นำมาจากกระทู้ของคุณ perspeceviT จากพันทิปครับ เป็นรูป REVA แบบ Up close and personal ^ ^
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7295825/X7295825.html
เหมือนจะกลับจากปฏิบัติการครับ โดยมีรถ GMC ลากมันอยู่ แต่ว่าแกนลาก มาเสียเอาหน้าบ้านผมพอดีเลย แฮ่ๆ ได้โอกาสเลยนะเนี่ย
อ้าววววว.......ของซื้อมาใหม่ๆ ใช้ยังไม่ทันถึงปีเลยไม่ใช้เหรอ...ทำไมต้องลากมาซะอย่างงั้นหละครับ หรือว่าถูกมอด ..ถูกมด แทะกินใส้ในจนวิ่งไม่ได้ซะแล้ว ระวังจะอายเค้านะครับ ซื้อมาแสนแพง สุดท้ายเอาใว้ลากเลย ๕๕๕๕ หัวเราะแบบปลงๆ
แต่ดูใกล้ๆอีกที่ถ้ามองจากส่วนด้านบนของปืนและรูปแบบกระเป๋ากระสุนอาจจะเป็น ปก.Negev ก็ได้ครับ
http://www.israeli-weapons.com/weapons/small_arms/negev/Negev.html
ปืนที่ติดอยู่บนป้อมนั่นคือ negavครับ ดูที่ขาทรายเห็นได้ชัดเจนครับ
(ถ้าท.บ.เอาrevaมาพ่นสีพรางล่ะก็จะจี้ต่อมจี๊ดดดดังจึกเลยนะเนี่ย)
สิงอยู่ในบอร์ดมาก็หลายเดือนครับผม เห็นกระทู้ต่าง ๆ แล้วก็ชื่นใจครับ เพราะคิดว่าผู้ที่มาร่วมแสดงความคิดเห็นในบอร์ดต่างก็ต้องการเห็นกองทัพไทยได้รับการพัฒนาไปในทางที่ดีครับ
ปกติผมจะอ่านอย่างเดียว มิบังอาจแสดงความคิดเห็นใด ๆ ครับ เพราะคิดว่าตัวเองมีความรู้อันน้อยนิดเท่านั้น แต่พอเห็นกระทู้อันนี้ จึงขอร่วมวงเสวนาสักหน่อยเนื่องจากประสบพบเจอเรื่องทำนองนี้มากับตัวเองครับ ขอให้เพื่อน ๆ ช่วยกันแสดงความคิดเห็นด้วยครับ
จากข้อความที่เพื่อน ๆ ได้โพสต์ไว้ครับ
ผมเป็นคนถ่ายรูปนี้เองครับ พ่อผมไปคุยกะทหารมา ปรากฏว่า น้ำเข้าถังน้ำมันครับ แม้จะนิดหน่อย แต่เค้าบอกประมาณว่า มีเซนเซอร์บางตัวที่ตรวจจับน้ำในถังน้ำมันอยู่ จะล๊อกเครื่องเอาใว้ไม่ให้ทำงานเพื่อป้องกันการเสียหายครับ เลยดับ แล้วต้องลากครับ ผมว่าคงต้องมีการปรับปรุงให้เหมาะกับสภาพการใช้งานอีกแหละครับ อย่างนี้มันอ่อนไหวไปหน่อย
ผมคิดว่าเรื่อง" มีน้ำปนเปื้อนในน้ำมันเชื้อเพลิง " เป็นสิ่งที่เหมือนกับคนไทยหรือกองทัพไทย ละเลยกันมาตลอดครับ หัวข้อ REVA เครื่องดับเพราะเซนเซอร์ในเครื่องยนต์ตรวจจับความชื้นในเชื้อเพลิงได้ จึงสั่งการให้เครื่องยนต์หยุดการทำงานเพื่อไม่ให้เกิดการเสียหายต่อเครื่องยนต์นี่ ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดครับผม กรุณาอย่าคิดว่าระบบของเครื่องยนต์มันอ่อนไหวไปหน่อยครับ เพราะทางเทคนิคแล้ว หากปล่อยให้มีความชื้นหรือน้ำปนเปื้อนอยู่ในน้ำมันเชื้อเพลิงหรือแม้แต่น้ำมันหล่อลื่น