หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


...เขาบอกเรียน ร.ด.แล้ว ปีหน้า(52)มีสิทธิโดนทหารด้วยรึครับ?

โดยคุณ : MIG31 เมื่อวันที่ : 23/02/2011 16:14:37

.....คือเพื่อนผมที่มันเรียนร.ด.ที่วิภาวดี ปี.5 มันบอกว่าคนที่เรียนร.ด.มาแล้วปีหน้ามีสิทธิเกณฑ์ทหาร โดนเรียกเข้าประจำการ ด้วยรึครับ? 

....คือผมเรียน รด.จบปี.3จบแล้วทำเรื่องนำปลดแล้ว  เกิด ปี31 ซึ่งจะโดนเรียกเกณฑ์ในปีหน้า   อยากทราบว่าจริงเท็จแค่ไหนครับกับการ โดนทหารของผู้ที่เรียนรด. อ่ะ

....เพราะปีหน้าจะทำเรื่องเรียนต่อ ป.ตรี เลยสงสัยอย่างมากครับ

....ขอบพระคุณที่ตอบค้าบ





ความคิดเห็นที่ 1


นโยบายใหม่ครับ ใครที่เรียน ร.ด. ตั้งแต่ปี 48 เป็นต้นไป ถ้าคุณเรียนจบแค่ ปี 3 จะยังไม่นำปลด ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารด้วยครับ แต่ประจำการแค่ 6เดือน -1 ปี ครับ (นานแล้วข้อมูลไม่แม่น) ต้องจบ ปี 5 ขึ้นไปถึงจะนำปลดให้ครับ
โดยคุณ logon เมื่อวันที่ 11/12/2008 03:19:58


ความคิดเห็นที่ 2


มันก็น่าอยู่หรอก อ่านแผนที่เข็มทิศยังไม่เป็นกันเลยปี 3


โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 11/12/2008 04:41:05


ความคิดเห็นที่ 3


อีกมุม

มีการแก้ระเบียบข้อกฎหมายแล้วเหรอครับ

ทำไมไม่เป็นข่าวเลย

ถ้าจะมองในแง่ร้าย

ทุจริตเชิงนโยบาย


โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 11/12/2008 04:45:14


ความคิดเห็นที่ 4


เอ...จริงเหรอครับ เพราะผมจบปี3ปีนี้ทำนำปลดไปแล้ว ผมว่าที่จริงน่าจะเป็นการเรียกมาฝึกทบทวนมากกว่าครับ ว่าแต่วิชาการอ่านแผนที่และการใช้เข็มทิศนี่ มันเป็นอะไรที่......ยากจริงๆครับ ขนาดผมนั่งฟังตอนเรียนวิชานี้แบบตั้งใจสุดๆ(ปกติก็ตั้งใจเรียนอยู่แล้ว) ตอนสอบยังพลาดเลยครับ เพราะจะมึนงงกับตัวพิกัดของแผนที่ และตัวคุณสมบัติๆต่างๆของเข็มทิศ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นหนึ่งในไม่กี่ต้นฉบับให้เพื่อนลอกในที่สุด

โดยคุณ L96A1 เมื่อวันที่ 11/12/2008 05:18:02


ความคิดเห็นที่ 5


วิชาแผนที่และเข็มทิศเรียนแต่ในห้องบอกได้คำเดียวว่ามึนมากๆ ขนาดทหารหลักบางคนยังมึนเลย มันต้องปฎิบัติด้วย ด้วยงบประมาณของนสร.อันน้อยนิดทำให้นักศึกษาวิชาทหารของเรารูแค่งูๆปลาๆครับ  ได้พรบ.กำลังสำรองไปแล้วก็ขอให้มีการพัฒนาให้เห็นเป็นรูปธรรมด้วยครับเจ้านายยยยย...
โดยคุณ เขาหลวง เมื่อวันที่ 11/12/2008 05:54:46


