สหรัฐเรียกร้องให้อินเดียและปากีสถานยุติการเพิ่มความตึงเครียด หลังปากีสถานเพิ่มกำลังทหาร ที่พรมแดนติดกับอินเดีย โฆษกทำเนียบขาวกอร์ดอน จอห์นโดรเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐได้ติดต่อกับทั้งฝ่ายอินเดียและปากีสถาน และได้เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายร่วมมือในการสอบสวนเหตุโจมตีที่นครมุมไบของอินเดียและร่วมต่อต้านการก่อการร้าย พร้อมย้ำว่า สหรัฐไม่ต้องการให้ทั้งสองชาติดำเนินการที่ไม่จำเป็น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความตึงเครียดในสถานการณ์ที่ตึงเครียดอยู่แล้ว � ข้อเรียกร้องของสหรัฐมีขึ้น หลังจากปากีสถานได้เพิ่มกำลังทหารหลายพันนายบริเวณพรมแดนติดกับอินเดีย ขณะที่นายกรัฐมนตรีมานโมฮาน ซิงห์ของอินเดียได้เรียกประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ เพื่อหารือถึงการเตรียมพร้อมด้านการทหาร และกระทรวงต่างประเทศอินเดียได้ประกาศเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปปากีสถาน ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย � ขณะนี้ความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติตึงเครียดที่สุดนับตั้งแต่ปี 2544 ที่กลุ่มติดอาวุธแคชเมียร์ได้ก่อเหตุโจมตีรัฐสภาอินเดีย ซึ่งทางอินเดียเชื่อว่า เป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรง "ลัชการ์�อี-ไทบ้า" ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ในปากีสถาน และอินเดียอ้างตลอดมาว่า กลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้ เป็นผู้ก่อเหตุโจมตีนครมุมไบเมื่อเดือนต้นเดือนที่ผ่านมา พร้อมชี้ว่า ปากีสถานไม่ได้ดำเนินการมากพอเพื่อปราบปรามกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งปากีสถานปฏิเสธข้อกล่าวหามาโดยตลอด� สองชาติในภูมิภาคเอเชียใต้ซึ่งต่างมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง เคยทำสงครามกันมาแล้ว 3 ครั้งตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อปี 2490 ในจำนวนนี้ 2 ครั้งจากกรณีความขัดแย้งแคชเมียร์� ทั้งสองฝ่ายยืนยันว่า ไม่ต้องการให้เหตุโจมตีนครมุมไบครั้งล่าสุด นำไปสู่สงคราม แต่ต่างก็เตือนว่า อาจจะดำเนินการบางอย่าง หากถูกยั่วยุ http://www.suthichaiyoon.com/WS01_A001_news.php?newsid=7341
สถานการ์แถวเอเซียร้อนระอุ ทั้งนี้ปากีสถานคงไม่พอใจอินเดียกับสหรัฐเป็นอย่างมาก สหรัฐส่งเครื่องบินโจมตีชายแดนอยู่บ่อยครั้ง อินเดียกดดัน un จนองค์กรศาสนา(จำเชื่อไม่ได้)ถูกค่ำบาตข้อหามีส่วนเกี่ยวกับการก่อการร้ายในอินเดีย จนปากีสถานโกธ งานนี้มีแนวว่าปากีสถานอาจหันไปใช้อาวุธจากจีนมากขึ้น หวังว่าคงจะไม่เกิดอะไรตูมตามขึ้นมานะ โดยเฉพาะเป็นชาติที่มีนิวเคลียร์ด้วยกันทั้งคู่
|