จะทำให้เกิดผลเสียต่อเครื่องยนต์อย่างมากครับครับ เช่นหัวเทียนบอด ทำให้ลูกสูบหรือก้าน เพลาข้อเหวี่ยงต่าง ๆ ทำงานผิดจังหวะหรือผิดพลาด ไม่สอดคล้องกับลูกสูบอื่น ๆ หรือเพลา หรือชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่ต้องเคลื่อนไหวตลอดเวลาในการทำให้เครื่องยนต์หมุนได้ ทำให้เกิดความเสียหายต่อชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้ครับ หากหนักหนาสาหัส อาจถึงขั้นก้านสูบหัก หรือเบี้ยว อันนำไปสู่การซ่อมใหญ่เลยครับ คิดดูสิครับ ราคารถเนี่ยกี่สิบล้านกัน แต่พาลมาเจ๊งเพราะแค่มีน้ำในน้ำมันเชื้อเพลิงเหรอครับ.....ตลกดีไหมครับ หรือหากจะซ่อมน่ะนะ ค่าซ่อมเครื่องยนต์ของยานยนต์แบบนี้คงไม่ถูกแน่ครับ ผมว่าหลายล้านบาทต่อคันครับและต้องใช้เวลาในการซ่อมหลายเดือน ไม่นับรวมเวลาที่ต้องใช้ในขั้นตอนทางราชการเช่นประกาศประกวดราคา ประกาศจัดหา ฯลฯ อีกครับ.... ( ฮ. เราเนี่ย บางทีต้องจอดรออะไหล่กันเป็นปีครับ....มีห้าสิบเครื่องแต่บินได้ครึ่งเดียว ที่เหลือจอดรออะไหล่ครับ.....)
ซึ่งแรก ๆ การที่เครื่องยนต์สะอึก หรือทำงานผิดจังหวะ อาจทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ เช่นลูกสูบ เพลา เสื้อสูบ เกิดการสึกหรอ เกิดเศษโลหะที่เกิดจากการเสียดสีของชิ้นส่วนเครื่องยนต์และสะสมอยู่ในเครื่องยนต์ครับ เศษโลหะเหล่านี้เมื่อสะสมไปเรื่อย ๆ จะทำให้เกิดการสึกหรอมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นทวีคูณครับ ยิ่งเมื่อเราดันทุรังใช้น้ำมันที่ปนเปื้อนน้ำไปเรื่อย ๆ โดยคิดว่าไม่เป็นไรหรอก เมื่อน้ำเข้าเครื่องยนต์เดี๋ยวก็โดนเผาไหม้หมดไปเอง ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะน้ำจะไปเปลี่ยนคุณสมบัติของน้ำมันเชื้อเพลิงครับ เช่น เปลี่ยนอุณหภูมิที่เหมาะสมในการจุดระเบิด เปลี่ยนค่าความหนืดของน้ำมัน ทำให้เกิดสนิม ทำให้เกิดตะกอนซึ่งไม่สามารถกำจัดออกจากเครื่องยนต์ได้โดยวิธีการปกติ ( ต้องซ่อมใหญ่ ถอดเครื่องยนต์ทุกชิ้นมาล้างทำความสะอาดใหม่หมด ประมาณว่า overhaul น่ะครับ )
หากน้ำสะสมอยู่ในถังน้ำมัน ยิ่งร้ายใหญ่ครับ เพราะทำให้เกิดตะกอนในถังน้ำมัน เกิดตะไคร่ เปลี่ยนสภาพของน้ำมันไปเลย ต้องทิ้งน้ำมันสถานเดียวครับ
กรุณาอย่าไปคิดว่า ระบบเครื่องยนต์มันอ่อนไหวครับ ผมกลับคิดว่ามันเป็นระบบที่ชาญฉลาดมากครับ เสียอย่างเดียว มันทำได้แค่เตือนและป้องกันการเสียหาย แต่มันไม่ได้จัดหาทางแก้ให้ด้วยครับ ( ทางแก้มีครับ เดี๋ยวจะบอกตอนจบด้านล่างครับ ) ....