ความคิดเห็นที่ 6


เอ้า หนูๆเวลาเข้าค่ายอย่าลืมครีมกันแดดไปด้วยนะ
แล้วเวลาจะทาครีมนะ อย่าลืมขออนุญาติ พี่จ่าพี่หมู่เค้าละ
เดี๋ยวโดนลงโทษนะ
เห็นเด็กๆเข้าฝึกรด. แล้วสังเวชใจจริงๆ กลัวเปื้อน กลัวเจ็บ กลัวดำ
ไม่อยากเหงื่อออก แล้วไปฝึกทำไม เลิก รด.ซะได้ก็ดี
เข้าไปเป็นทหารซะ 2 ปี จะได้รู้บ้างว่าความลำบาก เป็นยังไง
อย่าเป็นแต่คุณหนู ทำอะไรไม่เป็นซักอย่าง
ได้กินอะไรที่ไม่เคยได้กินตอนอยู่ที่บ้าน จะได้รู้มั่งว่าการตื่นนอนตอนตี 5 เป็นยังไง นอนก่อน 3 ทุ่ม กินข้าวเป็นเวลา 3 มื้อ รับรองสุขภาพแข็งแรง
รู้รักสามัคคีเป็นยังไง รู้จักการทำงานเป็นกลุ่มเค้าทำกันยังไง ได้ฝึกยิงปืนมากกว่า ปืน M 16 H&K 33 อาจจะได้ฝึกยิงปตอ.( ถ้าโดนลงพันปตอ. )
รับรองว่าสนุกแน่นอน ถ้ายิงปตอ. 40 L 60 หรือ 40 M 1 มันส์อย่าบอกใครเลย
แต่เค้ามีโควต้าให้แค่ 16 นัดเองนะ แต่ถ้าเป็นปตอ. 12.7 มม.ได้ยิง 100 นัด
แล้วปตอ. 20 มม. ได้ยิง 60 นัด ( ไม่รู้ว่าอย.ตอ.พัน.2 ) เปลี่ยนปตอ.20มม.แล้วยัง ยิงแล้วกระสุนขัดตลอด
การเป็นทหาร 2 ปีมันไม่ได้ทำให้ชีวิตท่าน ตกต่ำลงไป แต่มันทำให้ท่านมีความอดทน และมีความแข็งแกร่งมากขึ้น พร้อมที่จะออกมาผจญกับสังคมภา่ยนอกมากขึ้น ไม่ว่าท่านจะมีพ่อรวยเป็นร้อยล้าน มีพ่อเป็นหม่อมเจ้า เมื่อเข้าเป็นทหาร ทุกคนเหมือนกันหมด พลทหารชั้นหนึ่ง เหมือนกันหมด มีสิทธิเท่ากันหมด ไปลองเป็นทหารดูซัก 2 ปีแล้วท่านจะรู้มันไม่ได้โหดร้่ายอย่างที่คิด
โดยคุณ e21cye เมื่อวันที่ 11/12/2008 11:01:28


