ปากบรา กับรถไฟรางคู่ ทั่วประเทศ เพื่อทำด้าน logistic หากทำได้ คลองไทย ไม่จำเป็นครับ