ผมเองก็เคยเห็นเจ้า REVA นี่ตัวเป็น ๆ เมื่อราว ๆ กลางปีนี้เองครับ ตอนที่เข้าไปพบท่านนายทหารในโรงเรียนสรรพาวุธทหารบก ที่สะพานแดงครับ .....แรกพบเห็นเนี่ย รู้สึกว่ามันใหญ่ดีครับ สูงด้วย ท่าทางบึกบึนดีครับ ....เพิ่งรู้จากกระทู้นี้นี่เองครับ ว่าบริษัทผู้ผลิตได้ติดตั้งระบบป้องกันเครื่องยนต์เสียหายจากน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปนเปื้อนน้ำเข้าไปด้วย.....นี่เป็นระบบที่เรียกได้ว่าค่อนข้างใหม่และทันสมัยมากสำหรับยานเกราะเลยครับ .....ถ้าเป็นยานเกราะหรือรถถังรุ่นเก่า ๆ จะไม่มีระบบนี้นะครับ เท่าที่ผมได้ข้อมูลมาเนี่ย ...บรรดารถบรรทุก รถถัง ยานเกราะ ยานยนต์ต่าง ๆ ของกองทัพ โดยเฉพาะกองทัพบก จะไม่มีระบบเซนเซอร์ตรวจจับความชื้นในน้ำมันเชื้เพลิงเหมือนที่มีใน REVA ครับ....ผลหรือครับ....อย่างที่บางท่านทราบกันครับ......ยุทธยานยนต์บางส่วนของกองทัพไทยนั้น ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอย่างที่ควรจะเป็นครับ บางคันเครื่องยนต์หลวม เร่งไม่ขึ้น สตาร์ทติดยาก เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง วิ่ง ๆ ไป เจอโคลนเลน ต้องเร่งเครื่องทำความเร็ว เพื่อให้พ้นหล่ม ก็เร่งไม่ขึ้น เลยติดหล่มไปซะงั้น หรือต้องเปลี่ยนอะไหล่เครื่องยนต์เร็วกว่ากำหนด ต้องซ่อมใหญ่ ไม่สามารถดำรงความพร้อมรบได้ ไม่สามารถใช้งานได้เมื่อต้องการใช้งานครับ
ปัญหาเหล่านี้เกิดมานานแล้วครับ และไม่ได้จำกัดวงเฉพาะยานยนต์ทางบกครับ แม้แต่อากาศยานก็มีปัญหาเช่นนี้เยอะมากครับ กองทัพไทยก็มีปัญหาที่ว่าเป็นประจำ แต่ทางแก้ที่ทำกันเป็นประจำคือ ก็เปลี่ยนน้ำมันซะ ก็สิ้นเรื่อง .....มันไม่สิ้นเรื่องอย่างที่คิดสิครับ เพราะวิธีการจัดเก็บน้ำมันของเรามันไม่ได้มาตรฐานครับ เราทิ้งน้ำมันไว้ในถังเก็บแบบแกลลอน แล้วทิ้งไว้กลางแจ้ง ตากแดดตากฝน หรือเปิดฝาถังทิ้งไว้ ไม่ได้ปิดให้สนิท ทำให้ฝุ่นหรือความชื้นเข้าไปปนเปื้อนในน้ำมันได้ครับ แม้แต่ว่าบางทีทหารบางคนก็ทุจริตลักน้ำมันไปขาย แล้วกลบเกลื่นความผิดด้วยการเติมน้ำเข้าไปในถังแทน เพื่อไม่ให้รู้ว่าปริมาณน้ำมันหายไป ( อันนี้ท่านนายทหารบอกผมมาเองเลยครับ ท่านเจอมากับตัวเองเลยครับ ) ....ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของทหารชั้นผู้น้อยบางคน ทำให้เกิดความเสียหายเรื้อรังกับยุทธโธปกรณ์ของเราครับ
ผมเคยคุยกับท่านนายทหารในหน่วยการบินกองทัพบกไทย ท่านบอกว่าเรื่องน้ำหรือฝุ่นปนเปื้อนในน้ำมันเนี่ยเกิดขึ้นบ่อยครับ แต่ไม่ค่อยมีใครใส่ใจ ....เคยมีแบบว่าเครื่อง L-19 บินขึ้นจากสนามบิน แค่ล้อพ้นพื้นเท่านั้น แต่ไปไม่ได้ไกลครับ เพราะระบบเครื่องยนต์ล้มเหลว ก็เลยไปหัวทิ่มอยู่ท้ายสนามบินครับ ท่านบอกว่าคาตาเลยครับ.....พอตรวจเครื่องยนต์ดูก็พบว่าน้ำมันหล่อลื่นมีน้ำอยู่เต็มเลย ...เครื่องยนต์เลยดับเพราะชิ้นส่วนทำงานผิดจังหวะ เครื่องยนต์สะอึกเร่งไม่ขึ้น สุดท้ายก็ดับ เนื่องจากการหล่อลื่นผิดปกติ เพราะน้ำมันหล่อลื่นหมดสภาพในการหล่อลื่นครับ....แค่ปัญหาขี้ประติ๋วใช่ไหมครับ.....