ความคิดเห็นที่ 7


ทุกอย่างมันต้องมีทั้ง ทฤษฎีและปฏิบัติ  โดยเฉพาะอย่างหลังนั้นสำคัญมากๆ.......วิชา แผนที่เข็มทิศ  ต่อให้ทำข้อสอบข้อเขียนได้คะแนนเต็ม แต่ไม่เคยฝึกปฏิบัติจริงแล้วละก็รับรองได้เลยว่า ถ้าส่งเข้าป่าไปพร้อมแผนที่และเข็มทิศแล้วละก็  เกิดอาการ "ไปไม่เป็นอย่างแน่นอน"................นอกจากจะใช้ เข็มทิศ เลนส์เซติก เป็นแล้วสิ่งสำคัญอีกอย่างคือ ต้องดูและพิจารณารายละเอียดแผนที่ประกอบภูมิประเทศจริงเป็น  แต่ก็อีกนั้นแหละ บางครั้งบางสถานที่ท่านอาจจะมองอะไรรอบตัวไม่เห็นนอกจากต้นไม้ ก้อนหินและใบหญ้า ซึ่งหมายถึงท่านไม่สามารถมองภูมิประเทศเด่นๆรอบข้างเพื่อใช้ในการพิจารณาหรือเล็งสกัดกลับเพื่อหาพิกัดที่อยู่ของตัวเองได้ วิธีแก้คือต้องหาตำแหน่งที่สามารถมองเห็นภูมิประเทศเด่นได้(พูดง่ายดีแฮะ)    ซึ่งวิธีแก้ที่ใช้กันก็คือ  "ปีนขึ้นที่สูง หรือพูดง่ายๆก็คือ ปีนขึ้นยอดเขานั้นเอง"   ประมาณว่า  นึกอะไรไม่ออกปีนขึ้นยอดเขาไว้ก่อน   ยอมเหนื่อยทีเดียว ดีกว่าเดินวนไปวนมาอยู่กับที่............ปัจจุบันวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีทำให้มีตัวช่วยชั้นดี คือ จีพีเอส  ซึ่งช่วยให้หาพิกัดที่อยู่ของตัวเองได้เร็วขึ้น  แต่ก็อีกนั้นแหละถึงท่านจะมีจีพีเอส แต่ถ้าความสามารถด้านการอ่านแผนที่ไม่เอาอ่าวแล้วละก็ ท่านก็จะเกิดอาการ "ไปไม่เป็น งงชีวิต" เหมือนเดิม............

โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 11/12/2008 11:51:01


ความคิดเห็นที่ 8


ต่ออีกนิดมีเรื่องฮาๆ แบบเหนื่อยๆ.......กาละครั้งหนึ่งมีคนกลุ่มหนึ่งได้ไปยังที่แห่งหนึ่งได้รับภารกิจอย่างหนึ่งบนถนนสายหนึ่งเพื่อเดินทางด้วยหนึ่งเท้าซ้ายและหนึ่งเท้าขวาจากที่แห่งหนึ่งไปยังที่แห่งหนึ่งปรากฏว่าคนๆหนึ่งเกิดความคิดบรรเจิดอย่างหนึ่งจึงชวนคนอื่นๆไปอีกทางหนึ่ง(คือจริงๆเดินเลาะถนนมันก็ดีอยู่แล้ว แต่บังเอิญดูในแผนที่แล้ว ถ้าตัดภูมิประเทศมันจะใกล้กว่ามาก)  เลยเลี้ยวซ้ายเข้าป่าข้างร้านค้าร้านหนึ่ง และแล้วก็เดินผ่านป่าแห่งหนึ่งเดินไปเรื่อยๆ ขึ้นเขาลูกหนึ่งแล้วก็อีกลูกหนึ่งยังยังไม่จบและแล้วก็ข้ามอีกลูกหนึ่งได้พอประมาณคนๆหนึ่งก็นำเลี้ยวขวาแล้วก็เดินต่อ เดินๆๆๆๆไปเรื่อยๆ ข้ามเขาอีกลูกหนึ่งแล้วก็อีกลูกหนึ่ง(เริ่มลิ้นห้อย) ยังยังไม่พอยังไม่สะใจ ว่าแล้วก็ข้ามเข้าอีกลูกหนึ่ง   และแล้วความพยายามอยู่ที่ไหนความลำบากเอ๊ยความสำเร็จอยู่ที่นั่น   นั่นนั่นข้างหน้านั่น   เห็นแล้ว เห็นแล้ว และแล้วเราก็เห็นถนนสายหนึ่งอยู่ตรงหน้า เดินอีกพักหนึ่งก็ถึงขอบถนนแห่งหนึ่ง  โอ้ววววว ถึงซะที ว่าแล้วก็งัดแผนที่ฉบับหนึ่งพร้อมด้วยเข็มทิศอันหนึ่งมากาง  ดูไปดูมา มันช่างคุ้นๆกับสถานที่แห่งหนึ่งเสียจริงๆ  ดูไปดูมา เอ๊ะ นั้นอะไร  ณที่แห่งหนึ่งด้านขวามือ ปรากฏร้านค้าร้านหนึ่ง ดูคุ้นๆจริงๆ  ว่าแล้วก็เข้าไปดู  โอ้วววววววว  มันคือร้านค้าร้านเดิมนั่นเอง  เอวังด้วยประการฉะนี้  (เดินตั้งนาน ห่างจากจุดตั้งต้นไม่ถึง 200 เมตรเลยมั้ง  สุดท้ายก็เดินเกาะถนนไปต่อเพื่อเข้าจุดหมาย 555555

โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 11/12/2008 12:12:43


ความคิดเห็นที่ 9


กลุ่มนั้นอยู่ที่ จะแนะ ปะฟะ
โดยคุณ helldiver เมื่อวันที่ 11/12/2008 15:04:07


ความคิดเห็นที่ 10


แผนที่และเข็มทิศสำคัญมากครับ ในสถานที่ที่เราไม่รู้จัก

เช่นโดดร่มลงพื้นที่ด้านหลังฆ่าศึกหรือ เข้าโจมตีในภาระกิจนอกประเทศ

อันนี้คิดว่าเดินมั่วคงไม่ได้กลับบ้านตัวเป็นๆแน่

เคยมีข่าวที่อยู่ในป่าทึบมองไม่เห็นแสงอาทิตย์จากด้านล่าง แถวแก่งกระจาน คุ้นๆว่าเป็น ตชด ครับ หลงป่าหลายวัน และก็มีตายมีบาดเจ็บ ปะทะกับคาราวานยาเสพติดหรือเปล่าไม่ชัดเจน แต่ไม่คุ้นป่า ถ้าเก่งแผนที่เข็มทิศคงช่วยได้ครับ

ขอแซวนิดๆครับ บุคคลที่ไม่ผ่าน ร.ด หรือเกณฑ์ทหาร เอาเปรียบผู้อื่นไหมครับ กรณีที่ไม่ได้รับการผ่อนผันหรือจับใบดำใบแดง และต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทหารด้วยใช่ไหมครับ

ถ้าเป็นดังที่ผมว่า บุคคลผู้นั้นมีสิทธิ์ที่จะได้ตำแหน่งสำคัญในบ้านเมืองหรือเปล่าครับ

เช่น อาจได้เป็น นาย.ก ถึงจะไม่ผ่านการเกณฑ์ทหารก็ตาม  แซวเล่นนะครับ

โดยคุณ tik เมื่อวันที่ 12/12/2008 00:11:18


ความคิดเห็นที่ 11


 บางสถานที่ แค่ทักษะแผนที่กับเข็มทิศ ก็ยังไม่พอครับ    ทักษะส่วนตัวด้านอื่นๆ พูดง่ายๆ ความรู้และทักษะที่มีอยู่ รวมถึงเซนท์ของตัวเองด้วยเช่นเดียวกันครับ(บางครั้งยังงัดความรู้อันลางเลือนเล็กน้อยสมัยเป็นลูกเสือด้วยซ้ำ5555)......อย่างที่ว่า  ป่าที่ทึบชนิดมองไม่เห็นอะไรแม้แต่ดวงอาทิตย์นั้น ต่อให้มีแผนที่ และเข็มทิศอยู่ในมือก็ยากครับ เพราะเราไม่สามารถหาหลักอ้างอิงในการหาที่อยู่ตัวเองได้   เพราะการหาพิกัดที่อยู่ของตัวเองสิ่งเริ่มแรกและสิ่งสำคัญที่ต้องรู้ก่อนครับ เพราะถ้าไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เราก็ตั้งมุมเดินไม่ถูกครับ   ระหว่างแผนที่ กับเข็มทิศนั้น  ถ้าให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว แผนที่ สำคัญกว่า เพราะมีเข็มทิศแต่ไม่มีแผนที่ ก็ไปไม่ได้ครับ  แต่ถ้ามีแผนที่  ไม่มีเข็มทิศ ยังพออาศัยความรู้อื่นในการพิจารณาภูมิประเทศและที่อยู่ได้ครับ...................
โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 12/12/2008 00:55:37


ความคิดเห็นที่ 12


เห็นด้วยกับคุณe21cyeมากๆๆเลยเด็กเรียนรด.สมัยนี้เรียนก็เพื่อ

ไม่อยากเป็นทหารเท่านั้นไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้จริงๆๆอยากให้เด็ก

ที่เป็นคุณหนูอยู่กับบ้านไปเป็นทหารสัก1ปีจังจะได้รู้จักความลำบากว่า

มันเป็นยังงัยใครก็ตามที่อ้วนลงพุงรับประกันได้เลยว่าผอมแน่ๆๆๆไม่ต้อง

ไปเข้าคอร์สลดน้ำหนักให้เสียเงินเสียทองเปล่าๆโดยเฉพาะตอนฝึกทหาร

ใหม่2เดือนขนาดผมตอนนั้นน้ำหนัก85กิโลกรัมพอฝึกเสร็จเขาปล่อยกลับ

บ้านลองไปชั่งน้ำหนักดูรู้ไหมเหลือเท่าไหรเหลือแค่68กิโลกรัมลองบวก

ลบดูแล้วกันว่าหายไปกิโลการเป็นทหารได้อะไรมากมายกว่าที่คุณคิด

อย่างเพื่อนเป็นทหาร2ปีสามารถผ่อนรถจักรยานยนต์ได้คันหนึ่งส่วน

เพื่อนผมอีกคนสามารถซื้อไม้มาปลูกบ้านให้พ่อแม่ได้หลังหนึ่งบางคน

เก็บเงินไปขอแฟนแต่งงานยังได้เลยอันนี้ขึ้นอยู่กับว่าใครจะใช้เงินเป็น

บางคนไม่มีเงินเก็บแถมมีหนี้ตามมาอีกเป็นหางว่าวเพราะในค่ายทหาร

จะบอกอะไรให้อย่างหนึ่งคือเงินสดไม่ต้องเซ็นลูกเดียวพอเบี้ยเลี้ยง

เงินเดือนออกจ่ากองร้อยจะเป็นคนหักเงินเองบางคนเซ็นกระหน่ำไม่ยั้ง

พอสิ้นเดือนมาเงินเดือนไม่เหลือสักบาทส่วนผมไม่เซ็นโดยที่ไม่จำเป็น

บางที่ก็ใช้เงินสดซื้อเอาเพราะถือว่าในเมื่อเขาหักเงินเรา34บาทไปเป็นค่า

อาหารแล้วก็ต้องเอาให้คุ้มวันไหนกับข้างโรงเลี้ยงไม่อร่อยหรือไม่ชอบ

ไม่อยากกินก็ไปซื้อข้าวที่หลังกองร้อยเอา(เงินสด)นานๆๆทีเลยทำให้

ผมเป็นคนที่รวยที่สุดในหมู่เพื่อนเพราะเงินเหลือเพียบใครมาขอยืมไม่ให้

เพราะรู้ดีว่าให้ยากเย็นแสนเข็ญแต่บางคนก็ให้เพราะเขาจ่ายตรงตามนัด

 

โดยคุณ ttrc เมื่อวันที่ 12/12/2008 05:37:41


ความคิดเห็นที่ 13


ท่าน ttrc พูดถูกเลยครับ การเป็นทหารเกณฑ์มันไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย
อย่าไปกลัวคำพูดของ พวกตาขาวที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย
การเป็นทหารน่ากลัวที่สุดก็ ตอนวันแรกเท่านั้น หลังจากนั้นความสนุก+มันส์ก็จะตามมา รุ่นผมนะเงินเดือน 350 บาท เบี้ยเลี้ยง 24 บาทหักค่าข้าว 16 บาทเหลือให้กินขนมวันละ 8 บาท เบี้ยเลี้ยงออกทุก 11 วันงวดสุดท้ายของเดือนออกพร้อมเงินเดือน
โดยคุณ e21cye เมื่อวันที่ 12/12/2008 09:12:29