....มีอีกครับ....ผมเคยไปพบเจ้าหน้าที่ในกรมช่างอากาศ....ท่านบอกว่า แม้แต่ F-16 เองก็มีปัญหาเรื่องน้ำปนเปื้อนในน้ำมันไฮดรอลิกส์ครับ ซึ่งระบบที่ว่าใช้ในการเปิดปิดประตูฐานล้อเครื่องบินครับ เมื่อเครื่องบิน เทคออ๊ฟแล้ว แต่ระบบไฮดรอลิคส์ติดขัดเนื่องจากน้ำมันหมดสภาพหรือระบบไฮดรอลิกส์นั้นสึกหรอหรือเสียหาย ทำให้ไม่สามารถปิดประตูฐานล้อได้ นักบินต้องยกเลิกภารกิจแล้วบินกลับฐานครับ.....ครับ...แค่ปัญหาขี้ประติ๋ว....แต่หากเกิดขึ้นกับระบบไฮดรอลิกส์ที่ใช้บังคับพื้นผิวการบินในขณะที่กำลังทำการบินล่ะครับ....เราไม่ต้องเสียเครื่องบินเครื่องนั้นไปเลยหรือครับ
เท่าที่ผมทราบปัญหาดังกล่าวก็ยังเกิดอยู่เรื่อย ๆ ครับ .....ไม่ได้รับการแก้ไข เนื่องจากหลายท่านเห็นว่าเป็นปัญหาเล็กน้อยครับ.....
ทางแก้เหรอครับ....ไม่ยากครับ ติดตั้งระบบไส้กรองพิเศษสำหรับกรองน้ำและฝุ่นออกจากน้ำมันครับ ติดได้ทั้งบนเครื่องเลย หรือติดไว้ที่ถังเก็บน้ำมันก็ได้ครับ
ระบบที่ว่านี้มีใช้แล้วในประเทศที่มีเทคโนโลยีสูง ๆ และมีงบฯ พอครับ เท่าที่ผมรู้ก็มี สหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย อินเดีย ยุโรป และอีกหลาย ๆ ประเทศครับผม...พวกนั้นเขาติดตั้งระบบกรองไว้ในรถถังเลยครับ ไม่ใช่แค่กรองน้ำจากน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเดียวครับ ยังมีระบบกรองฝุ่นและน้ำจากอากาศก่อนที่จะเข้าเครื่องยนต์อีกตะหากครับ....ไฮเทคไปกันใหญ่....ในสงครามทะเลทรายคราวแรก ตอนที่อังกฤษเอารถถัง Challenger ไปลุยเนี่ย ปรากฏว่าทรายเข้าไปเต็มเครื่องยนต์เลยครับ ....เละครับ......ไม่ต้องไปรบกับใครหรอกครับ สตาร์ทเครื่องยังไม่ติดเลย.....ต้องติดระบบกรองอากาศก่อนเข้าเครื่องยนต์ก่อนครับถึงจะปฏิบัติงานได้
ไม่ใช่แค่รถถังนะครับ แม้แต่เฮลิคอปเตอร์ที่ต้องปฏิบัติการในสถาพที่ต้องบินขึ้นลงในภูมิประเทศบ่อย ๆ ก็ควรจะติดตั้งระบบกรองอากาศที่จะเข้าเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพครับ หลาย ๆ ครั้งที่เห็นข่าว ฮ. กองทัพไทยตกแล้วก็เสียใจครับ .....หลาย ๆ ท่านอาจเห็นว่าไม่สำคัญอีกละ.....เคยมีการศึกษาวิจัยกันมาแล้วครับว่า ฝุ่นที่เกิดจากการที่ ฮ. บินขึ้นลงจะถูกดูดเข้าเครื่องยนต์ของ ฮ. นั้น ๆ โดยตรงครับ ....ผลหรือครับ...ฝุ่นก็จะไปทำให้ใบพัดเทอร์ไบน์ ( turbine blade ) ในเครื่องยนต์เกิดการเสียหายครับ หนัก ๆ เข้าอาจทำให้ใบพัดเทอร์ไบน์เสียรูป บิ่นหรือหักไปเลย ทำให้การอัดอากาศเข้าเครื่องยนต์ทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เร่งเครื่องไม่ขึ้น เครื่องยนต์เสียกำลัง หนัก ๆ เข้าก็เครื่องยนต์ดับกลางอากาศครับ หรือใบพัดเทอร์ไบน์หักและถูกดูดเข้าไปในเครื่องยนต์เลย.....ใช่ครับ อันตรายมากสำหรับ ฮ. ครับ.....เจ้าเครื่องกรองที่ว่าเนี่ย มีติดใน ฮ. แบบต่าง ๆ มากมายครับ......ในสงคราม desert storm เคยมีการเปรียบเทียบกันครับระหว่าง chinook USA ที่ไม่ได้ติดระบบกรองอากาศ กับ Chinook อังกฤษที่ติดเครื่องกรองแล้ว ปรากฏว่า เมื่อเทียบชั่วโมงบินเท่ากันแล้ว สหรัฐต้องเปลี่ยนเครื่องยนต์ของ Chinook ไปยี่สิบกว่าเครื่อง ส่วนอังกฤษเปลี่ยนเครื่องยนต์ไปแค่สองเครื่องเท่านั้น ....ประหยัดกว่ากันเห็น ๆ ครับ....แต่อย่างว่าครับ บางครั้ง preventive maintenance เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเวลาในการทำความเข้าใจครับ ผลจะปรากฏชัดตอนต้องซ่อมเครื่องนั่นละครับ.....
เจ้าเครื่องกรองอากาศที่ว่าเนี่ย ยังสามารถช่วยกรองน้ำออกจากอากาศก่อนเข้าเครื่องยนต์ได้มากโขด้วยครับ ช่วยป้องกันเครื่องดับเวลาที่ ฮ. ต้องบินฝ่าพายุฝนครับ ....เคยได้ยินกันไหมครับ....ฮ. ตกเพราะสภาพอากาศไม่ดี หรือเครื่องยนต์ดับขณะบินฝ่าพายุฝน ....ปัญหาพวกนี้พอจะบรรเทาได้ครับ.....สหรัฐเขาให้เครื่องกรองที่ว่านี่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานของ UH-1H เลยนะครับ.....
....หวังว่าความรู้อันน้อยนิดของผม คงช่วยให้หลาย ๆ ท่านได้ช่วยกันดูแลไม่ให้เกิดปัญหาเล็กน้อย แบบนี้ขึ้นอีกกับยุทธโธปกรณ์ของประเทศเราเลยครับ.....ปัญหานี้เปรียบเสมือนเส้นผมบังภูเขาครับ....เป็นปัญหาเล็ก ๆ ที่ทุกคนมองข้ามไป แต่อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่หลวงได้ครับ กรณี REVA ต้องให้ GMC truck มาลากเนี่ย เป็นตัวอย่างที่ดีครับ..... ผมกลัวว่า เวลาฉุกเฉินขึ้นมารถถังเราจะสตาร์ทเครื่องไม่ติดครับ แทนที่จะเอาไปไล่ยิงศัตรู แต่กลับต้องจอดทิ้งไว้เฉย ๆ ครับ
ตามมามุง แล้วตามต่อไปพันทิป
ปล.แต่ผมกลัวว่าจะไม่มีการให้ตัวกรองน้ำมันมาใช้