ความคิดเห็นที่ 14


ลืมบอกไปรุ่นที่ผมฝึกปี42เงินเดือนๆละ2190บาทเบี้ยเลี้ยงวันละ50บาท

หักค่าข้าว34บาทเหลือตังค์กินหนม16บาทเบี้ยเลี้ยงออกทุกวันที่ 5 15 25

ของทุกเดือนทำให้เดือนหนึ่งเงินออก4รอบและอีกอย่างหนึ่งพอขึ้นปี2

สำหรับพวกที่เป็น2ปีเงินเดือนจะเพิ่มเป็น2490บาทต่อเดือนแถมในแต่ละ

เดือนทางกรมเขาจะหักเงินเข้าสหหรณ์ออมทรัพย์ให้กับเราเดือนละ500

และฝากกับธนาคารอีกเดือนละ100บาททำให้เมื่อเวลาเราปลดแล้วมีเงิน

กลับบ้านอย่างเป็น1ปีก็ปาไปเกือบหมื่นแล้วถ้าเป็น2ปีก็ตกเกือบ3หมื่นย่อ

นหน่อยๆๆแถมเมื่อขึ้นชายแดน(สบายสุดๆสำหรับคนที่อยู่หน่วยช่วยรบ)

เบี้ยเลี้ยงจากวันละ50จะกลายเป็นวันละ69รับเต็มๆๆๆ(ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า

ทางจ่ากับหมู่จะบริหารเงินกันอย่างงัย)แถมก่อนจะเปลี่ยนกำลังพล

ทางกรมยังมีเงินค่าสปแห้งอีกคนละ1140บาทจะให้ตอนกลับเข้ากองร้อย

ใครที่เก็บเงินดีๆๆจะมีเงินเหลือ3-4พันแถมเงินเดือนที่เราไม่ได้รับตอนขึ้น

ชายแดนจ่ากองร้อยจะเก็บใว้ให้ตอนนั้นผมขึ้น3เดือนพอถึงเวลาพัก10วัน

ผมมีเงินกลับบ้านถึง8000กว่าบาทใครว่าทหารเกณฑ์เงินเดือนน้อยคิดผิ

คิดใหม่ซะถึงแม้จะดูเหมือนน้อยก็จริงแต่ก็เพียงพอสำหรับใช้จ่ายในแต่ละ

เดือนทหารเกณฑ์จะลำบากก็แค่2เดือนแรกเท่านั้นส่วนเวลาที่เหลือ

มีแต่กินนอนและทำงานๆก็แค่8ชั่วโมงเท่านั้นเวลาที่เหลือก็พักผ่อนกายา

ใครที่เข้าเวรก็รับกรรมไปใครที่ไม่เคยรู้ว่าปืนm-16เวลายิงจริงเสียงดังมาก

ขนาดไหนแล้วถ้ายิงปืนm-60จะดังเป็น2เท่าหูแทบแตกเลยคุณเอ่ยในหนัง

คนละเรื่องเลยจะบอกให้ผมชอบเป็นทหารก็ตรงนี้แหละคือได้ยิงปืนได้จับ

ปืนจริงๆๆๆได้เห็นระเบิดจริงๆๆว่าหน้าตาเป็นยังงัยขนาด RPGยังเห็นของ

จริงมาแล้วเลยแล้วยิ่งเป็นปืนค.81ที่กองทัพใช้อยู่ของจริงหนักเป็นบ้าเลย

คนๆๆเดียวยกไม่ขึ้นหรอกกระบอกหนึ่งใช้คนถึง4คนในการยิง1.พลยิง

2.พลยิงผู้ช่วย 3กับ4 คือพลกระสุนส่วนลูกกระสุนก็หนักเกือบ2โล

 

โดยคุณ ttrc เมื่อวันที่ 13/12/2008 00:17:12