กลัวจะกลายเป็นว่าอีกหน่อยจะมาหาวิธีถอดเจ้าตัวเซ็นเซอร์ที่ว่านี่ออกน่ะสิ<--------- 5555 เริ่มชักคิดตาม.........มีประเทศประเทศหนึ่งไม่ใกล้ไม่ไกล ฝึกทำการรบเพื่อเอาชนะ ซึ่งต้องใช้กำลังกายและกำลังใจและทีมเวิร์ค ซึ่งจุดไคลแมกซ์ มันอยู่ตอนท้าย ซึ่งต้องทำการยิงปืนด้วยกระสุนจริง(ในสภาพเหนื่อยๆ) ซึ่งปืนที่ยิงจริงมี 2 แบบ คือ ปลย. กับ ปก.(ไม่ใช่ปลก. ปืนเล็กกล นะ) ปลย. ตัดไป มาว่าที่ ปก. เนื่องด้วยบางทีมีการจัดการแข็งขันระหว่างหน่วยกันด้วย ดังนั้นศักดิ์ศรีค้ำคอ ไม่ชนะไม่เป็นไร แต่แพ้ไม่ได้ เอาละทีนี้มาว่ากันต่อ ปก. นั้น แข่งกันไม่ยาก ก็แค่กระเตงมันขึ้นแนวยิง พร้อมสายกระสุน 100 นัด ตั้งปืนและยิงต่อเป้า 1 เป้า ย้ำ 1 เป้าเท่านั้น ผลการนับคะแนนก็คือ ใครยิงโดนเป้ามากนัดกว่าก็ชนะไป ฟังดูหลายคนอาจเริ่มแย้งว่า มันก็เป็นการแข่งยิงปืนกันตามปกตินิไม่เห็นแปลก ยิงเข้าเป้ามากกว่าก็ย่อมได้คะแนนมากกว่า............
โปรดติดตามต่อ
มาต่อกันครับพอดีพิมพ์ยาวแล้วเดี๋ยวมันล็อกเอาท์ โพสไม่ได้ ที่พิมพ์มาหายแล้วจะเสียอารมณ์นะครับ เลยขอเปลี่ยนไปพิมพ์ในเวิร์ด ก่อน..................มาว่ากันต่อ ไอ้ยิงปืนแล้วนับคะแนนจากกระสุนเข้าเป้านะไม่แปลก แต่ที่มันแปลกก็คือ อย่างที่ว่าเนื่องด้วยศักดิ์ศรีมันค้ำคอ ฉะนั้นกลเม็ดเด็ดพรายต้องงัดเอาออกมาใช้จนเต็มกำลังสุดความสามารถ เพราะยิงปืนกลนั้น ครั้นจะยิงเป็นชุด ตึงๆๆๆๆ ตึงๆๆๆๆๆ ตามคุณลักษณะและการใช้งานของมันตามปกตินั้น กระสุน 100 นัด มันคงจะเข้าเป้าสัก 20 นัดได้มั้ง ไม่ได้ๆ ปล่อยอย่างนั้นไม่ได้ และแล้ว ไอเดียก็บรรเจิด เมื่อยิงเป็นชุดมันจะกระจาย ก็ต้องยิงทีละนัดสิ ยิงทีละนัด ปืนกลมันก็ไม่มีคันเลือกแบบการยิงซะด้วยสิ มันมีแค่ปุ่มกดเพื่อห้ามไก กับ พร้อมลั่นไก ไอ้ครั้นจะบิดสายกระสุนออกมาบรรจุทีละนัด ก็คงยิงไม่ทันตามเวลากำหนด ทำไงดี และแล้วก็ถึงบางอ้อ ก็ดัดแปลงกลไกเล็กๆน้อยๆ เพื่อให้มันยิงทีละนัด กับฝึกพลยิงให้รู้จักกระดิกนิ้วเพื่อให้มันลั่นทีละนัด ถึงขั้นพลยิงต้องถอดชุดลั่นไกของปืนกลมานั่งนอนยืนเดินตีลังกาเพื่อหัดเขี่ยเอ๊ยกระดิกนิ้วลั่นไกตามจังหวะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเอาเข้าส้วมด้วยหรือเปล่า ( ถ้ายิงปืนแข่งทบ.อาเซี่ยนนะไม่ว่าหรอก เพราะวัตถุประสงค์เพื่อหน้าตากองทัพอยู่แล้ว ไม่แปลก)..........ฝรั่งเห็นมันคง งง โอ้ววววว ไอ อุตส่าประดิษฐ์ให้มันยิงอัตโนมัติ แต่ ยู ดันแปลงให้มันยิงทีละนัดซะนี่กระไร...................ทีนี้ก็มาถึงคำถามละ ว่า ฝึกและแข่งขันแบบนั้นเพื่ออะไร เพราะปก. มันถูกออกแบบมาให้ยิงอัตโนมัติ เพื่อใช้ยิงเป็นชุด หวังผลการกระจายตามรูปแบบการยิง แต่ดันมาฝึกยิงทีละนัดซะนี่ ถ้าเปลี่ยนเป็น เอาปก. ขึ้นแนว ติดเป้าหลายเป้า และยิงหลายรูปแบบ หลายรอบ เช่น รอบแรก ยิงกวาดทางข้าง รอบสอง ยิงกวาดทางลึก ยิงกวาดผสมฯลฯ ทั้งยิงประกอบขาทราย และ ขาหยั่ง การนับคะแนนก็ว่ากันตั้งแต่ การตั้งปืน รูปแบบการยิงว่ายิงถูกต้องตามแบบไหม กวาดทางข้างยิงยังไง กวาดทางลึกยิงยังไง ส่วนกระสุนถูกเป้า ก็นับที่โดนทุกเป้า และจับเวลา ยังจะดูดีกว่า....................และที่สำคัญ ตอนเดินมันก็เดินในรูปแบบของหน่วย อาวุธตาม อจย. ของหน่วย ซึ่งมีหลายแบบ แต่ทำไมตอนยิงปืนถึงมีแค่ ปลย. กับ ปก. แล้ว เอ็ม 203 กับ ปลก.(เช่น มินิมิ) ละไปไหน ที่สำคัญเจ้าอาวุธสองแบบที่กล่าวไป มันเป็นอาวุธอำนาจยิงสูงสำหรับหน่วยขนาดเล็กเสียด้วยสิ โดยเฉพาะ เอ็ม 203 ซึ่งถือได้ว่าเป็น ปืนใหญ่ ของหมู่ปืนเล็กเลยก็ว่าได้ แต่ทักษะการใช้นะมากแค่ไหน กะระยะเป้าถูกไหม..................โชคดีจริงๆที่ผมกล่าวมาข้างต้นมันไม่เกิดกับ ทบ. ไทย มันเป็นตัวอย่างของบางประเทศทีผมเคยไปดูงานมานะครับ ทบ.ไทยก็ดูเป็นตัวอย่างละกัน หุหุ
อ้อ เกือบลืม นอกเรื่อง(เดียวกัน)ไปไกล คือ จะบอกว่า ผมได้รับเจ้า เหร่วะ เอ๊ย เลว่า 16 (4x4) แล้วครับ ของใหม่ขี้หมาหอม แอร์เย็นดี(ช๊อบ ชอบ) และก็พึ่งรู้เหมือนกันว่า เจ้า เหร่วะ เอ๊ย เลว่า 16 ช่วงนี้มันมีโปรโมชั่นด้วย คือ ซื้อ เอ๊ย รับแจกวันนี้ แถมฟรี ปลก.เนเกฟ โอ้ววว ไม่รู้ว่า อีตายิวมันไปดีลกับอัฟริกาใต้ ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ดีครับ ได้จับตัวเป็นๆ ซักที.......... เท่าที่ลูบๆคลำๆ สาวยิวนางใหม่ แต่ยังไม่ได้เปิดซิง เอ๊ย ยิง ก็ดูดีครับ พับพานท้ายได้ ป้อนกระสุนด้วยสายกระสุน(บรรจุอยู่ในกล่องผ้า)หรือแม็กสตาร์แน๊ก(แม็กเอ็ม 16) ยิงแบบหน้าลูกเลื่อนเปิด ตามแบบ ปก. ทั่วๆไป แต่ตาดันไปสะดุดที่คันบังคับการยิงครับ คือ มันมี 3 ตำแหน่งคือ ห้ามไก ยิงทีละนัด และ ยิงอัตโนมัติ แปลกดี สงสัยตายิวมันคงแอบไปเห็นการฝึกของประเทศข้างต้นนู้นที่ผมกล่าวถึงนะครับ มันเลยหัวใส ทำปก.ให้ยิงทีละนัดได้จากโรงงานเลย ประมาณว่า ถ้ายูซื้อของไอ ยูไม่ต้องดัดแปลงเองให้เสียเวลา ยูยิงทีละนัดได้เลย ( จะว่าไป ปก.93 มันก็ยิงทีละนัดได้นี่หว่า) ...... มีราง พิคาเทนนี่ ตามสมัยนิยม 2 ตำแหน่งคือ บนห้องลูกเลื่อน(ปัจจุบันสิงสถิตอยู่โดย ศูนย์หลัง แบบศูนย์เปิด) และที่ด้านหน้าขวาของประกับลำกล้องใกล้ๆศูนย์หน้า สำหรับติดตั้งอุปกรณ์เสริม แต่ก็คิดว่าว่า มันก็คงจะติดอยู่โดดเดี่ยวแบบนั้นจนสิ้นอายุขัย(มั้ง)............ ว่างๆ จะหาโอกาสเปิดซิงเจ้าเนเกฟซะหน่อย
REVA 4*4 นี่เป็นรถประจำฉก.หมายเลขสองตัวป่าวครับพี่บอม สมัยผมอยู่เห็นมาแต่กับคณะVIP ล้อมหน้าล้อมหลัง ส่วนหน่วยในพื้นที่แทบไม่ได้แตะแค่เห็นก็ดีใจแล้ว โดยเฉพาะบางฉก.ทีไม่ได้เข้าตา(โจร)ไม่มีเหตุการณ์ แค่วีโก้นี่ก็หรูแล้ว ส่วนผมอยู่นิสสันบิ๊กเอ็มปี๓๐ แอร์ธรรมชาติเย็นเจี้ยบ โจรไม่อยากกดระเบิดเพราะไม่คุ้ม แถมเส้นทางจุดไหนที่อันตรายลงเดินตลอด (ทั้งเคลียร์พื้นที่และต้องดันมันเพราะดับเอาดื้อๆ ฮาจริงๆชาวบ้านเห็นแล้วสงสารบางทีดับกลางทางต้องเอารถชาวบ้านลาก) แต่ก็ปลอดภัยดีครับ
หุหุ ใบ้หวยครับ ใบ้หวย เอามือลูบๆๆๆ ขึ้นกันเห็นๆ
สัญญาณบอกฝ่ายนะเนี่ย ต้องมองด้วน NVG ถึงจะเห็น จริงๆ มันขับกลางคืนได้โดยไม่ต้องเปิดไฟเพราะมีกล้อง NVG ประจำสถานีพลขับ ด้วยระบบนำร่อง จีพีเอส อย่างดี พร้อมระบบ ESM และ ECM ครบครัน หุหุหุหุ ....... ดูยี่ห้อเฟืองท้ายแล้วคุ้นๆแฮะ ว่าไหมโจ๊ก
ถ้ารถมาดับตอนถูกระเบิดหรือถูกรุมยิง ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ T_T "
ระบบทันสมัยมาก ฉลาดมาก มักจะตายเพราะโลเทคทุกที ^_^
เฟืองท้าย TATA ลูกครึ่งอินตะระเดีย หรือ นี่
ผมว่าอนาคต สำหรับ ฉก.ของน้องหมวดบอม์ม (อนาคตเป็นเจ้านายผมแน่ๆ เลย หมวดบอม์ม เนี่ย 555) คงได้รับ วีโก้ ติดเกราะ สุดหรู อวทม. ครบออพชั่น แน่ ครับ เห็นว่าสั่งไป ตั้ง 300 คัน ครับ รอหน่อย นะหมวดบอม
สำหรับฉก.พี่บอมอาจจะไม่ทันครับ แต่ผมนี่แน่แน่ เฮ้อ ตุลานี้ที่กงปินัง ได้พักแค่ปีเดียวแต่ก็ยังดี อยากนั่งมั่งจังครับ วีโก้ ไม่รู้ว่าเป็นรุ่นโอเพ่นแคปด้วยป่าว ครูสคอนโทล vsa abs airbag สุดหรู แต่อย่าไปใช้เลยครับควบคุมความเร็ว เดี๋ยวโจรจับทางได้ อิอิ